อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 3 วันที่ 16 พ.ค.62
ไม่ทันที่กลินท์กับลุงจะพูดอะไรต่อ อุ่นเฮือนกับคำป้อก็เดินมาทางเรือน อุ่นเฮือนดีใจร้องเรียกเทียนคำถามว่าออกมาทำไมอีก เดี๋ยวไพคาจับได้อีกหรอก เร่งให้กลับบ้าน แต่กลินท์ไม่ไปขอให้ไปส่งตนที่ประตูท่าแพ เชียงเรือก ที่ไหนก็ได้ อุ่นเฮือนไม่สนใจบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปวัดให้หลวงพ่อพรมน้ำมนต์และให้แม่ทำขันไปขอขมาผีบรรพบุรุษ ผีเจ้าผีนายในคุ้ม เผื่อเอ็งจะหาย“ไม่ ฉันไม่ไปไหน ฉันอยากกลับบ้าน” พูดแล้วกลินท์วิ่งหนีไปอย่างสับสน
“เทียนคำ...เทียนคำ...” อุ่นเฮือนตะโกนแต่กลินท์ไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเตลิดไปสุดชีวิต
ไพคากับพวกวิ่งตามมาทัน ไพคาตะโกน “จับมัน!” กลินท์ตกใจสุดขีด เบื้องหน้าคือประตูเชียงเรือก กลินท์รวบรวมแรงวิ่งเข้าไปดันประตูสุดแรง ดันอยู่นานบานประตูจึงแยกออก กลินท์พุ่งเข้าไปในประตูทันที
แต่ภายในมืดมิด กลินท์ควานหาที่ยึดแต่ไม่มี จนกระทั่งมีแสงสว่างเล็กๆและขยายออกพุ่งเข้าหาแล้วดูดร่างกลินท์เข้าไปในลำแสงนั้น...
ooooooo
พริบตานั้นกลินท์สะดุ้งสุดตัวเหมือนฝันว่าตกจากที่สูง มือไขว่คว้าหาที่ยึด สายป่านที่นั่งอยู่ใกล้ๆเข้าใจว่ากลินท์ควานหาปิ่น พูดอย่างไม่พอใจว่ารักปิ่นนั่นมากใช่ไหม พอฟื้นก็ควานหามันเลย
สายป่านถามว่ารู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวเดือดร้อนกันไปหมด แม้กระทั่งเบน ก็บอกว่ายังไม่รู้เลยว่าไปคุยกับพี่ติ๊แล้วจะเป็นยังไงเรื่องที่เธอเอาปิ่นไปแทงปติมา
กลินท์งงไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอย่างนี้ หยิบปิ่นจากสายป่านมามองอย่างพินิจพิจารณา สายป่านบอกว่าแรงขนาดนี้ตนไม่รู้จะแก้ยังไงไหว กลินท์บอกว่าไม่ต้องแก้เพราะตนไม่ได้ทำ ไม่ได้เอาปิ่นนี้มาวางไว้ที่ข้างหมอน ซักไซ้แล้วกลายเป็นว่าแป้งร่ำเป็นคนเอาวางไว้ เพราะวันที่กลินท์เป็นลมแล้วพาเข้าโรงพยาบาลตนเป็นคนเอาปิ่นจากผมกลินท์วางไว้เอง
กลินท์ถามสายป่านว่าเชื่อหรือยังว่าตนไม่ได้ละเมอเพ้อหาปิ่นขนาดนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ
เบนที่ไปคุยกับปติมาซึ่งถูกปิ่นตวัดที่ท่อนแขนจนเป็นแผล เบนขอโทษแทนกลินท์ แต่ความจริงคือลินท์ไม่รู้ว่าพี่ติ๊กับแพมจะมาหาถึงห้อง ยืนยันว่าตนไม่เห็นคุณอินทร์ ถูกปติมาหาว่าสนับสนุนให้กลินท์เป็นเมียน้อยหรือ เบนบอกว่าไม่ใช่แต่ตนไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โต
