อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 7 วันที่ 25 พ.ค.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 7 วันที่ 25 พ.ค.62

ในงานครบรอบโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ กลินท์รับงานคู่กับเบน แม้กลินท์จะถูกทั้งเพจแอนตี้และข่าวด้านลบมากมาย แต่เบนก็ไม่สะทกสะท้านบอกกลินท์ว่าตนจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ

กลินท์ขอบคุณเบนที่อยู่เคียงข้างตน ไม่อย่างนั้นหลุยส์ก็คงไม่เจอกับเทียนคำและตนก็ไม่ได้เจอกับเขา พอดีป้าก็อตให้แป้งร่ำตามกลินท์ไปแต่งหน้าทำผม กลินท์ขอบคุณป้าก็อตที่ยังเรียกใช้ตน

ป้าก็อตบอกว่าเรามันคนกันเอง แต่ต่อให้ป้าสนับสนุนลินท์ยังไงถ้าคนดูไม่เอาด้วยลินท์ก็จะอยู่ในอาชีพนี้ไม่ได้ “เพราะฉะนั้นจะทำอะไรคิดก่อนทำ ที่สำคัญรักตัวเองเยอะๆ อย่าไปรักไปทุ่มเทกับใครจนทำร้ายตัวเอง” แล้วบอกให้แป้งร่ำกับข้าวนึ่งเอาเครื่องประดับมาจะแต่งให้กลินท์



เป็นเครื่องประดับของสตรีชั้นสูงสมัย ร.4 กลินท์เห็นแล้วนึกถึงปิ่นของตัวเองถามว่าวันนี้ตนจะปักได้ไหม สายป่านติงว่าคงไม่เหมาะ รู้อยู่ว่ามีเพจแอนตี้ ทำอะไรให้ระวังหน่อย เก็บปิ่นไว้ดีกว่า แม้กลินท์จะไม่แคร์เพจแอนตี้แต่ก็ยอมเก็บปิ่นถ้าคิดว่าเป็นตัวปัญหา

พอดีสร้อยสังวาลเข้ามาเห็นปิ่นถามกลินท์ว่าของหนูหรือ ได้มาจากไหน พอจะมีเวลาคุยกับตนไหม

ป้าก็อตแนะนำว่านี่คืออาจารย์สร้อยสังวาลเพื่อนรุ่นพี่ที่ปรึกษางานนี้ กลินท์พยักหน้าอย่างอยากรู้เรื่องราวมาก

สร้อยสังวาลถามกลินท์ว่าได้ปิ่นนี้มายังไง กลินท์บอกว่ามีคนให้ สร้อยสังวาลถามว่าอินทร์ใช่ไหมเพราะตนเป็นคนให้เขาเอง ถามว่าแล้วสร้อยล่ะอยู่ไหน กลินท์บอกว่าไม่มีตนเห็นแต่ปิ่นทอง ถามว่ามีสร้อยด้วยหรือ สร้อยสังวาลบอกว่า “มี!!” เล่าว่า

ตอนแรกคุณอินทร์เขาจะซื้อแค่ปิ่น แต่ตอนที่เขาจะออกจากร้านค้าเหลือบเห็นสร้อยที่มาคู่กับปิ่นชมว่าสวยดีและขอซื้อ เล่ารายละเอียดว่า

“จริงๆตอนที่ฉันเจอปิ่น สารภาพว่าฉันไม่เห็นสร้อย และฉันก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าสร้อยและปิ่นทองมันเป็นของเก่าแก่ที่ตกทอดกันมา แต่แปลก ทำไมตอนแรกฉันถึงเห็นแต่ปิ่น...ตั้งแต่ปิ่นไปอยู่กับเธอเจอเรื่องแปลกๆบ้างไหม”

“อาจารย์ถามเหมือนรู้”

