อ่านละคร ภูผา ตอนที่ 5 วันที่ 30 ม.ค.62
ภูผาบ่ายหน้าไปที่ร้านโชคดีทันที เห็นประตูบ้านปิดก็หาร่องรูส่องดูข้างใน ลุงแดงมาเห็นถามว่าจะเช่าบ้านหรือ ภูผาหันมองดีใจบอกว่า “ลุงแดง ผมเอง” แต่ลุงแดงจำไม่ได้ ภูผาจึงถอดแว่นออก ลุงแดงจำได้ทันที ถามไถ่กันจึงรู้ว่าเส็งกับเดือนย้ายไปได้ 3 ปีกว่าแล้ว วาดแผนที่บ้านเส็งให้พลางเล่าว่า“ป๊ากับแม่เอ็งเขาย้ายไปอยู่บ้านใหม่ได้ 3 ปีแล้ว ตั้งกะเอ็งไม่อยู่ บ้านเอ็งก็ค้าขายดีขึ้นทุกวันเพราะมีโรงงานมาเปิด จนป๊าเอ็งมีเงินซื้อบ้านใหม่ แต่นี่ลุงไม่ได้ว่าเอ็งนะเว้ย อ่ะแผนที่ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก”
ภูผาถามว่าแล้วบ้านหลังนี้ทิ้งร้างไว้อย่างนี้หรือ ลุงแดงบอกว่าที่จริงเส็งอยากขายทิ้ง แต่อาม่าไม่ยอมให้ขายเลยประกาศให้เช่าฝากให้ตนเป็นธุระให้ แต่บ้านเก่ามากใครจะมาเช่า
“ลุงแดง ผมเช่าเอง ผมจะกลับมาอยู่ที่นี่...แต่ลุงอย่าบอกใครนะว่าผมเป็นคนเช่า”
“อ๋อ...เอ็งไม่กล้าเจอหน้าป๊ากับแม่ใช่ไหม”
ลุงแดงลดเสียงลงถามว่า “แล้วไอ้ที่เขาว่าเอ็งยิงคนตายจริงรึเปล่าวะ”
ภูผานิ่ง เพราะเล่าความจริงไม่ได้
ooooooo
ภูผาไปตามแผนที่ เจอทาวน์เฮาส์มีรถกระบะจอดหน้าบ้าน เขาซุ่มดูเพื่อความแน่ใจว่าไม่ผิดบ้าน
เส็งกับเดือนช่วยกันยกของขึ้นรถที่หน้าบ้านเพื่อเอาไปขาย เดือนยกไม่ค่อยไหวเส็งจึงเข้ามาช่วย ภูผาเห็นป๊ากับแม่ทำงานหนักก็สงสาร รอจนทั้งสองออกไปแล้วจึงเข้าไปร้องเรียกอาม่า ป้าข้างบ้านบอกว่าไม่มีใครอยู่หรอก เขาไปขายของกันแล้ว
ภูผาเลียบเคียงถามหาอาม่า ป้าบอกว่าบ้านนี้อยู่กันแค่สองคน นานๆ ลูกชายจะกลับมาที ถามว่ามาหาใคร ภูผาบอกว่ามาหาอาม่า ป้าบอกว่าไม่มีอาม่านะ
ภูผาใจหาย แต่แล้วป้าก็จำได้ว่าเคยเห็นตอนย้ายมาอยู่ใหม่ๆ แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว
ป้าบอกว่าอาม่าไปอยู่บ้านพักคนชรา ภูผาจึงตามไปที่นั่น เห็นอาม่ากำลังสอนพวกคนชราที่นั่นทำข้าวต้มมัดอยู่ ภูผาดีใจมากชมว่าอาม่าขยันเหมือนเดิม อาม่าจำเสียงได้หันมอง พอภูผาบอกว่า
“อาม่า นี่อั๊วเอง”
อาม่ามองหน้าเต็มตาถึงกับช็อก คราง “อาภูผา...” ภูผาก้มกราบแทบเท้าอาม่า แล้วกอดขาไว้ อาม่าประคองภูผาขึ้นจับหน้าจับตาเหมือนไม่เชื่อตาตัวเอง แล้วดึงภูผาเข้าไปกอดแน่น...
