อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 8 วันที่ 28 พ.ค.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 8 วันที่ 28 พ.ค.62

“ค่ะ ฉันจะลืมอดีต ฉันจะมีแต่ปัจจุบัน...ปัจจุบันที่จะไม่มีวันอ่อนแอเหมือนเดิม” กลินท์แอบยิ้มร้าย เบนโล่งใจ จากนั้นสังคมจึงเห็นภาพเบนกับกลินท์ไปไหนมาไหนด้วยกันจนหนังสือพิมพ์และโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยข่าวและข้อความที่กระแนะกระแหนและด่ากลินท์ว่า “หา ‘ผู้’ ได้ไวจริงๆ”... “ฉันสงสารเบน”

ป้าก็อตบ่นกับแป้งร่ำและข้าวนึ่งที่เป็นฝ่ายกลินท์ว่า “ลินคิดอะไรของเขาเนี่ย” แต่ก็พูดอย่างคนเข้าใจโลกว่า “ช่วยไม่ได้ ที่ผ่านมาลินท์ทำตัวน่าเกลียดจริงๆ ขนาดป้าอยู่ข้างลินท์บางทียังรับไม่ได้เลย โตๆกันแล้วน่าจะรู้



เป็นคนของประชาชนต้องทำตัวยังไงถึงจะอยู่ได้นาน

เป็นดาวค้างฟ้าที่มีแต่คนชื่นชม นี่ลินท์เอาแต่อารมณ์ตัวเอง ร้าย แรง เหวี่ยง”

ป้าก็อตพูดเหมือนเตือนใจทุกคนว่า

“นี่เป็นตัวอย่างนึงที่ป้าย้ำนักย้ำหนา ทำอะไรต้องคิดให้ดีๆ เพราะอะไรที่เกิดขึ้นมาแล้วมันคือประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องคาวๆ คนเขาจะจำนัก อีกสิบปีผ่านไปคนรุ่นใหม่ที่เขาพูดถึงลินท์เขาก็จะตราหน้าลินท์ว่า ‘อ้อ! กลินท์ดาราที่เคยเป็นเมียน้อยน่ะเหรอ’ โทษใครได้ล่ะ นอกจากโทษตัวเอง”

ทุกคนถอนใจ แล้วฟังป้าก็อตพูดต่อ

“แล้วรอดูเรื่องเบนนะ ถ้าลินท์ตอบอะไรให้คนดูเขารู้สึกว่าตัวเองกินหญ้า รับรองลินท์เละแน่ๆ”

พูดแล้วป้าก็อตนึกได้ว่ามีประชุม สั่งไกด์ให้โทร.คอนเฟิร์มอาจารย์สร้อยสังวาลด้วย เร่งลูกโซ่กับตูบศักดิ์ให้เข้าห้องประชุมบอกว่างานพรุ่งนี้มัน elegant มากเชิญไฮโซมาเยอะเลย

ฝ่ายสร้อยสังวาลอ่านข่าวของกลินท์แล้วได้แต่ห่วงใย ถอนใจพึมพำ...

“กรรมเก่าไม่พอยังคิดจะสร้างกรรมใหม่ นี่ละน้อ... เขาถึงเรียกคนมีกรรม...”

สายป่านเห็นคลิปในไอจีที่เน่าถ่ายกลินท์อยู่กับเบนและเรียกกันว่าเบ๊บซึ่งแปลว่าเพื่อน สายป่านบ่นว่าเขายิ่งหาว่าลินท์สะตอยังมาถ่ายอะไรแบบนี้อีก เน่าบอกว่าตนแค่ถ่ายเล่นๆ สายป่านบ่นแกมด่าว่าต่อไปทำอะไรช่วยคิดให้เยอะหน่อย เน่าถามว่าก็แล้วมันไม่ดีเหรอ

ถ้าลินท์กับเบนจะคบกัน

“คบก็บอกว่าคบสิ ไม่ต้องลีลาเบ๊บแปลว่าเพื่อน ที่สำคัญแน่ใจนะว่าลินท์จะคบเบนจริงๆ ไม่ได้คบเบนเพื่อเป็นไม้กันหมาให้คนที่เขาก็รู้อยู่ว่าเป็นใคร”

ฝ่ายอินทร์เห็นข่าวของกลินท์กับเบนแล้วหงุดหงิด ปติมาที่สังเกตอยู่ตลอดเวลาถามว่าเขาไม่คิดจะเลิกกับกลินท์จริงๆใช่ไหม ทั้งๆที่รู้ว่ากลินท์กำลังคบกับเบน อินทร์บอกว่าเธอทำประชดตน

ปติมาทั้งเสียใจและเจ็บใจมากบอกอินทร์ว่า

อย่าคิดว่าตนจะยอมแพ้ง่ายๆ ยิ่งเขาบีบตนมากเท่าไรคนที่จะเละคือกลินท์! ตนเจ็บมากเท่าไหร่มันต้องเจ็บมากกว่าตนหลายเท่า

ดุษฎีได้ยินทั้งสองโต้เถียงกัน ปรามปติมาว่ายิ่งทำอย่างนี้ผัวยิ่งหนี เอาเถอะ จะทำอะไรก็ได้ที่เธอสบายใจ แต่ถ้าไม่สบายใจก็เลิกกับอินทร์เสีย ปติมาตัดพ้อว่านึกแล้วว่าต้องได้ยินคำพูดแบบนี้ แต่ตนไม่สนใจ ปติมาโกรธจนด่าดุษฎีว่าคุณแม่เข้าข้างลูกชายโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด ทำตัวแบบนี้ไม่สมควรได้เป็นคุณหญิงเลย ด่าแล้วเดินออกไปเลย

