อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 5 วันที่ 22 พ.ค.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 5 วันที่ 22 พ.ค.62

ฝ่ายอินทร์ไปที่คอนโดสายป่านเห็นสายป่านแต่ไม่เห็นกลินท์ระแวงว่ากลินท์จะไปกับเบน สายป่านเห็นอินทร์ก็เริ่มสงสัยว่า “หรือครั้งนี้ลินท์จะยอมเลิกกับอินทร์จริงๆถึงได้ไปกับเบน?”

ooooooo

ที่ประตูท่าแพ...กลินท์มองประตูท่าแพตื่นเต้นมีความหวัง เบนถามว่าตกลงเธอจะทำอะไร

“ก็บอกแล้วไง ที่นี่เป็นที่ที่พาฉันกลับไปยังอดีตได้”



กลินท์ไม่สนใจเบน ยกมือไหว้อธิษฐานเอาจริงเอาจัง

“ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งประตูท่าแพ ถ้าลูกมีบุญที่เกี่ยวข้อง ณ ที่แห่งนี้จริง ขอให้ลูกก้าวผ่านกาลเวลา เพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ลูกค้างคาใจด้วยเถิด”

ผู้คนแถวนั้นต่างมองกลินท์ด้วยความแปลกใจกับความจริงจังของเธอจนเบนเริ่มรู้สึกเขิน แต่กลินท์ไม่สนใจอะไรมองประตูท่าแพแล้ววิ่งสุดแรงพุ่งเข้าไปอีกฝั่ง แต่พอลืมตาดู ประตูท่าแพก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม มองกลับไปเห็นเบนยังยืนอยู่อีกฝั่ง

“ซ้อมละครครับ ซ้อมละคร” เบนบอกผู้คนที่เริ่มมองกันมากขึ้น

“ลูกอยากรู้ความจริง ได้โปรดเมตตาลูกด้วย” กลินท์ยังมุ่งมั่นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แล้ววิ่งพุ่งกลับไปยังประตูฝั่งที่วิ่งมา พอวิ่งข้ามมาก็เป็นประตูท่าแพเหมือนเดิม กลินท์ถามอย่างหัวเสีย

“ทำไมเราไปไม่ได้!”

“ไปไหนคะ” คนที่ยืนมองถามอย่างเป็นมิตร “อยากไปไหนคะ เดี๋ยวบอกทางให้” กลินท์ยิ้มแหย เบนวิ่งเข้ามาหา หญิงสาวเห็นก็ร้องทัก “คุณเบนน่ารักจังเลย ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”

เบนกับกลินท์ยิ้มยินดี หญิงสาวถ่ายกับเบนแล้วขอถ่ายร่วมกับกลินท์และเบน จนกลายเป็นแฟนคลับมาขอถ่ายรูปกันมากมาย

กลางคืนแล้ว เบนกับกลินท์ก็ยังถือกระเป๋าเดินทางอยู่แถวถนนคนเดิน

อินทร์นั่งในร้านอาหารหรูมือกดโทรศัพท์โทร.หากลินท์ไม่ได้หยุดแต่กลินท์ไม่รับสาย เพราะว้าวุ่นใจที่ตนกลับไปสู่อดีตไม่ได้ อินทร์หงุดหงิดที่กลินท์ไม่รับสาย เห็นคนข้างๆแชร์ภาพกลินท์กับเบนที่ประตูท่าแพ พร้อมข้อความคอมเมนต์ว่า สองคนน่ารัก อยากให้เป็นแฟนกันจริงๆ ทุกข้อความล้วนเป็นเรื่องเบนกับกลินท์

 “ผมไม่ยอมให้คุณไปหาใครทั้งนั้นลินท์!” อินทร์พึมพำหน้าเครียด

เบนพากลินท์กินอาหารที่ถนนคนเดิน แต่กลินท์กินไม่ลงไม่เข้าใจว่าทำไมตนกลับสู่อดีตไม่ได้ทั้งๆ ที่วันก่อนประตูท่าแพนี่แหละพาตนไปได้ เบนชวนแวะบ้านตน กลินท์ไม่มีใจ บอกว่าไม่สบายใจตนคิดถึงพ่อหนานแก้ว เทียนคำ ป่านนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

กลินท์มองชุดล้านนาที่แขวนขาย ฉุกคิดได้ถามเบนว่า

“หรือว่าฉันจะต้องใส่ชุดล้านนา???”

