อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 7 วันที่ 11 ม.ค.62

อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 7 วันที่ 11 ม.ค.62

“ทูนหัว...ไอ้เรื่องความจริงในชาติไหนก็ไม่รู้ของใครก็ไม่รู้น่ะ ฉันขอได้ไหม เวลานี้ขวัญเป็นนักแสดง หน้าที่ของเธอคือเล่นละครเรื่องนี้ให้จบ”

ขวัญอุมาถูกขอร้องอ้อนวอนก็รับปากลูกปลา

ที่จะไม่ทำให้งานสะดุด กดความรู้สึกที่จะทวงถามความยุติธรรมให้ใครบางคนไว้ ตั้งใจทำงานให้เสร็จก่อน



แต่แล้วดาวรายก็สั่งผ่านวิทยุ เชิญปรานกับพิมพ์แขตอน 10 ฉาก 2 ที่เซตเลย

อรนภาทำเสียงตกใจถามว่านี่ถ่ายกันเสร็จแล้วหรือ ฉายฉานบอกว่าคงพักก่อน ตอนนี้เอ้กับคุณรัชไปถ่ายก่อนเลย

ฉายฉานเอาน้ำเย็นไปให้ขวัญอุมาบอกว่าติ๋มเขาจะเอามาให้ตนเลยขอถือมาให้ แล้วชวนขวัญซ้อมกันอีกที อรนภาสอดเสียงเข้ามาว่า

“ซ้อมให้คล่องเลยนะ พอถ่ายทำจริงก็จะได้

ลื่นเลย” แล้วหันควงแขนธีรัช “ไปกันเถอะค่ะคุณรัช”

ขวัญอุมาสะกดใจไม่ให้โกรธอรนภา ฉายฉาน

นั่งข้างๆขวัญอุมาทำตัวไม่ถูก ส่วนลูกปลานั่งกระพือพัดอย่างกลุ้มใจกับบรรยากาศที่ระอุคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา

ooooooo

และแล้วก็ถึงจุดระเบิด เมื่อธีรัชต้องปลอบใจอรนภาสาวสวยที่เป็นคนรัก แต่ธีรัชที่เล่นเป็นปรานกลับปลอบใจได้แค่ความรู้สึกแบบน้องสาว

คเชนทร์ให้ลองใหม่อีก ธีรัชก็ยังกอดปลอบอรนภาอย่างพี่ชายกอดน้องสาว ไร้อารมณ์รักปรารถนาเยี่ยงชายหนุ่มกับหญิงสาวที่เป็นคนรัก

“โว้ย...กูอยากจะบ้า” คเชนทร์อารมณ์ระเบิดฟาดบทลงพื้น อรนภาเสนอให้พักกอง  ตนจะซ้อมให้ธีรัชเอง “ไม่ต้องพักแล้ว เลิกกองไปเลย เลิกกอง!!”

บรรดาทีมงานหน้าเสียเพราะไม่เคยเห็นคเชนทร์ระเบิดอารมณ์ขนาดนี้ ต่างเก็บข้าวของกันงงๆเงียบๆ ธีรัชเองก็ได้แต่ถอนใจอย่างไม่เข้าใจตัวเอง อรนภาถามว่า เป็นอะไรไป เห็นเล่นดีมาตั้งหลายสิบคิวทำไมวันนี้ถึงเล่นฝืดอย่างนี้ ธีรัชบอกว่าตนเล่นเต็มที่เหมือนทุกครั้ง ถามว่าที่เลิกกองเพราะการแสดงของตนหรือ

อรนภามองธีรัชอย่างอ่อนใจที่เหมือนกับไม่เข้าใจตัวเองเลย หรือจะติดโรคยัยขวัญ?