“ยายติ๊ ออกไปเลยนะ ออกจากบ้านฉันแล้วไม่ต้องกลับมาอีก”

ปติมาดวงตาวาวโรจน์อย่างถือดีไม่ยอมแพ้ ไปหาแพมบอกว่าเขาไล่ขนาดนี้ตนคงไม่กลับไปแล้ว แพมบอกว่าคนเราถ้าหมดรักกันแล้วคิดแต่จะทำลายกันก็ต่างคนต่างไปดีกว่า แยกย้ายกันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่เขารักเธอจริง ปติมาไม่สนใจ บอกแพมด้วยสีหน้าแค้นอาฆาตจะเอาชนะให้ได้ว่า

“ฉันจะยื้อเอาไว้ทั้งอินทร์ทั้งนังกลินท์ เอาให้

ดิ้นพล่าน ไม่ก็ต้องถูกตราหน้า ศีลธรรมต่ำทั้งสองคน!”

ooooooo

อินทร์ว้าวุ่นใจมากสั่งเลขาให้จองตั๋วเครื่องบินให้ตนจะเข้ากรุงเทพฯ ไฟลท์์ไหนก็ได้ให้เร็วที่สุด

วางสายจากเลขาก็กดหากลินท์ทันที

เสียงมือถือกลินท์ดังขึ้น แต่เป็นสายจากเบนชวนไปทำบุญกันเพราะอยากให้เธอสบายใจจะได้ถือโอกาสทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรของเธอด้วย ไปทำโรงทานด้วยกันตนจะทำกับข้าวเอง กลินท์มีข้อแม้ว่าหลังจากทำโรงทานแล้วเขาต้องไปดินเนอร์กับตน เบนบอกเอาที่เธอสบายใจก็แล้วกันตนพร้อมเสมอ



วางสายจากเบน สายของอินทร์ก็เข้ามา อินทร์ดีใจมากที่กลินท์รับสาย แต่ก็ถูกกลินท์กวนประสาททำเป็นพูดกับสายป่านว่าคืนนี้ตนไม่ว่างมีนัดกับเบน บอกสถานที่ที่เคยนัดประจำกับอินทร์ อินทร์ได้ยินก็ฉุนขาดถามว่าเธอนัดไอ้หมอนั่นในที่ที่เรานัดกันประจำได้ยังไง กลินท์บอกว่าตนกับเบนกำลังคบกัน

“ผมไม่ยอมนะลินท์” แต่กลินท์ตัดสายทิ้งไปแล้ว อินทร์ร้อนรุ่มว้าวุ่นใจถามเลขา “ตั๋วเครื่องบินได้หรือยัง ผมจะไปกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้”

กลินท์เตรียมตัวออกจากบ้าน สายป่านถามว่าจะไปไหน กลินท์บอกว่ามีนัดกับเบน

สายป่านเตือนสติว่าอย่าเห็นเบนเป็นเหยื่อ แล้วล้อเล่นกับความรู้สึกของเบน กลินท์สวนทันควันว่าตนคบกับอินทร์เธอก็ด่า พอคบกับเบนเธอก็ว่า ถามว่าอะไรของเธอเนี่ย!? พูดมาตรงๆเลยดีกว่า

สายป่านเปิดคลิปเสียงของกลินท์ที่คุยกับอินทร์ให้ฟัง ชี้ว่าคลิปนี้เธอจงใจเมกขึ้นมา จงใจสร้างกระแส เตือนสติเพื่อนว่าอย่าปล่อยให้ความหลงผิดมันครอบงำจนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไป ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เธอทำมันจะย้อนคืนมาทำลายตัวเธอเอง

กลินท์โต้ว่าพวกเขาทำกับตนก่อน โดยอ้างเหตุการณ์ในชาติก่อนที่ตนถูกหลอกถูกฆ่าทั้งที่ตนเป็นเมียเจ้าน้อยมาก่อน สายป่านพูดอย่างระอาว่าอีกแล้ว อ้างชาติโน้นชาตินี้ที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ และถ้าเธอรู้ว่ามันเป็นกรรมเธอยิ่งต้องหยุด กลินท์บอกว่า “ฉันหยุดไม่ได้”

“เธอหยุดไม่ได้เพราะจริงๆแล้วเธอยังรักอินทร์ อยากได้อินทร์ต่างหาก ถามหน่อยเถอะพี่ติ๊ผิดอะไร?”