อาม่าพาภูผาไปนั่งคุยกันในสวนบ้านพักคนชรา ถามว่าหายไปไหนมา รู้ไหมอาม่าคิดถึงมาก
“อาม่า...อั๊วขอโทษ ต่อไปนี้อั๊วจะไม่ไปไหนอีกแล้ว อั๊วจะอยู่กับอาม่า”
อาม่านิ่งเพราะยังฝังใจที่ภูผาไปเป็นนักเลง ภูผาถามว่าแล้วทำไมอาม่าถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ป๊ากับแม่ส่งอาม่ามาอยู่ที่นี่หรือ
“ไม่มีใครส่งอาม่ามา ม่าอยากมาเอง ขี้เกียจทะเลาะกับเตี่ยลื้อ ม่าเหม็นหน้ามัน” ภูผาชวนอาม่ากลับไปอยู่ด้วยกัน บ้านหลังเดิมของเรา ตนจะกลับมาอยู่ที่นั่น
อาม่ายังแคลงใจบอกให้ภูผาบอกมาก่อนว่าหายไปไหนมาหลายปี ทำมาหากินอะไร ยังเป็นนักเลงคุมบ่อนอยู่หรือเปล่า ภูผาหลบตาทำให้อาม่าผิดหวังมาก บอกให้ภูผากลับไปเถอะ ภูผายืนยันว่าตนกลับเนื้อกลับตัวแล้ว ตนจะกลับมาค้าขาย จะขยัน จะเป็นคนดีอย่างที่อาม่าสอน
“จำคำสอนของอาม่าได้ด้วยเหรอ”
“อั๊วไม่เคยลืมคำสอนของอาม่า”
“ไม่เคยลืม แต่ไม่ลงมือทำมันก็ดีขึ้นมาไม่ได้ ม่าจะรอแล้วกัน รอวันที่ลื้อพิสูจน์ตัวเองให้ม่าเห็นว่าลื้อจะเลือกทางเดินใหม่ เป็นคนใหม่ แล้วอาม่าจะกลับไปอยู่กะลื้อ”
ภูผากลับไปที่ร้านโชคดีที่เงียบเหงา วังเวง คิดถึงตอนตัวเองอายุ 8 ขวบ ภูผานั่งคอตกเสียใจที่ถูกป๊าด่าว่าเป็นตัวซวยจนกินอะไรไม่ลง อาม่าหลอกล่อให้กินบอกว่าม่าทำอร่อยนะ ลูบหัวภูผาบอกว่า
“อาภูผา อดทนไว้นะ ลื้อต้องเอาความดีและความขยันพิสูจน์ตัวเองให้ป๊าลื้อเห็น แล้ววันนึงป๊าลื้อจะเข้าใจว่าลื้อไม่ใช่ตัวซวย”
ภูผาเครียดเมื่อคิดถึงอดีตที่ถูกกดดันตีตราบาปให้ตลอดมา
ooooooo
คืนนี้ทอรุ้งไปเคาะประตูห้องของทอรัก ไม่ได้ยินเสียงข้างในจึงเปิดประตูเข้าไป ถูกทอรักที่ใส่หูฟังฟังเพลงอยู่ไม่พอใจ บอกว่าจะเข้าห้องทำไมไม่เคาะประตู ทอรุ้งบอกว่าเคาะจนมะเหงกจะแตกอยู่แล้ว ก็พี่รักใส่หูฟังอย่างนี้จะไปได้ยินอะไร
“มีอะไร”
“จะเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานพี่เวหามาที่บ้าน แต่พี่รักไม่อยู่”
ทอรักถามว่ามาทำไม ทอรุ้งว่ามาติวหนังสือให้ตน ตั้งแต่พี่กลับจากอเมริกายังไม่เจอพี่เวหาเลย ทอรักบอกว่าไม่ได้อยากเจอ ก็เลยไม่เจอ ถามว่า
“เธอเป็นแฟนเขาไม่ใช่หรือ จะมาคะยั้นคะยอให้ฉันไปเจอทำไม”
“ไม่ต้องมาโยนให้รุ้งเลย”
“ไม่ต้องมาโยนให้พี่เหมือนกัน เฉิ่มก็เท่านั้น เชยก็เท่านั้น แล้วยิ่งท่าทางแหยๆเดินตามพี่ต้อยๆ พี่ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้แล้วล่ะ”
ทอรุ้งถามว่ารู้ไหมว่าตอนนี้พี่เขาทั้งหล่อทั้งเท่ แถมยังเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 3 ควงไปไหนก็มีแต่คนมอง บุคลิกเขาดีขึ้นเป็นกองเลย เดินผ่านสาวๆนี่เหลียวกันคอแทบเคล็ด ทอรักตัดบทว่าไม่ต้องมาโฆษณาเลยตนไม่เชื่อ ทอรุ้งย้ำว่า “นี่รุ้งพูดจริงๆนะ”
แต่เวหาในวันนี้เขาไม่ได้คิดถึงทอรักแล้ว หากแต่คิดถึงทอรุ้งจนเขียนชื่อ “ทอรุ้ง” ไว้ในสมุดเหมือนเมื่อครั้งที่หลงใหลทอรัก...
