อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 10 วันที่ 1 มิ.ย.62
คำป้อกินยาที่กลินท์ให้ พอตื่นขึ้นมาก็หายไข้เป็นปลิดทิ้ง กลินท์บอกว่ายาแผนปัจจุบันก็ดีอย่างนี้และเสียดายตนน่าจะซื้อพวกวิตามินมาให้แม่ด้วยอุ่นเฮือนกับคำป้อมองหน้ากันทึ่ง กลินท์บอกว่าแม่กับพี่อุ่นเฮือนไม่ต้องสนใจอะไรหรอก ตนก็พูดไปเรื่อย รู้แค่...ตนจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวเราดีขึ้น ทดแทนที่ตน....
กลินท์พูดทิ้งไว้แค่นี้ คำป้อถามว่าอะไรก็ตัดบทว่าไม่มีอะไร ให้แม่พักผ่อนเถอะ
แล้วจู่ๆสมบ่าวคนสนิทของเจ้าวงเดือนกับไพคาก็มาหากลินท์บอกว่าตอนนี้เจ้าเวียงสวรรค์ไม่สบายมาก เจ้าแม่กับเจ้าน้อยให้มาขอยาฝรั่งจากเอ็ง กลินท์ไม่ให้บอกว่ายาตนมีไว้พอสำหรับรักษาแม่เท่านั้นไม่มีเผื่อใคร ไพคาด่ากลินท์ว่าเนรคุณไม่สำนึกบุญคุณ กลินท์กระชากคอไพคาด่า
“ฉันสำนึกบุญคุณทุกคนพอๆกับจดจำความเจ็บแค้นที่ทุกคนทำไว้ ถ้าอยากได้ยาจริงๆก็ให้เจ้าช่อเอื้องมาขอฉันเอง”
ไพคากับสมทำอะไรกลินท์ไม่ได้ก็ร้องกรี๊ดๆ แล้วพากันวิ่งกลับไป คำป้อติงกลินท์ว่าทำเกินไปแล้ว ยาแค่นี้อย่าไปมีเรื่องมีราวกันเลยแบ่งให้เขาไปเถอะ แม่เองก็หายแล้ว อุ่นเฮือนเห็นด้วย บอกว่าถ้าเอ็งเกลียดขี้หน้านักตนเอาไปให้เองก็ได้ กลินท์โต้แววตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความแค้นว่า
“ไม่ต้อง ให้พวกมันรู้ซะบ้างว่าเวลาแบมือขอความช่วยเหลือจากใครแล้วเขาไม่ให้มันเป็นยังไง ที่สำคัญให้พวกมันได้รู้ เราอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งมัน”
ooooooo
เจ้าช่อเอื้องแค้นมากด่ากลินท์ว่าอีไพร่นั่นจะให้ตนไปขอยากับมันเองใช่ไหม เจ้าวงเดือนอาสาว่าเดี๋ยวตนจะไปขอมันแทนเจ้าแม่เอง เจ้าน้อยขอไปเองเชื่อว่าเทียนคำคงไม่กล้าปฏิเสธ
เจ้าวงเดือนตัดบทกันไม่ให้เจ้าน้อยไป บอกให้เจ้าแม่ไปเองดีกว่ามันอาจไม่กล้าปฏิเสธและตนจะไปกับเจ้าแม่เอง ไพคาท้วงติงว่าจะลดตัวไปหาอีไพร่มันทำไม นอกจากเจ้าวงเดือนไม่ไว้ใจเจ้าน้อยแล้ว ที่สำคัญคือเจ้าเวียงสวรรค์ก็แก่ชรามากแล้ว ถ้าเจ้าแม่กับเจ้าพ่อเป็นอะไรไป มันก็ถึงเวลาเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ของตนจะได้เป็นเจ้าคุ้มเสียที
เจ้าช่อเอื้อง เจ้าวงเดือน ไพคาและสมไปถึงบ้านคำป้อ คำป้อกับอุ่นเฮือนนั่งกับพื้นอย่างเสงี่ยมเจียมตัว แต่กลินท์ยืนคอแข็งประจันหน้าจนคำป้อพยายามดึงให้นั่งลงกลินท์จึงจำต้องนั่ง
เจ้าช่อเอื้องถามว่ายาอยู่ไหน “มึงให้กูมาเอายา กูมาแล้วเอายามาให้กูไวๆ” กลินท์เล่นแง่ว่ามาใช้อำนาจ บาตรใหญ่อย่างนี้ไม่ต้องมาดีกว่า เจ้าวงเดือนใช้ไม้อ่อนถามว่าแล้วจะให้ทำยังไง
“ชอบกราบตีนกันนักไม่ใช่เหรอ กราบสิ กราบตีนฉัน”
เจ้าวงเดือนเล่นบทร้ายทันที ด่ากลินท์ว่าสันดานไพร่ บอกให้เจ้าช่อเอื้องขึ้นไปค้นเองบนเรือนเลย
เจ้าช่อเอื้องสั่งบ่าวให้ค้นหายาให้ได้ พวกนั้นข่มขู่คำป้อถามว่ายาอยู่ไหน คำป้อกลัวจนตัวสั่นบอกว่าไม่รู้ บอกกลินท์ให้เอายาให้ท่านเถอะ
บ่าวไพร่ของเจ้าช่อเอื้องค้นจนทั่วบ้านก็ไม่เจอยาจึงสั่งให้ค้นที่ตัวกลินท์ กลินท์ล้วงตลับยาจากชายพกแล้ววิ่งลงจากบ้าน พวกเจ้าช่อเอื้องวิ่งตามไป กลินท์บอกว่าถ้าเข้ามาตนจะเทยาแล้วกระทืบให้จมดิน เจ้าวงเดือนสั่งให้จับมันเลย เจ้าช่อเอื้องเห็นท่ากลินท์จะทำจริง
จึงอ้อนวอนขอยาไปให้เจ้าเวียงสวรรค์