“รู้สิ...เพราะตอนที่อยู่กับฉันเครื่องประดับชิ้นนี้มันร่ำร้องหาเจ้าของมันอยู่ทุกวัน ฝันคืนแรกไม่เท่าไหร่ แต่พอฝันซ้ำๆหลายๆคืนฉันเลยรู้แล้วว่ามันไม่ธรรมดา...ในฝันฉันสัมผัสได้ถึงความสุข ความเศร้า มีทั้งเสียงหัวเราะปนกับเสียงกรีดร้องก้องไปหมด แม่ของฉันต้องไปถามเจ้าพ่อน้ำทิพย์คนทรงเจ้ากลางเวียงเชียงใหม่ เจ้าพ่อน้ำทิพย์บอกว่านี่เป็นเครื่องประดับแห่งสัญญาที่เจ้าของกำลังรอให้มันกลับไปหา โดยเฉพาะปิ่นทองอันที่เธอถืออยู่นั่นแหละ”

ยิ่งฟังกลินท์ก็ยิ่งตื่นเต้น มองปิ่นทองในมือแล้วมองสร้อยสังวาลอย่างอยากรู้

“เจ้าพ่อให้ฉันนำไปคืนเจ้าของ เพราะมันฝังรอยแค้นและแรงอาฆาตไปทุกภพทุกชาติ”

กลินท์ถามว่าหมายความว่าอินทร์เป็นเจ้าของหรือ สร้อยสังวาลบอกว่าแม่อาจจะฟังไม่ละเอียดเลยบอกว่าผู้ชายคนแรกที่เข้ามาในร้านวันนั้นเป็นเจ้าของ แต่จริงๆแล้วคุณอินทร์จะเป็นคนนำไปคืนเจ้าของมัน และวันนี้ตนเห็นปิ่นในมือกลินท์ก็รู้ว่าเจ้าของจริงๆคือเธอ เธอเองก็น่าจะรู้ว่ามันเคยเป็นของตัวเองมาก่อน

กลินท์ถามว่าแล้วสร้อยล่ะ สร้อยสังวาลบอกว่าถ้าไม่อยู่กับเธอก็คงอยู่กับภรรยาคุณอินทร์

สายป่านฟังอยู่ด้วย ถามตัวเองว่าเรื่องที่กลินท์เล่ามาตลอดมันเป็นเรื่องจริงหรือ??

ฝ่ายปติมาวันนี้เอาสร้อยทองแบบโบราณมาอ้อนให้อินทร์ใส่ให้เพื่อให้ระลึกถึงวันที่เขาเอาสร้อยมาให้ว่าเขาทำให้ตนมีความสุขแค่ไหน อ้อนให้ช่วยทำให้ตนมีความสุขเหมือนคืนนั้นได้ไหม?

อินทร์เอาสร้อยสวมให้ปติมาแล้วอุ้มไปที่เตียงซุกไซ้อย่างหลงใหลจนปติมาเหมือนกำลังมีชีวิตใหม่ แต่แล้วความรู้สึกสุขที่พุ่งสู่ฟ้าก็หล่นวูบเหมือนดิ่งเหวเมื่ออินทร์เพ้อออกมาเบาๆ

“ลินท์!”

ปติมานอนตัวแข็งทื่อน้ำตาไหลเป็นสาย แต่...อินทร์ไม่ได้มองเลย...

ooooooo

เสร็จจากงานโรงเรียนแล้วเบนขับรถไปส่งกลินท์กับสายป่านที่โรงแรม กลินท์นั่งมองปิ่นในมือแล้วรัวใส่สายป่านอย่างโมโห

“ฉันรู้ว่าเธอไม่เชื่อเรื่องที่ฉันเจอ รวมทั้งเรื่องที่อาจารย์สร้อยสังวาลบอก เพราะในใจเธอคิดแต่ว่าฉันสร้างเรื่องเพื่อกลับไปหาอินทร์ ฉันไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ชาตินี้เธอถึงไม่เปิดรับในตัวฉันซักอย่าง ไม่เหมือนพี่อุ่นเฮือน”

สายป่านขอให้เลิกพูดเรื่องพี่อุ่นเฮือนกับแม่คำป้อสักทีได้ไหม สิ่งที่ตนอยากให้เธอทำคือไปกราบขอโทษแม่ชี กลินท์บอกว่าเธอก็ไปของเธอเหมือนทุกครั้งสิ สายป่านฉุนขาดตบหน้ากลินท์ฉาดใหญ่ ตวาดถาม