แพมว่าช้าไปแล้ว ในยุคของโซเชียลต่อให้ปิดยังไงก็ไม่มิดถึงพี่ติ๊จะไม่เห็นอินทร์แต่ก็มีคนเห็น แล้วเอามือถือออกมาเปิดให้ปติมากับเบนดูเป็นภาพอินทร์เดินอยู่ในโรงพยาบาล
แต่เมื่อแพมเล่าให้ดุษฎีฟังและปติมาก็รุกฆาตอินทร์เรื่องไปโรงพยาบาล อินทร์ตอบอย่างไม่แยแสว่าตนไม่ได้ทำผิดอะไร อธิบายว่าตนไปโรงพยาบาลตามคำสั่งของคุณแม่ ดุษฎีรับว่าตนใช้อินทร์ไปโรงพยาบาลจริง แต่เขาจะให้เลขาไปแทนก็ได้แค่ไปเยี่ยมลูกค้าเท่านั้น ปรามปติมาที่คร่ำครวญว่าตนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
“ถ้าคิดไม่ออกก็นั่งเฉยๆ ยิ่งเธอตีโพยตีพายมันยิ่งน่ารำคาญรู้ไหม?” พูดแล้วเดินเข้าไปหาอินทร์ที่ห้องทำงานบ่นว่า “ยายติ๊โวยวายอย่างนี้แม่ไม่ไหวนะอินทร์ อาไร้...ไม่รู้จักคุมสติตัวเองบ้างเลย สมควรแล้วที่แกจะมีคนอื่น” อินทร์ฟังแล้วทั้งงงและอึ้ง “ผู้ชายมีเล็กมีน้อยมันเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย...ตอนนี้ไม่ได้ดังเหมือนเก่ายิ่งมีข่าวฉาวๆออกมาเท่าไหร่ยิ่งดับเร็วเท่านั้นจะเอาตัวเองไปเปรียบกับกลินท์ได้ยังไง”
อินทร์มองหน้าแม่ทึ่งไม่เข้าใจ ดุษฎียังคงพูดต่ออย่างสบายอกสบายใจว่า
“แม่ไม่ได้ห้ามนะถ้าแกจะมีแอฟแฟร์กับผู้หญิงคนนั้น อย่างน้อยชื่อเสียงของกลินท์ก็ช่วยงานเราได้อยู่ แกเป็นผู้ชายมีแต่ได้ไม่มีเสีย แต่แกต้องฉลาด รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไงตาอินทร์”
“ครับแม่” อินทร์ยิ้มเต็มหน้าโผกอดแม่อ้อนๆ เมื่อแม่ให้ท้ายเต็มที่
ooooooo
กลินท์นั่งในห้องคนเดียวสีหน้าครุ่นคิดกังวลสับสน เธอหยิบปิ่นจากกระเป๋าถือออกมาดู แสงจันทร์กระทบกับปิ่นทองเป็นประกายพุ่งเข้าดวงตา กลินท์หรี่ตาและหลับไป...
กลายเป็นเทียนคำนั่งอยู่ใต้ต้นกาสะลอง หยิบดอกปีบสีขาวขึ้นมองด้วยดวงตาดื่มด่ำแล้วเอาแซมผม เจ้าน้อยย่องมาด้านหลังยื่นหน้ามาหอมดอกปีบ เทียนคำสะดุ้งเอ่ยเขิน “เจ้าน้อย...หอม...ข้า”
“หอมเจ้าที่ไหน ข้าหอมดอกปีบต่างหาก...ดอกปีบหอมจัง” เจ้าน้อยตากรุ้มกริ่ม หอมดอกปีบอีกครั้งแล้วเจ้าน้อยก็มอบปิ่นทองให้ บอกให้ดูสิว่าชอบไหม เทียนคำตาเป็นประกายชมว่า “งามมากเลยเจ้าค่ะ”
“เจ้าหลวงที่คุ้มหอคำท่านให้มา ข้าเลยเอามาให้เทียนคำเผื่อว่าอนาคตข้างหน้าเจ้าจะได้เป็นเจ้านาง ปิ่นทองอันนี้จะได้อยู่กับเจ้ายังไง”
“ขอบคุณเจ้าน้อยมากเจ้าค่ะ ที่เจ้าน้อยเอ็นดูเทียนคำ ชีวิตต่ำต้อยด้อยค่าของเทียนคำจะเป็นของเจ้าน้อยเพียงผู้เดียว” เทียนคำน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน เจ้าน้อยค่อยๆปักปิ่นทองบนเรือนผมงาม
ทั้งสองสบตากันด้วยความรู้สึกหวามไหวยิ่ง...