ขวัญอุมาเพิ่งรู้ว่าคเชนทร์สั่งเลิกกองถามว่า

เกิดอะไรขึ้น อรนภาได้ทีแขวะว่าคงเป็นนักแสดงเล่นไม่ได้อย่างที่หวัง นักแสดงเรื่องมากแต่เช้ากระมัง ธีรัชบอกว่าตนผิดเอง ตนเล่นไม่ได้อย่างที่คุณคเชนทร์ต้องการ

แต่ขวัญอุมากับอรนภาที่จ้องแขวะกันอยู่แล้ว ต่างไม่ยอมกันจนมีปากเสียงลามปามถึงลูกปลากับแต้วแร้ว ที่ถือข้างฝ่ายตนออกมาทะเลาะกันวุ่นวาย

ธีรัชบอกขวัญอุมาว่าตนพยายามเต็มที่แล้ว แต่พอเริ่มพูดเริ่มแสดงมันเหมือนกับมีอีกเสียงหนึ่งแย้งว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ขวัญอุมาถามว่าเขาก็รู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่ปกติใช่ไหม ธีรัชพยักหน้า

“แล้วเราจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้เรื่อยไปหรือ จะแสดงไปตามบทที่เขาเขียนมาเราก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากทำ แต่มันทำไม่ได้จริงๆ”

“แต่เราจะไปเปลี่ยนบทของเขาให้เป็นไปตามใจเรา ได้ยังไง”

“ฉันจะไม่ยอมแพ้ค่ะ จะต้องหาความจริงมายืนยันกับพี่คเชนทร์ให้ได้”

“ความจริงเมื่อกว่า 80 ปีก่อน”  ธีรัชพึมพำถึง

อดีตอันยาวไกล แต่ขวัญอุมาก็มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้

ธีรัชไปขอโทษคเชนทร์ที่ตนทำให้เสียเวลา คเชนทร์บอกว่าไม่เป็นไร ปัญหาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแต่ตนไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น ขวัญอุมาบอกว่าไม่ใช่ตนคนเดียวที่เล่นไม่ได้ ธีรัชก็เล่นไม่ได้เหมือนกัน

ธีรัชบอกว่าฉากนี้ตนรู้สึกว่าปรานกลายเป็นคนโลเลไป เลยคิดค้านตลอดเวลา ขวัญอุมามองขวับถามว่าเขาคิดว่าปรานไม่ได้โลเลหรือ เลยกลายเป็นประเด็นขัดแย้งกันจนธีรัชบอกให้คเชนทร์พักผ่อนเสียแล้วลากขวัญอุมาไปคุยกัน

ขวัญอุมาโต้เถียงกับธีรัช เธอว่าปรานเป็นคนโลเลหลายใจทอดทิ้งเมียตัวเอง ธีรัชโต้ว่าผู้หญิงคนนั้น

ก็ใจง่าย โลเลกลับไปรักกับแฟนเก่าแล้วยังทำเสน่ห์

เล่ห์กลให้ปรานหลงใหล สุดท้ายยังปล้นสมบัติทุกอย่างแล้วหนีไปด้วยกัน

“ไม่จริง หยุดกล่าวหาโฉมเฉลาเดี๋ยวนี้” ขวัญอุมาตวาดแว้ด ธีรัชอ้างว่าหนังสือเขียนมาอย่างนี้ “ก็คนเขียนคิดเองไง คนเขียนชื่อปราน พระเอกก็ชื่อปราน คิดดูสิเขียนเข้าข้างตัวเองขนาดไหน”

ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรงจนคเชนทร์เดินโผเผ

มาบอก

“หยุดได้แล้ว พี่ควรภูมิใจมากๆที่พระเอกนางเอกของพี่อินกับตัวละครมากอย่างนี้ ละครเรื่องนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างมากเลยถ้าเธอสองคนจับมือกันแล้วเล่นละครกันจริงๆเสียที...พี่ว่าจะยกคิวอาทิตย์นี้

หมดละ...ปวดหัว”

พอคเชนทร์เดินคอตกกลับไป ขวัญอุมากับธีรัชก็ได้สติ เธอบอกธีรัชว่า

“เราต้องร่วมมือกันจริงๆนะ ใช้เวลาอาทิตย์นี้ให้เป็นประโยชน์”