“เธอรู้บ้างไหม เธอทำให้แม่ชีเสียใจแค่ไหน ที่ฉันไม่กล้าไปหาแม่ชีเพราะฉันกลัวคำถามเป็นเพื่อนสนิทประสาอะไรถึงปล่อยให้เพื่อนไปแย่งผัวคนอื่น”

กลินท์บอกว่าตนมั่นใจต้องมีสาเหตุ ขอแต่ให้ตนรู้เรื่องในอดีตของตัวเองทั้งหมดก่อนแล้วจะไปกราบแม่ชี สายป่านถามว่าจะไปตามหาอดีตทำไมในเมื่อปัจจุบันเธอยังทำอะไรไม่เข้าท่าเลยสักอย่าง

กลินท์แย้งว่าเพราะปริศนาแห่งอดีตยังไม่ถูกเปิดเผย วันนึงเธอจะเข้าใจ แต่ตอนนี้ตนยังไม่พร้อมไปหาแม่ชีจริงๆ วันไหนที่ตนหลุดพ้นจากบ่วงที่มันมัดอยู่ก็จะกลับไปเป็นแก้ว แก้วของแม่ชีไม่ใช่กลินท์ พระอาทิตย์ที่จะแผดเผาทั้งคนอื่นและตัวเองแบบนี้ กลินท์หยิบปิ่นวิ่งร้องไห้ออกจากห้อง สายป่านตกใจวิ่งตาม

พอดีเบนโทร.มาบอกว่าซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยมาฝากลินท์ สายป่านบอกว่าตนทะเลาะกับลินท์และลินท์หนีออกไปจากโรงแรมให้รีบช่วยกันตามหาเร็ว

กลินท์วิ่งเตลิดไปโดยไม่ทันระวัง มีรถคันหนึ่งแล่นมาอย่างเร็ว กลินท์ร้องลั่นแล้วทรุดไปกับพื้นถนน เบนรีบลงจากรถประคองกลินท์ พอกลินท์เห็นเบนก็ดีใจมาก กอดเบนร้องไห้โฮ

สายป่านวิ่งมาเห็นกลินท์อยู่กับเบนก็โล่งใจ แต่ก็อดขวางกลินท์ไม่ได้อยู่ดี เมื่อเบนโทร.บอกว่ากลินท์อยู่กับตนไม่ต้องห่วง สายป่านบอกว่าเห็นแล้ว ฝากลินท์ด้วยแล้วกัน อย่าให้ไปยุ่งกับอินทร์อีก

กลินท์ถามเบนว่าสายป่านห้ามตนไปยุ่งกับอินทร์อีกใช่ไหม เบนบอกว่าเปล่า กลินท์โมโหบอกเบนว่าตนไม่ได้เกิดมาเพื่อตั้งหน้าตั้งตาเป็นเมียน้อยใครอย่างที่ป่านว่ามาตลอด พูดอย่างเชื่อมั่นว่า

“ตั้งแต่ฉันเห็นเทียนคำ ฉันก็รู้ เวรกรรมมันชักนำทุกสิ่งให้มันเกิดขึ้น เทียนคำถูกฆ่าตาย!”

กลินท์เล่าว่าเทียนคำหายตัวไป พอตนย้อนเวลากลับไปในยุคโน้นทุกคนคิดว่าตนเป็นเทียนคำ หาว่าตนเป็นผี นั่นเพราะเทียนคำตายไปแล้วต่างหาก และตนก็อยากรู้ว่าใครฆ่าเทียนคำ? อยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเทียนคำ

“ผมเชื่อเรื่องพลังจิตโดยเฉพาะดวงจิตที่แรงกล้า คุณทำใจให้นิ่งนะลินท์ แล้วตั้งสมาธิ ผมเชื่อว่าถ้าคุณมีสมาธิคุณจะได้คำตอบที่คุณต้องการ”

กลินท์บอกว่า “ฉันจะลองดู” เบนกุมมืออย่างให้กำลังใจ

ooooooo

กลินท์หลับตานั่งสมาธิ ในมือกำปิ่นแน่น พนมมืออธิษฐาน...