กลินท์โพล่งว่าเพราะชาติที่แล้วพี่ติ๊ฆ่าตน สายป่านเลยแนะให้เธอไปหาจิตแพทย์ กลินท์ตัดพ้อว่าเธอไม่เคยเชื่อตนเลย

“ไม่ใช่แค่ฉัน ไม่มีใครเชื่อเธอเลยต่างหาก” ตำหนิกลินท์ว่าปล่อยคลิปออกไปอย่างนี้เธอต่างหากที่โง่

“ฉันไม่ได้โง่ ฉันกำลังทวงความแค้นของฉันคืน ต่อให้คนทั้งโลกด่า ฉันก็ไม่สน ฉันไม่ยอมตายฟรีหรอก”

สายป่านรับไม่ได้ไปคุยกับเน่าที่ร้านกาแฟ เน่าบอกว่าเธอไม่น่ารุนแรงกับลินท์ขนาดนั้น สายป่าน

ถามว่าแล้วจะให้ตนเชื่อเรื่องที่ลินท์เล่าหรือ

“ฉันเคยบอกเธอแล้วไง เรื่องที่ลินท์เล่ามีสถานที่ยืนยันข้อมูลจริงๆ” เน่าเปิดคอมฯให้สายป่านดู

สายป่านเสียงอ่อนลงว่าแต่มันไม่ได้หมายความว่ามีสถานที่จริงแล้วลินท์จะระลึกชาติได้จริง ลินท์อาจไปอ่านหนังสือประวัติศาสตร์แล้วโยงนั่นโยงนี่มโนเข้าข้างตัวเอง เน่าติงว่าทำไมเธอมองลินท์ร้ายอย่างนั้น บอกสายป่านให้ใจเย็นๆตนเข้าใจเธอ แต่ตนก็อยากให้เธอเข้าใจลินท์ด้วย เน่าพูดอย่างเยือกเย็นว่า



“ไม่มีใครอยากเอาตัวเข้าไปพัวพันกับรักสามเส้าหรอก แต่บางเรื่องมันอาจจะเป็นเรื่องของชะตาที่เรา ควบคุมไม่ได้”

“สรุปแล้วแกก็ยังเข้าข้างลินท์ว่างั้น” สายป่านค้อนคว้ากระเป๋าออกไปงอนๆ เน่ามองตามอย่างไม่ค่อยสบายใจ รีบวิ่งตามไปบอกว่าอย่าเพิ่งโกรธสิ ตนพูดเพราะเข้าใจลินท์ สายป่านถามว่ายอมตามใจลินท์ทั้งที่รู้ว่ามันผิดหรือ? ทำแบบนั้นตนว่าไม่ใช่เพื่อนแท้! สายป่านสะบัดไปเลย เน่าถอนใจอย่างเข้าใจทั้งสองคน

ooooooo

ปติมากับแพมนั่งฟังคลิปที่กลินท์จงใจปล่อย ปติมาบอกแพมว่าเห็นแล้วใช่ไหมว่าลินท์ไม่ยอมหยุด จงใจปล่อยคลิปให้รู้ว่าอินทร์ไม่ได้รักตน ลินท์ต้องการทำลายตน

แพมติงว่าไม่เห็นจะทำลายตรงไหน เธอมีแต่ได้ เพราะจะเห็นว่าลินท์เป็นเมียน้อยที่น่าสมเพช และเธอก็เป็นเมียหลวงที่น่าสงสาร ปติมาสวนทันควันว่าตนไม่ได้อยากเป็นคนที่น่าสงสาร!

“ติ๊ เธอต้องใช้สิ่งที่เกิดขึ้นให้มันเป็นประโยชน์สิ...

ต่อให้เมียน้อยมันมีแผนร้อยแปด ยังไงคนทั้งประเทศ

ก็เทใจเชียร์เมียหลวงอยู่แล้วจะกลัวอะไร จัดการให้มันไม่มีที่ยืนทำให้มันหมดราคาต้องออกจากวงการในที่สุด”

ปติมามองแพม แอบยิ้มเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ตนตั้งใจจะทำอยู่แล้ว แล้วปติมาก็พิมพ์ข้อความลงในเพจ แอนตี้กลินท์อย่างเผ็ดร้อน และคนก็เสพข่าวตามโซเชียลอย่างเมามัน มีทั้งด่าและเข้าข้างกลินท์ แต่กลินท์ไม่สนใจ ไปที่โรงทานตามที่นัดไว้กับเบน

แม้เบนจะเอาใจกลินท์ แต่เขาก็บอกว่าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำ เธอไม่น่าปล่อยคลิปนั้นเลยจริงๆเพราะมันทำให้ตนรู้สึกว่าเธอยังมีเยื่อใยกับคุณอินทร์ ยังไงเธอก็ยังมีคุณอินทร์อยู่เต็มหัวใจและตนก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน

กลินท์บอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เบนบอกว่าเอาไว้เมื่อเธอพร้อมค่อยบอกตนก็ได้แล้วเดินไปเลย

“ฉันขอโทษนะเบน แต่ฉันหยุดตัวเองไม่ได้” กลินท์พึมพำแผ่วเบา เดินไปอีกทางอย่างไม่แคร์เบนเลย

สายป่านหงุดหงิดเป็นห่วงกลินท์ แต่ก็นึกถึงที่แม่ชีเคยบอกว่า

“อดทนหน่อยนะสายป่าน วันไหนที่ลินท์พ้นวิบากกรรมลินท์จะรู้ว่าสิ่งที่ลินท์ทำมันคือความผิดมหันต์”

คิดได้แล้วสายป่านถอนใจคว้ากระเป๋าออกไปทั้งที่ใจยังห่วงกลินท์มาก

กลินท์ไปรอเบนที่ร้านหรูที่เคยไปประจำกับอินทร์ แต่นั่งรอแล้วรอเล่าเบนก็ไม่มาสักที กลินท์ส่งไลน์ไปบอกว่าตนรออยู่ ส่งไปแล้วเบนก็ไม่อ่าน กลินท์ถอนใจส่งไลน์ไปอีก...