“ความจริง...เราต้องช่วยกันค้นหาความจริง” ธีรัชเริ่มคิดได้ ทั้งสองจับมือพยักหน้ากันเป็นสัญญา

ooooooo

ขวัญอุมากับธีรัชไปหาภารดีที่ลพบุรีอีก ธีรัชขอบคุณที่ภารดีให้บันทึกของคุณพ่อไป แต่เรื่องในหนังสือมีมากกว่าในบันทึก ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่จะมีบันทึกอีกเล่มหนึ่ง เพราะเห็นเขียนไปจนหน้าสุดท้ายของสมุดแล้ว

ภารดีบอกว่าคุณขวัญเคยโทร.มาถาม ตนก็พยายามค้นหาแต่ไม่พบ ยอมรับว่าตนไม่เคยเปิดบันทึกเล่มนั้นอ่านเลย ธีรัชถามว่าคุณใหญ่หรือคุณปภาคินเป็นอะไรกับคุณพ่อหรือ ภารดีจึงลำดับญาติให้ฟังว่า

“เท่าที่พ่อเล่าให้ฟัง ลุงใหญ่หรือปภาคินเป็นพี่ชายของคุณแม่ของคุณพ่อค่ะ คุณย่าของดิฉันชื่อวรดา คุณปู่ชื่อพงษ์ คุณพ่อเองชื่อภิรมย์...”

ขวัญอุมาถามว่าคุณพ่อเล่าเรื่องที่มีโจรมา

ปล้นบ้านหรือเปล่า ภารดีบอกว่าเล่าแต่ไม่ได้เล่าละเอียด

“คุณพ่อเล่าว่า ตั้งแต่โจรมาปล้นบ้าน คุณยายของคุณพ่อเสียเพราะสู้กับโจร หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทำใจอยู่บ้านหลังนั้นได้ ทั้งครอบครัวย้ายไปอยู่เมืองจันท์ จนคุณย่าวรดาได้พบกับคุณปู่พงษ์ที่นั่น แต่งงานกัน พอคุณพ่อโตสักหน่อยคุณปู่พงษ์ก็ย้ายไปอีก คุณปู่ใหญ่กับคุณย่าวรดาถึงพาพ่อกลับไปอยู่ตึกเย็นอีกครั้ง คุณปู่ใหญ่ตรอมใจตายไป พอคุณปู่คุณย่าเสียหมดแล้ว พ่อเลยไม่รู้จะอยู่กับใคร เงินดูแลรักษาตึกก็ไม่มี เลยขายบ้านที่ศรีราชา แล้วย้ายมาอยู่ลพบุรีนี่แหละค่ะ”

ขวัญอุมากับธีรัชสะดุดใจเมื่อได้ยินศรีราชากับตึกเย็น ภารดียังเล่าต่อไปว่า แล้วคุณพ่อก็มาเจอคุณแม่ที่นี่ แต่งงานกันแล้วก็ไม่ได้กลับไปศรีราชาอีกเลย

ขวัญอุมาพึมพำว่าตนเคยได้ยินชื่อตึกเย็น

จากไหนนะ ธีรัชบอกว่าถ้าเป็นศรีราชาเราคงหาไม่ยากขอบคุณภารดีแล้วลากลับ

ooooooo

เมื่อมาขึ้นรถ ขวัญอุมาเป็นคนถือบันทึก ส่วนธีรัชถือซองที่ใส่บันทึกมา พอจะขึ้นรถขวัญอุมาส่งบันทึกให้ธีรัช พอเขายื่นมือไปรับเพื่อเอามาใส่ซอง จังหวะที่มือขวัญอุมาแตะมือธีรัชก็เหมือนมีกระแสบางอย่างแล่นผ่านตัวทั้งสอง พอขวัญอุมาสบตาธีรัช ภาพบางอย่างก็แว่บเข้ามา ทั้งการเต้นรำกันครั้งแรก ภาพดอกราตรีและผ้าเช็ดหน้าปักช่อราตรี ภาพฉัตรชนก กอดกับปภาคินในห้องส่งตัววันแต่งงาน...

