อ่านละคร แรงเงา 2 ตอนที่ 8 วันที่ 21 พ.ค.62
ความระแวงสงสัยทำให้มุนินทร์ตัดสินใจทดสอบ ประกาศต่อหน้าแขกทุกคนให้ทัยแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ โดยมีศรุตช่วยสนับสนุนเพราะคิดว่าการพูดต่อหน้าคนเยอะๆจะช่วยฟื้นความจำทัยหรือตัวจริงคือฤทัยมีสีหน้าอึกอัก กลัวถูกจับได้ มุนินทร์จับสังเกตตลอด วีกิจก็เช่นกันแต่เหมือนจะช่วยลุ้นมากกว่าเพราะยังไม่คิดว่าทัยจะมีเจตนาแอบแฝง มุนินทร์เห็นอาการนั้นแต่ไม่กระโตกกระตาก แกล้งเปลี่ยนเรื่องดื้อๆว่าวีกิจเตรียมของขวัญมาให้ทัยคือมือถือสภาพยังดีแม้จะเป็นของมือสอง
ของขวัญของวีกิจเรียกรอยยิ้มให้ฤทัยจนเผลอลืมตัวขอถ่ายรูปร่วมกับทุกคน มุนินทร์กับลูกศรมองหน้ากันนิ่งๆ เพราะทัยแสดงพิรุธเด่นชัดคือใช้งานมือถือได้คล่องแคล่วอย่างไม่น่าเชื่อ
ทัยหาเรื่องใกล้ชิดกับวีกิจจนมุนินทร์เริ่มหงุดหงิด แม้สามีจะรักษาระยะห่างได้ดีแต่เธอก็อดหึงไม่ได้ ลูกศรเข้าใจความรู้สึกเพื่อนรักตัดสินใจถามศรุตเรื่องขีดความสามารถของคนความจำเสื่อม
“คุณศรุตคะ...มีอะไรจะถามหน่อย...จริงเหรอคะการได้พูดต่อหน้าคนหมู่มากจะช่วยฟื้นความทรงจำของเราได้”
“ไม่ยืนยันว่าเกิดกับทุกคนนะครับแต่มันเกิดขึ้นกับผมจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นมันอาจจะเกิดกับทัยก็ได้นะคะ ถ้าความจำเธอหายไปแต่ทำไมได้มือถือมาเธอก็เข้าไปกดถ่ายรูปได้ทันที ความทรงจำส่วนนี้ไม่ได้สูญหายไปด้วยหรอกเหรอคะ”
“เอ..เรื่องนี้ผมอธิบายไม่ได้ครับ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนบอก”
คำตอบของศรุตทำให้มุนินทร์กับลูกศรตัดเรื่องทัยแกล้งความจำเสื่อมทิ้ง แต่กลับต้องตาลุกวาวเมื่อวิทยากรหนุ่มสันนิษฐานว่าชื่อทัยน่าจะมาจากฤทัยแน่นอน...
ooooooo
ระหว่างที่มุนินทร์กับลูกศรรวบรวมข้อมูลจากศรุต ทัยหรือตัวจริงคือฤทัยหาทางเข้าหาวีกิจตามลำพังอีกครั้ง คราวนี้ใจกล้าขนาดตามเขาไปในห้องนอน
“หนูจะมาขอบคุณที่คุณซื้อมือถือมาให้ แสดงว่าคุณไม่เกลียดไม่รำคาญหนูจริงๆ”
“ทัย...ฉันบอกตรงๆนะ ฉันอาจจะรู้สึกหงุดหงิดบ้างตอนเธอเข้ามาอยู่แรกๆ เข้าใจนะว่านี่บ้านเรือนหอ ฉันกับนินหวังว่าเราจะเข้ามาอยู่ตามลำพังสองต่อสองแต่พอมีเธอเป็นบุคคลที่สามเข้ามาอยู่ด้วย...ฉันก็รู้สึกอึดอัดไปบ้าง”
“เข้าใจค่ะ...แล้วตอนนี้คุณยังรู้สึกอึดอัดอีกรึเปล่า”
“มันก็คลี่คลายไปแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังอึดอัดขึ้นมาอีกแล้ว”
ทัยหน้าเจื่อน วีกิจสงสารเลิกแหย่และบอกเหตุผลจริงๆ
“ก็...เธอเข้ามาในห้องฉันน่ะสิ เธอเป็นสาวแล้วมันไม่สมควร เธอออกไปเถอะ”
“ให้เวลาหนูแป๊บเดียว หนูขออนุญาตอีกเรื่องนะคะ...หนูขอถ่ายรูปกับคุณได้ไหม”
วีกิจอึ้งไปอึดใจก่อนพยักหน้าอนุญาต ฤทัยดีใจมากโน้มตัวหาจนเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอ อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเพราะกลิ่นกายสาวกลับมาก่อกวน ฤทัยสะใจมากแกล้งทำเป็นถ่ายภาพจากกล้องหน้ามือถือไม่ถนัด แล้วก็เข้าทางเธอเมื่อวีกิจรำคาญแย่งมาถ่ายให้เอง
ฤทัยพอใจมากที่มีรูปคู่แต่ยังไม่พอใจชวนคุยต่อ วีกิจอึดอัดใจมากแต่พลันก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นเมื่อเธอบอกว่าความทรงจำเริ่มฟื้น พอจำได้คร่าวๆว่าตัวเองอยู่กับแม่ มีอาชีพร้อยดอกไม้ขาย ฤทัยแสร้งตีหน้าเศร้าไม่อยากกลับบ้านเพราะกลัวคนในบ้านทำร้าย วีกิจหนักใจมาก ไม่กล้าผลักไส ได้แต่กอดปลอบและสัญญาจะดูแลจนหายดี
วีกิจแพ้น้ำตาผู้หญิง ฤทัยจับจุดได้ร้องไห้ใหญ่โตจนเขาใจอ่อนปลอบประโลมไม่ห่าง ลูกศรผ่านมาเห็นทนไม่ไหววิ่งไปตามมุนินทร์มาดู มุนินทร์ตะลึงมากก่อนตั้งสติได้แกล้งทักเสียงดัง
“เกิดอะไรขึ้นทัย...ร้องไห้ทำไม”