“ถ้าปิ่นนี้คือกุญแจแห่งความแค้น ช่วยบอกให้ฉันได้รับรู้ทีเถิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเทียนคำ”

นั่งสมาธิจนดำดิ่งสู่อดีต พร้อมกับเสียงกลองรัวและแสงจันทร์สว่างนวล นั่นคือการเดินทางเริ่มต้นแล้ว

กลินท์ปรากฏตัวในรูปดวงจิต ไปยังเรือนหลังเล็ก พอแทรกผ่านเข้าไปได้ก็เบิกตาโพลงเมื่อเห็นเทียนคำกับเจ้าน้อยนอนเปลือยอยู่ใต้ผ้าห่ม! ได้ยินทั้งสองคุยกัน...

เทียนคำกลัวแม่กับอุ่นเฮือนโกรธถ้ารู้ว่าตนเป็นเมียเจ้าน้อยเพราะเจ้าน้อยต้องแต่งงานกับเจ้าวงเดือน เจ้าน้อยปากหวานว่า “ข้าจะแต่งงานกับเจ้าวงเดือนได้ยังไงในเมื่อเมียข้าอยู่ตรงนี้” และ “แม่กับพี่เจ้าน่าจะดีใจที่ต่อไปเจ้าจะได้เป็นถึงเจ้านางของข้า สัญญาว่าข้าจะรักเจ้าเพียงคนเดียว”

ดวงจิตกลินท์ได้ฟังก็พึมพำ “เทียนคำเป็นเมียของเจ้าน้อยก่อนเจ้าวงเดือน!!”

เจ้าน้อยกำชับเทียนคำไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่ถ้าวันใดที่ตนได้เป็นเจ้าหลวงก็จะประกาศให้ทุกคนรู้เองว่า “เจ้าคือชายาของข้า”

 ต่อมาเมื่อเจ้าน้อยเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าวงเดือน เทียนคำแอบดูเห็นเจ้าน้อยจุมพิตเจ้าวงเดือน เอ่ยหวาน “ข้าสาบานว่าข้าจะรักเจ้าวงเดือนเพียงคนเดียวตลอดไป”

เทียนคำวิ่งน้ำตานองหน้าออกไป คำป้อ อุ่นเฮือนและดวงจิตของกลินท์รีบตามไป

กลับถึงบ้าน คำป้อบอกเทียนคำให้ตัดใจเสีย เทียนคำถามว่าตนจะตัดใจจากผัวตัวเองได้อย่างไร ตนเป็นเมียเจ้าน้อยก่อน ท่านบอกว่าจะรักตนมีตนเพียงคนเดียว คำป้อย้ำว่าเจ้าวงเดือนคือเมียแต่งของเจ้าน้อย

เทียนคำผวากอดคำป้อบอกว่าตนจะรอเจ้าน้อย เชื่อว่าท่านรักตนคนเดียวจริงๆ

วันต่อมาเจ้าน้อยไปรอเทียนคำที่หน้าบ้าน บอกว่าตนแต่งงานกับเจ้าวงเดือนตามหน้าที่เท่านั้น

“เป็นบุญนักที่เจ้าน้อยเอ็นดูเมียคนนี้ ชีวิตอันต่ำต้อยของอีเทียนคำมันเป็นของเจ้าน้อยเพียงคนเดียว”

กลินท์สังเกตที่คอเทียนคำไม่มีสร้อย ตวัดตาไปยังเรือนใหญ่ตาเป็นประกายวับ!

เมื่อเจ้าน้อยกลับไปที่คุ้มเวียงสวรรค์ก็ตรงไปยังห้องนอนส่วนตัว ตระกองกอดออดอ้อนเจ้าวงเดือนระดมจูบพร่ำบอกว่า แค่เข้าคุ้มเจ้าหลวงวันเดียวก็คิดถึงใจขาด เจ้าวงเดือนถามว่าแล้วเทียนคำเล่า?