“ก็แค่นี้แหละ...ฉันเห็นแก่เจ้าเวียงสวรรค์ที่นอนป่วยพะงาบๆ แล้วก็เห็นแก่ท่านเจ้าช่อเอื้องที่อุตส่าห์พูดจาเพราะๆกับข้า แล้วจำไว้ด้วยนะ เวลาคนอื่นมาขอความช่วยเหลือต้องทำยังไง”
กลินท์โยนตลับยาให้เจ้าช่อเอื้องบอกวิธีกินยาให้ อวยพรให้หายเร็วๆ และถ้าไม่หายก็มาเอายาที่ดินที่ตนฝากรอยตีนไว้ก็แล้วกัน ไพคาอาฆาตว่าฝากไว้ก่อนเถอะอีขี้ครอก กลินท์บอกไม่ต้องฝากหรอกอีขี้ข้า คำป้อตวาดกลินท์อย่างโมโหสุดขีด “หยุด!! พอได้แล้วเทียนคำ”
พอขึ้นบ้าน คำป้อกับอุ่นเฮือนก็ด่าว่าตำหนิกลินท์ว่าถึงท่านจะร้ายยังไง ถ้าเราไม่มีคุ้มเวียงสวรรค์ก็ไม่มีที่อยู่ที่กินที่ซุกหัวนอน อุ่นเฮือนก็ว่า “เอ็งทำทุกอย่างเพื่อตัวเองทั้งนั้นเทียนคำ”
“แต่พวกมันฆ่าฉัน”
“แต่เอ็งก็ไม่ตาย ในเมื่อเอ็งไม่ตายก็น่าจะใช้เวลาที่เหลือกลับตัวกลับใจ อย่าไปยุ่งอย่าไปทำลายครอบครัวท่าน จำไว้อีกข้อ เอ็งคือคนที่เจ้าน้อยไม่ได้รัก ไม่ได้เลือก เอ็งต้องทำใจ”
กลินท์ถามว่าตนต้องปล่อยให้คนที่ทำร้าย ย่ำยีตนลอยนวลหรือ
“ไม่มีใครทำร้ายเอ็ง นอกจากเอ็งทำร้ายตัวเอง เลิกโกรธ เลิกอาฆาตท่านซะ แล้วเอ็งจะไม่เจ็บปวด
ไม่ทุกข์ทรมานใจเหมือนทุกวันนี้”
อุ่นเฮือนก็ให้ปล่อยวางเสียเถอะ กลินท์ตอบเสียงสั่นน้ำตาไหลอย่างทิฐิว่า
“ไม่ได้ ฉันปล่อยวางไม่ได้ ใครที่มันทำกับฉันต้องได้รับกรรมอย่างสาสม”
ooooooo
เจ้าช่อเอื้องเอายาไปให้เจ้าเวียงสวรรค์กินด้วยความหวังว่าเดี๋ยวท่านก็จะหาย หลังจากกินยาแล้วเจ้าเวียงสวรรค์ก็หลับ เจ้าน้อยชมว่ายาหมอฝรั่งนี่ดีจริงๆ เจ้าช่อเอื้องถามเจ้าน้อยว่า
“เจ้าน้อยรู้หรือเปล่าว่ากว่าแม่จะได้ยามา อีเทียนคำมันทำกับแม่ยังไง...มันจะให้แม่กราบตีนมัน!!”
เจ้าน้อยฟังแล้วโกรธ เจ้าช่อเอื้องยุว่าที่มันกล้าทำกับแม่อย่างนี้เพราะเจ้าน้อยให้ท้ายมัน การที่ลูก
ไม่เลิกยุ่งกับมันทำให้มันมีความหวัง ถามอย่างเจ็บปวดว่า
“ลูกรู้หรือเปล่าเจ้าน้อยว่าแม่เจ็บปวดแค่ไหน ที่มันก้าวร้าวหยาบคายใส่แม่ แต่แม่ก็ต้องทนเพราะแม่ต้องการรักษาครอบครัวของลูกเอาไว้”
“ยังไง...ข้าก็มีแต่เจ้าวงเดือน” เจ้าน้อยบอก
เจ้าช่อเอื้องหว่านล้อมว่าตนไม่ได้รังเกียจอะไรเทียนคำ ซ้ำยังเวทนาด้วยซ้ำที่หน้าโง่เชื่อคำหวานของผู้ชาย แต่ย้ำว่า “ในความเป็นแม่ แม่ยอมให้ลูกมีมันไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่ไพร่ แม่จึงต้องใจร้ายกับมัน”
เจ้าน้อยถามว่าทำไม ในเมื่อตั้งแต่บรรพบุรุษเราผู้ชายล้วนมีเมียมากมายหลายคน ใครๆก็เอาบ่าว
ในบ้านเป็นเมียทั้งนั้น เจ้าช่อเอื้องยืนยันว่า
“แต่ผู้ชายคนนั้นต้องไม่ใช่ลูกแม่ เจ้าน้อยต้องทำตัวให้ดี น่าเคารพยกย่อง ให้ผู้คนเกรงขาม เพราะถ้ายังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต เอาแต่ใจแบบนี้ เจ้าน้อยจะไม่มีวันได้เป็นผู้ครองคุ้มเวียงสวรรค์ต่อจากเจ้าพ่อแน่นอน”
เจ้าน้อยหงุดหงิดไม่พอใจมาก ส่วนเจ้าวงเดือนหน้าซีด วิตก กลัวแทนเจ้าน้อย
ฝ่ายเจ้าน้อยก็หงุดหงิดงุ่นง่านจนคำแปงถามว่าเป็นอะไร เจ้าน้อยระบายอย่างอึดอัดว่าเจ้าแม่
ไม่อนุญาตให้ตนมีเมียอื่นนอกจากเจ้าวงเดือน ทั้งๆที่ใครๆก็ทำกันทั้งนั้น บอกคำแปงว่า
“แต่ข้าทำไม่ได้เพราะเจ้าแม่ไม่อนุญาต รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ข้าเป็นลูกแหง่กลัวแม่” คำแปงถามว่าเจ้าน้อย
จะขัดคำสั่งเจ้าแม่หรือ “คอยดูเถอะ เมื่อไหร่ที่ข้าขึ้นครองคุ้มเวียงสวรรค์ เมื่อนั้นข้าก็จะขัดคำสั่งเจ้าแม่...”
