อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 12[ตอนอวสาน] วันที่ 4 ธ.ค.61
“ปี่เลานี้จะได้อยู่ในที่ที่สมควรอยู่เสียที”ต่อมานิสาอธิบายให้อัปสรกับสินธรฟังถึงความตั้งใจของทิพย์เกสรที่รู้ว่าเจ้าของเรือนตั้งใจจะทำบุญให้วัดจึงอยากช่วยดูแลซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้นก่อนจะทำเรื่องถวายวัด สมคิดบอกว่าขอให้ถือว่าคุณทิพย์ขอร่วมทำบุญด้วยก็แล้วกัน สินธรบอกว่ามีคนตั้งใจมาร่วมบุญเราก็ไม่ควรขัดศรัทธา สมคิดจึงส่งนามบัตรให้บอกว่าถ้าช่างตีราคาแล้วติดต่อตนได้เลย อัปสรบอกนิสาว่าตนมีบางอย่างที่ต้องรบกวน
วันต่อมานิสาจึงเอาบันทึกของท่านเจ้าคุณพิชัย ที่บันทึกถึงวงปี่พาทย์ของจางวางพ่วงให้นิราศ บอกว่าในนี้มีเรื่องของคุณพิกุลอยู่ด้วย คุณอัปสรคิดว่าเขาควรจะได้อ่าน
นิราศกลับถึงบ้านก็เปิดบันทึกอ่านด้วยความรัก เจ้าคุณพิชัยบันทึกไว้สั้นๆแต่กินใจลึกซึ้งว่า
“หนึ่งชั่วชีวิตของมนุษย์เรานั้นเป็นดั่งไส้เทียนอันถูกเปลวไฟไหม้จนหมดเชื้อ หากแต่มีความไม่แน่นอนเพียงลมพัดดับเมื่อแรกจุด แม้เพียงชั่ววูบแต่เปลวไฟนั้นก็ได้ให้ความสว่าง ความอบอุ่น ยังประโยชน์แก่ผู้ที่ตกอยู่ในความมืดอยู่บ้าง...เพลงปี่ของแม่พิกุล ผู้เป็นบุตรีของท่านจางวางพ่วงคือความสว่างชั่ววูบนั้น...ชั่วเวลาสั้นๆหากแต่เป็นความรื่นรมย์ตลอดกาลในชั่วชีวิตของฉัน...และเป็นยิ่งกว่านิรันดร์กาลในชีวิตแสนสั้นของบุตรชายคนเดียวของฉันเช่นกัน...”
ooooooo
นิสาแต่งชุดขาวปฏิบัติธรรมที่วัด เช้านี้ขณะเก็บกวาดลานวัดก็เห็นทิพย์เกสรกับเอียดถือชุดสังฆทานเข้ามา นิสาเข้าไปไหว้ ทิพย์เกสรถามอย่างเมตตาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
นิสาบอกว่า พอใจสงบ มันรู้สึกเบาสบายนอนหลับได้แล้ว ตนจะปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รับการอโหสิ บอกว่าเรื่องเรือนจางวางพ่วงช่างตีราคามาแล้ว กลับจากปฏิบัติธรรมตนจะเอาไปให้
เอียดบอกทิพย์เกสรว่าพระมาแล้ว ทิพย์เกสรกับนิสาจึงหันกลับไป เห็นพระนิราศเดินเข้าไปในอุโบสถด้วยอาการสำรวมร่วมกับพระองค์อื่นๆ ทำการสวดมนต์ทำวัตรเช้า
ทิพย์เกสรบอกว่าเห็นแบบนี้ก็หมดห่วง ตนจะได้ร่วมอนุโมทนาบุญเกาะชายผ้าเหลืองไปด้วย
เมื่อทิพย์เกสรจะลุกขึ้นไปกรวดน้ำแต่เข่าอ่อน
นิสารีบเข้าช่วยประคอง นิสายกขวดกรวดน้ำ ทิพย์เกสรยิ้มเอ็นดูแล้วแตะที่ถ้วยรับกรวด เอียดพนมมือ ทุกคนตั้งจิตอุทิศส่วนกุศล
ooooooo
หลังจากอัปสรกับสินธรคุยกันเรื่องนิราศบวชตลอดชีวิตแล้ว ทั้งสองลงจากเรือนจางวางพ่วง อัปสรบอกว่าตอนแรกตนก็กลัวว่าถ้านิราศได้บันทึกเล่มนั้นแล้วจะเป็นทุกข์ ดีที่เขาวางได้
สินธรบอกว่าถ้าวางไม่ได้ก็เป็นกรรมของเขาที่ยังใช้ไม่หมด อัปสรถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่าเราใช้กรรมหมดแล้ว สินธรบอกว่าก็ตอนที่ไม่ทุกข์เพราะเรื่องนั้นๆแล้ว วางได้ก็คงเพราะหมดกรรม อัปสรแซวว่าไม่น่าเชื่อหน้าตาแบบนี้จะพูดเป็นเหตุเป็นผลน่าเชื่อถือได้แบบนี้
