อ่านละคร ชาติเสือพันธุ์มังกร ตอนที่ 7 วันที่ 4 ธ.ค.61
ทรงวาดรู้ดีว่าปิ่นมุกอยากขอคำสัญญาอะไรแต่เขาคงให้ไม่ได้ ปิ่นมุกเห็นท่าเขาก็เดาได้ ตัดพ้องอนๆ “บุญคุณอีกล่ะสิ เฮียก็มีบุญคุณท่วมหัวอั๊วเหมือนกันแต่เฮียไม่เคยบังคับให้อั๊วทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ...เพราะอะไรล่ะเฮีย”คำถามของปิ่นมุกทรงวาดตอบไม่ได้ เช่นเดียวกับวิสูตรที่ไม่รู้ว่าใครคือชายลึกลับที่มาช่วยพันเดช
“ไอ้คนที่มาช่วยฝีมือมันร้ายกาจมาก ถ้าผมไม่ได้ใส่เกราะกันกระสุนก็คงเสร็จมันเหมือนกันครับคุณอ้าย”
ชาญยุทธหน้าเครียดแต่ไม่คิดยอมแพ้จะหาโอกาสใหม่
“มันรอดไปคราวนี้คงยากจะจัดการมันได้แล้วล่ะ ดีที่มันก็เจ็บไปไม่น้อยคงต้องพักฟื้นอีกนาน”
“แล้วท่านทราบเรื่องนี้รึยังครับ”
“ยัง...คุณพ่อไข้ขึ้นสูงเพิ่งจะดีขึ้นเมื่อตอนเย็นนี่เอง แล้วฉันก็ไม่อยากให้คุณพ่อรู้เรื่องด้วย”
“แล้วคุณอ้ายจะทำยังไงต่อครับ”
“รอเสือหายก่อนแล้วค่อยคิดกัน แต่ที่แน่ๆระหว่างฉันกับไอ้พันเดชไม่มีทางอยู่ร่วมโลกกันได้อีกต่อไปแล้ว... ขึ้นอยู่กับว่าใครจะพลาดก่อนก็เท่านั้น!”
ooooooo
พันเดชบาดเจ็บหนักอย่างที่ชาญยุทธคาดไว้จริงแต่ไม่วายฉวยประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ปล่อยข่าวเรียกร้องคะแนนความสงสารและเห็นใจให้ตัวเองโดยมีไต้เกียวเป็นผู้ช่วยกระจายข่าว
ฮุ่ยเซี้ยงทึ่งมาก ไม่อยากเชื่อว่าพันเดชจะอึดและเหลี่ยมจัดขนาดนี้ แต่ที่คาดไม่ถึงมากกว่าคือโฉมหน้าแท้จริงของชายลึกลับที่โผล่มาช่วยพันเดชจากวงล้อมของพวกทรงวาดและวิสูตร
ฤทธิ์ นายตำรวจลูกพี่ลูกน้องของรณชิตนั่นเองคือชายลึกลับคนนั้น ฮุ่ยเซี้ยงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองจนพันเดชต้องย้ำขำๆ “คิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะว่ามือที่ดีที่สุดของฉันเป็นแค่พลตำรวจตัวเล็กๆเท่านั้นเอง”
ไต้เกียวซึ่งรู้มาตลอดเสริมคู่ขาหนุ่ม “ก็เพราะตัวเล็กน่ะสิคะถึงได้ช่วยงานเราได้สะดวก...ทั้งคอยส่งข่าว ปลุกปั่นยุยง สร้างสถานการณ์สารพัด ไม่มีใครระแวงเลยสักคน”
ฮุ่ยเซี้ยงหวนคิดถึงอดีต ปะติดปะต่อเรื่องราวจนพบว่าฤทธิ์มีส่วนรู้เห็นหลายเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นการหาพยานเท็จใส่ร้ายทรงวาดและเหตุถล่มโรงพักจนเยาวราชแทบลุกเป็นไฟ!