“นี่คุณโกรธฉันจริงๆหรือ ฉันขอโทษ รีบมานะ ฉันจะรอจนกว่าคุณจะมานะ”

แต่เบนก็ยังไม่อ่านอยู่ดี ที่แท้เบนกำลังลงจากรถจะขึ้นไปหากลินท์เลยไม่ได้อ่านไลน์


กลินท์รอไปดื่มไปจนเริ่มมึนๆอินทร์ก็เดินเข้ามา พอดีบนเวทีนักร้องร้องเพลง “ยิ่งห้ามยิ่งหวั่นไหว” กลินท์ที่กำลังมึนเดินขึ้นไปขอไมค์จากนักร้องมาร้องเองหน้าตาเฉย อินทร์เดินเข้ามากลินท์กำลังร้องถึงท่อน...

“ใจยิ่งห้ามยิ่งหวั่นไหว ทำไมต้องเป็นแบบนั้น อยากลบความผูกพันที่ฉันมีต่อเธอ...” พอดีอินทร์มองกลินท์อย่างมีความหวังมากคิดว่ากลินท์ยังมีเยื่อใยกับตน

แต่ข้างหลังอินทร์ ปติมากำลังเดินตามมาโดยอินทร์ไม่รู้ตัว กลินท์ยังคงร้องเพลงต่ออย่างมีอารมณ์...

“ยิ่งเจ็บยิ่งรักไม่เข้าใจ ยิ่งเกลียดเท่าไหร่ก็ยิ่งเจอ ทำไมต้องรักเธอ...ได้แต่ถามใจทำไมนะ...ทำไม”

ทันใดนั้นกลินท์เห็นอินทร์ก็ส่งสายตาให้ อินทร์ดีใจ แต่ปติมาเดือดมาก เบนเดินรั้งท้ายตามมาเห็นทุกอย่าง ได้ยินกลินท์ร้องเพลงเหมือนจะรอให้อินทร์กลับมาก็สีหน้าหม่นหมอง เดินออกไปโดยไม่สนใจกลินท์เลย

ooooooo

กลินท์ร้องเพลงจบเดินลงจากเวที อินทร์ยิ้มปลื้มรีบไปหาด้วยความหวัง แต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อปติมาตามมาคว้าแขนไว้ ยิ้มให้อินทร์ทำไม่รู้ไม่ชี้ สายป่านเดินตามมาเห็นเต็มตาตกใจมาก

กลินท์เดินผ่านอินทร์ ทักปติมาอย่างไม่สะทกสะท้านว่าไม่คิดว่าจะเจอพี่ติ๊ที่นี่ ถามว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศหรือ ปติมายิ้มหวาน กลินท์พูดต่ออีกว่า กินแกงจืดอยู่บ้านนานๆก็เบื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดี

“ใช่...แกงจืดที่บ้านอาจจะจืด คงสู้แกงกะหรี่ไม่ได้” ปติมาเน้นคำกะหรี่และตวัดตามองกลินท์คมกริบ “แต่อินทร์เขาชอบกินแกงจืดมากนะลินท์ นานๆถึงจะกินแกงกะหรี่ที ใช่ไหมคะอินทร์”

อินทร์รับสถานการณ์ไม่ทันทำอะไรไม่ถูกเพราะคนมองกันเต็ม ปติมายิ้มหวานบอกกลินท์ว่า

“อีกอย่างสถานที่ดีๆแบบนี้ เขาคงไม่ขายแกงกะหรี่ คนที่อยากกิน อยากขาย คงต้องไปที่อื่น” หางตาใส่กลินท์แล้วพูดเยาะ “ขอตัวนะลินท์ พี่ทนกลิ่นแกงกะหรี่ไม่ไหว มันสะอิดสะเอียน”

พูดแล้วพาอินทร์ออกไป กลินท์ยืนนิ่งที่ถูกด่าอย่างเจ็บแสบ พอหันมาเห็นสายป่านก็ใจหายว่าโดนแน่

จริงดังคาด! สายป่านมองกลินท์พูดอย่างฉุนขาดว่าหาเรื่องอีกจนได้ กลินท์บอกว่าตนไม่ได้ทำอะไร

“เหรอ? แล้วที่เธอปล่อยคลิปยั่วพี่ติ๊ ยั่วอินทร์ มันคืออะไร สมใจแล้วนี่ บอกใบ้สถานที่ทุกอย่างจนเขาตามกันมา” กลินท์บอกว่าช่วยไม่ได้ “ช่วยไม่ได้แน่ แป๊บเดียวมีคนแชร์เป็นพันที่เธอร้องเพลงให้ท่าผัวชาวบ้าน”

กลินท์เถียงว่าตนร้องให้เบน สายป่านถามว่าร้องให้เบนทำไมในเมื่อเธอบอกว่าเบนเป็นเพื่อน ด่ากลินท์ว่ามโนเอาเองเรื่องรักสามเส้าตั้งแต่อดีตชาติ ที่แท้เธอก็อ้างลมๆแล้งๆมโนว่าตัวเองถูก