“ผมเชื่อว่าโลกนี้มันไม่มีเรื่องบังเอิญหรอกนะ ทุกคนที่เราเจอในชีวิตมันต้องมีเหตุ เหมือนคุณกับผมไงมีเหตุให้มาเจอกันแล้วก็มีผล...” สินธรทำหน้ากรุ้มกริ่ม อัปสรว่ามโนเข้าข้างตัวเอง “ผมก็อยากมีความรักกับเขาบ้าง รักแท้ที่ยอมตายได้เพื่อกันและกัน”
อัปสรถอนใจทำไก๋มองไปที่เรือนจางวางเปรยว่า ตนไม่รู้ว่าภพชาติมีอยู่จริงไหม แต่ก็หวังว่าคนสองคนจะได้เจอกัน รักกัน แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ด้วยกันบ้าง
“ผมเชื่อว่าต้องมีนะ...” อัปสรหันมองสงสัยว่ามีอะไร “วันที่เขาสองคนได้มีความสุขกันไง”
ooooooo
กรุงเทพฯ ในปีพุทธศักราช 2560
พิกุลเกิดใหม่เป็นระรินสาวสวยภัณฑารักษ์ฝีมือดีที่รับงานมาทำมิวเซียมให้พิชิตชัยหรือเจ้าคุณพิชัยในอดีตชาติ และพิชิตชัยก็มีลูกชายคือวิลิตที่อดีตชาติคือหลวงราช
ระรินอยู่ในร้านกาแฟ “Rarin” เธอได้รับโทรศัพท์ บอกว่ากำลังจะออกจากร้านแล้ว พลางเก็บโน้ตบุ๊กจะออกไป พอดีวิลิตเข้ามาบอกเตยพนักงานในร้านว่าตนโทร.มาสั่งกาแฟไว้ เตยหยิบกาแฟส่งให้บอกว่าเพิ่มน้ำเชื่อมทางด้านโน้นได้เลย วิลิตเดินไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ระรินสะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊กลุกขึ้น เลยชนศอกวิลิตจนกาแฟกระฉอกรดเสื้อวิลิต
ระรินขอโทษหยิบกระดาษมาเช็ดเสื้อให้ วิลิตชะงักเมื่อเห็นหน้าระรินชัดๆ อุทานอย่างดีใจมากว่า
“ใช่คุณจริงๆด้วย ผมรอคุณอยู่ตั้งนานรู้ไหม”
ระรินมองงงๆว่ารอตนหรือ “ครับ...ผมขอทราบชื่อคุณได้ไหมครับ” ระรินชะงักบอกว่าตนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซักแห้งให้ สั่งเตยให้ช่วยดูแลลูกค้าแทนตนด้วยแล้วขอตัว วิลิตรีบบอก “ผมรอคุณอยู่จริงๆนะครับ ไม่ใช่มุกจีบสาว”
ระรินงงๆ วิลิตบอกว่าเราเคยเจอกันที่บ้านพิชัยเดชาจำได้ไหม ระรินจึงนึกออก วิลิตร่ายยาวทันทีว่าตั้งแต่เจอกันวันนั้น ตนก็เชื่อว่าสักวันจะต้องได้เจอเธออีก
แล้วก็ได้เจอ เหมือนเรามีวาสนาต่อกัน ตนอยากทำความรู้จักเธอ ระรินบอกว่าถ้ามีวาสนาต่อกันจริงเขาก็ต้องรู้ชื่อตนโดยไม่ต้องบอกจริงไหม แล้วขอตัวทันที
การสื่อสารกันในยุคปี 2560 นั้น ตรงไปตรงมาเปิดเผยและรวดเร็ว เมื่อระรินขอตัวไป วิลิตตามติดเรียก “คุณระริน!!!” ระรินหยุดมองถามว่ารู้ชื่อตนได้ยังไง
วิลิตกดรีโมตเปิดรถตัวเองที่จอดอยู่ใกล้กับรถระริน แล้วเปิดลิ้นชักหยิบที่คั่นหนังสือดอกปีบส่งให้ ระรินยิ้มเจื่อนขอบคุณ บอกว่าตนคงทำหล่น
วิลิตถามว่าดอกไม้แห้งในที่คั่นหนังสือคือดอกอะไร พอระรินบอกว่าดอกปีบ เขาก็บอกว่าตนคงต้องหามาปลูกเสียแล้ว เพราะดอกปีบทำให้เรามีวาสนาต่อกัน
“วาสนาเป็นนามธรรมค่ะ ขอตัวนะคะ” ระรินเดินไปขึ้นรถเลย
“แต่รักแรกพบเป็นความจริงนะครับ” วิลิตยิ้มกริ่มมองตามระรินไปอย่างไม่ยอมแพ้
ฝ่ายระรินทำเชิดเดินไปขึ้นรถแล้วก็หัวใจเต้นแรง ยิ้มหน้าแดง ถามตัวเองว่ายิ้มทำไมนักหนาเนี่ย แล้วระรินก็ได้รับโทรศัพท์ เธอถามปลายสายอย่างดีใจมากว่า “จริงเหรอคะ...”