น้ำเสียงตึงๆของภรรยาทำให้วีกิจร้อนตัว แก้ตัวแกนๆว่าไม่มีอะไรแต่มุนินทร์ไม่เชื่อ
“ทัย...บอกฉันมาเธอร้องไห้ทำไม”
ทัยหรือตัวจริงคือฤทัยส่ายหน้าปฏิเสธแต่มุนินทร์ไม่ยอม คาดคั้น
“มันต้องมีสิ...คุณกิจกอดเธอไว้อย่างนั้น”
วีกิจเห็นท่าไม่ดีตัดสินใจบอกความจริงบางส่วน
“ความจำของทัยกลับมาบ้างแล้ว เธอจำได้ว่ามีคนทำร้ายเธอ คนที่ข่มขืนเธอน่าจะเป็นคนในครอบครัว เธอกลัวว่าถ้าเธอจำเรื่องราวได้แล้ว จำได้ว่าพ่อแม่คือใคร เราจะส่งเธอกลับบ้านแล้วเธอต้องเจอกับคนที่ทำร้ายเธออีก”
มุนินทร์ชะงัก เรื่องที่สามีเล่ามีเค้าเป็นไปได้เพราะเธอรู้อาการของทัยตั้งแต่ต้น จึงอ่อนท่าทีและสัญญาจะดูแลเด็กสาวอย่างดีไม่ส่งกลับบ้านหากไม่เต็มใจ กระนั้นความคลางแคลงใจก็ไม่จางหายและคงต้องหาทางพิสูจน์...
ooooooo
นพนภาไม่ได้สนใจเรื่องทัยหรือตัวจริงคือฤทัย มัวโม้เรื่องเจนภพขอแต่งงานกับศรุตจนต่อกับต้องได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา...เพราะความจริงมีไม่ถึงครึ่ง!
ปราโมทย์ปล่อยให้นพนภาคุยกับศรุต ส่วนตัวเองแวบมาคุยกับมุนินทร์กับลูกศรถึงความผิดปกติของทัย
“ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ แกรู้ไหมเมื่อสองคืนก่อนคุณกิจเข้าไปในห้องทัย ประคองเด็กลงนอนบนเตียงด้วย”
ลูกศรเบิกตาโพลง “เป็นเรื่อง...ทำไมทำอย่างนั้น”
“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก เด็กยังมีอาการประสาทเวลามีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า คุณกิจก็แค่ปลอบให้นอน แต่ที่มันรบกวนฉันก็คือเขาไม่ยอมบอกเรื่องพาเด็กไปส่งถึงเตียง เด็กเองก็โกหกเหมือนกัน ฉันจะทำยังไงดี ทำไมเขาต้องโกหก”
“ใจเย็นๆนะแก ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แกต้องยุติธรรมกับเขานะ”
“รู้...ในเมื่อไม่ได้ทำผิดแต่ทำไมไม่บอกความจริง นี่แหละที่มันคาใจ”
“มันต้องมีทางออกน่า...ใจเย็นๆ”
ทัยหรือตัวจริงคือฤทัยได้ยินทุกอย่างจากห้องข้างๆ ตัดสินใจเปิดเกมรุกแสร้งทำเป็นดีใจที่ความจำเริ่มฟื้น นพนภากับศรุตยินดีมาก แนะให้ทัยคุยกับวีกิจบ่อยๆ เผื่อจะช่วยให้ฟื้นความจำได้เร็วขึ้น
มุนินทร์ทนฟังไม่ไหวโพล่งเสียงเข้ม “ต้องคุยกันลำพังสองต่อสองด้วยใช่ไหมคะถึงจะเรียกความจำได้เร็วขึ้น เมื่อกี้เขาคุยกันลำพังน่ะค่ะ...ในห้องนอน มีดราม่าร้องไห้กันด้วย”
ฤทัยชะงัก ไม่คาดคิดว่ามุนินทร์จะพูดต่อหน้าคนอื่น มุนินทร์จับสังเกตอาการเด็กสาวในอุปการะตลอด เห็นสีหน้าอึกอักเหมือนมีพิรุธก็ไม่รอช้าเค้นถามเรื่องชื่อ
“ตกลงเธอชื่อทัยหรือมีชื่ออื่นด้วย...เมื่อกี้เธอก็ตอบคุณศรุตด้วยการเรียกชื่อตัวเองว่าฤทัยไม่ใช่เหรอ”
คำถามของมุนินทร์ทำให้ทัยหรือตัวจริงคือฤทัยหน้าซีด พึมพำตอบเสียงสั่น “หนูจำไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นช่วยตอบอีกคำถาม...เธอคุยอะไรกับคุณกิจในห้องนอน...เธอคงจำได้นะเพราะเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ”
มุนินทร์รุกเต็มที่เพราะเชื่อสัญชาตญาณตัวเองว่าทัยหรือฤทัยอาจไม่ใสซื่ออย่างที่คิด วีกิจจับต้นชนปลายไม่ถูกพยายามช่วยไกล่เกลี่ยเหมือนเคยแต่มุนินทร์ไม่สนขอดูมือถือของฤทัย
ภาพคู่ระหว่างสามีกับเด็กสาวในอุปการะทำให้มุนินทร์ของขึ้น แหวลั่น
“เธอถ่ายภาพคู่กับคุณกิจด้วย...ทำไมไม่เล่า ตกลงไม่เล่าเพราะจำไม่ได้หรือเลือกเรื่องที่จะเล่ามากกว่า”
ทัยหรือฤทัยตัวสั่น สวมบทหญิงสาวอ่อนแอร้องไห้เรียกความสงสารจากทุกคนแต่ไม่ใช่จากมุนินทร์ วีกิจโมโหมากที่ภรรยาฉีกหน้าเขาแถมพูดจาจับผิดเหมือนเขามีชู้ ผลุนผลันออกจากห้อง ฤทัยเห็นดังนั้นก็ขอตัวกลับห้องบ้างอ้างว่าไม่อยากขวางหูขวางตาแต่มุนินทร์รู้ทัน โพล่งสั่งเสียงเรียบให้นั่งอยู่ในนี้จนกว่าจะร้องไห้เสร็จ!
นพนภาเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงไม่ดีเลยช่วยไกล่เกลี่ยแต่กลับกระตุ้นต่อมความไม่พอใจของต่อที่หัวเสียเป็นทุนเพราะติดต่อก้องแฟนหนุ่มไม่ได้จนพาลโมโหใส่ศรุต ศรุตลำบากใจมาก ได้แต่ขอตัวกลับเงียบๆ ทิ้งนพนภาให้รับมือสถานการณ์ชวนอึดอัดจนต้องขอโทษวีกิจกับมุนินทร์
“นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น...หนูนิน ตากิจ...อาขอโทษ ไม่น่าเกิดเรื่องน่าอับอายในงานเลี้ยงของเธอเลย”
วีกิจส่ายหน้า ถอนใจ “ผมก็ต้องขอโทษเหมือนกันเพราะเรื่องในบ้านของผมมันก็น่าอับอายไม่แพ้กันหรอกครับ”
จบคำก็ออกไปสงบสติอารมณ์นอกบ้าน ไม่อยากทะเลาะกับมุนินทร์ด้วยอารมณ์ มุนินทร์ช้ำใจมากแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามระงับอารมณ์ตัวเองบ้างไม่ให้คลั่งไปมากกว่านี้...
ต่อไม่จบเรื่องนพนภากับศรุต ส่งคลิปแม่เต้นรำกับวิทยากรหนุ่มให้พ่อจนเจนภพต้องโทร.มาเคลียร์ นพนภาเซ็งมาก พยายามอธิบายเรื่องศรุตว่าเป็นที่ปรึกษาบำบัดอาการโมโหร้ายของเธอแต่เจนภพไม่เชื่อ ฝังใจว่าภรรยาเป็นคนหลอกง่ายและคงหลงคารมกับหน้าตาหล่อเหลาของศรุตมากกว่า
นพนภาเสียความรู้สึก ประกาศกร้าวจะไม่ไปเยี่ยมเขาที่อังกฤษแล้ว ต้อมได้ยินเสียงเอะอะของพ่อแม่รีบออกมาดู โวยวายเหมือนเคยเพราะเข้าใจว่าพ่อกับแม่จะเลิกกันจริงๆ เจนภพตกใจมากแถมมีชนักติดหลังปล่อยปละละเลยลูกสาวคนเล็กให้เห็นคลิปนพนภาเต้นรำกับศรุตจนเข้าใจผิดขนาดนี้
ต้อมเสียใจมาก โอดครวญที่แม่ไม่มาหา นพนภาก็หัวใจสลายแต่ยังทิฐิโทษสามีที่มองเธอในแง่ร้าย
“พ่อเขาเสี้ยมหนูว่าแม่เล่นชู้ แม่ควรไปหาเขาไหม พ่อนั่นแหละที่ไม่อยากให้แม่เจอลูก เขาวางแผนนานแล้ว”
เจนภพเป็นเดือดเป็นร้อน โกรธภรรยาที่พูดจาให้ต้อมประสาทเสีย แต่นพนภาไม่สน โมโหจนขาดสติ
“ใช่...ฉันมันแม่เลว แม่โรคจิต งั้นก็ทำอย่างที่คุณขู่ฉันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย...ฉันไม่ไปแล้วลอนดอนแต่จะส่งเอกสารหย่าไปแทน ให้คุณเซ็นหย่าให้เร็วที่สุดเลย”
“มาพูดเรื่องหย่าต่อหน้าลูกทำไม”
“ฉันไม่สน...จบกัน พอกันที ต้อม...หลังจากหย่าแม่จะพาหนูกลับบ้าน ส่วนคุณ...จะไปตายที่ไหนก็ไป!”