ปติมาเห็นสายป่านกับกลินท์จ้องกันเอาเป็นเอาตายก็ยิ้มพอใจ เข้าไปขอบใจสายป่านที่ช่วยเตือนสติกลินท์ กระหน่ำซ้ำว่าลินท์ควรเลิกยุ่งกับผัวพี่ซะที นอกจากลินท์จะ “ใสจังแรน” อย่างที่เขาด่ากัน ด่าแล้วชวนอินทร์กลับ อินทร์มองกลินท์แว่บหนึ่งแล้วเดินตามปติมาไป สายป่านถามว่าเห็นแล้วใช่ไหมว่าเขาเลือกเมียเขา

“ชาติไหนๆฉันก็เป็นคนถูกกระทำ แต่ชาตินี้ฉันไม่ยอม!!” กลินท์แค้นจนตาวาวโรจน์

ต่อหน้าสายตาผู้คนอินทร์นิ่ง แต่พอไม่มีคนเห็นก็แสดงท่าทีรังเกียจปติมาถามว่ามาทำไม ปติมาบอกว่ามาปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง ด่าอินทร์ว่าเห็นแก่ตัวไม่เคยทำเพื่อใคร อินทร์สวนเสียงเข้มว่าตนทำเพื่อกลินท์

ในเมื่อกลินท์เสียสละเพื่อตนถึงขนาดนี้ทำไมตนจะเสียสละเพื่อเธอบ้างไม่ได้ ท้าให้ปติมาเลิกกับตนเสีย

“ฝันไปเถอะ!” ปติมากับอินทร์ห้ำหั่นกันด้วยสายตาไม่มีใครยอมใคร


ปติมากลับไปถามแพมว่า อินทร์ทำกับตนอย่างนี้ได้ไง แพมว่าสันดานผู้ชายไง บอกปติมาว่าลองถ้าเธออยู่เฉยๆ เขาก็คงคั่วกลินท์จนเบื่อแล้วก็ทิ้ง แต่พอเธอลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์เขาคงไม่ชอบเพราะควบคุมเธอไม่ได้

ปติมาฮึด ประกาศว่าตนจะอยู่กับมันไปแบบนี้แหละ!

“ฉันเข้าใจ ถ้าความรักปล่อยกันได้ง่ายๆก็คงไม่มีคนต้องเจ็บปวดที่ต้องเห็นคนที่เรารัก...ไม่รักเรา”

แพมจับมือปติมาเหมือนจะบอกความรู้สึกบางอย่าง แต่ปติมานัยน์ตากร้าววาวแค้น ไม่ได้รู้สึกถึงสัมผัสพิเศษที่แพมสื่อให้เลย...

ooooooo

คืนนี้กลินท์เปิดห้องที่โรงแรมนั่งดื่มจนสติไม่อยู่กับตัว เห็นเทียนคำมานั่งตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเศร้าหมอง บอกว่า “เธอต้องแก้แค้นให้ฉันนะกลินท์”

กลินท์นึกถึงการมาเยือนเชียงใหม่แต่ละครั้งของตัวเอง ผ่านมาแล้วสามประตู คือประตูเชียงเรือก ประตูเชียงใหม่ และประตูแสนปุง กลินท์คว้าไอแพดเสิร์ชดูเห็นประตูเชียงใหม่ทั้ง 5 แล้วพึมพำอีกสองประตูที่เหลือ “ประตูสวนดอก ประตูช้างเผือก”

กลินท์มองไปรอบห้องคว้ามือถือมาดูไม่มีไลน์ตอบจากเบน เธอหน้าสลดนัยน์ตาแห้ง...คิดถึงเบน

สายป่านไปหาเบนบอกว่าเมื่อคืนกลินท์ไม่ได้กลับห้องและเมื่อกี๊เพื่อนก็โทร.มาบอกว่ากลินท์จองตั๋วไปเชียงใหม่ ถามว่าเบนจะตามไปไหม เบนตอบทันทีว่าไม่ สายป่านบอกว่าตนเป็นห่วงลินท์ไม่รู้จะทำยังไงให้ตัดขาดจากอินทร์ได้สักที

“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากเอาใจช่วยให้ลินท์หลุดพ้นจากกรรมที่ลินท์สร้างขึ้นมาซะที”

ทันใดเสียงไลน์ดังขึ้น เบนเปิดดูเป็นไลน์จากลินท์ว่า “ฉันยังรอคุณอยู่นะเบน” เบนเลื่อนดูเป็นข้อความตั้งแต่เมื่อคืน ฉุกคิดที่สายป่านบอกว่าเมื่อคืนลินท์ไม่ได้กลับห้อง เบนลุกออกไปอย่าง...ยังตัดใจไม่ได้

กลินท์ลงมาถามพนักงานว่าเมื่อคืนเบนมาที่นี่หรือเปล่า พนักงานอกว่าเหมือนจะมาแต่กลับไปตอนไหนไม่ทราบ กลินท์กวาดตามองหาไม่เห็นเบนก็หน้าจ๋อยบอกตัวเองว่า “ใครจะรอข้ามคืน...เหมือนเรา” แล้วออกไปเรียกรถลีมูซีนออกไป เป็นนาทีที่เบนเดินเข้ามากวาดตามองหากลินท์พอดี เดินไปถามพนักงานว่า

“คุณกลินท์พักอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ”

“เพิ่งเช็กเอาต์ออกไปตะกี้เองค่ะ”