“ห่วงแต่เจ้าวงเดือนไม่น่าจะยอมให้เจ้าน้อยมีหญิงอื่น”
“เทียนคำมันเป็นเมียข้าอีกคนหนึ่ง ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าวงเดือนเป็นเหมือนแม่ที่กดเจ้าพ่อไปซะทุกอย่าง เอ็งคอยดูก็แล้วกัน”
เจ้าวงเดือนโกรธมากที่เจ้าน้อยเห็นเรื่องการมีเมียน้อยหลายคนเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้เครียดเรื่องเจ้าน้อยอาจจะไม่ได้ครองคุ้มเวียงสวรรค์ก็จะหมดโอกาสได้เป็นเจ้าของนครเชียงใหม่ ไพคาเห็นแล้วปลอบว่าตนเป็นห่วง
“คนอย่างข้า เจ้านางแห่งเชียงจัน ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาห่วง คนที่ต้องเป็นห่วงคือเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ต่างหาก”
เจ้าวงเดือนพูดแล้วกระแทกเท้าออกไปอย่างยโส ไพคางง ไม่เข้าใจว่าเจ้าน้อยมีอะไรน่าเป็นห่วง?
เจ้าวงเดือนไปถ้ำที่สิงห์เคยพำนักพักพิงในการท่องคาถาเวทมนตร์ เจ้าวงเดือนน้ำตาไหลพราก ทั้งเจ็บแค้นและหวาดหวั่น กำมือแน่น คำรามออกมาเบาๆ
“ข้าไม่ยอม...เจ้าน้อยต้องได้เป็นเจ้าคุ้มเวียงสวรรค์และข้าก็ต้องเป็นชายาของเจ้าน้อยเพียงคนเดียว ไม่ใช่เอ็ง เทียนคำ!”
เจ้าวงเดือนก้าวขึ้นไปนั่งบนแท่นที่สิงห์เคยใช้บริกรรมคาถา ทำปากขมุบขมิบดวงหน้าเหยเกด้วยความคับข้องขมขื่นใจ...
เจ้าวงเดือนวาดมือออกไป กวาดตามองพูดอย่างเร็ว
“กาลี กาลี กาลี ด้วยมนตร์แห่งมารากาลี ขอศศินุ กาลี จงยิ่งใหญ่กว่าใครทุกคน”
เจ้าเวียงสวรรค์ที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ เจ้าวงเดือนเข้าไปประคองศีรษะเจ้าเวียงสวรรค์ขึ้นแล้วรินยาในถ้วยเข้าปาก เจ้าเวียงสวรรค์ที่กำลังป่วยหนักกลืนยาสีน้ำตาลเข้มลงไป เจ้าวงเดือนพึมพำเบาๆ
“กาลี กาลี กาลี มารา กาลี...เตโช กาลี อเวจี กาลี”
เจ้าเวียงสวรรค์เห็นหนานแก้วมายืนที่ประตูใบหน้าเศร้า เจ้าเวียงสวรรค์ถามว่ามารับตนแล้วหรือหนานแก้ว หนานแก้วส่ายหน้าดวงตาเศร้า เจ้าเวียงสวรรค์พยายามจะลุกขึ้นแต่ลุกไม่ไหว
“แต่ข้ารู้...ว่าถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องไป เจ้าไม่มารับข้าแล้วข้าจะไปกับใคร”
หนานแก้วหน้าเศร้ามองไปข้างเตียงเจ้าเวียงสวรรค์ พอเจ้าเวียงสวรรค์มองตามไปก็เห็นเจ้าวงเดือนนั่งถือถ้วยยาแสยะยิ้มราวปีศาจร้าย บอกเจ้าเวียงสวรรค์ว่า “ประตูกาลีเปิดรับท่านแล้ว เจ้าเวียงสวรรค์” เจ้าเวียงสวรรค์เอามือกุมคอเหมือนยาที่กินเข้าไปจะสำแดงพิษออกมาแต่ก็ไม่ออก
เจ้าเวียงสวรรค์หน้าทุกข์ทรมาน ชักกระตุกแล้วแน่นิ่งไป
เจ้าวงเดือนนั่งยิ้ม สายตาจ้องเจ้าเวียงสวรรค์อย่างเลือดเย็น มีแต่ความสะใจกับผลงาน...
ooooooo
คืนนี้เบนนั่งข้างกองไฟที่บ้าน ดูรูปคู่ของตัวเองกับกลินท์อย่างครุ่นคิด บอกเน่าที่มาทักว่าตนเป็นห่วงลินท์ ถ้าลินท์ไปกับคุณอินทร์ตนจะไม่ห่วงเท่านี้ แต่นี่มันเป็นปาฏิหาริย์ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครบอกได้ว่า ตกลงสิ่งที่เราเห็น เป็นเรื่องจริงหรือเราบ้ากันไปเอง
เบนตำหนิตัวเองว่าผิดที่ตามใจลินท์แทนที่จะห้ามปราม สายป่านบอกว่าอย่าโทษตัวเองเลย เขาเองก็รู้ไม่มีใครห้ามลินท์ได้ ทุกคนเลยได้แต่เครียด...