ooooooo
ต้อมสติแตกเพราะเข้าใจว่าพ่อแม่จะหย่ากัน เจนภพร้อนรนมากกล่อมและปลอบประโลมลูกสาวคนเล็กแต่ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับนพนภาที่คลั่งหนักอาละวาดทั่วบ้านจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด
ต้องลูกสาวคนโตของนพนภาเป็นเดือดเป็นร้อนจะไม่ได้ไปอังกฤษเพราะวางแผนเที่ยวไว้ นพนภาไม่แคร์ประกาศลั่นให้ไปเอง ต้องเซ็งจัด ไม่ต่างจากต่อลูกชายคนกลางที่โดนแม่เล่นงานอย่างหนัก
“นายต่อ...สะใจแกแล้วใช่ไหมให้พ่อแกกับฉันต้องมาลงเอยกันแบบนี้ ได้...นี่ไง...ฉันจัดให้แกแล้ว”
“ผมไม่ได้ต้องการให้แม่หย่า ไม่มีอะไรสะใจผมทั้งนั้น”
“แล้วแกทำไปทำไม ส่งคลิปไปให้พ่อแกดูทำไม”
“แม่จะได้เลิกคบกับไอ้นั่นเสียที”
นพนภาถอนใจเหนื่อยหน่ายอคติลูกชายที่มีต่อศรุต “ฉันนึกว่าแกเป็นลูกฉัน เข้าใจฉัน แกไม่เข้าใจอะไรฉันเลย ทุกอย่างมันจบแล้ว ฉันจะหย่าพ่อแกแน่นอน...พรุ่งนี้ฉันจะปรึกษาทนาย”
ต้องอ่อนใจกับอารมณ์หุนหันพลันแล่นของแม่มาก พยายามท้วง
“แล้วยัยต้อมล่ะคะ พ่อไม่ยอมให้แม่เอายัยต้อมกลับมาหรอก”
“ได้...ถ้าจะต้องแย่งลูกก็ขึ้นโรงขึ้นศาลกันไปเลย ส่วนพวกแก...ไม่พอใจก็ไปอยู่กับพ่อแกทั้งสองคน แต่บอกก่อนนะสมบัติทุกชิ้นของฉันพ่อแกไม่มีสิทธิ์ ก่อนแต่งมาแต่ตัว...เลิกกันก็ไปแต่ตัวน่ะถูกต้องแล้ว”
ต่อเหลืออดตอบประชด “ได้เลยครับแม่ อยากทำอะไรก็ทำเลยถ้ามันเป็นความสุขของแม่”
“ไม่ต้องมาประชด ฉันทำอยู่แล้ว แล้วต่อไปนี้ฉันจะคบผู้ชายคนไหนแกไม่ต้องมาห้ามฉันอีกแล้ว”
“ดีครับ...แม่คบได้เลยแต่ผมไม่ขอรับรู้ บ้านนี้ผมก็จะไม่กลับมาเหยียบอีก!”
สถานการณ์บ้านนพนภาลุกเป็นไฟเพราะอารมณ์หึงหวง ไม่ต่างจากบรรยากาศบ้านมุนินทร์ที่เต็มไปด้วยความอึดอัด วีกิจตัดสินใจกลับไปนอนบ้านสร้อยคำ ทิ้งมุนินทร์ให้เคลียร์กับทัยหรือฤทัยโดยมีสร้อยคำช่วยเป็นพยาน
“หนูขอโทษค่ะพี่นิน หนูสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“เธอรู้ใช่ไหม...ฉันไม่ชอบการโกหก ไม่ชอบการปิดบัง...อย่าทำอะไรลับหลังฉันแบบนี้อีก”
ทัยหรือฤทัยพยักหน้ารับ มุนินทร์เห็นดังนั้นก็พยายามข่มอารมณ์ไม่เหวี่ยงอีก
“ดีแล้ว...หลังจากฉันกับคุณกิจกลับจากลอนดอนเราอาจจะให้เธอไปอยู่บ้านสงเคราะห์เด็ก”
การตัดสินใจของมุนินทร์ทำให้ทัยอ้าปากค้าง จะท้วงแต่มุนินทร์ไม่เปิดโอกาส ตัดบท “ไม่มีแต่...ฉันตัดสินใจแล้ว แต่ฉันจะไปดูแลเธอตลอดไม่ทอดทิ้ง เข้าใจฉันนะทัย...ฉันต้องตัดสินใจเพราะมันคือเรื่องครอบครัวของฉัน”
“หนูเข้าใจค่ะ”
สร้อยคำรอจนทัยกลับเข้าห้องจึงหันมาถามมุนินทร์ลูกสะใภ้คนสวย “หนูตัดสินใจดีแล้วนะ”
“ค่ะแม่...หนูเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมาเอง หนูก็ต้องจัดการเด็ดขาดแบบนี้”
“หนูจะลองคุยกับนายกิจเขาก่อนไหม”
“ถ้าเขาอยากคุยให้เขาโทร.มาเองดีกว่าค่ะ”
จนแล้วจนรอดมุนินทร์ก็ทิฐิไม่ลงให้วีกิจตามประสาคนหยิ่งในศักดิ์ศรี สร้อยคำหนักใจมาก ไม่อยากให้ลูกชายกับลูกสะใภ้มีปัญหาทั้งที่เพิ่งแต่งงานไม่กี่วัน ทัยหรือฤทัยแอบได้ยินทุกอย่างจากอีกห้องกำหมัดแน่นพึมพำ
“แกไล่ฉันไปไม่ได้หรอกนังมุนินทร์...นังฆาตกร!”
