อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 12 วันที่ 3 ธ.ค.61
“ผมขอโทษพิกุล แต่ผมไม่อยากให้คุณฆ่าใคร มันจะกลายเป็นบาปติดตัวคุณนะ”“อิฉันไม่สน!! ครอบครัวอิฉันต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน อิฉันตายเพราะคำโกหก ถูกทรยศจากที่คนบอกว่ารัก ความเจ็บแค้น ความเสียใจที่มันอัดอั้นอยู่ในนี้” พิกุลทุบอกตัวเองปึ้กๆๆ “อิฉันเกลียดตัวเองที่ต้องเห็นวิญญาณพ่อแม่ทรมานเพราะอิฉัน! เกลียดที่ตัวเองเป็นผู้หญิงโง่ๆที่รักคนผิด เกลียดที่ยอมตายบูชาให้กับความรักทรยศ ในขณะที่ทุกคนที่ทำลายอิฉันกลับได้ไปเกิดใหม่ มีชีวิตที่สุขสบาย แต่อิฉันกลับต้องติดอยู่ที่นี่ สิงสู่กับความแค้นทรมานตัวเองกับกรรมที่พวกคุณหลวงก่อ...ทุกคืน...ทุกวัน อิฉันอยู่รอเพื่อเอาคืนทุกคนที่มันทำลายชีวิตอิฉัน!”
นิราศเห็นพิกุลร้องไห้ด้วยความแค้นก็เดินเข้าไปหาและกอดพิกุลไว้ บอกว่า
“ถ้ามันเป็นเพราะผมที่ทำให้คุณต้องเจ็บปวดแบบนี้ ก็ขอให้เอาชีวิตผมไป ขอให้ผมชดใช้ความผิดของผมให้กับคุณ” พิกุลถามว่าทำไมคุณหลวงถึงได้หักหลังความรักของเรา? “ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ผมเชื่อนะพิกุล ว่าหัวใจของผมมีแต่คุณคนเดียวตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ หัวใจของผมเป็นของคุณคนเดียว ปล่อยนิสาไปเถอะนะ แล้วผมจะอยู่กับคุณที่นี่ตลอดไป”
พิกุลถามว่าคุณหลวงยอมสละชีวิตเพื่อมัน นิราศบอกว่านิสาไม่ได้ผิดอะไร คนที่ผิดคือตน พิกุลบอกว่าถ้านิสาไม่ผิดก็คงผิดที่ตนใจอ่อน หากปล่อยให้คุณยศสิ้นใจด้วยไฟเผากลางเรือนแต่แรกที่พบกันตนคงไม่ต้องมาเจ็บช้ำในวันนี้
นิสาเห็นมือพิกุลค่อยๆเลื่อนจากกลางหลังมาที่คอและในมือพิกุลกำมีดเงื้อจะแทงคอนิราศ นิสาตกใจร้อง แต่ถูกพิกุลใช้อำนาจกดไว้ไม่ให้มีเสียง บอกนิราศว่าตอนนี้ตนรู้แล้วว่าควรจะเลือกอะไรเพื่อให้เรื่องนี้มันจบเสียที นิราศรับรู้การกระทำของพิกุลเขายิ่งกอดพิกุลไว้แน่นซุกหน้ากับพิกุลเตรียมเจอกับวาระสุดท้ายของชีวิต
พิกุลตัดสินใจจะแทง แต่พอปลายมีดใกล้คอนิราศกลับชะงัก พิกุลต่อสู้กับตัวเองพยายามจะแทงแต่ตัดใจไม่ได้เมื่อนึกถึงความสุขในยามนิราศแสดงความรักกับตน นิราศพูดอย่างอ่อนโยนสงบนิ่งว่า
“ไม่เป็นไรนะ อย่างน้อยผมก็ยังได้กอดคุณไว้ในอ้อมแขนเป็นครั้งสุดท้าย ผมรักคุณ...รักมาตลอดตั้งแต่เห็นคุณครั้งแรก ขอให้คุณรู้ว่าหัวใจของผมจะมีแค่คุณคนเดียวไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน”
พิกุลตัดสินใจปล่อยมีดเอาแต่ร้องไห้ อำนาจของพิกุลคลายทำให้นิราศขยับได้ นิราศหยิบมีดขึ้นมา จับมีดใส่มือพิกุลหันปลายมีดมาที่ตัวเอง ยิ้มกับความตายบอกพิกุลว่า
“ถ้าไม่มีพิกุล ผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ ผมทำให้พิกุลต้องติดอยู่ที่นี่ ผมจะชดใช้ให้คุณด้วยชีวิต”
“ไม่!!!” ทั้งพิกุลและนิสาร้องพร้อมกัน มีดในมือนิราศหายไป นิราศถามพิกุลว่าทำไม?