วันนี้ทอรุ้งไปเยี่ยมอาม่าเห็นอาม่าร่าเริงแจ่มใสมากถามว่าอาม่าถูกหวยหรือ อาม่าบอกว่าไม่เคยเล่นหวยแต่อาม่าดีใจที่ภูผาปลอดภัยและกลับมาแล้ว ทอรุ้งตื่นเต้นมากถามว่าแล้วเขาเป็นยังไงบ้าง
“อีมาเยี่ยมอาม่าเมื่อวาน ชวนอาม่าไปอยู่บ้านเก่า แต่อาม่ายังไม่อยากไป ถ้าหนูรุ้งอยากเจอ หนูก็ไปที่ร้านโชคดีนะ จำได้ไหม”
“จำได้ค่ะ” ทอรุ้งดีใจมาก
พอทอรุ้งไปที่ร้านโชคดี แต่ประตูปิดใส่กุญแจ ทอรุ้งผิดหวัง ถามป้าที่เดินผ่านมาว่าได้ข่าวภูผากลับมาแล้วป้ารู้ไหมว่าเขาไปไหน ป้ากลับถามว่ากลับมาแล้วเหรอ ป้าไม่รู้หรอก
ทอรุ้งกลับไปอย่างผิดหวังคลาดกับภูผาที่กำลังเดินกลับมาเส้นยาแดงเดียว
ขณะภูผากำลังไขกุญแจก็ถูกวัยรุ่นแกล้งมากระแทกแล้วล้วงกระเป๋าวิ่งหนีไป ภูผาไล่ตามไปทันที ตามไปจนถึงซอยหนึ่งนักล้วงหายไปแล้ว แต่มีเสียงคุ้นเคยทักว่า “ยังวิ่งเร็วเหมือนเดิมนะภูผา”
“พี่เชิด! ล่อผมมามีอะไร”
สมคิดที่อยู่กับเชิดก่อนแล้วบอกว่าพี่เขาชวนมาทำงาน เงินดีด้วย ภูผาปฏิเสธทันที แต่ถูกสันต์หว่านล้อมแกมขู่ว่างานนักเลงมันกระจอกสำหรับเอ็งไปแล้ว แต่มีงานอื่นให้ทำสนรึเปล่า ภูผาถามว่างานอะไร
“ถ้าสนใจพรุ่งนี้ตามมาฝึกงานพร้อมไอ้คิด เดี๋ยวก็ได้รู้เองว่างานอะไร” ภูผาบอกว่างานอะไรก็ไม่ทำ สันต์ถามว่าวงการนักเลงเข้ามาแล้วคิดว่าจะออกไปได้ง่ายๆหรือ เชิดพูดสบายๆว่า
“กูเสียลูกน้องมือดีไปหลายคน บ่อนก็โดนทางการปิด เจ๊จูก็หนีหายไปแล้ว พวกเราเลยต้องออกมาทำงานอื่น มาช่วยกันหน่อยไม่ได้รึไง” เชิดเสียงแข็งขึ้น พอภูผาถามว่าแล้วถ้าผมไม่...เชิดมองขวับทันที!