วันต่อมาที่บ้านคำป้อ กลินท์นุ่งกระโจมอกเอาผ้าคลุมไหล่เหมือนจะไปอาบน้ำ ในมือถือดอกปีบอย่างมีเป้าหมาย
กลินท์ไปยืนที่บริเวณคุ้มเวียงสวรรค์ยั่วยวนเจ้าน้อย พอเจ้าน้อยเห็นก็เดินตามกลินท์ไปเหมือนต้องมนตร์ เจ้าวงเดือนเห็นเต็มตาตามไปทันที ไพคาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รีบตามเจ้าวงเดือนไปด้วยความจงรักภักดี
เจ้าน้อยตามไปออดอ้อนกลินท์ในคราบเทียนคำ บอกว่าตอนนี้เจ้าวงเดือนเห็นความดีที่เจ้าทำต่อเจ้าพ่อแล้ว อีกไม่นานคงจะยอมให้เจ้าเป็นเมียข้าอีกคน กลินท์ถามว่าเจ้าพ่อป่วยขนาดนี้ท่านยังมีแก่ใจคิดเรื่องแบบนี้อีกหรือ
“ก็หัวใจข้ามีแต่เจ้า ไม่งั้น...ข้าไม่กำจัดไอ้สิงห์ให้พ้นทางเราไปหรอก เจ้าสบายใจได้เลยนะเทียนคำ ต่อไปนี้ไม่มีใครมาข่มเหงทำร้ายจิตใจเจ้าได้อีกแน่นอน เจ้าจะได้เป็นเมียข้าแค่คนเดียว”
“ข้าดีใจมากที่เจ้าทำเพื่อข้าขนาดนี้” กลินท์ข่มความโกรธเกลียดยิ้มแย้มยั่วยวน
เจ้าน้อยดีใจถามว่าเจ้ายอมข้าแล้วใช่ไหม กลินท์ถามว่าที่แล้วมาตนยอมท่านมาตลอด แล้วท่านยังต้องการอะไรจากตนอีก
เจ้าน้อยร้อนรุ่มในเสน่หาจนทนไม่ได้กอดจูบกลินท์อย่างหน้ามืดชวนไปที่ของเรากัน กลินท์ถามว่าทำไมต้องไปที่ของเรา บอกว่า
“ข้าจะไม่ยอมเป็นของท่านอีกต่างหาก...จนกว่าท่านจะยอมรับปากกับข้า ว่าท่านจะให้ข้าขึ้นเป็นเมียท่านอีกคน ไม่ใช่เมียบ่าวอย่างทุกวันนี้ ท่านต้องตบแต่งให้ข้าอย่างสมเกียรติ”
“โธ่เรื่องแค่นี้เอง ข้ายินยอม ขอเพียงได้ตัวเจ้าอีก...และอีก...เท่านั้น”
เจ้าวงเดือนได้ยินตัวชาวาบ เจ้าน้อยทำท่าจะจูบอีก กลินท์ทำจริตมารยาว่า
“อย่าเพิ่งเจ้าค่ะ...ท่านต้องไปพูดกับเจ้าวงเดือนให้เรียบร้อยก่อน แล้วคืนนี้ข้าจะไปรอที่ที่ของเรา รีบกลับไปพูดกับเจ้าวงเดือนเร็วเถอะค่ะเจ้า ไม่งั้น...ข้าไม่ยอม” เจ้าน้อยจำต้องกลับไป นัดแล้วเจอกัน “คืนนี้ข้าจะรอ” กลินท์ยิ้มยั่วยวนเอาตัวเข้าสี จูบแล้วเดินไป เจ้าน้อยมองตามอย่างหลงใหล...
ooooooo
เจ้าวงเดือนยืนกอดต้นไม้ร้องไห้ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำหนาวจนตัวสั่น ไพคาเดินเข้ามามองอย่างสงสารจับใจ พอเข้าไปเรียก เจ้าวงเดือนก็โผกอดไพคาอย่างหาที่พึ่ง ไพคากอดลูบไล้ไหล่เปลือยของเจ้าวงเดือนและจุมพิตอย่างอ่อนโยน เป็นจุมพิตที่ไม่มีใครทราบว่าเกิดจากความจงรักภักดีหรือ...เสน่หา
เจ้าน้อยแต่งตัวหล่อประพรมน้ำหอมออกมาจะไปหาเทียนคำ เจอไพคาพาเจ้าวงเดือนเปียกปอนเข้ามาก็ตกใจแล้วพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้าน้อยอาบน้ำกับเจ้าวงเดือนกอดจูบเจ้าวงเดือนอย่างเสน่หาร้อนแรงจนลืมกลินท์สิ้น ฝ่ายกลินท์ที่รอเจ้าน้อยอยู่ก็ไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อยเพราะเธอไม่ใช่เทียนคำ!