รณชิตยังไม่รู้เรื่องฤทธิ์ลูกพี่ลูกน้องหนุ่มเป็นคนของพันเดช ทำตัวเป็นตำรวจที่ดีเหมือนเคย เมื่อปิ่นมุกกับก๊กไช้มาขอความร่วมมือตำรวจในสถานีไปช่วยอารักขาและดูแลความเรียบร้อยของงานกิจกรรมนักศึกษาคณะแพทศาสตร์และนิติศาสตร์ซึ่งจะจัดตรวจร่างกายและให้คำปรึกษาด้านกฎหมายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายก็ตอบรับด้วยความยินดี
ปิ่นมุกยิ้มกว้างชอบใจ ต่างจากกานต์กับก๊กไช้ที่ตามเธอมาโรงพักด้วย โดยเฉพาะก๊กไช้ ทั้งหึงทั้งหวงเพื่อนสาวแทนทรงวาดถึงขนาดป่วนให้รณชิตกับกานต์เขม่นกันเอง
กว่าปิ่นมุกจะกลับถึงบ้านก็เย็นมาก ก๊กไช้ไม่ได้กลับมาด้วยเพราะมีนัดทำรายการกับเพื่อนจึงจะค้างที่หอพักนักศึกษา ทรงวาดรออยู่แล้วเพื่อทำมื้อเย็นให้เธอ ส่วนกิมเอ็งเขาส่งไปทำกับข้าวให้คนงานที่โรงสีเพราะมีงานเร่งด่วน
ปิ่นมุกอดประหม่าไม่ได้ที่ต้องอยู่ตามลำพังกับผู้อุปการะหนุ่ม ทรงวาดไม่แสดงท่าทีใดๆให้เธออึดอัดแต่ชวนกินข้าวอย่างเป็นกันเอง “เจี๊ยะเยอะๆลื้อต้องใช้สมองแยะ...ราดน้ำด้วยจะได้ไม่ฝืดคอ”
ความรักและห่วงใยของทรงวาดแสดงออกทางแววตาและการกระทำจนปิ่นมุกอดเปรยไม่ได้
“ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันได้ก็คงดีนะเฮีย”
ทรงวาดหน้าเครียด ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดแต่ไม่เห็นทางเป็นไปได้
สีหน้าเขาทำให้ปิ่นมุกหน้าเสีย เอ่ยเสียงเบา
“อั๊วขอโทษ”
ทรงวาดสะเทือนใจไม่แพ้กันแต่จำต้องข่มไว้และปลีกตัวดื้อๆ ทิ้งให้ปิ่นมุกมองตามน้ำตาซึม...ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำตัวเย็นชาและหมางเมินเธอเช่นนี้...
ooooooo
บรรยากาศในโรงสีวุ่นวายและอึดอัดไม่แพ้ในบ้านทรงวาดเพราะมียอดสั่งซื้อข้าวมากเป็นพิเศษทำให้พวกคนงานต้องเร่งมือ ทิเหล็งมาคุมงานแทนทรงวาดโดยมีกิมเอ็งช่วยทำอาหารเลี้ยงพวกคนงาน ป่วยซังก็อยู่ด้วยแต่หมกมุ่นกับงานบัญชีไม่กินข้าวกินปลาจนทิเหล็งต้องไปตามด้วยความเป็นห่วง
“คุณหนูโหมทำงานแบบนี้อาจจะลืมคุณสุเทพได้ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมามันจะไม่คุ้มนะครับ ...ชีวิตคุณหนูไม่ได้มีแต่คุณสุเทพนะครับ ยังมีคนที่ห่วงใยคุณหนู...”