กลินท์ยังนอนที่โรงแรม เสียงเคาะประตูดังรัวเธอนึกว่าเป็นอินทร์ แต่พอเปิดประตูก็ชะงักเมื่อเห็นเป็นเบน กลินท์รวบผมเอาปิ่นปักถามว่าทำไมมาแต่เช้า เบนบอกว่านี่มันเที่ยงแล้ว สายป่านถามจิกๆว่าอาบน้ำเข้าห้องแป๊บเดียวก็หลับ อยากฝันถึงใครเหรอหลับจริงจังมาก
กลินท์บอกว่าฝันถึงพวกเราทุกคน บอกสายป่านว่าตนฝันเหมือนเดิมอีกแล้ว สายป่านว่าเธอต้องไปพบแพทย์แล้วล่ะ กลินท์บอกว่าถ้าหมอให้คำตอบได้ก็จะไป ตนอยากรู้ว่าตัวเองเป็นบ้าหรือเปล่า ย้ำว่า
“ฉันรู้สึกว่ากำลังมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวฉัน และฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร”
ฝ่ายปติมากับแพมเตรียมกลับกรุงเทพฯ เห็นภาพข่าวในไอแพด “ลือไม่หยุด อินทร์ฉ่ำรักกลินท์ ดอดเฝ้าถึง รพ. ติ๊ปิดปากเงียบเรื่องหย่า” ดูข่าวในไอแพดแล้วปติมาอึ้ง แพมชี้ว่าแทบไม่มีใครเชื่อเลยว่านังแบ๊วตกมันจะแย่งผัวเธอ ปติมายอมรับว่าภาพพจน์ลินท์ดีทั้งต่อหน้านักข่าวและแฟนคลับ แพมยุว่าขนาดปติมาจะกลับกรุงเทพฯอินทร์ยังไม่ยอมจัดการอะไรให้เธอสบายใจสักที อินทร์ได้ยินพอดีไม่พอใจ ปติมาบอกอินทร์ให้ช่วยอ่านข่าวนี่หน่อยจะได้รู้ว่าชาวบ้านเขาว่ายังไงบ้าง อินทร์ถามว่าทำไมต้องไปสนใจ ปติมาว่าเขายังไม่ตอบตนเลยเรื่องที่เขาบอกลินท์ว่าจะเลิกกับตนและแต่งงานกับมัน ตกลงเป็นยังไง
อินทร์ว่าเธอกำลังฉีกหน้าตนที่ด่าตนต่อหน้าแพม ที่เป็นเพื่อนของเธอ ปรามว่าคราวหน้าคราวหลังจะพูดจาอะไรกรุณาให้เกียรติตนหน่อย พูดแล้วอินทร์เดินออกไปเลย
“ตกลงฉันผิด???”
“ผู้หญิงที่ไม่กล้าเลิกกับผัวผิดทุกคน เพราะมันแปลว่าเธอต้องทนสภาพที่ผัวมีเมียน้อยโดยไม่กล้าหือกล้าอืออะไร!”