เจ้าน้อยฮึดฮัดไม่พอใจถามว่าจะถามถึง ‘ขี้ข้า’ มันทำไม ตนก็แค่เมตตามันประสาบ่าวไพร่และเคยช่วยชีวิตมันไว้เลยเอ็นดูเป็นธรรมดา ตนไม่ใช่ชายมักง่ายกินไม่เลือก คนที่ตนรักคือเจ้าวงเดือนเจ้านางแห่งเชียงจันเมียตนเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วเอาสร้อยสีทองประดับด้วยอัญมณีสีแดงให้ บอกว่าเจ้าหลวงมอบให้ตนก่อนจะกลับฝากมาให้เจ้า “เผื่อจะได้ใส่ออกงานคู่กับข้า เจ้าหลวงในอนาคต”

เจ้าวงเดือนยิ้มมีเลศนัยบอกเจ้าน้อยว่าพรุ่งนี้จะไปหาเจ้าพ่อ เจ้าน้อยไปด้วยไม่ได้จึงกำชับให้ดูแลรักษาตัวเองด้วย ตนไปแล้วจะรีบกลับมาและจะเอาสร้อยไปอวดเจ้าพ่อ ท่านจะได้ภูมิใจว่าตนจะได้เป็นชายาหนึ่งในรัชทายาทเจ้าหลวงแน่นอน

กลินท์เชื่อว่าเจ้าวงเดือนต้องทำอะไรเทียนคำแน่ๆ พลันก็ถูกแสงสีขาวดูดหายไป!

ooooooo

ดวงจิตกลินท์ไปปรากฏที่บ้านคำป้อ เห็นเทียนคำย่องลงจากเรือนหายไปที่เรือนใหญ่อย่างรวดเร็ว

กลินท์ตามไปเตือนเทียนคำว่าอย่าทำอย่างนั้น เทียนคำไม่ได้ยินตรงไปที่ห้องเจ้าน้อย

เจ้าวงเดือนกับไพคาแอบดูอยู่ ไพคาบอกว่าพอเจ้านางไม่อยู่อีเทียนคาต้องย่องเข้าหาเจ้าน้อย

“สารเลว!” เจ้าวงเดือนด่า บอกไพคาให้รีบไปบอกเจ้าช่อเอื้องให้มาดู ตนจะจัดการนังแพศยาเอง

ไพคาไปฟ้องเจ้าช่อเอื้องว่าอีเทียนคำคิดว่าเจ้าวงเดือนกลับเชียงจัน เลยฉวยโอกาสทำอัปรีย์จัญไร

“อีขี้ข้า มันกำแหงมาก ข้าจะไปจัดการมันเอง” เจ้าช่อเอื้องคำราม

เจ้าช่อเอื้องไปถึงก็พังประตูเข้าไป เจ้าน้อยเห็นเจ้าช่อเอื้องก็ตะลึงหน้าซีดผละออกบอกแม่ว่าตนรู้สึกไม่สบายจึงให้เทียนคำเอายามาให้ เจ้าช่อเอื้องถามเทียนคำว่าจริงหรือ เทียนคำกลัวตัวสั่นบอกว่า “จริงเจ้าค่ะ”

เจ้าช่อเอื้องทำเป็นเชื่อ เจ้าน้อยยืนยันว่าต่อให้เทียนคำมันให้ท่าตนก็ไม่สนใจหรอก ตนรักเจ้าวงเดือนเพียงคนเดียว ทั้งเทียนคำและกลินท์อึ้ง เจ้าช่อเอื้องไล่เทียนคำกลับไปเสีย แต่พอเทียนคำจะไปก็เรียกสั่ง

“ข้าจะไปไหว้พระสิงห์เสียหน่อย เอ็งช่วยเตรียมดอกไม้ธูปเทียนให้ข้าด้วย”

เจ้าน้อยถามว่าไปตอนนี้เลยหรือเจ้าแม่ เจ้าช่อเอื้องบอกว่าเวลาตนไม่สบายใจก็อยากไหว้พระ สั่งเทียนคำให้ไปเตรียมดอกไม้มาเร็ว