ooooooo
ต่อมา สมคิดบอกภูผาว่าตนรับปากที่จะทำงานกับเชิดแล้ว ภูผาด่าว่าบ้ารึเปล่ารับปากทำงานทั้งที่ไม่รู้ว่างานอะไร สมคิดอ้างว่าเราเคยเป็นนักเลงมาแล้ว ไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้แล้ว
ภูผาติงว่าแต่เราตัดใจไม่เดินทางนี้แล้ว ตนจะเลิกเขาก็ควรเลิกด้วย สมคิดกล่อมว่างานสุดท้าย แค่ไปเป็นเพื่อนตนก็ได้ ถ้าไม่อยากทำก็ค่อยบอกพี่เขา ภูผาถามตรงๆว่า “นายไม่คิดจะเลิกใช่ไหม”
สมคิดทบทวนว่า...5 ปีที่ใต้ เราส่งเงินมาให้ที่บ้านตลอด หวังว่ากลับมาเราจะหมดหนี้ แต่เปล่าเลย ปัญหาที่บ้านมีตลอดแล้วเราจะเลิกได้ยังไง “เอางี้...นายไปเป็นเพื่อนเรา งานนี้งานสุดท้าย” ภูผานิ่ง สมคิดหักคอว่า “ไม่เป็นไร แต่เรารู้ว่าคนอย่างนาย ยังไงก็ไม่มีวันทิ้งเพื่อน”
เช้าวันต่อมาเชิดก็พาลูกน้องรวมทั้งสมคิดและภูผาไปทำงานทันที ทั้งสองถูกวางตัวให้ดูต้นทาง ถ้าเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเห็นพ่อมึงมาก็ให้รีบส่งสัญญาณหลอกล่อมันไปทางอื่น
ภูผาบ่นว่าอย่าบอกนะว่าจะปล้น สมคิดบอกว่ารอดูไปก่อน ภูผาเฝ้าดูจึงเห็นว่าเชิดกับสันต์งัดรถ!
ขณะนั้นเองภูผาเห็นเวหาแต่งตัวเนี้ยบขับรถมาจอดแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่งจึงเห็นทอรุ้งลงมาจากรถ ภูผาทะลึ่งพรวดขึ้นทันทีจนสมคิดต้องดึงไว้ ภูผาบอกสมคิดให้เฝ้าไว้ก่อนเดี๋ยวมา
พอเข้านั่งในร้านอาหาร ทอรุ้งมองหน้าเวหาทักว่าเห็นแล้วคิดถึงเพื่อนคนนึงเพราะหน้าคล้ายกันมาก
“พี่บอกรุ้งมาตลอดว่าพี่เป็นลูกคนเดียว การเป็นลูกคนเดียวนี่เหงาไหมคะ พี่ไม่อยากมีน้องชายกับเขาบ้างหรือ” เวหาบอกว่าเป็นลูกคนเดียวก็ดี ตนไม่เห็นอยากมีพี่น้องเลย “แล้วพี่เวหามีลูกพี่ลูกน้องบ้างไหม เล่าให้รุ้งฟังบ้างสิว่าเขามีชีวิตเป็นยังไง”
เวหาปากหวานว่ามีก็แต่น้องสาวคนนี้แหละ และพี่ก็มีอะไรอยากจะบอก ทอรุ้งแกล้งดักคอว่า จะบอกว่าวันนี้ไม่ว่างติวให้รุ้งแน่ๆเลย ถูกทอรุ้งดักคอ เวหาเลยพูดไม่ออก หัวเราะแก้เก้อกลบเกลื่อน
ทอรุ้งหันไปสบตาภูผาอย่างจังโดยไม่ตั้งใจ เธอลุกขึ้นบอกเวหาว่าเดี๋ยวมา ภูผารีบหลบไป แต่ทอรุ้งตามไปจนทัน ร้องเรียกแล้วเดินไปดักหน้าถาม “ภูผาใช่ไหม”
ภูผาพยายามหลบบอกว่า “ไม่ใช่ คุณจำผิดคนแล้ว” ทอรุ้งจ้องหน้าจนภูผาต้องยอมรับ เธอตัดพ้ออย่างน้อยใจว่า “ภูผารู้ไหม ตลอดเวลาที่ภูผาหายไปโดยที่รุ้งไม่รู้ว่าภูผาอยู่ที่ไหน...ไปทำอะไร...ภูผารู้ไหมว่ารุ้งรู้สึกยังไง” ภูผายังหลบหน้าหลบตา ทอรุ้งขอร้อง “หันมาคุยกับรุ้งหน่อยได้ไหม”
ภูผาจึงหันมามองหน้ากันเต็มตา เขาจับแขนทอรุ้งและทอรุ้งก็มองหน้าเขานิ่ง...นาน...