ปติมาหัวเสียคว้ากระเป๋าเดินอ้าวออกไป แพมคว้ากระเป๋ารีบตามไป
เมื่อเจอดุษฎี ปติมายังถูกตำหนิซ้ำว่าผู้หญิงที่เป็นเมียต้องรู้จักเย็น รู้จักนิ่ง ไม่ใช่วันๆเอาแต่วิ่งตามผัวไม่ทำงานทำการแบบนี้ ปติมาหยิบมือถือโทร.หาหมี่ซั่วทันทีถามว่ามาถึงเชียงใหม่แล้วใช่ไหม...แพมฟังแล้วยิ้ม
กลางวันวันนี้เอง กองทัพนักข่าวนำโดยหมี่ซั่วก็เดินลิ่วมาที่โรงแรมที่พวกกลินท์พัก สายป่านหน้าแหยพึมพำว่านักขาวทีมพี่ติ๊ ลินท์ตายแน่ๆ แล้วสายป่านกับเบนก็รีบตามพวกนักข่าวไปอย่างร้อนใจ
ooooooo
ปติมาจะให้หมี่ซั่วมาสัมภาษณ์แฉเรื่องอินทร์ไปเยี่ยมกลินท์ที่โรงพยาบาล แต่กลับถูกกลินท์สอนมวยนักข่าวกระดูกอ่อนอย่างหมี่ซั่วว่า มีคนจ้างมาเท่าไหร่ถึงกล้าถามแบบนี้ แล้วเดินไปเลย
พวกนักข่าวที่ตามหมี่ซั่วมาไม่พอใจที่หมี่ซั่วทำให้พวกตนโดนด่าไปด้วยเลยไม่เล่นด้วย หมี่ซั่วโทร.รายงานปติมาว่าไม่รู้ว่ากลินท์หายไปไหนแล้วแต่ไม่ต้องกลัวเจอกลินท์เมื่อไหร่ตนจะรายงานทันที โดยไม่รู้ว่ากลินท์ สายป่านและเบนแอบดูแอบฟังอยู่ เบนเร่งให้รีบไปดีกว่าเดี๋ยวนักข่าวตามมาอีก
“ตามมาก็ดี ฉันจะได้สัมภาษณ์ไปเลยว่าฉันกับอินทร์เป็นอะไรกัน” สายป่านไม่พอใจด่าทุเรศแล้วสะบัดไปเลย เบนถามกลินท์ว่าเธอจะประชดสายป่านเพื่ออะไร กลินท์บอกว่าเพราะสายป่านอยากให้ตนยอมรับให้ได้ บอกเบนว่าตอนนี้ตนอยากรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับอินทร์คืออะไร ย้ำความรู้สึกของตัวเองว่า
“ฉันรู้แค่ว่าฉันเป็นของเขา ฉันถูกสั่งให้มีเขา รักเขา เทิดทูนเขา แต่ก็แปลกที่อารมณ์รักของฉันมันเหมือนไม่มีเลย สิ่งที่มีอยู่ในสมองฉันตลอดเวลาคือ ฉันอยากรู้คำตอบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมันคืออะไร?”
สายป่านผละจากกลินท์เดินไปหาข้าวนึ่งกับแป้งร่ำช่างแต่งหน้าทำผม บ่นว่าไม่รู้ซวยอะไรกลินท์ถึงได้มีข่าวแบบนี้ ข้าวนึ่งบอกว่าอาจเป็นเจ้ากรรมนายเวร แป้งร่ำก็ว่าตั้งแต่พี่ลินท์มาเชียงใหม่ก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น อาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรกำลังติดตามพี่ลินท์ก็ได้ ถูกสายป่านด่าว่าประสาทเป็นโรคติดต่อตามลินท์ไปแล้ว ข้าวนึ่งขอสายป่านด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า อย่าไปว่าพี่ลินท์เลย อาจมีเรื่องเร้นลับเกิดขึ้นกับพี่ลินท์จริงๆก็ได้
กลินท์ให้เบนที่ปู่ย่าตายายเป็นมิชชันนารีอยู่ที่เชียงใหม่จึงรู้จักเชียงใหม่ดี พากลินท์เดินดูสถานที่ต่างๆ แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่เหมือนในความฝันเลย เบนถามว่าจะไปให้ทั่วเมืองเลยหรือ
“ถ้ามันทำให้ฉันย้อนกลับไปยังที่ที่ฉันฝันได้ ฉันก็พร้อมจะเดิน”
เบนจึงพากลินท์นั่งรถแดงตระเวนดูแทน จนมาถึงวัดอินทราวาส กลินท์แว่บขึ้นมาในความรู้สึกบอกให้รถหยุดแล้วลงไปยืนมองวัดอย่างตื่นเต้น นึกในใจว่าเป็นวัดเดียวกับที่ตนเจอเรื่องประหลาด