รุ่งขึ้นเจ้าวงเดือนลุกเดินออกจากห้องในขณะที่เจ้าน้อยยังนอนหลับสนิท เจ้าวงเดือนมาเจอไพคา ไพคาถามว่าแน่ใจหรือว่าอีเทียนคำมันไม่แผลงฤทธิ์อะไรอีก เจ้าวงเดือนพูดมีเลศนัยว่า
“ข้าทำตามที่ไอ้สิงห์มันสอนไว้ รับรองอีเทียนคำมันจะต้องหมดเรี่ยวแรงแน่ๆ ดูอย่างเจ้าน้อยยังหลับเป็นตาย ป่านนี้ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ” เจ้าวงเดือนกล่าวอย่างอาฆาตว่า “อีเทียนคำกับข้าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว ไม่ข้าก็มัน
ที่ต้องตาย” ไพคาถามว่าหมายถึงจะฆ่าอีเทียนคำอีกรอบ? “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้าบอกให้เอ็งทำอะไรเอ็งก็ทำไป” เจ้าวงเดือนสั่งแล้วเดินนำไปอย่างเร็ว
เป็นวันเดียวกับที่อุ่นเฮือนกับกลินท์ถือตะกร้าไปตลาด เจ้าวงเดือนใช้เวทมนตร์กำบังตัวเป็นเงาดำตามไปดักตีจนอุ่นเฮือนล้มหมดสติแล้วจะเข้าเล่นงานกลินท์ แต่กลินท์ดึงสร้อยที่สร้อยสังวาลให้ตั้งจิตอธิษฐาน
“ขออำนาจพระพุทธคุณช่วยคุ้มครองลูกด้วย”
ทันใดนั้นกลินท์ก็มีเรี่ยวแรงราวกับปาฏิหาริย์ดีดตัวขึ้นมากระโดดถีบเงาดำที่กำลังพุ่งเข้ามา
เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าช่อเอื้องเอาน้ำเคี่ยวไก่ไปให้เจ้าเวียงสวรรค์ที่ห้อง แต่แล้วก็ตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าเจ้าเวียงสวรรค์แน่นิ่งไปแล้ว!
เจ้าวงเดือนจะฆ่ากลินท์ที่คิดว่าเป็นเทียนคำให้ได้ กลินท์บอกว่าตนไม่ใช่เทียนคำคิดจะฆ่าตนไม่ง่ายหรอก เจ้าวงเดือนด่ากลินท์ว่าแย่งเจ้าน้อยไปจากตน กลินท์โต้ว่าที่เจ้าน้อยยอมแต่งงานกับเจ้าวงเดือนเป็นเพราะผู้ใหญ่แต่เจ้าน้อยรักเทียนคำเมียที่มาก่อน เจ้าวงเดือนตะโกนว่าเมียที่เจ้าน้อยยกย่องคือตนเท่านั้น
ทั้งสองโต้เถียงกันเรื่องเมียหลวงเมียน้อย ใครมาก่อนมาหลัง จนกลินท์ปรี่เข้ากระชากผมเจ้าวงเดือนลากไปกลางตลาด ชาวบ้านจำเจ้าวงเดือนได้ตกใจว่าเจ้าวงเดือนกับเทียนคำมีปัญหากันอีกแล้ว ชวนกันวิ่งไปดู
เจ้าวงเดือนทั้งด่าทั้งร้องให้ปล่อยไปตลอดทางจนเนื้อตัวเปรอะน้ำโคลนน้ำตม กลินท์เยาะเย้ยว่าเป็นยังไงบ้างรสน้ำโคลนข้างถนน
“อีไพร่...มึงจำสิ่งที่มึงทำกับกูวันนี้ไว้ กูจะเอาคืนให้สาสม”
กลินท์เอาคืนจากเจ้าวงเดือนทุกเม็ด ทั้งด่าตบตีกลางตลาด จนหลุยส์ที่กำลังมาเผยแผ่ศาสนาได้ยินเสียงเอะอะและจำเสียงกลินท์ได้มาแยกกลินท์พากลับบ้าน
กลินท์โวยวายไปตามทางที่หลุยส์เอาตัวไปว่าถ้าตนไม่ฆ่าผู้หญิงคนนี้ก็ต้องถูกมันฆ่าเหมือนกัน กลินท์นึกขึ้นได้ว่าปล่อยอุ่นเฮือนไว้ที่ตลาดจะกลับไปหา ดิ้นโวยวายจนหลุยส์ต้องช้อนตัวอุ้มไป กลินท์ตะลึงตัวแข็งในอ้อมแขนหลุยส์บอกให้หลุยส์ปล่อย หลุยส์บอกว่าเชื่อตนเถอะกลับไปหาอุ่นเฮือนที่บ้าน กลินท์จึงยอม...
ฝ่ายเบน เน่าและสายป่านอยู่ที่บ้านเบน เบนดูไอจีของอินทร์ไม่ได้อัปอะไร แต่ไอจีของปติมาลงรูปบ่อยทั้งรูปคู่กับอินทร์และแพม ดูจากไอจีแล้วทั้งปติมาและอินทร์มีความสุขดี เบนบอกว่าโล่งใจเพราะถ้าคุณอินทร์กับพี่ติ๊รักกันดีมีความสุข ลินท์ก็ไม่น่าจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขา พูดอย่างสบายใจว่า
“ซึ่งมันก็เป็นการย้ำอีกทางว่าขณะนี้ลินท์น่าจะอยู่ในโลกของอดีตจริงๆ”
เน่าที่กำลังดูหนังสือเก่าๆอยู่อีกมุมหนึ่งร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นให้เบนกับสายป่านช่วยดูผู้หญิงในรูปที่กาดกลางเวียงที่มิชชันนารีกำลังเผยแผ่ศาสนา เห็นผู้หญิงในรูปคือกลินท์ เบนอึ้งบอกว่าเหมือนลินท์จริงๆ
“นี่เหรอ เรื่อง Time traveler นักข้ามเวลาที่เธอเคยบอก” สายป่านถาม
“ที่เราเห็น ลินท์เหมือนมีตัวตนจริงๆในอดีต แต่...จะ time traveler จะทะลุมิติ หรืออะไรก็ตาม แต่ฉันว่าสิ่งที่ลินท์พยายามบอกเราเป็นเรื่องจริงว่ะ”
เบนเพ่งมองรูปในหนังสือ เห็นเต็มตาว่าผู้หญิงในรูปคือกลินท์จริงๆ!