“รุ้ง!!” เสียงเวหาตามมาเรียกอยู่ไกลๆ
ภูผารีบหลบไป เวหาถามทอรุ้งว่าใคร พอทอรุ้งบอกว่าภูผา เวหาตกใจและไม่พอใจมาก
ภูผากลับไปถูกสันต์ตะคอกถามว่าทำไมไม่ดูต้นทาง ภูผากระแทกเสียงว่าก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากทำ สันต์ง้างหมัดจะชก เชิดห้ามไว้ บอกภูผาว่า
“ภูผา...มึงลองกลับไปคิดดู ชีวิตมึงมาทางนี้แล้วก็ต้องอยู่บนทางเส้นนี้ตลอดไป ถ้ามึงไม่ทำแล้วมึงจะไปทำอะไรกิน” ภูผาบอกว่าผมมีทางของผม “ภูผา มึงเป็นลูกน้องกูแล้ว กูคงไม่ยอมให้มึงเลิกง่ายๆหรอก”
ภูผาพยายามหว่านล้อมสมคิดอย่าไปยุ่งกับเชิดอีก บอกว่าสิ่งที่เชิดทำนั้นมันโจรชัดๆ บอกสมคิดให้ออกมาแล้วตนจะไปคุยกับเชิดเอง สมคิดไม่ยอมออกบอกว่างานดีๆเงินดีๆไม่มีให้คนที่เคยเป็นนักเลงหรอก บอกภูผาว่า “นายปล่อยเราไปตามทางของเราเหอะ” แล้วผละไปเลย ภูผารู้สึกในนาทีนั้นว่าตนเสียเพื่อนไปแล้ว
ภูผาไปหาอาม่าที่บ้านพักคนชราบ่นว่าการจะเป็นคนดีมันไม่ง่ายเลยอุปสรรคเยอะจริงๆ อาม่าบอกว่าถ้าเราไม่ย่อท้อเรื่องทุกอย่างมันก็จะผ่านไปได้ สุดท้ายถ้าไม่ตายเสียก่อนมันก็ต้องมีทางออก
ฟังอาม่าแล้วภูผามีกำลังใจ ไปถามเชิดว่าถ้าตนจะลาออกจากวงการจริงๆต้องทำยังไง เชิดยื่นไม้ตายว่า ถ้ายืนยันจะออกจริงๆก็ต้องล้มตนให้ได้ก่อน แต่ถ้าแพ้ก็ต้องเป็นลูกน้องตนไปอีก 5 ปี
ภูผาไปหาหมอนุสราเอาถุงเงินที่อาม่าทำให้และฝากหมอว่าบอกอาม่าว่าอย่าเสียใจ หมอนุสรารับปากและอวยพรให้ภูผาปลอดภัย
พอดีทอรุ้งปั่นจักรยานมาถึงหน้าคลินิกก็รู้สึกว่ารถมีปัญหา ลงมาดูพบว่าโซ่หลุดจึงพยายามใส่โซ่ มีชายคนหนึ่งเข้ามาจะซ่อมให้ ทอรุ้งปฏิเสธอย่างไรก็ไม่ยอมไป จนเธอไม่พอใจลุกยืนเสียงแข็ง “บอกว่าไม่ต้อง”
ชายคนนั้นจึงลุกขึ้นแล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่อภูผายืนมองหน้านิ่งอยู่ มันหน้าแหยผละไปทันที
“ยังซื่อบื้อให้ห่วงหมือนเดิมเลยนะ” ภูผาทักแซวๆแล้วเดินไปคุยกันที่ริมน้ำ ทอรุ้งขอให้เล่าว่าวันนั้นที่บ่อนเกิดอะไรขึ้น เขาเป็นคนยิงหรือเปล่า ภูผาว่าตนไม่ได้ทำ ทอรุ้งบอกว่าตนก็เชื่อว่าเขาไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่
ทอรุ้งบอกว่าอีกเรื่องที่ตนไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดคือตนกับเวหาไม่ได้เป็นแฟนกัน ตนเห็นเวหาเป็นพี่ชายเท่านั้น ที่ผ่านมาตนอยู่ใกล้เวหาเพราะคิดว่าวันหนึ่งจะทำให้ตนได้เจอเขา หรือได้ยินเรื่องของเขาบ้าง เพราะตนรู้มานานแล้วว่าเขาเป็นน้องชายพี่เวหา ภูผามองทอรุ้งนิ่งด้วยความรู้สึกดีๆ
“แต่ 5 ปีผ่านมาไม่มีใครพูดถึงภูผาเลย ไม่มีใครพูดอะไรให้รุ้งฟัง รุ้งก็ได้แต่รอ...รอว่าวันนึงรุ้งจะได้รับรู้และสบายใจว่าภูผาปลอดภัย ภูผาสบายดี...” ทอรุ้งก้มหน้ากลืนความรู้สึก
ภูผาเดินเข้ากอดทอรุ้งด้วยความซาบซึ้งสะเทือนใจ ทอรุ้งค่อยๆกอดตอบด้วยความคิดถึง...