กลินท์เข้าไปในวัดเห็นกลองวางอยู่ถามเบนว่ากลองอะไร เบนบอกว่ากลองปู่จาเป็นกลองเอาไว้ตีส่งวิญญาณก่อนจะออกรบ ส่วนกลองสะบัดชัยตีตอนออกรบ มีมหรสพรวมทั้งขบวนแห่ด้วย เบนถามว่าทำไมถึงสนใจเรื่องกลอง กลินท์บอกว่าเพราะกลองพาตนเข้าไปสู่โลกที่ตนไม่รู้จัก
เบนมองกลินท์อย่างเป็นห่วง เธอยืนยันว่าตนไม่ได้บ้าไม่ได้ฝัน แต่กำลังมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับตนและมันกำลังพาตนไปเจอสิ่งที่ตนอยากได้คำตอบ
“คำตอบเรื่องอะไร”
“เรื่องฉันกับอินทร์”
กลินท์มุ่งไปประตูท่าแพบอกเบนว่าที่นั่นจะนำตนกลับไปยังที่ที่ตนกำลังหาคำตอบ เบนฟังแล้วทำเป็น คล้อยตามว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นเรื่องจริง เธออาจจะข้ามมิติผ่านอุโมงค์เวลาย้อนไปในเมืองเชียงใหม่ในอดีต แต่พอกลินท์จริงจังขึ้นเบนก็บอกว่าตนพูดเล่น ปลอบให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นกลับไปตั้งใจทำงาน ที่สำคัญเลิกยุ่งกับสามีพี่ติ๊ซักที กลินท์บอกว่าได้ ตนจะเลิกยุ่งกับอินทร์ถ้าตนรู้คำตอบเรื่องทั้งหมดแล้ว และตนก็จะไม่ยอมเป็นเมียน้อยใคร แล้วเร่งให้เบนพาไปประตูท่าแพ
แต่พอไปถึงประตูท่าแพ เบนเร่งให้รีบกลับโรงแรมเพราะพรุ่งนี้เราต้องบินกลับกรุงเทพฯไปทำงานด้วยกัน เบนกอดกลินท์หลวมๆปะเหลาะให้กลับ ภาพนี้ปรากฏในไอแพด ดุษฎีให้อินทร์ดูอินทร์มองภาพนั้นอย่างไม่พอใจมาก อินทร์เพ่งมองรูปคิดอะไรบางอย่างแล้วก็โทร.ไปหาปติมาที่ไปออกงานอีเวนต์กับกลินท์อ้อนว่าคิดถึง ปติมาเย้ยกลินท์ว่าอินทร์โทร.มาเพราะคิดถึง คนอย่างเธอแพ้ตนตั้งแต่อยู่ในรังไข่แล้ว
กลินท์สวนไปว่านั่นมันตอนอยู่ในรังไข่แต่ตอนนี้ที่ยืนอยู่เป็นคนที่จะชนะพี่ติ๊ได้แน่นอนไม่เชื่อให้ดูไลน์ที่อินทร์ส่งมา อินทร์บอกว่าจะบินมาหาพี่ติ๊พรุ่งนี้แต่เย็นนี้อินจะบินมาหาตน ยั่วแล้วยุว่าเวลาที่ผู้ชายหมดรักแล้วยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำใจเลิกเสียดีกว่ารอให้เขาเฉดหัวทิ้งแล้วจะไม่ได้สักบาทเดียว
เบนติงกลินท์ว่าไม่น่าไปยั่วพี่ติ๊ขนาดนั้นเลย กลินท์ตอบอย่างอัดอั้นคับแค้นใจว่า
“ก็ใครล่ะที่เหยียบย่ำฉันก่อน...ฉันเกลียดที่สุดคือคนที่อ่อนแอ ฉันเกลียดที่สุดคือคนที่ขี้แพ้ เพราะชีวิตฉันมันอยู่กับความอ่อนแอความพ่ายแพ้มาตั้งแต่ฉันเกิด” กลินท์ร้องไห้อย่างอัดอั้นคับแค้น
ooooooo
กลินท์เล่าถึงอดีตขณะตนอายุ 5–6 ขวบให้เบนฟังว่า ตนอยู่กับธารทอง แม่ที่หาบขนมขาย ทั้งแม่ทั้งลูกอยู่อย่างยากจนข้นแค้น แม่หาบขนมขายก็ถูกเด็กวัยเดียวกับตนดูถูกว่าเป็นขอทานสกปรก
กลินท์โต้ว่าแม่ตนไม่ใช่ขอทาน บอกแม่ให้จัดการมันเลย แม่ไม่อยากมีเรื่องบอกว่าช่างเขาเถอะ กลินท์ถูกเด็กเกเรนั้นทั้งด่าทั้งรังแกซ้ำว่าขี้ขลาดตาขาวจิ้มหัวกลินท์จนล้ม กลินท์ร้องไห้แม่ได้แต่กอดปลอบ กลินท์ถามแม่ว่าทำไมแม่ไม่ช่วยหนู หนูเกลียดแม่! ร้องไห้วิ่งหนีไปเลย