ชื่อสุเทพทำให้ป่วยซังปวดหัวใจ แหวตัดบทเสียงเขียว
“หยุดได้แล้วอาเหล็ง! ลื้อไม่มีวันเข้าใจอั๊วหรอก”
ป่วยซังโกรธทิเหล็งเพราะคิดว่าเขาจุ้นจ้านความเป็นอยู่ของเธอ เช่นเดียวกับลี่เง็กที่คิดว่าทรงวาดเป็นพวกเจ้ากี้เจ้าการคอยหาโอกาสให้เฮ้งเตี๋ยงอยู่ตามลำพังกับพริ้มเพรา
เฮ้งเตี๋ยงแวะมาหาทรงวาดพร้อมลี่เง็กซึ่งถูกเม่งฮงสั่งให้มาขอโทษเรื่องวันก่อนที่เธอบุกยิงเขาถึงในบ้าน ทรงวาดไม่ถือสาลูกพี่ลูกน้องสาวแต่ไม่วายทำเรื่องกวนประสาทเธอด้วยการช่วยให้เฮ้งเตี๋ยงกับพริ้มเพราได้เจอกัน
“อาป๊าคงดีใจที่หลานชายคนโปรดเปิดโอกาสให้ลูกชายได้อยู่กับผู้หญิงหยำฉ่า”
“ถ้าอาเจ็กไม่อยากให้อั๊วเปิดโอกาสให้ก็คงไม่ส่งอาเตี๋ยงมากับลื้อตั้งแต่แรกแล้วล่ะ”
ทรงวาดไม่สะทกสะท้านสายตากล่าวหาของลี่เง็กเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ “ลื้อมาก็ดีแล้วเราจะได้ปรับความเข้าใจกัน อั๊วไม่ได้คิดจะจับลื้อคลุมถุงชนเลยนะ อั๊วแค่จะหาผู้ชายมาให้ลื้อเลือกเฉยๆ ลื้อไม่พอใจก็ไม่ต้องเลือก”
“ถึงบังคับให้อั๊วเลือกอั๊วก็จะฆ่ามันทิ้งอยู่ดี”
“ต่อให้ลื้อฆ่าคนที่อั๊วเลือกให้หมดอาเจ็กก็ต้องหาคนอื่นมาให้คู่กับลื้ออีกจนได้ ลื้อจะขัดอาเจ็กได้เหรอ”
ลี่เง็กหน้าตึง รู้ดีว่าไม่มีทางขัดใจพ่อได้ ทรงวาดเห็นดังนั้นก็แกล้งถาม “เว้นแต่ลื้อจะมีคนที่ลื้อรักอยู่แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นนอกจากอั๊วจะไม่หาคนมาดูตัวลื้อแล้วอั๊วยังจะช่วยพูดกับอาเจ็กให้อีก...ลื้อได้คบหากับใครอยู่รึเปล่าล่ะ”
“เฮียพูดจริงนะ”
“ถึงลื้อจะเกลียดอั๊วแต่ลื้อเคยเห็นอั๊วพูดโกหกไหมล่ะ”
ระหว่างที่ทรงวาดเกลี้ยกล่อมลี่เง็กให้แต่งงาน เฮ้งเตี๋ยงก็พะเน้าพะนอพริ้มเพราด้วยความคิดถึง พริ้มเพราก็อยากอยู่ใกล้เขาแต่อดคิดถึงคำเตือนของทรงวาดเมื่อวันก่อนไม่ได้
“ทางที่ดีเราสองคนก็ไม่ควรเจอกันอีกแล้ว มีคนต้องเดือดร้อนเพราะเราสองคนมามากแล้วนะ”
“แล้วถ้าเราหนีไปด้วยกันไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครอีกจะมีคนเดือดร้อนเพราะเราอีกไหม”
พริ้มเพราเบิกตาโพลง “พูดอะไรน่ะพี่เตี๋ยง”
“ที่ผ่านมาไม่ใช่อั๊วไม่คิดนะ อั๊วคิดอยู่ตลอด...อาป๊าคงไม่มีวันยอมรับลื้อได้ แต่ถ้าจะให้อั๊วแต่งงานกับคนอื่นอั๊วก็ไม่ยอมเหมือนกัน แล้วผู้หญิงที่แต่งกับอั๊วก็คงไม่มีความสุขด้วย แล้วจะต้องมีคนเสียใจเพราะเรื่องนี้อีกกี่คนกัน...หนีไปกับอั๊วนะ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเราสองคนด้วยกัน”
ooooooo
พริ้มเพราคิดหนักเรื่องคำชวนหนีของเฮ้งเตี๋ยง ต่างจากลี่เง็กที่ไม่คิดมากแถมมั่นใจว่าเจอคนที่ชอบแล้ว รณชิตนั่นเองที่เธอรู้สึกดีด้วยเพราะเขาให้ความเป็นกันเองและปฏิบัติกับเธออย่างเท่าเทียมไม่เหมือนพ่อกับพี่ชาย