“มาถึงขนาดนี้แล้ว เอาไงเอาเลยคุณ”

กลินท์ยิ้มให้เบนแล้วพุ่งไปที่ร้านขายชุดล้านนาทันที

ooooooo

สายป่านกับเน่ามาถึงเชียงใหม่ เน่าขับตุ๊กๆที่เพื่อนให้ยืมใช้พาสายป่านไปที่ประตูท่าแพทันที

กลินท์ไปซื้อชุดล้านนาหมายมาดว่าครั้งนี้ต้องข้ามไปสู่อดีตได้แน่ แต่พอข้ามไปประตูท่าแพก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม กลินท์หัวเสียมาก ตั้งสติอีกทีนึกได้ว่าลืมตั้งจิตอธิษฐานกับปิ่น ดึงปิ่นที่เรือนผมมาตั้งจิตอธิษฐานแล้ววิ่งพุ่งไปทันที แต่พอข้ามประตูไป ประตูท่าแพก็ยังคงเป็นประตูท่าแพเหมือนเดิมอีก!

กลินท์หัวเสียมาก เบนเห็นผู้คนมองกลินท์ด้วยสายตาแปลกๆ จึงเสนอให้กลับไปก่อนไม่อยากให้คนมองว่าเธอเพี้ยน กลินท์ขออีกรอบได้ไหมถ้าตนไปไม่ได้...กลินท์พูดไม่ทันจบสายป่านมาถึงพอดีพูดแทรกขึ้นว่าคราวนี้ต้องไปหาหมอจิตเวชแล้ว

กลินท์จ้องสายป่านอย่างไม่พอใจ เน่ากับเบนเห็นบรรยากาศแล้วทำหน้าแหยง ปล่อยให้สองสาวเข่นเขี้ยวใส่กัน อึดใจเบนขอให้พอเถอะ หว่านล้อมว่า

“ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้เพี้ยน แต่การที่คุณเจอเรื่องลี้ลับเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้แบบนั้นเพียงคนเดียว มันก็ยากที่จะให้คนอื่นเขาเชื่อว่ามีเรื่องนั้นเกิดขึ้นได้จริงๆ” กลินท์บอกว่าเพราะอย่างนี้แหละตนถึงไม่เล่าให้ใครฟัง

เน่าบอกให้เล่ามาเลยตนชอบฟัง ตนเป็นคนเขียนบทจินตนาการต้องกว้างใหญ่ไพศาล ต้องอ่านต้องดูต้องฟังเยอะๆ พูดอย่างมั่นใจว่า “จากข้อมูลที่ฉันสะสมมา มันเป็นไปได้ว่าสิ่งที่ลินท์เจอเป็นส่วนที่อยู่ใต้จิตสำนึกที่ลินท์ไม่สามารถควบคุมหรือบังคับมันได้”

“แกกำลังจะบอกว่าจิตของลินท์ที่อยู่ในภาวะไม่รู้ตัว ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจ มีการเก็บกดเอาไว้จะเผลอออกมาด้วยความไม่รู้ตัว ทั้งในรูปแบบของความฝัน และการพบเห็นสิ่งที่เป็นภาพลวงตา” เบนสรุป

กลินท์เถียงว่าสิ่งที่ตนเห็นไม่ใช่ภาพลวงตา มันชัดเจนเหมือนกับมันเกิดกับตนจริงๆ แต่สงสัยว่าทำไมวันนั้นตนผ่านประตูท่าแพไปแล้วเห็นอดีต แต่ทำไม

วันนี้ตนทำไม่ได้ เน่าติงว่าแน่ใจนะว่าประตูที่เธอทะลุมิติกลับไปยังอดีตได้เป็นประตูท่าแพ เชียงใหม่มีประตูตั้งห้าประตู