ทั้งขวัญอุมาและธีรัชเห็นภาพเดียวกัน กระแสแห่งความรักวิ่งวนจนทั้งสองเหมือนจะเป็นลม แต่ขวัญอุมาจับประตูรถอยู่จึงยังยืนมั่นคง ภารดีถามธีรัชว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วขึ้นรถขับไป

ooooooo

ฝ่ายลูกปลาว้าวุ่นใจเพราะขวัญอุมาหายไป ถามวิยาดาจึงรู้ว่าไปลพบุรีกับธีรัช  ไม่ได้ชวนลูกปลาไปด้วยเพราะไม่อยากกวน วิยาดาเห็นลูกปลาเป็นห่วงมากจึงบอกให้ลองโทร.ถามดูว่าไปถึงไหนกันแล้ว

ธีรัชขับรถอย่างง่วงนอน ขวัญอุมาจึงให้แวะ

ร้านอาหารพักกันก่อน ระหว่างนั้นลูกปลาโทร.มาพอดี ขวัญอุมาจึงเล่าให้ฟัง ลูกปลาบอกว่ามีอะไรให้โทร.

บอกด้วย

ธีรัชพักกินอาหารแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ถามขวัญว่าเธอขับรถกลับได้ไหม ขวัญอุมาใจไม่ดีเพราะไม่ชอบขับรถจึงขับไปในรีสอร์ตให้ธีรัชพักก่อน

เมื่อธีรัชนอนพัก ขวัญอุมาออกมาอ่านบันทึกที่หยิบติดมือจากรถมาด้วย บอกตัวเองว่าอยากรู้จริงๆว่าชีวิตของฉัตรชนกหลังแต่งงานแล้วเป็นยังไง พอเปิดหนังสือก็เหมือนต้องมนต์ขลัง รู้สึกดิ่งลึกเข้าไปในอีกมิติหนึ่งของชีวิต...

พออ่านบันทึกแล้ว ขวัญอุมาพึมพำ

“ใช่...ชีวิตจริงไม่ได้จบลงที่การแต่งงาน การแต่งงานเป็นจุดเริ่มต้นต่างหาก”

ขวัญอุมาอ่านบันทึกเพลินจนมืด รีบไปปลุกธีรัชให้กลับ พอดีลูกปลาโทร.มา ขวัญอุมาบอกว่าตนเพิ่งปลุกคุณรัช เดี๋ยวจะรีบกลับ ลูกปลาบอกว่าถ้าคุณรัชยัง

ป่วยอยู่ก็ให้พักที่นั่นก่อนเพราะขับรถค่ำๆมืดๆอันตราย แต่ขอให้ส่งข่าวเป็นระยะก็แล้วกัน พรุ่งนี้ตนกับคุณวิ

จะรีบไปรับกลับ

ธีรัชฝืนตัวเองลุกขึ้นจะขับรถกลับ ขวัญอุมา

บอกว่าลูกปลาให้พักที่นี่ก่อนพรุ่งนี้เช้าจะมารับ แต่เขาต้องไปนอนข้างนอก ตนจะนอนเตียงในห้อง

พอจะนอน ขวัญอุมานึกได้ว่าอ่านพบอะไรบางอย่างในบันทึกจึงลุกไปอ่านต่อที่ห้องนั่งเล่นที่ธีรัชนอน

“ฉันรู้แล้ว ใครเป็นพ่อของฉัตร!” ขวัญอุมาอ่านแล้วอุทานดีใจมาก ธีรัชที่นอนอยู่บอกว่าตกใจหมดเลย

“ต้องเป็นคนนี้แน่ ประธานในงาน ท่านชายนี่ไง ที่ปภาคินบันทึกไว้ว่าแขกที่มาในงานพากันพูดว่า

ฉัตรชนกหน้าคล้ายลูกสาวของท่าน  ถ้าไม่มีเชื้อสายก็ไม่น่าจะชื่อว่าฉัตรชนกแบบนี้”

ขวัญอุมาเปิดหน้าสุดท้ายของบันทึกยื่นให้ธีรัชอ่าน เขาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่แน่ใจเหมือนกัน

ooooooo

วันนี้ขณะฉัตรชนกเอากระเป๋าค้างคืนมาที่บ้านนวลอนงค์ลงจากรถแล้วให้นายสุขกลับไปเลย เอะใจเมื่อเห็นรถของท่านชายจอดอยู่จึงเดินเข้า