ทรงวาดเจรจากับลี่เง็กคืบหน้าก็จำต้องพักไว้แล้วกลับไปคิดเรื่องพันเดช เขาแวะเยี่ยมการันต์ซึ่งยังพักรักษาตัวที่บ้านด้วยความเป็นห่วงและอยากถามเรื่องชาญยุทธ
การันต์ถอนใจหนักหน่วงเมื่อคิดถึงวีรกรรมของลูกชายทั้งสอง “คิดว่าพ่อป่วยแล้วจะปิดพ่อได้รึไง คนอย่างพ่อไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะเสือ...กว่าจะมาถึงตรงนี้พ่อลุยเลือดคนสร้างมาทั้งนั้น แต่พ่อไม่เคยรู้สึกผิดเพราะถ้าพ่อไม่ทำคนอื่นก็ต้องทำจนกระทั่ง...พ่อต้องมาเห็นลูกสองคนเข่นฆ่ากันเอง พ่อถึงต้องยอมรับว่าเวรกรรมมันมีจริง”
ทรงวาดสงสารและเห็นใจการันต์แต่คงทำให้มากกว่านี้ไม่ได้ เขาได้แต่ทอดถอนใจหนักหน่วงก่อนตัดสินใจแวะหาแปะฮ้อเพื่อระบายความอึดอัดใจ
“สำหรับอั๊ว...คุณพ่อดูเหมือนภูเขาสูงตั้งตระหง่านไม่มีอะไรจะมาสั่นคลอนได้ จนกระทั่งวันนี้อั๊วถึงได้รู้ว่าภูเขาก็มีวันพังทลายได้เหมือนกัน”
“ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ได้ตลอดไปหรอกเถ้าแก่ อย่าว่าแต่คนเลย ไม่ว่าฟ้าหรือดินล้วนมีวันเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น เออ...แล้วเถ้าแก่มาหาอั๊วเพื่อจะมาพูดคุยเรื่องนี้น่ะเหรอ”
“มีอีกเรื่อง...อาจูฝากมาบอกว่าวันนี้คณะอีกับคณะของอาไช้จัดกิจกรรมมีการตรวจสุขภาพกับปรึกษาเรื่องคดีความโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อีเลยอยากให้แปะฮ้อไปตรวจสุขภาพกับอี”
แปะฮ้อส่ายหน้า ยืนกรานไม่ยอมไปเพราะไม่ชอบหาหมอ ทรงวาดส่ายหน้าขำๆ ไม่อยากบังคับ
“ถ้าแปะฮ้อยืนยันไม่ไปจริงๆงั้นอั๊วกลับโรงสีล่ะนะจะได้ไปทำงานต่อ”
“ถ้างานไม่สำคัญพักบ้างก็ได้นะ วันนี้ปิศาจน้อยอีไม่มีเรียน เถ้าแก่ก็พาอีไปเที่ยวบ้างสิ”
“อย่าเลย...ระหว่างอั๊วกับอาจูควรมีระยะห่างไว้ดีกว่า อาจูอีเป็นคนดีไม่ควรอยู่ใกล้คนต้องคำสาปอย่างอั๊ว”
“ลื้อไม่ได้ถูกสาป ลื้อแค่เป็นคนกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เพียงแต่ผู้มีพระคุณของลื้อเป็นคนไม่ดีเท่านั้นเอง อั๊วว่าบางครั้งความดีก็ทำร้ายชีวิตลื้อได้มากกว่าความชั่วซะอีกนะ”
ทรงวาดนิ่งคิดตามคำของแปะฮ้อ สะเทือนใจไม่แพ้กันแต่อยากปกป้องปิ่นมุกอย่างสุดความสามารถ โดยไม่รู้เลยว่าในงานกิจกรรมนักศึกษาปิ่นมุกเนื้อหอมแค่ไหน...ทั้งรณชิตและกานต์วนเวียนขายขนมจีบจนก๊กไช้นั่งไม่ติด
ลี่เง็กแอบมาร่วมงานนี้ด้วยเพราะอยากเจอรณชิต เมื่อเห็นเขาแสดงท่าทีสนใจปิ่นมุกก็ชักสีหน้าไม่ชอบใจและหึงหวง แต่ที่ทำให้ต้องลงมือข่มขู่ก็เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งแวะมาส่งปิ่นโตให้รณชิต
ท่าทางสนิทสนมและเล่นหูเล่นตาของหญิงสาวคนนั้นทำให้ลี่เง็กเดือดจัด เรียกลูกน้องมาดักตีหัวเลือดอาบและจัดการข่มขู่ด้วยตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายยุ่งวุ่นวายกับรณชิตอีก!