ooooooo
เมื่อหลายวันก่อน เวหาไปหาทอรุ้งที่บ้านชวนไปงานวันเกิดตน ดารกานั่งคุยอยู่ด้วยพอรู้ว่าเวหาเรียนหมอมาได้ 3 ปีแล้วก็ชื่นชม บ่นเสียดายลูกตัวเองที่ไม่มีใครชอบทางหมอเลย
ขณะนั้นเองทอรักเข้ายืนคุยด้วย ทักเวหาว่าไม่ได้เจอกันนาน เวหาชมว่ารักสวยขึ้นเยอะเลย ทอรักก็ชมว่าเวหาก็ดูดีขึ้นเยอะ ดารกาบ่นว่าทอรักกลับมาตั้งนานแล้วไม่ไปเจอเพื่อนบ้างหรือ
ทอรักถามว่าเวหามาติวหนังสือให้รุ้งหรือ เขาบอกว่ามาชวนไปงานวันเกิดตน ถามทอรักจะไปด้วยกันไหม ทอรักขอดูก่อนเพราะพักนี้ไม่ค่อยว่าง ดารกาดักคอว่าไม่ว่างอะไร ตั้งแต่กลับมาวันๆเห็นนั่งๆนอนๆ ไม่เห็นทำอะไร ออกไปข้างนอกเจอสังคมกับเขาบ้าง
“ใช่ เราเองไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี มีเรื่องอยากคุยกับรักหลายเรื่องเลย”
ทอรักเล่นตัวว่าขอคิดดูก่อนได้ไหม ทอรุ้งเลยดักคอว่า “พี่รักไม่ต้องเล่นตัวแล้ว รุ้งรู้ว่าพี่รักก็มีเรื่องอยากคุยกับพี่เวหาอยู่เหมือนกัน” ทอรักดุแก้เกี้ยวว่าฉันพูดที่ไหนยัยรุ้ง
ทอรุ้งหัวเราะที่แกล้งพี่สาวได้ ส่วนเวหาดีใจ มองหน้าทอรักไม่วางตา
เย็นวันต่อมาเพื่อนๆถามเวหาว่าจะเลี้ยงวันเกิดที่โรงแรมไหนดี เวหาลังเลบอกว่าช่วงนี้ยุ่งๆขี้เกียจเตรียมตัว เลี้ยงตามร้านแถวนี้ดีกว่า ตอนแรกกะว่าจะพาสาวมาเปิดตัวด้วย แต่ตอนนี้สับสนเพราะแฟนเก่ากลับมาแล้ว
เพื่อนลุ้นว่าเลี้ยงที่โรงแรมเลยต้องโชว์สาวหน่อย อีกคนว่าไปที่บ้านนายก็ได้ เรียนกันมาตั้งนานมีนายทำตัวลึกลับอยู่คนเดียว อีกคนเห็นด้วยจะได้พาสาวไปสวัสดีพ่อแม่ด้วย เขาพาคนไหนมาแสดงว่าเลือกคนนั้น
“เราไม่สะดวกที่บ้านว่ะ” เพื่อนถามอย่างจับผิดว่าทำไม เวหาโกหกคำโตว่า “บ้านหลังนี้มันเล็ก ไม่ใช่หลังจริง พ่อเราซื้อให้เพราะจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลเวลาไปเรียน”
“นี่ขนาดซื้อบ้านให้เรายังไม่เห็นนายกลับเลย เห็นอยู่แต่หอ”
“งั้นสรุปเลี้ยงที่บ้านนะ อยากจะไปเห็นบ้านนายซะหน่อย นัดมาหลายทีแล้ว” อีกคนรวบรัดแล้วเดินแยกไป เวหามองตามเพื่อนคนนั้นไปอย่างหงุดหงิด