ใกล้บ้าน ได้ยินเสียงท่านชายกำลังคุยกับแม่อย่างตึงเครียด

ท่านชายถามว่าเธอท้องก่อนที่จะหนีมาใช่ไหม นวลอนงค์ปฏิเสธว่าไม่ใช่ ท่านชายจึงให้อิ่มที่มาด้วยเล่าเหตุการณ์ขณะนั้น อิ่มบอกว่าคุณนวลมีอาการคล้ายคนแพ้ท้องและบ่นว่าเลือดขาดไปสองเดือนแล้ว อิ่มสารภาพกับนวลอนงค์ว่าท่านให้ตนสาบานว่าจะพูดความจริง ตนจึงทูลไปว่า

“ช่วงนั้นคุณมีเรื่องไม่สบายใจหลายเรื่อง เวลาท่านไม่อยู่ที่วังก็มีแต่เรื่องร้อนใจ ส่วนนายบุญรักคุณนวลอย่างนายไม่เคยมีอะไรเกินเลย แต่อิฉันไม่รู้ว่ามัน

หายไปพร้อมกับคุณได้ยังไง”

“นวลอนงค์ แกบอกให้ฉันรู้หน่อยซิ แกหนีออกจากวังโสภณมาทำไม”

นวลอนงค์ตัดสินใจบอกท่านชายว่าฉัตรชนก

ไม่ใช่ลูกของท่าน เป็นลูกของตนคนเดียว และเมื่อออกมาแล้ว ก็รอมาถึงยี่สิบกว่าปี รอคำถามนี้จากท่านแต่ก็ไม่เคยได้ยินจนเดี๋ยวนี้ไม่อยากได้ยินแล้ว พูดทั้งน้ำตาว่า

“ถ้าเคยเชื่อตลอดมาว่าหม่อมฉันหนีตามไอ้บุญมา ก็คิดซะว่ามันเป็นอย่างนั้นต่อไป ป่านนี้แล้วฉัตรคงไม่ต้องการพ่อที่ไม่เคยดูดำดูดีมันหรอก”

“ฉันไม่เคยรู้ว่าแกท้อง” บอกแล้วท่านชายถามว่าเช่นนี้จะให้ดูดำดูดีได้ยังไง มีอะไรที่ตนไม่รู้อีก ให้พูดมาเลย อิ่มจึงเล่าว่า

นวลอนงค์ถูกกลั่นแกล้งตนจึงไม่กล้าพูดความจริง แต่พอเรื่องเกิดขึ้นตนสงสารคุณนวลกับหนูฉัตรเป็นที่สุด พระคุ้มครองถึงได้รอดมากันได้ เล่าอย่างสะเทือนใจว่า

“วันที่คุณนวลจะหายไป หม่อมฉันเห็นหม่อมยุพาสั่งนังแช่มอะไรสักอย่าง และคืนนั้นนังแช่มก็แอบเข้าไปอยู่ในห้องของคุณนวลก่อนที่คุณนวลจะเข้าไป”

นวลอนงค์เล่าว่า ตนถูกพวกมันจับตัวออกไปจากห้อง พอนังแช่มเข้ามาก็ผลักตนล้มแล้วเอาผ้าปิดปาก จากนั้นมีคนเอากระสอบมาคลุมตัวพาออกจากบ้าน

ไม่รู้ว่าไปไหน จนใกล้รุ่งมันแวะพักแล้วพี่บุญก็มาช่วย สองคนนั้นจึงหนีไป พี่บุญกลัวว่ามันจะพาพวกย้อน

กลับมาจึงพาตนหนีไปตลอดวันขึ้นรถไฟถึงสำโรงแล้วให้ไปอยู่กับคนที่รู้จัก พี่บุญไม่กล้ากลับไปวังอีกเพราะกลัวอันตราย จนฉัตรเกิด ตนจึงบากหน้ากลับไปเผื่อว่า...