เบนหน้าจ๋อยไปทันที ทนไม่ได้โทร.บอกเน่าว่าลินท์จะไปเชียงใหม่อยากให้เขาไปเป็นเพื่อนหน่อย เน่าถามว่าทำไมเขาไม่ไปเอง เบนบอกว่าพอดีมีเรื่องกันอยู่ ขอร้องเน่าให้ช่วยไปแทนที ขอบคุณแล้ววางสายเลย

เน่าโวยวายว่ายังพูดไม่ทันจบเลย หนิมถามว่าเขาต้องไปรีเสิร์ชงานอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไปเถอะ เน่าอ้อนว่าตนยังอยากอยู่กับหนิม หนิมว่าตนก็อยากอยู่กับเขาแต่นายโทร.มาบอกว่ามี Outing สองอาทิตย์ กอดเน่าอ้อนบอกว่า แยกย้ายกันทำงานก่อนนะ แล้วเจอกัน

ทั้งสองกอดหัวเราะอย่างเข้าใจกัน บอกรักกันเหมือนทั้งเพื่อนทั้งแฟน เป็นความรักที่น่ารักมาก...

เน่าไปเจอกลินท์ที่สนามบินเชียงใหม่บอกว่าตนมาทำงานถามว่าแล้วป่านล่ะ กลินท์บอกว่าตนไม่ได้มาทำงานแต่มาเรื่องส่วนตัว เน่าถามว่าเรื่องเดิมหรือ กลินท์บอกว่าใช่เรื่องเดิมที่ไม่มีใครเชื่อ เน่าบอกว่าตนเชื่อและเธอไปไหนก็จะไปด้วย พูดทีเล่นทีจริงว่า

“เผื่อการผจญภัยทำให้ฉันได้พล็อตใหม่ไง”

กลินท์ยิ้ม...รู้ดีว่าเน่าหาเรื่องไปด้วยเท่านั้นเอง

ooooooo

กลินท์ไปหาสร้อยสังวาลที่ร้าน เน่าทำเป็นเดินดูโน่นนี่แต่เงี่ยหูฟังว่าเขาคุยอะไรกัน กลินท์บอกว่าตนมาเพราะอยากแก้แค้น และคิดว่าอาจารย์เป็นคนเดียวที่น่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน

“ใครจะเข้าใจหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าเรารู้เท่าทันใจตัวเองหรอก และยิ่งรู้เท่าทันใจตัวเอง ก็ยิ่งต้องมีสติก่อนจะทำอะไรคิดให้ดีนะลินท์” กลินท์บอกว่าตนมั่นใจว่าคิดดีแล้ว “ถ้าอย่างนั้น เธอก็พร้อมที่จะยอมรับผลที่ตามมา?”

“อาจารย์พูดเหมือนรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลินท์”

“กฎแห่งกรรม...ยุติธรรมเสมอ ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลจากการกระทำของตัวเอง” สร้อยสังวาลหันไปหยิบกล่องเครื่องประดับเอาสร้อยเส้นเล็กที่มีพระองค์เล็กบอก “ฉันให้...เพื่อเธอจะได้ปลอดภัย การที่เราแขวนพระไม่ใช่เพื่อให้พระคุ้มครองนะ การแขวนพระก็คือการเตือนสติตัวเองให้เราระลึกถึงคุณงามความดีของแก้วสามประการ รวมถึงสติที่อยู่กับตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่...ยังไงก็ระวังตัวเองไว้ให้มากๆนะกลินท์”

“ขอบคุณค่ะอาจารย์” กลินท์ซึ้งใจแต่แววตายังแค้นเหมือนเดิม เน่ามองทั้งสองอย่างสนใจ

เมื่อเน่ากับกลินท์ไปนั่งที่ร้านกาแฟ เน่าดูพระแล้วบอกว่าเป็นพระเก่าเหมือนพระรอด แต่ก็ย้ำกับกลินท์ว่ายังไงเธอก็ต้องมีสติอย่างที่อาจารย์บอก

“ฮื่อ...ฉันจะใช้สติ ความกล้า ความแค้น เพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด”

เน่าบอกให้ลืมๆความแค้นไปบ้างเถอะ เธอเป็นคนของประชาชน ที่สำคัญเบนเป็นห่วงเธอมากจนให้ตนตามเธอมาที่นี่ กลินท์ฟังแล้วรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด

เวลาเดียวกันเบนโทร.บอกสายป่านว่าตนจะไปเชียงใหม่เพราะเป็นห่วงลินท์แล้วคว้ากระเป๋าออกไปเลย

ที่ถ้ำลับ หญิงชายคู่หนึ่งนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากันท่ามกลางเครื่องรางของขลังที่น่ากลัว ทั้งสองยกมือประกบเหมือนถ่ายทอดพลังแก่กัน พลันร่างฝ่ายชายก็กลายเป็นเสือและร่างฝ่ายหญิงก็กลายเป็นนางสิงห์ดูน่าสยดสยอง!