หลายวันต่อมาเวหาขี่เวสป้ากลับบ้านในตอนเย็น เห็นป๊ากับแม่กำลังช่วยกันขนของจากรถกระบะเข้าบ้าน เขาถามว่าสองสามวันมานี้มีใครมาหาที่บ้านหรือเปล่า พอเส็งถามว่าใครก็บอกว่าเปล่า แต่บอกว่า
“ปีนี้อั๊วจะจัดงานวันเกิดที่บ้าน ป๊ากับแม่เตรียมของกินให้อั๊วหน่อยสิ” เดือนถามว่ามากี่คน “5 คน แต่ทำเผื่อไว้สำหรับ 7-8 คน” เส็งบอกว่าเผื่อไว้ 10 คนเลย นานๆจะจัดที ชวนเพื่อนมาเยอะๆหน่อย “ก็ได้ป๊า...แล้ววันนั้นป๊ากับแม่ออกไปขายของเลยรึเปล่า”
เดือนถามว่าวันไหน เวหาบอกว่าวันเกิดตน เดือนติงว่าก็ต้องทำอาหารเลี้ยงแล้วจะไปขายของได้หรือ เส็งบอกว่างดสักวันก็ได้ อยู่คอยดูแลเขากับเพื่อนๆดีกว่าเผื่อขาดเหลืออะไร เวหาบอกว่าไม่ต้องตนทำเองได้
เวหาอายที่จะให้เพื่อนเห็นป๊ากับแม่ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า จึงพยายามกันไม่ให้อยู่บ้าน อ้างว่าเพื่อนๆอาจจะอยู่ดึก เสียงดัง กลัวป๊ากับแม่จะรำคาญ เส็งบอกว่าไม่รำคาญ ก็บอกให้ป๊ากับแม่ไปเที่ยวตนจะหาที่เที่ยวให้ เวหาโยกโย้จนเส็งเอะใจถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เวหาจึงจำต้องบอกตามตรงว่า
“ป๊า...เพื่อนที่อั๊วคบอยู่มีแต่คนรวยๆ ป๊ากับแม่ก็รู้ และเพื่อนๆอั๊วก็คิดว่าอั๊วรวยเหมือนกัน แล้วถ้าพวกเขามาเจอป๊ากับแม่ แล้วรู้ความจริงว่าบ้านเราจน อั๊วต้องเสียหน้าแน่ๆ แล้วมีอยู่คนนึงมันยิ่งชอบข่มคนอื่นอยู่ อั๊วไม่อยากให้มันรู้”
เส็งกับเดือนฟังแล้วหน้าจ๋อย เส็งบอกว่าป๊าเข้าใจ ตนกับแม่จะอยู่แต่ในครัวก็แล้วกัน ถ้าลื้อจะเอาอะไรเพิ่มเติมก็เข้ามาบอก เวหาถามว่าป๊ากับแม่ไม่คิดมากนะ เส็งบอกว่าไร้สาระ เรื่องแค่นี้
“อั๊วขอบใจป๊ามากนะ” เวหายิ้มโล่งใจ แต่เดือนรู้สึกสังหรณ์อะไรบางอย่าง ใจคอไม่ดี
ooooooo
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ภูผา ตอนที่ 5 วันที่ 30 ม.ค.62
บทประพันธ์โดย สลิลาบทโทรทัศน์โดย สลาลิ
กำกับการแสดงโดย ณัฏฐ์กรณ์ สุทธาวาส
ผลิตโดย บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