กลินท์กลับบ้านเจออุ่นเฮือนก็ขอโทษที่ตนรีบเผ่นแทนที่จะอยู่ช่วยพี่และขอโทษแม่ด้วย คำป้อบอกว่าขอโทษแม่ก็ไม่มีประโยชน์เรื่องตบตีเจ้าวงเดือนที่กาดยังไงก็ต้องถึงหูเจ้าเวียงสวรรค์ เอ็งจะแก้ตัวยังไง?
คำแปงเข้าไปปลุกเจ้าน้อยที่ถูกมนตราของเจ้าวงเดือนหลับอยู่บอกว่ามีเรื่องอีกแล้ว เจ้าน้อยออกไปเจอเจ้าวงเดือนร้องไห้สะอึกสะอื้นบอกเจ้าน้อยต้องจัดการเทียนคำให้ตน ไม่ทันไรเจ้าช่อเอื้องก็ร้องไห้เข้ามาบอกให้รีบไปดู เจ้าพ่อเป็นอะไรไม่รู้นอนแน่นิ่งไม่รู้สึกตัวเลย คร่ำครวญว่าท่านจะเป็นอะไรไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาทำพิธีสืบทอดรัชทายาทให้ลูกเราก่อน
เจ้าวงเดือนจึงท่องมนตร์บังคับวิญญาณเจ้าเวียงสวรรค์คืนร่างเพื่อมาทำพิธี พูดให้ร้ายว่าอาจเป็นเพราะเทียนคำเอายาพิษให้เจ้าพ่อกิน ทำให้เจ้าช่อเอื้องแค้นแทบกระอักเลือด ออกมาตะโกน
“อีเทียนคำมันอยู่ไหน ไปเอาตัวมันมาให้กูเดี๋ยวนี้!”
ooooooo
คำป้อด่าเทียนคำว่าหน้าด้านแย่งผัวเจ้านายทำให้แม่ผิดหวังมาก เอ็งทำผิดมหันต์ไล่ให้รีบหนีไปเสียแม่ไม่อยากเห็นเอ็งถูกฆ่าตาย กลินท์ไม่ยอมไปถามว่าตนไม่อยู่แล้วแม่กับพี่อุ่นเฮือนจะอยู่ยังไง
“ไม่มีมึงพวกกูก็อยู่ได้ แต่ถ้ามึงอยู่ ทุกคนจะเดือดร้อน” คำป้อบอกหลุยส์ให้พาเทียนคำหนีไปเสีย ไปที่ไหนก็ได้ก่อนที่มันจะโดนเจ้าทั้งหลายฆ่าตาย
หลุยส์แตะมือกลินท์จะพาไป เธอสะบัดบอกว่าไม่ไป คำป้อเร่งหลุยส์ให้ลากไปเลยอย่าปล่อยให้มันหนีกลับมาอีก พอหลุยส์ลากตัวกลินท์ออกไป คำป้อก็ตะลึงเมื่อทหารกรูกันเข้ามาตวาดถาม
“เทียนคำคนไหน?”
กลินท์ถูกหลุยส์ลากไป ดิ้นพลางทั้งโวยวายและขอร้องหลุยส์อย่าพาตนออกนอกประตูเมืองไม่อย่างนั้นเราจะไม่ได้เจอกันอีก หลุยส์ถามว่าแล้วจะทำยังไงเพราะเธออยู่บ้านไม่ได้ กลินท์บอกว่าเพราะเจ้าวงเดือนจะฆ่าเทียนคำ หลุยส์ชะงักมองหน้า กลินท์พูดแล้วนึกได้รีบแก้ว่า “ฆ่าฉัน”
หลุยส์บอกว่าแต่ที่ทุกคนเห็นคือเธอพยายามจะฆ่าเจ้านาง
“เพราะจริงๆคุณรู้ว่าฉันไม่ได้โกหก...ฉันรู้ว่าคุณรู้ว่าฉันไม่ได้โกหก” หลุยส์ถามว่าแล้วทำไมตนต้องเชื่อเธอง่ายๆ “เพราะเราคู่กันมั้ง...ถ้าไม่คู่กัน เราสองคนก็คงมีเวรกรรมต่อกัน ชาติปัจจุบันคุณก็รอฉัน คอยตามล้างตามเช็ดสิ่งที่ฉันทำอยู่”
หลุยส์บอกว่าถ้าตามหลักพุทธศาสนาก็คงเป็นอย่างนั้น เรามีเวรกรรมต่อกัน แต่ถ้าตามคริสต์คงเป็น พรหมลิขิต กลินท์บอกว่าตนเชื่อในพรหมลิขิต ตนกับเขายังไงก็ต้องคู่กัน
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าคนและเสียงตะโกนโหวกเหวกก็ดังขึ้น