“อิฉันทำไม่ได้ อิฉันทนเห็นคุณตายต่อหน้าต่อตาอิฉันไม่ได้ ต่อไปนี้อิฉันคงไม่มีหน้าไปเจอพ่อกับแม่อีกแล้ว...สุดท้ายอิฉันมันก็เป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอ ผู้หญิงขี้แพ้ที่น่าสมเพช!!! อิฉันแพ้แล้ว แพ้ให้กับหัวใจของอิฉันที่มันรักคนอื่นมากกว่าครอบครัว...มากกว่าชีวิตตัวเอง”
“คุณไม่ได้แพ้เลยพิกุล” เสียงพุดกรองแทรกขึ้น มองด้วยสายตาอ่อนโยน...“ทุกอย่างที่คุณทำมันเป็นเพราะหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่ของคุณที่มีต่อหลวงราช รักที่ยิ่งใหญ่แม้ความตายก็ไม่อาจหยุดหัวใจรักของคุณได้”
“แต่สิ่งที่อิฉันทำมันสูญเปล่า อิฉันสละทุกอย่างเพื่อความรักที่หลอกลวง”
“บางทีเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้น สิ่งที่คุณรับรู้อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด”
แล้วเหตุการณ์ในอดีตคืนที่นิราศแต่งงานและพิกุลเป่าปี่จนขาดใจตายที่ท่าน้ำบ้านพิชัยเดชาหวนกลับมาสู่ความทรงจำอีกครั้ง...
คืนนั้นหลวงราชมาที่ท่าน้ำเห็นพิกุลฟุบอยู่กับพื้นก็ตรงเข้าประคองพยายามเรียกพิกุลให้รู้สึกตัว แต่เมื่อสารภีมาเห็นถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตายแล้วหรือเจ้าคะ...ตายเสียก็ดีนะเจ้าคะ...น่ารำคาญออกเจ้าค่ะเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีโง่ๆ”
หลวงราชประคองร่างพิกุลที่หมดลมหายใจแล้วตะคอกให้สารภีหุบปาก สารภีจะหยิบปี่ของพิกุล หลวงราชตวาดว่าอย่าเอามือสกปรกของหล่อนมาแตะต้องของของพิกุล สารภีเย้ยว่าที่คุณหลวงกอดอยู่ต่างหากที่สกปรกนับวันมีแต่จะเน่าเปื่อย หลวงราชโต้ว่าหล่อนสกปรกยิ่งกว่าซากศพ กอดศพเมียตนยังดีกว่ากอดร่างเป็นๆ ของหล่อน สารภีอ้างว่าตนต่างหากที่เป็นเมียที่ถูกต้องของคุณยศ
หลวงราชประกาศว่าเมียตนคือพิกุลคนเดียวเท่านั้น ตนไม่มีวันอยู่ร่วมชายคาเดียวกับหล่อนได้ ไล่ไปให้พ้นหน้าตนเสียแต่ตอนนี้ สารภีแค้นเอาลิ่มแบ่งชาจะแทงพิกุล หลวงราชยิ่งเกลียดชังประณามว่า ใจหล่อนหยาบช้าคิดทำร้ายแม้ร่างคนที่ตายแล้ว บอกว่าที่ตนยอมแต่งงานกับหล่อนเพราะการเมืองไม่ใช่ความรัก และจะไม่มีวันรัก สารภีประกาศว่าอะไรที่ตนไม่ได้ก็อย่าหวังว่าใครจะได้เหมือนกัน แล้วจะแทงหลวงราช
หลวงราชบอกว่าหากหล่อนจะให้ตนตายด้วยอาวุธของหล่อน หล่อนแทงผิดที่เสียแล้ว แล้วจับมือสารภีให้แทงตรงหัวใจซ้ำๆ พูดก่อนสิ้นใจว่า “ฉันพร้อมจะตายเสียตอนนี้ เพื่อไม่ต้องข้องเกี่ยวกับหล่อนอีกต่อไป”