กลินท์กับเบนต่างยืนยันว่าเป็นประตูท่าแพแน่นอน เน่าเสนอว่าในเมื่อเข้าประตูนี้ไม่ได้ก็ไปประตูอื่นดูไหม สายป่านว้ากใส่เน่าว่า “ไอ้บ้า หยุดเลย”

“ทำไมล่ะ เรื่องลี้ลับในจักรวาลรอให้เราค้นหา ไม่เห็นจะเสียหายเลย เข้าประตูนี้ไม่ได้ก็ลองประตูอื่น เบนเป็นคนเชียงใหม่บอกทางฉันด้วยว่ามีประตูไหนอีก”

ทุกคนกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ยกเว้นสายป่านที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่คนเดียว

เบนพาไปที่ประตูเมืองเชียงใหม่ กลินท์เอาจริงเอาจังจนเน่าบอกเพื่อนๆว่าลินท์ไม่ได้มาเล่นๆนะ

“แน่นอนเน่า ฉันไม่ได้มาเล่นๆ ฉันเป็นห่วงพ่อหนานแก้ว เทียนคำ ป่านนี้จะเป็นยังไง” สายป่านเหน็บว่างั้นก็ช่วยห่วงแม่ชีเหมือนที่เธอห่วงคนในอดีตบ้างนะ ถามว่าเคยคิดหรือเปล่าว่าข่าวฉาวโฉ่ของเธอแม่ชีท่านรู้สึกยังไง “ฉันกำลังหาคำตอบของทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องของฉันกับแม่ชีด้วย...ถ้าฉันย้อนกลับไปอดีตได้ ฉันจะต้องแก้ไขในสิ่งที่ฉันทำในปัจจุบันได้”

“เธอเข้าใจผิดแล้วลินท์ เราแก้อดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันเพื่อสร้างอนาคตได้”

สองสาวโต้กันจนเบนต้องดึงสายป่านออกมา บอกว่าเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เราเป็นเพื่อนกันก็ต้องอยู่เคียงข้างให้กำลังใจลินท์

ขณะที่สายป่าน เบนและเน่ากำลังคุยกันอยู่นั้น กลินท์หันหลังให้ทั้งสามยกมือไหว้ตั้งจิตอธิษฐานแน่วแน่ พอทั้งสามหันมาอีกทีกลินท์หายไปแล้ว! ทั้งสามตะลึง พรึงเพริดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

กลินท์ดีใจมากที่ข้ามประตูเชียงใหม่กลับมาสู่อดีตได้สำเร็จแต่ก็ต้องหาทางกลับคุ้มใหม่ เจอชาวบ้านก็ถามทางไปคุ้มเจ้าเวียงสวรรค์ แม้ชาวบ้านจะมองกลินท์ด้วยสายตาแปลกๆแต่ก็ชี้ทางให้

ooooooo

กลินท์เดินไปหยุดที่หน้าคุ้ม ไพร่หนุ่มที่เฝ้าประตูตกใจถามกันว่าไหนบอกอีเทียนคำมันตายไปแล้วหรือนี่จะเป็นผี กลินท์สวมรอยหลอกว่าตนเป็นผีทำเอาไพร่หนุ่มทั้งสองหลีกทางให้ กลินท์ผลุบเข้าไปทันที

พอไปถึงเรือนคำป้อ อุ่นเฮือนถามทั้งดีใจและตกใจว่าหายไปไหนมา รอดตายมาอีกแล้วหรือ คำป้อบอกอุ่นเฮือนว่าอะไรที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป อย่าพูดถึงมันอีกเลย มองกลินท์ถามว่าแต่งตัวงามอย่างนี้ไปขโมยอะไรเขามาเดี๋ยวเป็นเรื่องอีก

กลินท์บอกทั้งสองว่าตนคิดถึงพ่อ ถามว่าพ่อหนานแก้วเป็นยังไงบ้าง เรารำแก้บนสำเร็จไหม กลินท์ถามหาพ่อจนอุ่นเฮือนกระซิบถามแม่ว่าหรือผีจะเข้ามันอีกแล้ว ส่วนคำป้อน้ำตาร่วงถามว่าจะมาถามอะไรเรื่องที่ผ่านมาตั้งห้าปีแล้ว ถามว่า