ooooooo
ทัยหรือฤทัยค่อยๆเผยตัวตนแท้จริง ไม่มีใครสำเหนียกนอกจากมุนินทร์ ลูกศรและปราโมทย์ที่สังเกตความผิดปกติแต่ยังทำให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ โดยเฉพาะวีกิจที่ตามมารยาสาไถยเด็กสาวไม่ทัน
ภาพลักษณ์ของทัยหรือฤทัยเหมือนมุตตาอย่างน่าประหลาด ราวกับเป็นเงาของกันและกันจนมุนินทร์อดกลัวไม่ได้เพราะมีปมฝังใจว่าวีกิจอาจชอบผู้หญิงเรียบร้อยแบบมุตตามากกว่าสาวแกร่งอย่างเธอ
มุนินทร์เครียดมาก ต้องหาทางปลีกวิเวกสักพัก เช่นเดียวกับต้องกับต่อที่ตัดสินใจออกจากบ้านเพราะไม่อยากเจอหน้านพนภาแม่แท้ๆ ต้องเลือกไปหาแทนไทเพราะอยากมีเพื่อนคุย
“ไม่อยากอยู่บ้าน เบื่อแม่ แม่ทำเสียเรื่อง ทุกอย่างกำลังดีแล้วเชียว ฉันกำลังจะไปเที่ยวลอนดอน...พังหมด”
“ที่จริงผมว่าคุณน่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่นะครับ ต่อกับพี่ก้องไม่อยู่ มีคุณคนเดียวจะเป็นที่ปรึกษาให้ท่านได้”
“เป็นที่ปรึกษา...ตลก แม่เกลียดฉันจะตาย ฉันกับแม่ไม่มีวันคุยกันรู้เรื่องหรอก”
แทนไทส่ายหน้าก่อนเตือนสติ “นั่นมันตอนเด็ก ตอนนี้คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ คุณคงต้องปล่อยวางแล้วมองท่านอย่างทำความเข้าใจและพยายามเยียวยาท่านมากขึ้น”
ต้องนิ่วหน้า ทั้งอึ้งทั้งทึ่งที่แทนไทมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่คิด หนุ่มเนิร์ดเห็นเธออ่อนท่าทีจึงกล่อมให้ลองคิดถึงนพนภาในอีกมุมที่มีบางอย่างเหมือนเธอ
“นายนี่วิเคราะห์เก่งเหมือนกันนะ”
“ผมอาจจะเนิร์ดแต่ไม่ได้โง่นะครับ”
“ก็ใช่...บางทีฉันก็รู้สึกไร้ค่าจนต้องเป็น...แม่ค้าต้อง...เก่งกล้าสามารถสารพัดให้ตัวเองมีค่าในสายตาแฟนคลับ”
“ทำไมรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าล่ะครับ”
“ผู้หญิงที่ไม่มีโอกาสใช้คำว่านางสาว...จากเด็กหญิงแล้วข้ามมาเป็นนางเลยน่ะคงไม่เหลือความภูมิใจในคุณค่าตัวเองสักเท่าไหร่หรอก”
น้ำเสียงเศร้าๆของต้องทำให้แทนไทสงสาร จำท่าทางผิดปกติของเธอได้ตั้งแต่งานแต่งของวีกิจกับมุนินทร์ว่าหนุ่มใหญ่ที่ชื่อประพงษ์อาจเป็นตัวการทำให้เธอโตเร็วกว่าเด็กสาววัยเดียวกัน กระนั้นเขาก็ไม่มีท่าทีรังเกียจ ยิ้มบางๆให้ก่อนให้กำลังใจด้วยเสียงอ่อนโยน
“อยากให้คุณระลึกไว้เสมอว่าคุณค่าอยู่ที่ตัวเราสร้างขึ้น ไม่มีใครหรืออะไรมาสร้างหรือทำลายได้เด็ดขาด และไม่ว่าเด็กหญิง นางสาวหรือนาง...มันก็เป็นแค่ชื่อนำหน้า คุณค่าที่แท้อยู่ที่ชื่อ...แม่ค้าต้อง...คนนี้ต่างหาก”
ooooooo
ต่อไม่กลับบ้านเพราะโกรธแม่ นพนภาร้อนใจด้วยความเป็นห่วง แม้จะเคืองลูกชายแค่ไหนแต่ไม่เคยคิดตัดขาดอย่างที่ลั่นวาจาก่อนหน้า วีกิจก็ไม่กลับเรือนหอ นพนภาอึ้งมาก ทั้งงงทั้งหงุดหงิดที่ทุกคนรอบตัวมีแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น
มุนินทร์ช้ำใจที่วีกิจไม่กลับบ้าน แต่ทิฐิไม่ยอมง้อ แถมทำมึนตึงกับทัยหรือฤทัยจนบรรยากาศในบ้านยิ่งอึมครึม ฤทัยต้องตีหน้าเศร้าสวมบทเด็กสาวน่าสงสารจนมุนินทร์ใจอ่อนลงยอมคุยด้วย ก่อนมอบของขวัญส่วนตัวซึ่งเตรียมไว้ให้เด็กสาวตั้งแต่เมื่อวาน
ฤทัยเห็นตุ๊กตาหมีในกล่องของขวัญของมุนินทร์ก็ข่มใจไม่ให้กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ด้วยมีความหลังฝังใจเกลียดตุ๊กตาหมีเพราะเกษมพ่อเลี้ยงใจทรามมักถือเข้ามาเวลาบุกห้องเธอ!
มุนินทร์ไม่ได้สังเกตแววตาดุดันของทัย ออกจากบ้านไปทำงานเจอวีกิจมาดักรอ
“ไงคะ...ทำไมไม่กลับบ้าน”
“ผมขอเวลาส่วนตัวบ้าง...ไว้คิดทบทวนเรื่องทั้งหมด”
“ได้ข้อสรุปไหมคะ”