“เธอจะถูกทำอะไรอีกเทียนคำ” กลินท์เป็นห่วง

ฝ่ายเบนยังรอกลินท์อยู่อย่างร้อนใจ ดูนาฬิกาแล้วบ่นว่าเพิ่งผ่านไปชั่วโมงเดียวทำไมเรารู้สึกนานจัง หยิบหนังสืออ่านทำใจให้นิ่ง มองไปทางห้องกลินท์พึมพำเป็นห่วงและเอาใจช่วย

“ขอให้คุณได้คำตอบในสิ่งที่คุณอยากจะรู้ซะทีนะลินท์”


ooooooo

เจ้าช่อเอื้องเข้าไปไหว้พระสิงห์ขอให้ปกป้องคุ้มครองตนให้อยู่ดีมีสุขก่อน แล้วเรียกเทียนคำให้สาบานว่าไม่มีอะไรกับเจ้านาย

พอเทียนคำสาบาน เจ้าช่อเอื้องก็ให้สาบานต่ออีกว่าถ้าโกหกขอให้ตายโหงด้วยของแหลมคม เทียนคำอึ้ง กลินท์ตะโกนไม่ให้สาบานเพราะหนานแก้วก็ตายเพราะคำสาบาน บอกเทียนคำว่ามันไม่ยุติธรรมถ้าเธอสาบานคนเดียว แน่จริงก็ให้เอาเจ้าน้อยมาสาบานด้วย แต่...เทียนคำไม่ได้ยินอะไรเลย ถูกเจ้าช่อเอื้องเคี่ยวเข็ญจนต้องสาบานต่อหน้าพระพักตร์ของพระสิงห์ว่า

“ข้าเทียนคำ ขอสาบานต่อหน้าพระสิงห์ว่าข้ากับเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ไม่ได้ล่วงเกินกันฉันชู้สาว ถ้าข้าโกหกขอให้ข้าตายโหงด้วยของแหลมคมภายในสามวันเจ็ดวัน”

ทุกคนยิ้มพอใจกับคำสาบานของเทียนคำ แต่กลินท์ร้องกรี๊ดตะโกนด้วยความขัดใจสุดขีด

“เทียนคำ เธอรู้ไหมว่าทำอะไรลงไป ทำไมเธอถึงได้โง่อย่างนี้เทียนคำ โง่! โง่ๆๆๆๆ!!!”

ooooooo

เบนกำลังเคลิ้มจะหลับ สะดุ้งกระโจนไปห้องพระ พอเปิดไฟก็เห็นกลินท์ร้องไห้โฮๆอยู่ เบนเข้าไปกอดถามว่าเป็นอะไร เห็นกลินท์ยังอยู่ในอาการช็อกจึงรีบพาออกจากห้องพระมายังห้องนอน กอดปลอบ

“คุณอยู่กับผมแล้ว ไม่มีอะไรแล้วนะลินท์”

เบนปลอบกลินท์ให้ใจเย็นๆ ตอนนี้เธออยู่กับตนแล้ว แต่กลินท์ยังกำปิ่นแน่นบอกเบนว่าตนโกรธเทียนคำที่เล่นกับคำสาบานที่จะทำให้ชีวิตตัวเองรวมทั้งตนพังพินาศ เทียนคำต้องตายเพราะคำสาบาน!

เบนบอกว่าเธอคิดไปเอง เธอหมกมุ่นเรื่องนี้มากเกินไปแล้วให้นอนเสีย บางทีทุกอย่างอาจเป็นแค่ความคิดของเธอเองก็ได้ เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความคิดของเราเอง

เบนพากลินท์เข้านอนปิดไฟแล้วออกไป ในขณะที่กลินท์ยังกำปิ่นแน่น ปลายปิ่นที่พ้นมือสะท้อนแสงจันทร์วาววับน่ากลัว

เบนโทร.หาเน่าที่กำลังง่วนกับการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองเชียงใหม่ บอกว่าอาการลินท์ไม่ค่อยดีตนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับลินท์เป็นความจริงหรือความคิดของเธอเอง แต่ลินท์หมกมุ่นอยู่กับมันจนตนกลัวเธอจะเป็นบ้า ถ้าลินท์ไม่บ้าตนก็คงบ้าแทน

“ลินท์ไม่บ้าหรอก นี่ฉันกำลังเสิร์ชหาข้อมูลอยู่ ยุคสมัยรายละเอียดหลายอย่างมันตรงกับที่ลินท์เล่าเลยว่ะเบน เดี๋ยวคุยกัน”

เบนถือโทรศัพท์ค้าง สับสนว่า...ตกลงใครบ้ากันแน่???