เมื่อรับรู้เหตุการณ์ในอดีต พิกุลถามว่าเป็นความจริงหรือ ตนไม่เคยรู้ นิราศบอกว่าอย่างน้อยเราก็ได้เห็นว่าตนไม่เคยทรยศต่อเธอ ชาตินี้ตนได้แต่บอกรักเธอ แต่ไม่เคยพิสูจน์ว่ารักมากแค่ไหน
พิกุลรู้สึกผิดที่อาฆาตพยาบาทเพราะไม่รู้ นิราศบอกว่านับจากนี้ตนจะไม่จากเธอไปไหน ตนจะอยู่ที่นี่กับเธอ พิกุลมองนิราศด้วยความรักสุดซึ้ง ขณะนั้นเองเสียงกรวดน้ำของทิพย์เกสรแว่วมา ขออุทิศส่วนกุศลจากการทำบุญให้พิกุล หากนายนิราศได้เคยล่วงเกินท่านไว้ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน
พิกุลรับรู้และขออโหสิกรรมให้คุณหลวงและคุณหญิง “ด้วยกุศลแห่งอภัยทานนี้ ขอให้อิฉันเห็นทางสว่างพ้นบ่วงหมดพันธะที่อิฉันผูกกับคุณยศไว้แต่เพียงเท่านี้” แต่นิราศไม่ยอมจะตามพิกุลไป
พิกุลบอกว่าถ้าเขาฆ่าตัวตายก็จะต้องติดกรรมฆ่าตัวตายอยู่ที่นี่ ในขณะที่ตนชดใช้กรรมเราจะไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน เราจะไม่เป็นสุขและวนเวียนใช้กรรมที่ไม่มีวันได้มาพบเจอกันอีก ถามว่าคุณหลวงรักตนไหม นิราศบอกว่ารักมากกว่าชีวิตของตน
“ถ้าพิกุลขอให้เราต่างอโหสิกรรมให้กันและกัน จบการจองเวรกันนับตั้งแต่บัดนี้ แยกย้ายไปสู่ภพภูมิตามกรรมกำหนด คุณจะทำเพื่อพิกุลได้ไหมเจ้าคะ”
ในที่สุดนิราศขออโหสิกรรมในทุกการกระทำที่พิกุลทำกับตน นิสาเข้ามายกมือไหว้ขออโหสิกรรมด้วย
เมื่อต่างอโหสิกรรมให้กันแล้ว ร่างพิกุลก็เริ่มเลือนรางบอกว่าตนต้องไปแล้ว นิราศถามว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้พยายามจะคว้าตัวพิกุลแต่จับต้องไม่ได้
พุดกรองบอกว่าเมื่อหัวใจรักของพิกุลอยู่เหนือความแค้นและอโหสิกรรม ทางก็จะเปิดให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่วนเวียนอยู่ที่นี่อีกต่อไป
นิราศถามว่าตนจะได้เจอกับพิกุลอีกไหม พุดกรอง บอกว่าทุกสิ่งต้องเป็นไปตามกรรมหากแต่เมื่อตัดขาดจากกันก็เป็นเรื่องของบุญวาสนาที่เคยร่วมสร้างจะชักนำให้พบเจอ นิราศจึงพนมมือตั้งจิตอธิษฐาน
“บุญใดที่ผมได้เคยทำมา รวมถึงนับจากนี้และตลอดไป ขอให้เป็นแรงหนุนนำให้ผมได้เจอกับพิกุลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ขอให้เป็นวาสนาชักพาให้ได้พบมิใช่กรรมอีกต่อไป”
ร่างพิกุลเลือนรางจนกลายเป็นอากาศธาตุ นิราศคลุ้มคลั่งร้องสุดเสียง “ไม่นะ...พิกุล...ไม่!!!” แล้วโผเข้ากอดพิกุล แต่ในวินาทีนั้นทั้งเธอและนิราศรับรู้ได้ว่าเนื้อตัวของทั้งสองสัมผัสกันอยู่ในอ้อมกอดกันราวปาฏิหาริย์ ทั้งสองมองกันอย่างลึกซึ้งพิกุลน้ำตาเปื้อนแก้มบอกนิราศว่า “อิฉันต้องไปแล้วเจ้าค่ะ” นิราศจูบพิกุลทั้งน้ำตาบอกว่า “เราจะต้องมีวาสนาได้พบกันอีก...ผมสัญญา”