“ไม่ได้...ผมถึงต้องมาถามคุณที่นี่ เกิดอะไรขึ้น ...อยู่ดีๆคุณก็หึงหวงผมกับทัยอย่างไม่มีสาเหตุแล้วยังแสดงออกต่อหน้าแขกเหรื่ออย่างอานภาหรือคุณศรุตอย่างไม่ให้เกียรติผม”
“ฉันไม่ได้หึงค่ะ แต่ประเด็นเดิม...ทำไมไม่พูดความจริง ทำไมต้องโกหก คุณก็ไม่ให้เกียรติฉันเหมือนกัน”
“ผมโกหกอะไร”
วีกิจถามหน้านิ่ง มั่นใจว่าภรรยาไม่รู้เรื่องเขากับทัยเด็กสาวในอุปการะ แต่ต้องผงะเมื่อมุนินทร์โพล่งลั่น
“อย่านึกว่าฉันไม่รู้ไม่เห็น...เมื่อคืนวันที่มีพายุคุณอยู่ในห้องกับเด็ก...โอบยัยทัยพาลงนอนบนเตียง...จะเถียงไหมคะว่าไม่จริง”
มุนินทร์หัวเสีย อาการอ้ำอึ้งของสามีทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างที่สงสัยมีเค้า วีกิจถอนใจยาว พยักหน้ายอมรับ
“ใช่...ผมยอมรับผมโกหก เรื่องบางเรื่องมันอาจทำให้เด็กเสื่อมเสีย ทำให้คุณต้องวุ่นวายใจ ผมก็เลือกจะไม่พูด นิน...เราไม่ได้อยู่ด้วยความเชื่อใจกันอีกแล้วเหรอ”
“เชื่อค่ะ...แต่ความเชื่อมันเริ่มสั่นคลอนเมื่อคุณร่วมมือกับทัย ช่วยกันโกหกฉันเหมือนอย่างครั้งที่คุณไม่บอกความจริงฉันที่คุณไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับยัยรัชนก”
“นิน...อย่าใช้ประเด็นนี้มาต่อว่าผมเพราะคุณเอง ก็เคยโกหกผมเหมือนกันเรื่องไปหาอาภพที่ลอนดอน”
“เป็นอันว่าเราหายกันงั้นเหรอคะ...ฉันทำได้คุณก็ทำได้”
“อย่าเปลี่ยนประเด็นนะนิน คุณกำลังไร้เหตุผลขึ้นทุกที อย่าลืมนะว่าคุณเป็นคนพาเด็กทัยเข้ามาในบ้านเองทั้งที่ผมคัดค้าน คุณอ้างเรื่องมนุษยธรรม เรื่องเด็กถูกข่มขืน แล้วก็มาสร้างปัญหาให้ผม”
“มันมีเหตุผลอยู่ค่ะ...เหตุผลที่ฉันเห็นใจที่เด็กผู้หญิงโดนกระทำ...เด็กที่ถูกข่มขืน”
“เหตุผลอะไร...คดีเด็กถูกข่มขืนมีให้เห็นอยู่ทุกวัน มันสะเทือนใจอะไรคุณนักหนา”
“เพราะฉันรู้น่ะสิว่าการที่ผู้หญิงถูกข่มขืนมันเจ็บปวดแค่ไหนโดยเฉพาะจากคนที่เรารัก...คุณลืมหมดแล้วใช่ไหม...ลืมหมดแล้วว่าครั้งนึงคุณเคยข่มขืนฉัน!”
ในที่สุดมุนินทร์ก็โพล่งสิ่งที่ติดค้างในใจ แม้จะรักเขามากแต่ไม่เคยทำใจได้กับวีรกรรมหักหาญน้ำใจของเขาในอดีต วีกิจอึ้งมาก ไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะเป็นปมในใจภรรยาขนาดนี้
“นิน...ผมทำไปเพราะผมรักคุณ ตอนนั้นผมรู้แค่ว่า ผมอยากให้คุณเป็นของผมคนเดียว...ไม่ใช่อาภพ”
“ด้วยการขืนใจฉัน...ใช้กำลังข่มขืนฉัน”
“ถ้ามันทำให้คุณติดค้างมาถึงทุกวันนี้...ผมก็ขอโทษ”
วีกิจอึนมากขอตัวกลับไปทำงานดื้อๆ มุนินทร์แอบรู้สึกผิดนิดๆรั้งเขาไว้เพื่อบอกสิ่งที่ตนเพิ่งตัดสินใจ
“เดี๋ยวค่ะ...ฉันตัดสินใจแล้ว เพื่อยุติปัญหาทั้งหมด...เรากลับจากลอนดอนฉันจะส่งทัยไปอยู่บ้านสงเคราะห์เด็ก”
“ทำทุกอย่างที่คุณเห็นสมควรเถอะครับ ผมไม่มีความเห็นอะไรอีกแล้ว”
จบคำวีกิจก็ผละไป ทิ้งมุนินทร์ให้มองตามทั้งน้ำตา ไม่รู้เลยว่ามาร์คกับปริมแอบได้ยินบทสนทนาทุกอย่าง อึ้งปนทึ่งไปตามๆกันเพราะไม่คิดว่าคู่รักแห่งปีอย่างวีกิจกับมุนินทร์จะมีเรื่องบ้าบอแบบนี้
ooooooo
มาร์คนัดเจอปริมเสมอ วันนี้ก็เช่นกันที่สองหนุ่มสาวรวมหัวกันเล่นงานวีกิจกับมุนินทร์ด้วยการแอบถ่ายคลิปบทสนทนาทั้งหมดโดยเฉพาะเรื่องวีกิจเคยข่มขืนมุนินทร์
ไม่ใช่แค่มาร์คกับปริมที่คิดแฉเรื่องราวของวีกิจกับมุนินทร์ ทัยหรือฤทัยก็คิดเอาคืนมุนินทร์ด้วยการยั่วยวนวีกิจทำให้ครอบครัวร้าวฉานเหมือนที่ตนเคยโดนจนกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อ เด็กสาวกำตุ๊กตาหมีที่มุนินทร์มอบเป็นของขวัญแน่น พึมพำกับกระจกที่สะท้อนเงาของตัวเองเสียงเหี้ยม
“แผนการของฉันยังไม่สำเร็จ แกจะเฉดหัวฉันไปไม่ได้หรอกนังฆาตกร ฉันต้องทำให้แกกับผัวแตกกันให้ได้!”