ฝ่ายปติมา คืนนี้ไปนั่งดื่มกับหนุ่มหล่อที่บาร์โฮสต์

แพมตามไปขัดจังหวะปติมากับหนุ่มหล่อด่าปติมาว่า อยากเป็นข่าวดังทั่วเมืองว่าปติมาผัวทิ้งเลยต้องมาหิ้วหนุ่มบาร์โฮสต์รึ ปติมาย้อนว่าผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็ทำได้

“ใช่ แต่ไม่ใช่เธอ พอข่าวออกไปเดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละว่าคนทั่วไปเขามองสิทธิ์สตรีอย่างที่เธออ้าง เขาว่ากันยังไง”

ปติมาเถียงไม่ออก คว้ากระเป๋าวางเงินไว้แล้วเดินหน้าบึ้งออกไป แพมมองระอาแล้วตามไปจนถึงลานจอดรถ แพมยังเตือนสติว่า รู้ว่าเธอเสียใจ อยากประชดอินทร์ แต่เธอต้องทำในสิ่งที่อินทร์ต้องเสียดายเธอ ไม่ใช่ทำแล้วทำลายตัวเอง

“ฉันไม่ไหวแล้วแพม ฉันไม่ไหวแล้ว”

“ไหวสิ เพราะเธอยังมีคุณค่า และผู้หญิงที่มีคุณค่า คือคนที่จะทำให้ผู้ชายเสียดาย...จำไว้นะติ๊”

ปติมามองแพมมีความหวังขึ้นและแล้วแววตานั้นก็เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์เหมือนคิดอะไรออก

ooooooo

ความแค้นแต่ชาติก่อนยังฝัง แน่นในใจกลินท์และเธอต้องแก้แค้นในชาตินี้ให้ได้ทั้งอินทร์และปติมา!

เบนมาถึงเชียงใหม่รู้จากเน่าว่ากลินท์ไม่ได้มาพักที่บ้านแต่แยกไปพักที่โรงแรม ลินท์อยากได้ชุดล้านนาตนก็พาไปซื้อ เบนรู้ทันทีว่ากลินท์ต้องทำอะไรพิเรนทร์อีกบ่นเน่าว่าปล่อยลินท์ไปได้ยังไงแล้วออกตระเวนหาลินท์

กลินท์ในชุดล้านนาไปที่ประตูแสนปุงที่ตนถูกฆ่าตาย หลับตาอธิษฐานขอให้ประตูเปิดรับเทียนคำคนนี้ให้กลับไปแก้แค้นตามที่จิตได้เคยอธิษฐานไว้ด้วย

เบนตามมาเห็นกลินท์กำปิ่นกำลังข้ามถนนก็ตรงเข้าฉุดรั้งไว้บอกว่าตนไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น

“ยังไงฉันก็ต้องไปเบน...ไม่ใช่เพราะฉันอาลัยอาวรณ์อินทร์อย่างที่คุณกับป่านคิด แต่เป็นเพราะพวกเขาทำเลวร้ายกับฉันไว้มาก ทั้งเจ้าช่อเอื้อง เจ้าวงเดือนและเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์...พวกเขาหลอกฉันและพวกเขาก็ฆ่าฉันที่ประตูนี้ ฉันต้องกลับไปเอาคืน!”

กลินท์บอกเบนว่าถึงเขาจะไม่เชื่อแต่มันเกิดขึ้นกับตนแล้ว เจ้าน้อยคืออินทร์ พี่ติ๊คือเจ้าวงเดือน และตนคือเทียนคำ...เทียนคำที่ถูกฆ่าที่นี่” เบนบอกว่ายังไงมันก็ผ่านไปแล้ว “ไม่ผ่าน! ความเจ็บปวดของเทียนคำมันยังตอกย้ำอยู่กับจิตวิญญาณของฉัน วันนี้ฉันคือกลินท์ดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่แกร่งกล้า ไม่ใช่เทียนน้อยด้อยค่า

เหมือนเมื่อก่อน ฉันจะกลับไปแก้แค้นที่มันทำกับฉัน ถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็อยู่ที่นี่ ส่วนฉันจะย้อนเวลากลับไปยังโลกของฉัน”

กลินท์ขอบคุณความห่วงใยของเบนแต่ตนมีสิ่งที่ต้องสะสาง ยังไงตนก็จะกลับมาเหมือนที่สัญญากับเขาไว้ กลินท์ดึงมือเบนออกเอาปิ่นปักที่มวยผมอย่างเร็วแล้ววิ่งเข้าประตูแสนปุงไปอย่างเร็ว เบนอ้าปากค้าง วิ่งตามกลินท์เหมือนจะผ่านประตูเข้าไป แต่สุดท้ายก็พบตัวเองยืนอยู่ที่เดิม ถามทึ่ง

“นี่คุณ...กลับไปโลกอดีตได้จริงๆหรือลินท์”

ooooooo

กลินท์วิ่งข้ามมาจากอีกมิติหนึ่ง จนถึงคุ้มเวียงสวรรค์ เห็นเจ้าน้อยประคองเจ้าวงเดือนอย่างงอนง้อ ห่างไปเห็นสิงห์มองเจ้าวงเดือนอยู่อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ไพคาอยู่ด้านหลังมองอย่างไม่พอใจ ด่าสิงห์ว่า

“เป็นขี้ข้าอย่าได้คิดเผยอหมายจันทร์นะไอ้สิงห์” สิงห์หันมองอย่างไม่พอใจ “หรือที่ข้าพูดมันไม่จริง”

“ไม่จริง ที่ข้าติดตามเจ้าวงเดือนมาจากเมืองเชียงจันเพราะข้าเป็นผู้ชายคนเดียวที่เจ้าเลือก แล้วเจ้าก็บอกข้าเก่ง ข้ามีคาถาอาคม ข้าปกป้องเจ้านางได้ก็เท่านั้น”