“แล้วยังไง” ท่านชายร้อนใจ

ooooooo

นวลอนงค์เล่าว่าเมื่อตนบากหน้ากลับไป ก็ได้รู้ว่าคนที่นั่นว่าตนหนีตามพี่บุญไป ซ้ำยังว่าตนขโมยเครื่องเพชรของหม่อมยุพาไปด้วย นวลอนงค์บอกว่าตนเพียรฝากจดหมายถึงท่านคิดว่าท่านจะได้ทอดเนตรบ้าง เพราะส่งคนเอาเงินมาให้และบอกว่าไม่ต้องกลับไปอีกเพราะท่านเชื่อว่าเด็กคนนี้คือลูกชู้

อิ่มเสริมว่าคุณนวลฝากจดหมายไว้แต่หม่อมยุพามาบังคับเอาไปและส่งคนไปตามถึงที่นั่น นวลอนงค์

เล่าว่าตนกลัวที่เขาขู่จึงหนีเตลิดไปถึงศรีราชา กลัวเขาจะทำร้ายฉัตรอีกคน

ฉัตรชนกได้ฟังทั้งหมด วางกระเป๋าโผเข้ากอดแม่ ท่านชายก็อุทาน “ฉัตรชนก ลูกพ่อ...” นวลอนงค์บอกให้ฉัตรชนกกราบท่านพ่อ ฉัตรชนกก้มกราบกับพื้น ท่านชายประคองขึ้นลูบศีรษะอย่างเอ็นดู...

“ฉัตร...พ่อขอโทษ...นวลอนงค์ ฉันขอโทษ”

ขณะที่ที่บ้านนวลอนงค์กำลังมีความสุขที่ครอบครัวได้เจอและเข้าใจกันนั้น ปภาคินกลับบ้านเพื่อจะพา

ฉัตรชนกไปส่งที่บ้านนวลอนงค์ พอรู้จากแม่ว่าฉัตรชนกไปแล้วจึงตามไป ไปเจอฉัตรชนกจับมือธนาคุยอย่างปลื้มปีติว่า “ฉัตรดีใจที่สุดในโลกเลยธนา ไม่คิดว่าเราจะได้พบกัน... คืนนี้ฉัตรคงนอนไม่หลับทั้งคืน”

ธนาถามว่าคืนนี้ไม่กลับบ้านโน้นหรือ ฉัตรบอกว่าคืนนี้ค้างที่นี่ ธนาถามว่าแล้วคุณสามีไม่ว่าเอาหรือ

“อือ...ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปมากกว่าเรื่องของเรานะธนา เราเพิ่งได้มีโอกาสรู้จักตัวตนจริงๆของเรา ขอเวลาให้เราตรงนี้ก่อนเถอะ”

ปภาคินแทบล้มทั้งยืน เหมือนฟ้าถล่มลงมาทับตัวเอง เซไปพิงต้นไม้อย่างเจ็บปวดสาหัส...

ooooooo

ขวัญอุมาค้างที่รีสอร์ตเพราะธีรัชไม่สบาย ด้วยรอยอดีตที่เป็นสายสัมพันธ์ลึกซึ้งในอดีต ทำให้ความรู้สึกซ่อนเร้นในหัวใจที่มีต่อกันเปิดเผยต่อกันโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเดินทางกลับถึงบ้าน เจอวิยาดากับลูกปลามาถึงก่อนแล้ว ขวัญอุมาบอกลูกปลากับวิยาดาอยู่ที่นี่ก่อนเพราะตนกับธีรัชจะไปวังโสภณเพื่อตามรอยอดีตต่อ

ทั้งสองไปที่ร้านกาแฟในตึกเก่าแห่งหนึ่ง ถามผู้จัดการร้านว่าตรงนี้เคยเป็นวังโสภณใช่ไหม ตนจะขอติดต่อทายาทท่านชายศักดินัยได้ไหม ผู้จัดการร้าน

บอกว่าตนไม่เคยได้ยิน ปัจจุบันตรงนี้เป็นของนักธุรกิจ ที่ไม่ได้เป็นญาติกับสกุลโสภณเลย