“กลับมารอบนี้เอ็งกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนจำอะไรไม่ได้เลยหรือ” กลินท์บอกว่าไม่ใช่จำไม่ได้แต่ตนไม่รู้อะไรเลยต่างหาก อ้อนวอนคำป้อว่าตนอยากรู้ แม่เล่าให้ฟังได้ไหม คำป้อจึงเล่าเหตุการณ์ที่อุ่นเฮือนกับเทียนคำแอบไปที่คุ้มเวียงสวรรค์เพื่อรำแก้บนที่หนานแก้วบนกับพระธาตุศรีจอมทองให้ฟัง...

คืนนั้น...เจ้าวงเดือนในชุดสวยฟ้อนอย่างสวยงาม เจ้าช่อเอื้องที่ดูอยู่ชมกับเจ้าน้อยว่า

“มันต้องงามเหมือนนางฟ้านางสวรรค์อย่างเจ้าวงเดือนสิ พระธาตุศรีจอมทองจึงจะช่วยเปิดทางให้ได้สู่สวรรค์” เจ้าน้อยเพ้อว่าวันนี้เจ้าวงเดือนงามดั่งดวงเดือนบนท้องฟ้า “แม่ก็บอกเจ้าน้อยแล้วว่าเจ้านางคนนี้แหละที่เหมาะสมกับเจ้าน้อยที่สุด เลิกมองแสงเทียนน้อยด้อยค่า แล้วหันมาชื่นชมกับจันทร์บนฟ้าที่สูงส่งดีกว่า”

เจ้าน้อยบอกว่าตนไม่เคยมองเทียนเล่มน้อยสักครั้ง เจ้าแม่เอาอะไรมาพูด

“ก็ดี เพราะคนที่แม่จะรับเป็นศรีสะใภ้และคู่ควรกับเจ้าน้อยของแม่มีคนเดียวเท่านั้น” พูดแล้วมองเจ้าวงเดือนที่กำลังฟ้อนอย่างชื่นชม แต่เจ้าเวียงสวรรค์กลับเครียดเรื่องหนานแก้ว เจ้าช่อเอื้องเห็นก็เหน็บกับเจ้าน้อยว่า “เห็นหรือยังเจ้าน้อย ผู้ฟ้อนส่วนใหญ่จะเป็นเจ้านายและเชื้อพระวงศ์ ขืนอีเทียนคำมาฟ้อนตอนนี้ ชาวบ้านเห็นได้เอาไปลือเสียๆหายๆ เฮ้อ...ไม่รู้เมื่อตอนสิบปีก่อน

ไอ้หนานแก้วเสือกไปบนบานแบบนั้นทำไม สมน้ำหน้าถ้ามันจะตายๆไป เพราะคนที่ช่วยชีวิตอีเทียนคำคือเจ้าน้อยคนเก่งของแม่ต่างหาก ไม่ใช่ไอ้แก่ที่เพ้อเจ้อบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเรื่อย ใช่ไหมลูก”

เจ้าน้อยนึกในใจว่าก็เพราะรักษาคำพูดน่ะสิ มันถึงกำลังนอนรอความตายอยู่ ดี! ตายๆไปเลย ความลับเรื่องคนช่วยชีวิตเทียนคำจะได้ตายไปด้วย

ที่ด้านนอก เทียนคำกับอุ่นเฮือนได้ยินเสียงกลองกับเสียงปี่จุ่ม เทียนคำถามอุ่นเฮือนว่าเราจะฟ้อนได้หรือยัง อุ่นเฮือนว่าต้องได้ บอกให้ตามมาเร็ว แล้วพาเทียนคำวิ่งเลียบประตูวัดไปยังประตูหลัง บอกสมกับน้อยคำที่เฝ้าประตูหลังว่าตนไม่เข้าไปในที่งานพิธีแค่ขอเข้าไปในเขตวัดเท่านั้น