ไพคาว่าให้มันจริงเถอะ สิงห์เย้ยว่าดีกว่าเอ็งที่ไม่มีใครที่ไหนมารัก

“ไอ้สิงห์”

“หุบปากเอ็งเสียบ้าง เพราะถ้าทำให้ข้าเหม็นหน้าเหม็นปากนัก ข้าจะไปฟ้องเจ้าวงเดือนให้เอาส้นตีนอีแตงสามาลูบปากเอ็ง” สิงห์ผละไปอย่างไม่ชอบหน้า ไพคาด่าตามหลังอย่างไม่พอใจว่า

“ไอ้สิงห์ คนอย่างเอ็งมันจัญไร ชาตินี้จ้างให้ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนมารักมาชอบเอ็ง ไอ้...ไอ้ควายสะตวง!”

กลินท์ได้เห็นได้ฟังทุกอย่าง ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเดินไปหาสิงห์ตำหนิไพคาว่า มันว่าเกินไป ใครว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนมารักมาชอบพี่สิงห์

สิงห์มองไปเห็นกลินท์เป็นเทียนคำก็ตกใจเพราะรู้ว่าเทียนคำตายแล้ว อุทาน

“อีเทียนคำ!”

เทียนคำอ่อยว่าอย่างน้อยก็มีตนคนหนึ่งที่แอบมองพี่สิงห์ตลอดเวลา สิงห์เพ่งมองถามว่าเป็นไปได้ยังไง เอ็งยังไม่ตาย?

“เป็นไปได้สิ คนเก่งอย่างพี่ก็น่าจะรู้ว่าข้าเป็นคนไม่ใช่ผี ข้ายังไม่ตาย”

สิงห์ค่อยๆจับมือเทียนคำ ตัวยังอุ่นเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ สิงห์มองอย่างสงสัยว่า เป็นไปได้ยังไง??

ooooooo

กลินท์ยั่วสิงห์ออดอ้อนว่าเขาคือคนที่ตนแอบชอบอยู่ เราสองคนที่ไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อนที่เขาทำร้ายตนก็เพราะตามคำสั่งเจ้าวงเดือน สิงห์ถามว่าแล้วกลินท์มาหาตนถึงนี่ทำไม มีอะไร

กลินท์บอกว่าตนจะไปตักน้ำที่บ่อ แต่มืดแล้วพี่อุ่นเฮือนก็ไม่อยู่ขอให้พี่สิงห์ไปส่งหน่อย กลินท์หว่านเสน่ห์จนสิงห์กลืนน้ำลายรับปากจะไปช่วยตักน้ำให้

กลินท์ยิ้มพอใจ สิงห์รีบตามไป ทันใดนั้นแตงสาที่บ้าๆบอๆก็โผล่จากเสาเรือนร้องตกใจกลัว

“ผีๆ มันกำลังมาเอาคืน”

ที่บ้านคำป้อ อุ่นเฮือนภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาพูดกันว่าเทียนคำถูกผีหักคอตายไปแล้ว ทันใดแตงสาก็วิ่งมาร้อง “เทียนคำ...เทียนคำ” พลางชี้ไปทางบ่อน้ำ อุ่นเฮือนตกใจจ้องแตงสาว่าอย่าบอกนะว่าเทียนคำกลับมาอีกแล้ว แตงสาไม่พูดแต่ลากอุ่นเฮือนลงเรือนไป

กลินท์กำลังยั่วยวนสิงห์สุดฤทธิ์แกล้งทำเป็นจะเป็นลมเอียงหน้าเข้าไปหาเขา อุ่นเฮือนเห็นพอดีตกใจร้องลั่น “เทียนคำ! ข้านึกว่าเอ็งตายไปเหมือนที่เขาลือกัน ที่ไหนได้หนีมาอยู่กับไอ้สิงห์นี่เอง ไป กลับบ้าน!”

กลินท์อิดออดถ่วงเวลา อุ่นเฮือนกระชากมืออย่างแรง กลินท์บอกสิงห์แล้วเจอกันใหม่ สิงห์หัวใจพองโตดีใจกับสายตาของเทียนคำ แต่อีกใจก็แปลกใจพึมพำ “เทียนคำมันยังไม่ตาย เป็นไปได้ยังไง??”

อุ่นเฮือนลากกลินท์ขึ้นบ้านด่าว่าไม่เข็ด ถึงได้พัวพันแต่คนของเจ้าวงเดือน นั่นก็เจ้าน้อย นี่ก็ไอ้สิงห์ระวังเถอะสลิ๊ดด๊กแบบนี้ เอ็งได้หายไปจริงๆหรอก

กลินท์ตัดพ้อว่าทั้งอุ่นเฮือนกับแม่มองว่าตนเป็นคนผิดทั้งที่ความจริงเจ้าวงเดือนต่างหากเป็นคนร้าย

แต่กลินท์ก็ถูกอุ่นเฮือนว่าเป็นคนผิด เพราะผู้หญิงที่ไม่ได้ตบแต่งไม่มีใครยอมรับว่าเป็นเมีย นอกจากนางบำเรอ ด่าเทียนคำว่า “เอ็งแค่คนใจง่ายมอบกายให้ท่านเชยชม แล้วเอ็งจะมาพูดหาพระแสงอะไร”

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 8 วันที่ 28 พ.ค.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