ขวัญอุมากับธีรัชพยายามหาข้อมูล จนเมื่อลากลับสรุปได้ว่า

ท่านชายไปฝึกบินที่ต่างประเทศเครื่องบินตกสิ้นพระชนม์ ต่อมาวังเลยถูกขายให้คนอื่น แต่ที่ยังเป็นปัญหาคือ ฉัตรชนกใช่ลูกท่านชายไหมและจากนั้นเธอหายไปไหน ขวัญอุมาย้ำว่าเรื่องนี้ตนต้องหาคำตอบให้ได้

พอรถธีรัชกับขวัญอุมาออกไป รถของฉายฉานกับอรนภาก็เลี้ยวเข้ามาแต่ไม่เห็นกัน อรนภารู้จากผู้จัดการร้านว่าขวัญอุมาเพิ่งออกไป อรนภาคาดว่าขวัญต้องวิ่งตามหาเรื่องนิยายนั่นแน่ๆ อาการหนัก

“ผมว่าความจริงถ้าเราร่วมมือช่วยขวัญไปเลยก็ดีนะ จะได้รู้กันเลยว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง”

“จะเพี้ยนตามกันไปถึงไหน ไร้สาระ” อรนภาสะบัดเสียงใส่ ฉายฉานเลยจ๋อยไป

ไม่เพียงฉายฉานคิดเช่นนั้น คุณจี๊ดเองเมื่ออ่านบทอย่างจริงจังอีกครั้งก็เสนอคเชนทร์ว่าจริงอย่างที่ขวัญ

เขาว่า เพราะเหตุผลมันแปลกๆ คเชนทร์ติงว่าเราเปิดกล้องไปแล้ว คุณจี๊ดว่าแต่ยังไม่ได้ออกอากาศ ถามว่า “เชนทร์จำได้ไหม วันที่เธอรับปากจะกำกับเรื่องนี้ให้พี่ เธอว่ายังไง”

คเชนทร์จำได้ วันนั้นเขาบอกว่า

“ผมจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด...มันเป็นเรื่องน้ำเน่า แต่ผมจะทำเรื่องน้ำเน่านี้ให้ได้ทั้งเงินทั้งกล่อง”

“พี่ยอมรับนะ รอยอดีตมันเป็นตม แต่พี่ไม่อยากให้มันเป็นตมแบบจมปลัก มันจะต้องเป็นตมที่มีเพชรซ่อนอยู่ข้างใน...พี่เชื่อว่ามืออย่างเชนทร์จะต้องค้นพบเพชร แล้วเจียระไนมันให้พี่”

คุณจี๊ดขอบคุณขวัญที่มีเซ้นส์ของนักแสดงบอกเรา ตลอดเวลาว่าเรื่องนี้มันยังไม่ถูกต้อง คเชนทร์ถามว่าแล้วเราต้องแก้บทตามขวัญหรือ

คุณจี๊ดเรียกอรนภา ไก่และขวัญอุมาให้มาคุยกัน ฟังแนวทางของทุกฝ่ายน่าจะได้ข้อสรุปที่ดี

เมื่อคุณจี๊ดตัดสินใจที่จะค้นหาความจริงจากรอยอดีตที่ขวัญอุมาทักท้วงตลอดมา ก็เหมือนพรหมลิขิตบันดาลให้ทุกอย่างทุกฝ่ายพบข้อเท็จจริงโดยบังเอิญและสืบหาจนได้หลักฐานทั้งวัตถุและตัวบุคคล...

ฉายฉานกับอรนภาจะไปเก็บของที่ศรีราชาแวะกินอาหาร ฉายฉานเห็นรูปเก่าๆที่ผนังห้อง อรนภามองตามเอะใจที่คนในรูปหน้าเหมือนฉายฉานและขวัญอุมา คิดว่าเขาแต่งรูป แต่ฉายฉานรู้สึกไม่ปกติ

อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 7 วันที่ 11 ม.ค.62

ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทประพันธ์โดย ลินิน
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทโทรทัศน์โดย นลินี สีตะสุวรรณ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต กำกับการแสดงโดย สำรวย รักชาติ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ผลิตโดย บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ควบคุมการผลิตโดย วรายุฑ มิลินทจินดา
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