อุ่นเฮือนต่อรองกับสมและคำน้อยว่าจะให้น้องฟ้อนให้ดูแต่ทั้งสองยังลังเล อุ่นเฮือนเห็นจะไม่ทันกาลจึงผลักทั้งสองแล้ววิ่งอ้าวเข้าไปเลย สมเห็นว่าทั้งสองหน้าตาก็น่าเอ็นดูดีคงไม่ทำอะไรไม่ดี ปล่อยไปเถอะ

 อุ่นเฮือนพาเทียนคำวิ่งมาจนถึงลานกลางเวียงก็บอกเทียนคำให้ฟ้อนเลย อย่างน้อยก็อยู่ในเขตเดียวกันบอกเทียนคำให้ “ตั้งจิตอธิษฐานกับพระธาตุศรีจอมทองเจ้า ขอให้พ้นโศกพ้นภัยทั้งเอ็งและพ่อหนานแก้ว”

แม้จะฟ้อนอยู่ด้านหลังแต่เจ้าช่อเอื้องเห็นผู้คนหันมอง ถามไพคาว่ามีอะไรกัน พอรู้ว่ามีคนมาฟ้อนที่ด้านหลังพระธาตุ เจ้าช่อเอื้องก็ให้สิงห์ บ่าวคนสนิทของเจ้าวงเดือนจากคุ้มเชียงจันไปดู

สิงห์กับพรรคพวกตรงเข้าผลักร่างเทียนคำล้มตวาดว่ามาทำอะไรตรงนี้คิดจะเทียบเปรียบตัวเองเป็นเจ้านายหรือไง เทียนคำขอฟ้อนก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง อุ่นเฮือนก็เร่งให้รำต่อเพลงจะจบแล้ว

สิงห์ตรงเข้าหาเทียนคำ อุ่นเฮือนรั้งไว้ก็ถูกผลักจนล้มจ้ำเบ้า เทียนคำสมาธิหลุด อุ่นเฮือนตะโกนให้รำให้จบไม่ต้องสนใจตน พุ่งพรวดเข้ากอดขาสิงห์แต่สิงห์สะบัดหลุดตรงเข้าไปกระชากเทียนคำที่กำลังฟ้อน ตบจนเทียนร่วงแล้วกระทืบขยี้จนเทียนดับลำเทียนแหลก ก็พอดีเสียงกลองปี่จุ่มในวัดเงียบลง อุ่นเฮือนใจหายบอก

“เพลงจบแล้ว”

“ข้าจะรำต่อ...รำจนจบ” เทียนคำสะบัดไปกอบเทียนขึ้นมาน้ำตาหยดแล้วฟ้อนต่อทั้งที่ไม่มีเสียงเพลง พอฟ้อนเสร็จถามอุ่นเฮือนว่าตนทำสำเร็จแล้วใช่ไหม เราได้ฟ้อนให้พระธาตุแล้วใช่ไหม

“ใช่แล้วเทียนคำ เราทำสำเร็จแล้ว พระธาตุแก้วท่านพอใจแล้ว”

 “สาธุ...สาธุ...สาธุ” สองพี่น้องยกมือไหว้สาธุด้วยเสียงสั่นเครือ

ที่บ้าน คำป้อไหว้พระธาตุ บอกหนานแก้วอย่าหลับ เทียนคำคงฟ้อนให้พระธาตุเสร็จแล้ว หนานแก้วบอกว่าเทียนคำปลอดภัยแล้ว แต่พระธาตุท่านเมตตาให้ตนไปเฝ้าแล้ว คำป้อร้องลั่นว่า

“ข้าไม่ให้เอ็งไป ห้ามหลับนะหนานแก้ว ห้ามหลับ!”