นพนภาประสาทเสียมาก ต่อยังไม่ยอมกลับบ้านแถมต้องก็มึนตึงใส่ ไหนจะต้อมที่เป็นเด็กมีปัญหาจนสามีต้องพาไปรักษาตัวที่อังกฤษ ส่วนสามีอย่างเจนภพก็ท้าหย่าตลอดจนเธอคิดจริงจังจะตอบตกลง
กระนั้นความรักที่มีต่อลูกกับสามีก็ทำให้นพนภาต้องบากหน้ามาปรึกษาศรุตถึงบ้านเขา
“ฉันตัดสินใจหย่าค่ะ ฉันรู้ว่าคุณต้องท้วง แต่ฉันแน่ใจแล้วว่าคุณภพไม่ได้รักฉัน ไม่มีความจำเป็นต้องยื้ออีก”
“ผมไม่ห้ามอะไรคุณหรอกครับ ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ”
“คุณศรุตคะ...ตอนนี้ฉันต้องการให้คุณเป็นที่ปรึกษา ฉันเหมือนเดิม”
ศรุตถอนใจยาว ไม่อยากให้ครอบครัวเธอมีปัญหามากกว่าจึงพยายามบ่ายเบี่ยง “คุณนภาครับ...ผมยืนยันอีกครั้งและคุณก็ควรจะรับได้ ตอนนี้สภาพจิตคุณดีขึ้นมาก คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผมอีกแล้ว”
“ไม่จริงค่ะ...สภาพจิตใจฉันแย่มากต่างหาก นายต่อ ก็ออกจากบ้านไปแล้ว ยัยต้องก็ไม่สนใจฉัน พี่สร้อยก็ไปดูแลอยู่กับตากิจหนูนิน ฉันไม่เหลือใครแล้ว ฉันเหลือ แต่คุณเท่านั้นคุณศรุต นะคะ...อย่าทิ้งฉันไปอีกคนเลย”
ท่าทางสิ้นหวังของนพนภาทำให้ศรุตใจอ่อนตอบตกลงในที่สุด
“ผมไม่ทิ้งคุณหรอก แต่ว่า...คงไม่มีเรื่องทำให้ลูกชายคุณเข้าใจผิดอีกนะครับ”
“สัญญาค่ะ...ฉันห้ามนายต่อไว้แล้วไม่ให้มายุ่ง”
“อีกอย่าง...ผมคงไม่เหมาะจะไปบ้านคุณอีกแล้ว”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันพร้อมมาที่นี่...ทุกวันเลยยังได้”
นพนภาตอบรับด้วยความยินดีและเต็มใจ ท่าทางกระตือรือร้นจนศรุตอดหวั่นใจไม่ได้ กระนั้นก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆให้ นพนภาไม่ได้คิดมาก มัวตื่นเต้นที่เขายอมบำบัดเธออีกครั้ง
“เห็นไหมคะ...แค่ได้คุยกับคุณฉันก็รู้สึกมีหวังมีแรงกับชีวิตขึ้นมาแล้ว คุณทิ้งคนไข้คนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
ooooooo
ในที่สุดวีกิจก็ตัดสินใจกลับไปนอนเรือนหอ สร้อยคำรออยู่แล้วซักถามเรื่องปรับความเข้าใจกับมุนินทร์แต่ลูกชายคนเดียวไม่มีอารมณ์เล่าเพราะยังเคลียร์กับภรรยาไม่เรียบร้อย
ทัยหรือฤทัยแอบได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่ลูก ยิ้มสะใจที่ทำให้วีกิจแตกคอกับมุนินทร์ได้ แถมสร้อยคำจะกลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนนพนภาเพราะต่อยังไม่กลับบ้าน เปิดโอกาสให้เธอได้เข้าหาวีกิจอีกครั้ง...
ศรุตคิดหนักเรื่องนพนภา ลดาป้าของเขาที่อาศัยบ้านเดียวกันเดาอาการได้แต่ก็อยากถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“คิดหนักใช่ไหมคะ...เรื่องหนูนพนภา”
“ป้ารู้ทุกเรื่องเลยนะ”
“รู้สิคะ...เพราะมันเป็นเหตุการณ์ซ้ำๆที่เคยเกิดกับบรรดาสาวใหญ่สาวน้อยทั้งหลายที่มาขอให้คุณเป็นที่ปรึกษา”
ลดาพูดตามประสาที่อยู่กับเขามานาน ศรุตได้แต่ถอนใจหนักหน่วง
“ป้าก็รู้ว่าผมไม่เคยคิดอะไรกับพวกเธอมากกว่าความปรารถนาดี ผมไม่เคยล้ำเส้นและให้เกียรติพวกเธอ ทุกคน”
“ทราบค่ะ...ก็เพราะคุณไม่ล้ำเส้นและให้เกียรติพวกเธอนี่ละค่ะ ที่คุณเธอพวกนั้นหลงใหลในเสน่ห์ตรงนี้ของคุณ อยากให้คุณทั้งล้ำทั้งก้าวข้ามเส้นเลยล่ะ แล้วคุณนพนภาก็กำลังทำเช่นนั้นอยู่”
“ทราบครับ...ผมถึงต้องบอกเธออยู่ตลอดว่าผมเป็นแค่เพื่อนนะ...คุณนพนภาก็รับรู้”
“ถึงป้าไม่ได้เรียนจิตวิทยาแต่พอจะรู้วิสัยหญิงเหงาๆพวกนี้ดีค่ะ ถึงจะรับรู้แต่ก็ยังอยากล้ำเส้นคุณอยู่ดี”
“ป้าก็รู้ว่าผมไม่มีใครอีกแล้วนอกจากอารยาคนเดียว”
พูดจบก็ทำหน้าเศร้าเพราะคิดถึงอารยา ภรรยาแสนดีที่จากโลกนี้ไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ...