ooooooo
เช้าวันต่อมาระรินไปที่บ้านพิชัยเดชาเธอมองปี่ในตู้กระจกอย่างสนใจ พิชิตชัยเล่าความเป็นมาว่า
“ปี่เลานี้เป็นมรดกตกทอดมาหลายต่อหลายรุ่น ผ่านเรื่องราวความผูกพันมายาวนาน” ระรินบอกว่าตนทราบว่าปี่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดทำมิวเซียมใช่ไหม “ครับ ผมขอบคุณนะครับที่ยอมตกลงมาช่วยเรื่องการทำมิวเซียมในครั้งนี้ ได้ภัณฑารักษ์ไฟแรงมาช่วย ผมคงตายตาหลับสักที”
“พ่อลืมผู้อำนวยการมิวเซียมสุดหล่อไปอีกคนนะครับ” วิลิตเดินยิ้มสดชื่นเข้ามา แล้วแนะนำตัวเองทันที “สวัสดีครับ ผมวิลิต ผู้อำนวยการมิวเซียม เราจะทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันให้มิวเซียมของเราเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ”
พิชิตชัยขัดคอว่าวันก่อนยังโวยวายว่าจะขาย
วันเดียวหน้ามือเป็นหลังมือ อะไรดลใจหรือ วิลิตมองระริน พูดเต็มปากเต็มคำว่า
“เรียกว่าแรงบันดาลจากหัวใจดีกว่าครับ” พิชิตชัยปรามว่าไอ้วี...เบาๆหน่อย วิลิตมองระรินอย่างโหยหา “ขอโทษนะครับที่ผมอาจจะดูไม่สุภาพ แต่ผมรู้สึกเหมือนผมรอมานานไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทันทีที่เจอคุณระริน ความรู้สึกผมก็บอกว่าผมจะไม่ยอมเสียเวลาอีกแม้แต่นาทีเดียวที่จะขอมีคุณระรินในชีวิต”
ระรินขอตัวไปสำรวจรอบๆก่อนแล้วค่อยมาคุยเรื่องไอเดียกับพิชิตชัย พอระรินไป พิชิตชัยก็ปรามวิลิตว่า “ถ้าไม่จริงจังก็หยุดเลยนะ กว่าพ่อจะหาภัณฑารักษ์ฝีมือดีได้นี่ยากมาก ถ้าเขาไม่รับงานนี้พ่อจะเล่นงานแก”
วิลิตบอกว่าคนนี้ผมหวังแต่งเลย แล้วขอตัวไป เลขาบอกว่าไม่เคยเห็นคุณวิลิตจริงจังกับใครแบบนี้มาก่อน พิชิตชัยยิ้มๆ เชื่อว่า “ถ้าคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก”
ไม่นานที่ถนนเลียบริมทะเล ก็มีรถเปิดประทุนหรูขับมา มีระรินนั่งข้างคนขับ ทั้งสองสดชื่นแจ่มใสมาก
และอีกหลายปีต่อมา...วิลิตที่เดินคู่กับระรินที่ชายหาดก็ยังแสดงความรักราวกับเพิ่งรักกันใหม่ๆ แล้ววิลิตก็คุกเข่าหยิบแหวนออกมาเอ่ย
“Will you marry me?”
“Yes.”
ระรินยื่นมือซ้ายไปข้างหน้า วิลิตดีใจมากสวมแหวนให้ระรินด้วยความรักแล้วอุ้มระรินหมุนไปรอบๆ
“ผมจะไม่ยอมปล่อยมือจากคุณอีก ผมสัญญา”
“ขอบคุณนะคะที่ทำเพื่อริน”
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข จับมือกันเดินไปบนชายหาดที่แสนสวย...
*********อวสาน*********
อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 12[ตอนอวสาน] วันที่ 4 ธ.ค.61
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทประพันธ์โดย เสน่ห์ โกมารชุนละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทโทรทัศน์โดย บลูลาวา
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ที่มา ไทยรัฐ