ร่างพิกุลเลือนรางจนหายไปต่อหน้านิราศ พอนิราศลืมตาไม่เห็นพิกุลแล้วทรุดลงอย่างหมดแรง เชือกที่มัดนิสาก็หายวับไป นิสาตกใจทำอะไรไม่ถูก พอดีสินธรกับอัปสรขึ้นเรือนมาจึงพานิราศไปโรงพยาบาล
ต่อมาทิพย์เกสรได้รับแจ้งว่านิราศอยู่โรงพยาบาลและสมคิดกำลังตามไปที่โรงพยาบาล
ส่วนนิสาไปที่วัด เจอพุดกรองร้อยมาลัยอยู่จึงขอร่วมร้อยด้วย ถามพุดกรองว่าการพบกันบนโลกนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญใช่ไหม พุดกรองบอกว่ากรรมคือตัวกำหนด แล้วขอตัวไปเอาดอกไม้เพิ่ม นิสาถือกระจาดเดินตามไป แต่พุดกรองหายไปแล้ว นิสาเดินตามหาจนได้ยินเสียงกวาดใบไม้ พอเดินไปหาก็เห็นแต่ไม้กวาดพิงโกศอยู่ นิสาเข้าไปเอามือเช็ดรูปที่หน้าโกศ ปรากฏรูปพุดกรองขึ้นมา นิสาถึงกับกระจาดดอกไม้ร่วงจากมือ
มีแม่ชีเข้ามาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าหรือเป็นลูกหลานท่านหรือเปล่า นิสาจึงรู้จากแม่ชีว่า แม่ชีพุดกรอง เป็นแม่ชีนักปฏิบัติท่านมีครูบาอาจารย์อยู่ที่นี่ ท่านชอบไปปฏิบัติตามป่าเขาจนไปเสียที่ถ้ำแห่งหนึ่งทางเหนือ อาจารย์ท่านเห็นว่าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยเอากระดูกมาบรรจุที่นี่
นิสาสะเทือนใจอย่างที่สุด ไหว้พุดกรองอย่างเคารพ บอกว่าตนทำเรื่องเลวร้ายกับเธอไว้มาก แต่เธอก็ยังช่วยตนตลอด บอกกล่าวว่า “จากนี้ไปพี่จะใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดเพื่อชดเชยให้กับทุกคนที่พี่เคยทำร้าย ขอบคุณที่ชี้ทางให้พี่ได้มีโอกาสแก้ไข ขอบคุณ...คุณพุดกรอง”
ooooooo
วันต่อมา อัปสรมานั่งที่ท่าน้ำสีหน้าเป็นกังวล สินธรบอกว่าเราช่วยเขาได้เท่านี้แหละ ขณะนั้นเองทั้งสองก็ได้ยินเสียงดังขึ้นพอชะโงกดูเห็นอะไรบางอย่างผุดขึ้นจากใต้น้ำ
สินธรโน้มตัวไปหยิบ พลันก็ตะลึงอึ้ง ปี่ท่านจันนั่นเอง! สินธรดีใจมากเมื่อได้สิ่งที่ตามหาแล้ว สินธรกับอัปสรเอาปี่ไปที่บ้านเจ้าคุณพิชัยตามที่สารวัตรเขียนแผนที่ให้ สินธรหยิบปี่จากย่ามพึมพำอย่างเป็นสุข
“ปี่เลานี้จะได้อยู่ในที่ที่สมควรอยู่เสียที”
อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 12 วันที่ 3 ธ.ค.61
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทประพันธ์โดย เสน่ห์ โกมารชุนละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทโทรทัศน์โดย บลูลาวา
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ที่มา ไทยรัฐ