“ตามหามัน มีคนบอกเห็นมันกับหมอฝรั่งมาทางนี้”
หลุยส์ลากกลินท์ไปซ่อนหลังพุ่มไม้ กลินท์ถามหลุยส์ว่าตนแค่ตบเจ้าวงเดือนทำไมต้องตามล่ากันขนาดนี้ ได้ยินสมพูดกับทหารที่มาด้วยว่า เรื่องยาถามพ่อหลวงหรือยัง คนนั้นบอกว่าเรื่องยาต้องถามหมอหลุยส์
“งั้นเราต้องรีบตามหาอีเทียนคำให้เจอเพราะเรื่องนี้ใหญ่โตนัก ยาที่อีเทียนคำให้มาเป็นยาพิษ! ตอนนี้เจ้าเวียงสวรรค์อาการหนัก ไม่รู้สึกตัวแล้ว อีนี่มันร้ายกาจนัก นอกจากจะฆ่าเจ้าวงเดือนในกาดกลางเวียงมันยังคิดการใหญ่ลอบวางยาพิษเจ้าเวียงสวรรค์อีกด้วย” ว่าแล้วสมพากลุ่มทหารตามหาเทียนคำต่อไป
ooooooo
กลินท์บอกหลุยส์ว่ายาที่ตนให้ไปไม่ใช่ยาพิษมันเป็นเพียงยาลดไข้ หลุยส์ถามว่าแล้วถ้าเกิดเจ้าเวียงสวรรค์แพ้ยาล่ะ กลินท์บอกว่าไม่รู้แต่มั่นใจว่าที่เจ้าเวียงสวรรค์เป็นไม่ใช่เพราะยา แต่เพราะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อหนานแก้วต่างหาก
“ยังไงก็ช่าง ผมว่าตอนนี้คุณควรจะกลับไปยังโลกของคุณก่อน” หลุยส์ตัดบท กลินท์ว่าถ้ากลับไปคราวนี้จะมีอีกเพียงโอกาสเดียวที่ตนจะกลับมาที่นี่อีก “แต่ถ้าคุณอยู่ คุณอาจจะไม่มีโอกาสกลับไปอีกเลยนะเทียนคำ รีบไปเถอะ ผมจะไปส่งคุณที่ประตู”
หลุยส์ยื่นมือให้ กลินท์จับมือหลุยส์ไว้ สัมผัสของไออุ่นแล่นเข้าสู่หัวใจของทั้งสอง หลุยส์พยักหน้าจับมือกลินท์พาเดินไปด้วยกัน
พอถึงประตูสวนดอก หลุยส์ถามว่าเธอจะกลับมาอีกไหม กลินท์ว่าไม่รู้แต่ขอบคุณเขาและจะจดจำเขาไว้เสมอ หลุยส์บอกว่า “ผมจะรอคุณนะ”
แต่พอกลินท์จะไป จับผมตัวเองแล้วตกใจบอกว่าปิ่นตนหายตนกลับไปไม่ได้ถ้าไม่มีปิ่น อาจจะหล่นที่พุ่มไม้ที่เราซ่อนตัว ขอร้องหลุยส์ให้ไปหาให้ตน มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยตนได้
“อย่าหนี!” เสียงกลุ่มทหารที่ตามมาตะโกน กลินท์เห็นจวนตัวจึงแกล้งทำเป็นดิ้นร้องว่าตนถูกหลุยส์ฉุดเพื่อช่วยให้หลุยส์พ้นข้อสงสัย ด่าหลุยส์ว่านึกว่ามาช่วย ที่แท้ก็เป็นนกต่อ นกสองหัว ทั้งผลักทั้งไล่ไปให้พ้น หลุยส์ผสมโรงบอกพวกทหารว่าตนเห็นผู้หญิงคนนี้ทะเลาะกับเจ้าวงเดือนที่ตลาด รู้ว่าพวกเขาตามหาอยู่เลยจับตัวมาให้
สมขอบใจหมอฝรั่ง ถามว่าจะไปด้วยกันไหม หลุยส์บอกว่าตนมีธุระ แอบส่งสายตาให้กลินท์ กลินท์ทำเป็นไม่พอใจแต่เตือนหลุยส์เรื่องปิ่นว่า
“ธุระของแกคือสมน้ำหน้าฉันล่ะสิ อย่าให้ฉันหลุดไปได้นะ ฉันจะเอาปิ่นแทงให้ตายเลย”
พอแยกออกมา หลุยส์ก็รีบไปที่พุ่มไม้มองหาปิ่น แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เวลาก็ค่ำมืดลงทุกที...