ooooooo
รณชิตไม่รู้เรื่องวีรกรรมสุดโหดของลี่เง็กตามเช็ดล้างผู้หญิงทุกคนที่มาติดพันเขา มัวยุ่งงัดข้อกับกานต์แข่งกันจีบปิ่นมุกในภัตตาคารหรูที่ฮกไช้พาเหล่านักศึกษามาเลี้ยงขอบคุณ
ก๊กไช้ไม่ชอบใจที่ปิ่นมุกเป็นจุดสนใจแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะอรุณรุ่งลูกสาวคนสวยของฮกไช้คอยกันเขาออกห่างจากเพื่อนสาว ฮกไช้มองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยความชอบใจก่อนแซวลูกสาวเรื่องที่มีหนุ่มใหญ่สองคนมาติดพัน
ปิ่นมุกหูผึ่ง พยายามซักไซ้รุ่นพี่สาวแต่อรุณรุ่งก็กระดากเกินกว่าจะเล่าว่าชาญยุทธกับพันเดชแย่งกันจีบเธอมาสักพักใหญ่ สองสาวแวะมานั่งคุยกันต่อที่ร้านทองของฮกไช้ อรุณรุ่งเขินที่ถูกปิ่นมุกล้อเรื่องมีหนุ่มๆรุมจีบจนเผลอปาข้าวของไปโดนกล่องแหวนที่ทรงวาดเคยให้เป็นของขวัญตอนเธอสอบติดคณะแพทย์
อรุณรุ่งตกใจรีบเก็บกล่องแหวน ท่าทางประคบ ประหงมผิดสังเกตทำให้ปิ่นมุกอดเย้าไม่ได้
“ของอย่างอื่นตกไม่สนเลยนะเก็บแหวนก่อนเลย ใครให้มาเหรอแจ้”
“ของมันแพงอั๊วก็ต้องกลัวมันเสียหายน่ะสิ”
“ของแพงก็น่าจะเก็บไว้มิดชิดไม่ใช่เหรอ วางบนโต๊ะแบบนี้สงสัยจะอยากเอาไว้ใกล้ตาจะได้เอามาดูแก้คิดถึง”
“ลื้ออย่ามาจับผิดอั๊วนะอาจู”
“ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะแจ้”
“เลอะเทอะใหญ่แล้วลื้อนี่ นี่มันแหวนที่เฮียโฮ่วให้อั๊วเป็นของขวัญตอนสอบติดเท่านั้นเองไม่มีอะไรซะหน่อย”
ปิ่นมุกอึ้งไปอึดใจก่อนยิ้มเจื่อนๆ ในใจพลุ่งพล่านด้วยความระแวงว่าอรุณรุ่งอาจไม่ได้ชอบชาญยุทธกับพันเดชที่มาติดพันแต่แอบมีใจให้ทรงวาด...
ทรงวาดไม่ได้สนใจเรื่องอรุณรุ่งหรือฮุ่ยหลิงมัววุ่นวายจัดการเรื่องเฮ้งเตี๋ยงที่วางแผนหนีไปกับพริ้มเพรา เม่งฮงโกรธจัดและพาทรงวาดไปดักรอลูกชายกับคู่ขาสาวที่ท่าเรือ
เฮ้งเตี๋ยงลำพองใจว่าแผนพาพริ้มเพราหนีจะไม่มีคนรู้ แล้วเขาก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นเม่งฮงกับทรงวาดมาดักรอ พริ้มเพราหน้าซีดเผือดชวนคู่ขาหนุ่มกลับบ้านแต่เฮ้งเตี๋ยงไม่ยอม โพล่งลั่น
“ไม่! อั๊วไม่จบ! อาป๊า...อั๊วขอถามคำเดียว ถ้าอั๊วยอมกลับไปอาป๊าจะยอมให้อั๊วอยู่กินกับอาพริ้มเพรารึเปล่า”
“อั๊วไม่ฆ่าอีแพศยานั่นตรงนี้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว ลื้อยังคิดจะอยู่กินกับมันอีกเหรอไอ้ลูกโง่”
“ถ้าอย่างงั้นอั๊วก็ไม่กลับ อั๊วไม่อยากแยกกับอาพริ้มเพราอีกแล้ว อั๊วไม่อยากแต่งงานกับคนอื่นด้วย อาป๊าปล่อยลูกอกตัญญูอย่างอั๊วไปเถอะ”
เม่งฮงโกรธจัดควักปืนจะยิงลูกชายแต่ทรงวาดไวกว่าขยับไปปัดมือ