เล่าแล้วบอกเบนว่า เวลานั้นตนเกลียดแม่ ไม่ได้เกลียดที่ความจนแต่เกลียดที่แม่อ่อนแอจนปกป้องตนไม่ได้ ตอนนี้ตนเข้าใจแล้วว่าแม่ไม่อยากมีเรื่องกับเด็ก แต่ตนก็ยังคงเกลียด ‘ความอ่อนแอ’ เกลียดจนสามารถทำสิ่งที่เลวที่สุดกับแม่ได้ ยอมรับว่าตนทิ้งแม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ของพ่อเพราะเมียใหม่ของพ่อรวยมาก กลินท์น้ำตาไหลเมื่อเล่าว่า
“ฉันไม่สนใจเลยว่าแม่จะทุกข์ จะเสียใจมากแค่ไหน ฉันสนใจแค่ว่าจะต้องไม่มีใครมาดูถูกเหยียดหยามฉันอีก ฉันพยายามลืมความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ออกไป แก้ว...ชื่อที่แม่ตั้งให้มันบอบบางเกินไป ฉันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกลินท์ที่แปลว่าพระอาทิตย์ เพราะฉันคิดว่าพระอาทิตย์จะต้องยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล”
กลินท์เล่าด้วยสายตาที่เคว้งคว้างว่างเปล่าว่า
“ฉันไม่รู้จริงๆ อะไรมันทำให้ฉันเกลียดความพ่ายแพ้ความอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้...ฉันไม่รู้จริงๆเบน...ฉันรู้แค่เพียงว่าฉันทุกข์เหลือเกินแล้วก็เกลียดที่ตัวเองเป็นคนแบบนี้ ฉันเกลียดตัวเองที่ทำกับแม่แบบนี้เบน!”
เบนพูดไม่ออก ได้แต่กอดปลอบกลินท์
ooooooo
เมื่อทำงานเสร็จ แพมถามปติมาว่าแปลว่าคืนนี้อินทร์มีนัดกับกลินท์ ปติมาบอกว่าคงอย่างนั้นลินท์ถึงได้กล้าเอาไลน์มาให้ดู แพมด่าเลว ปติมาติงว่าจะโทษลินท์คนเดียวไม่ได้หรอกต้องโทษอินทร์ด้วย
แพมถามปติมาว่าจะเป็นแม่พระไปถึงไหน อินทร์เป็นผู้ชายไม่เสียหายถ้าจะด่าต้องด่าผู้หญิงว่าหน้าด้านรู้ว่าเขามีเมียอยู่แล้วยังเสนอให้เขาอีก ถามว่าแล้วนี่เธอจะทำยังไงต่อไป
“ก็คงไปรออินทร์ที่บ้าน”
“ไม่ต้อง ไปนั่งในรถกับฉัน รอให้กลินท์ออกมาเดี๋ยวฉันจะพาเธอขับรถตามมันไปเอง ถ้าคืนนี้มันอยู่กับอินทร์จริงๆ ฉันจะช่วยเธอแฉจนนังแบ๊วตกมันสันดานต่ำตมแบบมันต้องออกจากวงการไปเลย เธอคอยดู”
ปติมาแอบยิ้มที่แพมจะทำทุกอย่างแทนตน
แพมซุ่มคอยอยู่ พอกลินท์ออกมาแพมสะกิดบอกว่ามันออกมากันแล้ว
สายป่านกัดกลินท์ไม่ปล่อยเรื่องอินทร์ เอาไลน์อินทร์ที่นัดกับกลินท์ให้ดู ถามว่าเธอไม่เบื่อบ้างหรือที่ตนด่าอินทร์ทุกวันจนตนยังเบื่อเลย
“ไม่!! และฉันก็จะยืนยันคำเดิม เรื่องระหว่างฉันกับอินทร์มันเป็นพรหมลิขิต เบื้องบนเขาขีดเส้นไว้ให้แล้ว” สายป่านโกรธ ว่ากลินท์หาเหตุผลทุกอย่างมาเข้าข้างตัวเอง “ป่าน...เธอเชื่อฉันนะ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน ฉันถึงได้เห็นเธอ เห็นเบน เห็นอินทร์ เห็นพี่ติ๊ เห็นพี่แพม”
“เลิกซื้อเวลาได้แล้วลินท์”
“งั้น...ฉันถามหน่อย ทำไมเธอต้องห่วงฉันขนาดนี้ แคร์ฉันขนาดนี้ เพราะถ้าฉันไม่ดีเธอก็ไปๆเลยสิ จะมายุ่งกับฉันทำไม?” สายป่านนิ่งยังคิดไม่ทัน “นั่นเป็นเพราะเราสองคนมีเรื่องผูกพันกันตั้งแต่อดีตชาติ”
“เพ้อเจ้อ!!”