ooooooo
เจ้าน้อยไม่พอใจมากเชื่อว่ากลินท์วางยาเจ้าเวียงสวรรค์จริงๆ ด่าให้คำแปงฟังว่าโง่ แทนที่จะอยู่ที่นี่เจ้าวงเดือนอาจจะเมตตาสักวัน รอตนขึ้นเป็นเจ้าครองคุ้มก็อาจจะได้เป็นเมียตนอีกคน แต่นี่ไปก่อเรื่องขนาดนี้ถ้าเจ้าพ่อของเจ้าวงเดือนรู้ก็คงไม่ยอม ตนก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วคราวนี้
ไพคาเดินเข้ามาบอกว่าการไต่สวนเริ่มแล้ว เจ้าน้อยพยักหน้าแล้วเดินไปกับคำแปง
น้อยพุทธวงศ์ที่เป็นตัวแทนในการออกราชการแทนเจ้าหลวงเชียงใหม่ ทันทีที่สมกับทหารนำตัวกลินท์เข้ามา เจ้าช่อเอื้องตวาดถามทันทีว่าเอายาอะไรให้เจ้าเวียงสวรรค์ กิน กลินท์บอกว่ายาลดไข้ธรรมดา
น้อยพุทธวงศ์มองกลินท์แปลกๆว่าไม่ใช่คนสมัยนั้น บอกว่าคนที่คุ้มเจ้าเวียงสวรรค์บอกว่ามึงทำร้ายเจ้าวงเดือนและวางยาเจ้าเวียงสวรรค์ แต่วันนี้จะไม่ตัดสิน จะตัดสินเรื่องของเจ้าเวียงสวรรค์ก่อน บอกกลินท์ว่า
“ข้าให้คนไปถามพ่อครูหลวงแล้ว พ่อครูหลวงบอกว่า ไม่เคยเอายามาให้เอ็ง แล้วเอ็งก็ไม่เคยไปเอายากับพ่อครูหลวง ตกลงเอ็งเอายาอะไรให้เจ้าเวียงสวรรค์กินจนไม่ฟื้น”
กลินท์บอกว่าก็แค่ยาพาราเซตามอลเป็นยาลดไข้เฉยๆ เจ้าน้อยออกหน้าโต้ว่าถ้าไม่ใช่ยาพิษเอ็งก็ต้องกินพิสูจน์ กลินท์บอกว่าได้ กำลังปวดหัวพอดี พอเห็นยา
กลินท์บ่นเสียดายเหลือแค่ 4 เม็ดเพราะยาพาราฯกินให้หมดตลับก็ไม่ตาย ว่าแล้วกรอกยาเข้าปากท่ามกลางสายตาทุกคนที่มองลุ้น
เมื่อกลินท์กินยาไปทั้งตลับแล้วแต่ยังไม่ตาย เจ้าวงเดือนอ้างว่า “มันต้องมี ‘ของ’ แน่” เจ้าช่อเอื้องผสมโรงทันทีว่ามันต้องมียาแก้พิษถึงกินแล้วไม่เป็นอะไร
กลินท์โต้ว่าเจ้าวงเดือนนั่นแหละเล่นของ ใช้มนตร์ดำแฝงตัวทำร้ายตน อีไพคาด้วยอีกคน แต่ที่เจ้าเวียงสวรรค์ป่วยไม่ใช่มนตร์คาถาแต่มันเป็นการลงโทษจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ครอบครัวของท่านผิดคำสาบานต่างหาก
กลินท์กับเจ้าช่อเอื้องโต้เถียงจนคำป้อบอกให้เทียนคำพอได้แล้ว แต่กลินท์กับเจ้าวงเดือนยังเถียงกันต่อ เจ้าวงเดือนบอกว่ากลินท์แทงตนกลางตลาดใครๆก็เห็นเอ็งเอาปิ่นแทงข้า ดีที่หมอฝรั่งมาห้ามเสียก่อน
กลินท์ตาลุกถามว่าปิ่นอยู่ไหน เจ้าวงเดือนให้ไพคาเอามาให้ดู ไพคาควักปิ่นออกมาบอกว่าเป็นปิ่นที่อีเทียนคำแทงเจ้าวงเดือนทำตกอยู่ที่ตลาดตนเลยเก็บมา
กลายเป็นปัญหาว่าปิ่นนี้เป็นของใคร เจ้าวงเดือนยืนยันว่าเป็นของเทียนคำเพราะเจ้าน้อยบอกว่าปิ่นอันนี้เป็นของเอ็ง ยอมรับผิดเสียดีๆ กลินท์แค้นที่ถูกโยนความผิดให้แต่ก็กระหยิ่มหาทางเอาปิ่นคืน ทำเป็นขอบคุณเจ้าวงเดือนที่ให้ปิ่นตนแล้วรีบเก็บปิ่น น้อยพุทธวงศ์ตัดบทหน้าตาดุดันว่า
“ข้ามาตัดสินเรื่องคดีของเจ้าเวียงสวรรค์ แต่พวกเจ้าเอาแต่เถียงเรื่องเลอะเทอะ ทำตัวเป็นเด็กอมมือ” มองเจ้าวงเดือนตำหนิว่า “ยิ่งเจ้า...ลดตัวไปทะเลาะกับบ่าวไพร่ ไม่เห็นแก่ชาติเชื้อวงศ์ตระกูล...ช่วยตั้งสติกันหน่อยจะได้ช่วยกันไขปัญหา ไม่ใช่หาปัญหาเข้ามาเพิ่มอีก”
ทุกคนหน้าจ๋อยก้มหน้างุด เป็นโอกาสให้กลินท์เร้นตัวออกไปโดยไม่มีใครเห็นแม้แต่น้อยพุทธวงศ์
กลินท์วิ่งตื๋อผ่านสมที่ยืนยามสัปหงกอยู่ สมเห็นแว้บๆว่ากลินท์วิ่งผ่านไปกว่าจะรู้ตัวกลินท์ก็ไปลิบแล้ว
“อีเทียนคำ...อีเทียนคำ” สมตะโกนไม่รู้จะทำยังไง กระโจนขึ้นเรือนไปอย่างรวดเร็ว
น้อยพุทธวงศ์ตัดสินว่าจะขังเทียนคำไว้ก่อน เพราะยาพิษอาจจะยังไม่ออกผลทันที แต่ถ้าผลออกมายาที่มันกินคือยาตัวเดียวกับที่มันให้เจ้าเวียงสวรรค์กิน แต่พอมองหาไม่มีกลินท์อยู่ในห้องแล้ว พอดีสมวิ่งขึ้นมาบอกว่าอีเทียนคำมันวิ่งหนีออกไปนอกคุ้มแล้ว
เจ้าช่อเอื้องสั่งให้รีบตามไป สมกับบ่าวรีบตามไป ท่ามกลางความโล่งใจของเจ้าน้อย
ooooooo
อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 10 วันที่ 1 มิ.ย.62
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