“อาโฮ่ว...แม้แต่ลื้อก็ยังขวางอั๊วเหรอ”
ทรงวาดถอนใจยาว พยายามไกล่เกลี่ยอย่างใจเย็น “อั๊วจำเป็นอาเจ็ก อั๊วไม่อยากเห็นอาเจ็กต้องเสียใจทีหลัง เรื่องอาเตี๋ยงกับอาพริ้มเพรามันมีแค่สองทางเท่านั้นถ้าไม่เลิกกันก็ต้องปล่อยไป ถึงอาเจ็กฆ่าอาเตี๋ยงอีตายก็จะได้แค่ความสะใจชั่ววูบกับความเสียใจตามมาเท่านั้นไม่มีทางเปลี่ยนอะไรได้หรอก”
เฮ้งเตี๋ยงสะเทือนใจมากคุกเข่าจะกราบขอขมาพ่อแต่เม่งฮงชักเท้าหนี
“ไม่ต้องเรียกอั๊วว่าอาป๊า ลื้อเห็นผู้หญิงหยำฉ่าดีกว่าอั๊วดีกว่าครอบครัว ลื้อก็ไม่ใช่ลูกอั๊วอีกต่อไป นับแต่นี้อั๊วจะถือซะว่าลูกชายอั๊วตายไปแล้ว ลื้อจะไปที่ไหนก็ไปให้พ้น ชาตินี้อย่ามาเจอหน้ากันอีกเลย!”
จบคำก็สะบัดหน้าหนี ทิ้งเฮ้งเตี๋ยงให้ยืนกอดกับพริ้มเพราร้องไห้อย่างหมดอาย ทรงวาดต้องปลอบทิ้งท้าย
“ไปซะอาเตี๋ยง อิสระเป็นของลื้อแล้ว นับแต่นี้ลื้อเลือกทางเดินชีวิตเอง แต่จำไว้ว่าอย่ากลับมาเดินทางเดิมอีก”
ooooooo
เม่งฮงหัวใจสลายที่เฮ้งเตี๋ยงจากไปพร้อมพริ้มเพรา ทรงวาดสงสารส่งลี่เง็กไปปลอบแต่ไม่ค่อยได้เรื่องเพราะลี่เง็กไม่รู้สึกแย่ที่พี่ชายหนีไป ชอบใจด้วยซ้ำที่ตัวเองจะได้คุมโรงน้ำชาคนเดียว
ทรงวาดจึงไปปลอบเม่งฮงด้วยตัวเองหลังจากนั้น เม่งฮงพร่ำโทษตัวเองที่อ่อนแอไม่ฆ่าเฮ้งเตี๋ยงที่ทิ้งครอบครัว
“ลื้อไม่ควรห้ามอั๊วเลย อั๊วก็ไม่น่าใจอ่อนไม่งั้นได้เอาเลือดไอ้ลูกชั่วหญิงแพศยามาเซ่นวิญญาณบรรพบุรุษแล้ว”
“อั๊วว่าบรรพบุรุษคงไม่ดีใจหรอกครับอาเจ็กน่าจะเศร้าใจมากกว่าที่ต้องมาเห็นพ่อฆ่าลูก อาเจ็กทำถูกต้องแล้วล่ะครับ วันนี้อาเจ็กอาจจะเจ็บใจ แต่วันหนึ่งข้างหน้าอาเจ็กต้องดีใจที่เลือกปล่อยอาเตี๋ยงไป”
“เลิกพูดเรื่องไอ้เตี๋ยงซะทีเถอะอั๊วไม่อยากได้ยินชื่ออีแล้ว ตอนนี้ตระกูลลิ้มของเราเหลือลื้อเป็นผู้สืบตระกูลเพียงคนเดียวเท่านั้น ลื้อสัญญากับอั๊วได้ไหมว่าลื้อจะไม่ทำให้อั๊วผิดหวังอีกคน”
เม่งฮงขอไม่ให้ทรงวาดแต่งงานกับปิ่นมุกเพราะไม่ชอบหน้า ทรงวาดจำต้องรับปากเพราะไม่อยากให้เม่งฮงช้ำใจแต่ไม่วายบอกเหตุผลแท้จริงว่ายอมเพราะไม่อยากให้ปิ่นมุกมีชีวิตเสี่ยงๆหากอยู่กับตน
ทรงวาดรักษาระยะห่างกับปิ่นมุกอย่างดีโดยไม่รู้เลยว่าทำเธอคิดมากแค่ไหนเพราะระแวงว่าเขาจะมีใจให้อรุณรุ่งรุ่นพี่สาวคนสนิท กระนั้นเธอก็ไม่กล้าถามได้แต่เฝ้ามองเขาอย่างจับสังเกตเงียบๆ
ปิ่นมุกปักใจกับทรงวาดจนไม่แลคนอื่น แม้แต่รณชิตที่ตามเทียวไล้เทียวขื่อ เมื่อลี่เง็กที่โดนเม่งฮงบังคับให้แต่งงานรู้ว่ารณชิตแอบชอบปิ่นมุกก็โกรธแค้นสั่งคนไปดักทำร้ายถึงในบ้าน!