“โอเค ฉันเพ้อเจ้อ งั้นการที่เธอตามมายุ่งกับฉันตลอด ฉันก็มีสิทธิ์คิดได้ใช่ไหมว่าเธอน่ะชอบฉัน”
สายป่านโวยว่าบ้าไปแล้ว ตนไม่ใช่ทอม กลินท์บอกว่า
“ก็นี่ไงคือสิ่งที่ฉันพยายามบอกเธอ เราทุกคนถูกขีดให้มาเกี่ยวพันกัน ไม่งั้นฉันคงไม่...ปักอกปักใจกับอินทร์ขนาดนี้”
สายป่านส่ายหน้าอย่างระอา หาว่ากลินท์พูดคำเดิม ตรรกะของเมียน้อย บอกว่าตนจะไม่พูดเรื่องนี้กับเธออีก เธออยากให้พี่ติ๊ด่าจนไม่มีที่ยืนในวงการก็ตามใจ
สายป่านผละไปแล้วกลินท์ยังยืนสับสนอยู่ ปติมากับแพมนั่งดูอยู่ในรถจับตาดูว่ากลินท์จะทำยังไง แต่เห็นกลินท์ยังยืนอยู่ก็สงสัยว่า หรืออินทร์จะมารับถึงที่นี่ ปติมาฟังแล้วเครียด แพมปลอบว่าไม่ต้องกลัวยังไงตนก็อยู่ข้างเธอ ถ้าอินทร์มาที่นี่ตนจะจัดการอินทร์เอง
ขณะที่กลินท์กำลังจะเดินเข้าข้างในนั่นเอง เสียงไลน์ก็ดังขึ้น กลินท์เปิดอ่านเป็นข้อความจากอินทร์ส่งมาอ้อนว่า “รออยู่นะครับลินท์ คิดถึงลินท์ที่สุดเลย”
อ่านไลน์แล้วกลินท์คิดถึงที่อินทร์บอกว่าจะเลิกกับปติมาแต่ไม่เลิกอย่างที่บอก พอจะเดินต่อไลน์ก็เข้ามาอีกว่า “อย่าโกรธผมเลยนะ ไม่ว่ายังไงเราสองคนต้องได้อยู่ด้วยกัน”
กลินท์คิดถึงที่ถูกสายป่านด่าว่าตรรกะของเมียน้อย ก็เสียใจกดข้อความตอบไปว่า
“คุณมีภรรยาแล้ว อย่าพูดอย่างนี้ค่ะ”
อินทร์นั่งอยู่ในโรงแรมหรูอ่านไลน์แล้วหงุดหงิดตอบกลับไปว่า
“แต่ผมรักลินท์คนเดียว”
“ถึงจะรัก แต่ในเวลาที่ไม่ใช่ยังไงมันก็ผิด อย่าทำอย่างนี้อีกค่ะ”
อินทร์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลินท์เลยโทร.หา กลินท์ชั่งใจนิดหนึ่งตัดสินใจไม่รับ เดินกลับเข้าข้างใน อินทร์ยิ่งหัวเสียที่กลินท์ไม่รับสาย
ooooooo
อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 3 วันที่ 16 พ.ค.62
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