หนานแก้วบอกคำป้อว่าอย่าร้องไห้ เก็บสองมือไว้เช็ดน้ำตาให้อุ่นเฮือนกับเทียนคำ แต่อย่าเก็บไว้เช็ดน้ำตาตัวเอง พูดจบก็มือร่วงลงข้างตัว คำป้อนิ่งสงบ มองร่างหนานแก้วเอามือลูบหน้าลูบตาหนานแก้วบอก

“ไปดีนะหนานแก้ว มือนี้ข้าจะไม่เช็ดน้ำตาตัวเอง ข้าจะเก็บไว้คุ้มครองลูกของเรา”

อุ่นเฮือนกับเทียนคำกลับมาบอกแม่ว่าพวกตนทำสำเร็จแล้ว เทียนคำฟ้อนให้แล้ว คำป้อบอกให้ทั้งสองไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาไหว้พ่อเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ...พ่อเอ็งไปดีแล้ว บอกเทียนคำว่า

“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านให้รอดได้แค่เพียงคนเดียว เทียนคำ ไหว้ลาเสีย พ่อเอ็งไม่มีอีกแล้ว”

อุ่นเฮือนกับเทียนคำผวาเข้ากอดร่างหนานแก้วร้องไห้ราวกับจะขาดใจตาม...

ooooooo

เบนพาเน่ากับสายป่านไปพักที่บ้าน เพราะพ่อกับแม่ไปอังกฤษ เน่าเอาหนังสือของพ่อเบนมาอ่าน บอกว่าหลายอย่างมันเข้าเค้าที่ลินท์เล่า ทั้งเรื่องหมอยา มิชชันนารีที่เข้ามาในประเทศไทย ระบบเจ้าขุนมูลนายในล้านนา

สายป่านบอกว่าถ้าตนไม่เห็นกับตาก็ไม่มีทางเชื่อเลย เบนเชื่อว่าเรื่องอุ่นเฮือน แม่คำป้อ เจ้าน้อย เจ้าวงเดือนและไพคา ก็คงรอคำตอบจากลินท์ว่าทำอะไรกันไว้ถึงได้มาเกี่ยวข้องกันในชาตินี้ เน่าฟันธงว่าคงไม่พ้นเรื่องรักๆใคร่ๆ เบนเชื่อที่เน่าพูด เพราะเราทุกคนเกิดมาเจอกันล้วนเคยทำบุญทำกรรมมาด้วยกันทั้งนั้น ดีก็เป็นบุญ แต่ถ้าไม่ดีก็คงเป็นกรรม

ฝ่ายเจ้าช่อเอื้องเหน็บเจ้าเวียงสวรรค์ว่าคงสาแก่ใจแล้วสินะที่พวกขี้ข้ามารำในงานบูชาพระธาตุได้ เจ้าเวียงสวรรค์ถามว่าจะพูดทำไมในเมื่อหนานแก้วก็ตายแล้ว

“มันตายเพราะผิดผี เพราะมันเหิมเกริมมาบูชาพระธาตุ แต่อย่าหวังว่าไอ้หนานแก้วตายแล้วเรื่องทุกอย่างจะจบ” เจ้าเวียงสวรรค์ถามว่าจะทำอะไร เจ้าช่อเอื้องตะโกนสั่งบ่าว “ไปเอาตัวมันสามแม่ลูกมา!”

เจ้าเวียงสวรรค์ซีดเผือด เจ้าน้อยก็ซีดแต่ไม่มีใครกล้าว่าอะไรเจ้าช่อเอื้องเลย

ooooooo

สมไปกระชากสามแม่ลูกที่กำลังร้องไห้เสียใจการจากไปของหนานแก้วไปหาเจ้าช่อเอื้อง คำป้อถามว่าพวกตนทำผิดอะไร ก็ถูกเจ้าช่อเอื้องตบ พออุ่นเฮือนกับเทียนคำตกใจร้องเรียกแม่ก็ถูกเจ้าช่อเอื้องตบไปด้วย หาว่าบังอาจที่แอบฟ้อนในงานบูชาพระธาตุของตน สั่งให้เอาพวกมันไปเฆี่ยน!