เน่าอยู่กับหนิมแฟนสาวที่เล่นโยคะอยู่ถามว่าไม่สนใจเลยหรือว่าตนคุยกับใคร อาจเป็นกิ๊กก็ได้ ขอให้หึงหน่อยสิ หนิมหัวเราะสบายๆบอกว่าไม่หึง เหนื่อย ถ้าเน่าจะมีคนอื่นแค่บอกคำเดียวทุกอย่างก็จบ เพราะถ้าหมดใจกันแล้วจะยื้อกันอยู่ทำไม บอกเน่าจริงจังว่า

“ชีวิตคู่มีวันจากโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันหมดอายุนะเน่า เราจะไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่กับรักสามเส้า เหมือนกลินท์ อินทร์กับคุณติ๊อะไรนั่นหรอก”

หนิมบอกเน่าว่าถึงตนจะไม่ค่อยได้ช่วยงานอะไรแต่ก็เป็นกำลังใจให้เสมอ เน่าขอบใจที่หนิมอยู่กับคนอย่างตน หนิมถามสบายๆว่าขอบใจทำไมมันเป็นเรื่องปกติของคนรักกันที่จะต้องอยู่เคียงข้างกันเข้าใจกัน อย่าทำให้เรื่องปกติที่คนรักกันควรทำให้กันกลายเป็นเรื่องผิดปกติสิ

“เรารักหนิม เพราะหนิมไม่เหมือนใครจริงๆ” เน่ากอดหอมหนิมอย่างรักใคร่

สายป่านกำลังค้นหาเรื่องที่กลินท์เล่าให้ฟังว่ามีจริงหรือไม่ โทร.ไปถามเน่าแต่เน่ากำลังหวานอยู่กับหนิมไม่รับสาย สายป่านเลยค้นหาเอง

กลินท์ไม่ได้หลับ เธอลืมตาโพลงในความมืด มือยังกำปิ่นแน่นพึมพำเบาๆ

“ขอให้เป็นแค่ความคิดความกลัวของฉัน อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นเพราะคำสาบานของเธอเลยนะเทียนคำ”

เบนเข้ามาดูกลินท์เห็นเธอหลับแต่ยังกำปิ่นแน่น เปลือกตาเคลื่อนไหวไปมาแสดงให้เห็นว่ากลินท์กำลังเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน เบนมองอย่างเป็นห่วง “คุณฝันอะไรของคุณอีกเนี่ยลินท์?”

ooooooo

ดวงจิตของกลินท์ล่องลอยไปที่ห้องของเจ้าน้อย เห็นเทียนคำอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าน้อยอย่างมีความสุขมีปิ่นปักที่เรือนผม กลินท์ด่าเทียนคำว่าโง่หน้าด้าน จึงนึกได้ว่ากำลังด่าตัวเองในอดีต

เทียนคำถามเจ้าน้อยว่าเมื่อไหร่จะบอกทุกคนว่าตนเป็นเมียและมาก่อนเจ้าวงเดือนเสียอีก เจ้าน้อยขอเวลา อ้างว่าตอนนี้ทั้งการเมืองและการมุ้งกำลังยุ่งอีนุงตุงนังไปหมด ถ้าเทียนคำอยู่อย่างนี้แล้วมีความสุขก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าไม่มีความสุข เทียนคำบอกว่ามีความสุขแต่ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าตนก็เป็นคนสำคัญของเจ้าน้อยเหมือนกันและที่สำคัญตนเป็นเมียก่อนเจ้าวงเดือน

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 7 วันที่ 25 พ.ค.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