แม้จะเคืองมุนินทร์ที่ยกเรื่องเก่าๆมาพูดแต่วีกิจก็เป็นห่วงเธอตามประสาสามีที่ดี เขารอกินมื้อค่ำด้วยกันเพราะรู้ดีว่าเธอเลิกงานดึกเสมอ ทัยหรือฤทัยเก็บตัวในห้องเงียบๆแต่รอจังหวะมุนินทร์จะถึงบ้านแกล้งสวมเสื้อผ้าบางเฉียบลงจากห้องมาเผาตุ๊กตาหมีของขวัญจากมุนินทร์
วีกิจเห็นฝนตกหนัก ฟ้าร้องเสียงดังก็ให้บัวไปอยู่เป็นเพื่อนทัย แต่ไม่ทันทำตามนั้นเขาก็ต้องวิ่งตามเด็กสาวในอุปการะไปนอกบ้าน เห็นเธอยืนเผาตุ๊กตาหมีก็ข้องใจคิดจะถามแต่อีกฝ่ายก็วิ่งหนีออกจากบ้านเสียก่อน
ทัยหรือฤทัยตีบทแตกจะหนีออกจากบ้าน วีกิจตามไปรั้งข้อมือไว้
“อย่ามายุ่ง...หนูจะหนี หนูไม่ยอมไปอยู่บ้านสงเคราะห์นั่นหรอก ถ้าพวกคุณไม่เลี้ยงหนูจะไปเอง”
“เธอจะไปไหน เงินทองก็ไม่มี แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร พ่อแม่อยู่ที่ไหน”
“หนูเอาตัวรอดได้...ไม่ต้องมายุ่ง!”
ขาดคำก็วิ่งหนีฝ่าสายฝน วีกิจตามไปจับตัว “ฉันไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น!”
“พี่นินเอ่ยปากไล่หนูแล้ว คุณเองก็เคยรับปากกับหนูว่าจะไม่ทิ้งหนู คุณก็ไม่ทำตามสัญญา”
“ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยนะว่าฉันจะส่งเธอไปอยู่ที่อื่น นั่นมันความคิดของนินคนเดียว”
“หมายความว่าคุณจะให้หนูอยู่ต่อใช่ไหม”
“ฉันเป็นผู้ปกครองเธอ ฉันจะทิ้งเธอได้ยังไง”
วีกิจตามมารยาสาไถยเด็กสาวอย่างทัยไม่ทันตามเคย ปล่อยให้เด็กสาวในชุดบางจ๋อยสวมกอดร้องไห้กับอก ไม่รู้เลยว่ามุนินทร์ขับรถผ่านมาเห็นภาพบาดตาบาดใจนี้อย่างจัง!
ooooooo
วีกิจไม่กล้าผลักไสทัยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน นั่งนิ่งท่ามกลางสายฝนให้กอด กระทั่งมุนินทร์ทนไม่ไหวจอดรถมาโพล่งถามเสียงเข้ม
“บอกได้ไหมว่านี่เกิดบ้าอะไรขึ้น!”
ทัยหรือฤทัยยิ่งตีบทโศกร้องไห้ไม่หยุด วีกิจทำตัวไม่ถูก ได้แต่ปลอบเสียงอ่อน
“ทัย...ไม่มีอะไรแล้วล่ะ หยุดร้องเถอะ”
พูดพลางช่วยประคองให้ลุก มุนินทร์งงมาก อดสงสัยไม่ได้ว่าสามีทำอะไรกับเด็กในอุปการะ
“คืออะไรคะกิจ...ทัยเธอเป็นอะไร”
“อย่าเพิ่งถามเลย เด็กยังไม่มีสติจะตอบอะไรทั้งนั้น เข้าบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
ถึงกระนั้นกว่าสามีภรรยาจะได้คุยกันก็หลังจากทัยหลับโดยมีบัวนอนเป็นเพื่อน วีกิจสำรวจข้าวของที่ทัยหอบหิ้วออกจากบ้านเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จะมีก็แค่ตุ๊กตาหมีของขวัญของมุนินทร์ที่โดนเผา
มุนินทร์มองข้าวของทัยนิ่งๆก่อนเอ่ยกับสามีเสียงเย็น
“ฉันไม่ติดใจเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ แต่ที่ติดใจจริงๆ ก็คือทำไมต้องเอาตุ๊กตาหมีที่ฉันให้ไปเผาทิ้ง และติดใจที่สุดก็คือเธอช่างหาจังหวะเหมาะเจาะเหลือเกินจะหนีออกจากบ้านตอนฉันกลับมาพอดี”
“นี่คุณกำลังจะพูดอะไร”
“จะพูดว่ามันเป็นความตั้งใจน่ะสิ เพื่อให้ฉันเห็นฉากกอดกันกลางสายฝนเนื้อแนบเนื้อขนาดนั้น”
“มาเรื่องหึงหวงอีกแล้วนะนิน”
“คุณกิจ...ฉันไม่ได้คิดไปเองนะ เด็กคนนี้มีแผนอะไรไม่รู้ที่จะเข้าหาคุณอยู่ตลอดเวลา เธอสร้างสถานการณ์แบบนี้มากี่ครั้งแล้วคุณไม่รู้สึกบ้างเหรอ”
“สิ่งที่ผมรู้สึกคือคุณทำกับเด็กอย่างสุดขั้ว พอจะรักจะเวทนาก็ทุ่มสุดตัว แต่พอเด็กไม่เป็นอย่างที่คิดก็เกลียดชัง อคติเด็กถึงที่สุด...เมื่อกี้เด็กกำลังหนีออกจากบ้าน เพราะคุณออกปากไล่เธอ จิตใจเด็กน่ะกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว นี่คือสิ่งที่คุณควรจะคิดถึงไม่ใช่มาหึงหวงเด็กอยู่แบบนี้”
อ่านละคร แรงเงา 2 ตอนที่ 8 วันที่ 21 พ.ค.62
ละครเรื่อง แรงเงา 2 บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน
ละครเรื่อง แรงเงา 2 บทโทรทัศน์โดย Anonymous
ละครเรื่อง แรงเงา 2 กำกับการแสดงโดย ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
ละครเรื่อง แรงเงา 2 ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง แรงเงา 2 ควบคุมการผลิตโดย อรุโณชา ภาณุพันธุ์
ที่มา ไทยรัฐ