คำป้อนึกถึงคำสาบานของเจ้าเวียงสวรรค์ที่มีต่อหนานแก้วก็ร้องตะโกน

“อย่า! อย่า! เจ้าเวียงสวรรค์ช่วยด้วยเจ้าค่ะ” แต่ไม่มีแม้แต่เงาของเจ้าเวียงสวรรค์แล้ว

ไพคาย่องมาแอบดู เห็นกลินท์นั่งร้องไห้อยู่ก็ตกใจ อุทานก่อนวิ่งหนีไปว่า

“อีเทียนคำมันกลับมาได้ยังไง ก็มันตายไปแล้วนี่”

ไพคาวิ่งกระหืดกระหอบไปบอกเจ้าวงเดือนว่าเทียนคำกลับมาแล้ว เจ้าช่อเอื้องมาได้ยินพอดีถามว่าเทียนคำยังไม่ตายอย่างที่อีแตงสาพูดจริงหรือ เจ้าวงเดือนบอกว่าเทียนคำไม่ตายก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว

เจ้าช่อเอื้องชมว่าเจ้าวงเดือนช่างมีน้ำใจงามเหลือเกินทั้งที่รู้ว่าเทียนคำจ้องจะมาเป็นน้อยยังมีน้ำใจงามเมตตามัน กำชับเจ้าน้อยว่าอย่าทำให้เจ้าวงเดือนเสียใจเป็นอันขาด

“ข้าขอบคุณเจ้าแม่เหลือหลาย ที่เจ้าแม่แล้วก็เจ้าน้อยเมตตาข้า”

เจ้าวงเดือนหน้าเนื้อใจเสือ พอเจ้าช่อเอื้องไปแล้วก็สั่งไพคาเหี้ยม

“ไปเอาตัวอีเทียนคำมาให้ข้า!”

“เจ้าค่ะ” ไพคากระถดออกไปอย่างเร็ว ในขณะที่เจ้าวงเดือนนั่งหน้านิ่ง เลือดเย็น มีแต่ความเหี้ยม!

ไพคาไปบ้านคำป้อ กลินท์เห็นถึงกับอุทาน “พี่แพม” ไพคาประกาศว่าเจ้าวงเดือนให้คำป้อกับอุ่นเฮือนและเทียนคำไปหา กลินท์ของขึ้นถามว่าถ้าไม่ไปจะทำไม

ไพคาบอกว่าก็จะโดนตบแล้วลากไปหาเจ้านาง แต่ไม่ทันที่ไพคาจะทำอะไร กลินท์ก็ตบและถีบไพคาจนกระเด็นไปคว่ำที่นอกชาน ไพคาลุกขึ้นได้ก็ชี้หน้า “อีเทียนคำเอ็งตบข้า!”

“ถีบด้วย...ออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้อีไพคา แล้วกลับไปบอกเจ้านางของเอ็งด้วยว่า ไม่ต้องมาอัญเชิญข้า พรุ่งนี้ข้าจะไปหาเอง!”

ทุกคนตะลึงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของเทียนคำ

ไพคาไปฟ้องเจ้าวงเดือนว่าเทียนคำพูดว่าอย่างไร ซ้ำยังทั้งตบและถีบตนด้วย คราวก่อนตนคิดว่ามันเป็นผี แต่เมื่อกี๊ดูยังไงมันก็เป็นคน แต่ไม่เหมือนอีเทียนคำคนเดิม

“ต่อให้ผีจะเข้ามัน มันก็สู้ของดีที่ข้ามีไม่ได้หรอก ถ้ามันพูดอย่างนั้นมันได้เจอกับข้าแน่ๆ อีเทียนคำ”

ฝ่ายคำป้อเป็นห่วงเทียนคำมาก บอกอุ่นเฮือนว่าอย่าให้เทียนคำไปยุ่งกับเจ้าวงเดือนเด็ดขาด ไม่งั้นมันได้ตายเหมือนแตงสาพูดแน่

“แม่คิดว่าข้าจะห้ามมันได้เหรอ ตั้งแต่แตงสามันพูดว่าเทียนคำมันตายแล้ว เทียนคำมันก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย” คำป้อยืนยันว่าเทียนคำไม่ใช่ผี แต่ทำไมมันเปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่ก็ไม่อยากพูดถึง กำชับอุ่นเฮือนว่ายังไงก็ต้องช่วยแม่ดูแลน้องอย่าให้มันไปยุ่งกับเจ้านายเป็นอันขาด

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 5 วันที่ 22 พ.ค.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