ลี่เง็กจ้างนักเลงต่างถิ่นที่ไม่เกรงอิทธิพลของเถ้าแก่เสือแห่งเยาวราชไปลอบทำร้ายปิ่นมุกด้วยการส่งไปเป็นคนงานในโรงสีจนกระทั่งสบโอกาสจึงปีนเข้าห้องนอนของปิ่นมุก!
ปิ่นมุกสู้สุดชีวิต ปากก็ตะโกนเรียกทรงวาดจนเขามาช่วยทันเวลา ก๊กไช้กับทิเหล็งช่วยกันพาพวกคนร้ายส่งโรงพักโดยมีรณชิตเป็นคนรับเรื่อง ลี่เง็กร้อนใจที่งานไม่สำเร็จบุกโรงพักเพื่อข่มขู่พวกคนร้ายให้ปิดปากเงียบถ้าไม่อยากให้ลูกเมียเป็นอันตราย แต่มีหรือทรงวาดจะรู้ไม่ทันลูกพี่ลูกน้องสาวตามไปดักรอหน้าโรงพัก
ทรงวาดยื่นกระดาษซึ่งมีแผนที่บ้านเขาพร้อมรายละเอียดกำกับให้ดู เขาจำได้ว่าเป็นลายมือลูกพี่ลูกน้องสาวแต่ลี่เง็กกลับไม่สะทกสะท้านหรือรู้สึกผิดแถมท้าให้เขาส่งเธอให้ตำรวจ ทรงวาดไม่ทำแต่ตะคอกถาม
“ทำไมอาเง็ก! อาจูไม่เคยทำอะไรลื้อ ทำไมลื้อต้องจ้องทำร้ายอีด้วย”
“อั๊วไม่จำเป็นต้องบอก เฮียรู้ว่าอั๊วเกลียดอีก็พอ คราวนี้พลาดแต่ต้องมีสักวันที่เป็นทีของอั๊ว”
“ไม่มีวันนั้นหรอกอาเง็กเพราะอั๊วจะปกป้องอาจูทุกวิถีทาง และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่อั๊วไม่เอาเรื่องลื้อ ครั้งหน้า...ไม่สิ...ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้วเพราะอั๊วจะจัดการกับลื้อก่อนที่ลื้อจะทำร้ายอาจู”
“ถ้าคิดว่าอั๊วจะกลัวคำขู่เฮียก็คิดผิดไปแล้ว ต่อให้อาป๊าอยู่ตรงนี้อั๊วก็ไม่กลัว อาป๊าเกลียดอีเด็กขอทานนั่นเข้าไส้ มีแต่จะเข้าข้างอั๊วซะมากกว่า”
“อั๊วเป็นเฮียลื้อแท้ๆแต่ดูเหมือนลื้อจะไม่รู้จักนิสัยอั๊วเอาซะเลยนะ ถ้าอั๊วจะทำจริงๆอั๊วไม่สนหรอกว่าอาเจ็กจะเข้าข้างลื้อรึเปล่า และอั๊วก็ไม่ได้แค่ขู่ อั๊วอยากมาเตือนให้ลื้อรู้ตัวไว้ก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลื้อก็เท่านั้นเอง”
ooooooo
อ่านละคร ชาติเสือพันธุ์มังกร ตอนที่ 7 วันที่ 4 ธ.ค.61
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร บทประพันธ์โดย ปราณธรละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร บทโทรทัศน์โด: บทกร
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