อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 3 วันที่ 17 พ.ค.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 3 วันที่ 17 พ.ค.62

อินทร์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลินท์เลยโทร.หา กลินท์ชั่งใจนิดหนึ่งตัดสินใจไม่รับ เดินกลับเข้าข้างใน อินทร์ยิ่งหัวเสียที่กลินท์ไม่รับสาย

เบนยังคุยอยู่กับสายป่านถามว่าเธอจะทิ้งกลินท์จริงๆหรือ  บอกว่าลินท์มีเธอคนเดียวนะ สายป่านบอกว่าตนไม่รู้จะทำยังไงแล้วจนปัญญาจริงๆ  เบนตัดสินใจเล่าว่า

“ที่ผ่านมาผมรู้แค่ว่าคุณพ่อของลินท์อยู่เมกา แต่วันนี้ลินท์เพิ่งเล่าเรื่องแม่ของลินท์ให้ผมฟัง”



“เฮ้อ...นึกถึงเรื่องลินท์กับแม่ทีไร ฉันสลดใจทุกที”

“ลินท์เองก็ไม่ได้สบายใจนักหรอก รวมทั้งเรื่องของคุณอินทร์ด้วย...เรื่องบางเรื่องผมเชื่อว่ามันเป็น ‘วิบากกรรม’ ขอโทษนะผมไม่เชื่อว่าลินท์จะป็นคนเลว โดยสันดาน ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็น ‘วิบากกรรม’ ของลินท์จริงๆ ในฐานะกัลยาณมิตรผมก็อยากให้เราอยู่เคียงข้างลินท์ จนกว่ากรรมของลินท์จะหมด”

สายป่านฟังเบนแล้วแววตาอ่อนลง

“คนเรามักจะคบคนประเภทเดียวกัน ถ้าคุณเชื่อว่าคุณเป็นคนดี คนที่คุณเลือกที่จะคบเขาก็ควรจะเป็นคนดี จริงไหม”

สายป่านชมว่าเบนพูดโน้มน้าวใจเก่งมาก ตนจะลองทำตามที่เขาแนะนำ พอดีกลินท์เดินเข้ามาสบตากับสายป่าน สายป่านถามเสียงอ่อนว่าจะกลับกันหรือยัง กลินท์บอกว่าก็เดินมาตามอยู่นี่ไง สายป่านยิ้มกว้างคว้ากระเป๋าบอกเบนกลับกันเถอะ

ทั้งสามเดินไปด้วยกันด้วยท่าทีอบอุ่นของความเป็นกัลยาณมิตร...พอไปที่ลานจอดรถก็แยกกันไปขึ้นรถตัวเองกัน

แพมกับปติมาซุ่มดูอยู่ พอเห็นว่าเบนแยกไปแล้ว ปติมาบอกให้ตามรถสายป่านไปเลย

แพมตามสายป่านไปจนถึงคอนโด สายป่านรู้ตัวแต่ทำเป็นไม่รู้ พากลินท์เดินไปในคอนโด

“หรือกลินท์มันสับขาหลอก” แพมสงสัย

“จะให้อินทร์มาหาถึงนี่เลยเหรอ? ฉันว่าคืนนี้กลินท์คงไม่ได้ไปหาอินทร์”

แพมเอะใจว่าหรือพวกนั้นจะรู้ว่าเราตาม ให้ดูไปก่อน เผื่อกลินท์จะเปลี่ยนใจออกไปหาอินทร์ทีหลัง ปติมาบอกว่ามันดึกแล้ว แพมจึงเสนอให้กลับไปพักผ่อนดีกว่า แต่ตนจะไปอยู่เป็นเพื่อนเผื่อนังแบ๊วตกมันแผลงฤทธิ์ตนจะได้ช่วยทัน ปติมาขอบใจ แพมจึงขับรถกลับ

พอเข้าไปในห้อง สายป่านถามกลินท์ว่าเห็นหรือเปล่าว่าพี่แพมขับรถตามเรามา ตั้งข้อสังเกตว่า

“พี่แพมดูหึงหวงอินทร์มากกว่าพี่ติ๊ซะอีก ฉันว่ามันชักยังไงๆแล้วนะ”

“ยังไงมันก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา แต่มันจะเกี่ยว ถ้าเธอยังไม่เลิกยุ่งกับผัวพี่ติ๊” กลินท์มองสายป่านอย่างกลัดกลุ้มไม่ได้มีท่าทีถือดีเหมือนแต่ก่อน สายป่านน้ำเสียงอ่อนลงว่า

“ฉันว่าคนในวงการเขารู้เรื่องเธอกับอินทร์หมดแล้วล่ะ แต่ที่เขาไม่พูดเพราะเขาถือว่าไม่ใช่เรื่องของเขา ยังไงก็ต้องร่วมงานกัน คนรักเธอชอบเธออย่างป้าก็อต ข้าวนึ่ง แป้งร่ำก็อาจจะทำเป็นมองผ่านๆไป แต่ถ้าคนเกลียดเธออย่างพี่แพม หมี่ซั่ว เขาก็คงคอยแต่จะเหยียบย่ำซ้ำเติมเธอ...เธอจะรอให้ถึงวันนั้นเหรอ เพราะยังไงเรื่องของเธอกับอินทร์มันก็คือเรื่องจริง!!”

กลินท์กลืนน้ำลายฝืดคอเพราะจริงอย่างที่สายป่านพูด สายป่านตัดบทว่า

“เรื่องแค่นี้คิดได้ไม่ยากหรอก...ง่วง อาบน้ำนอนก่อนล่ะ”

สายป่านหยิบผ้าเช็ดตัวไปเข้าห้องน้ำ ส่วนกลินท์ยังอึ้งอยู่ เมื่อเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นอินทร์มิสคอลไว้หลายสิบสาย กลินท์กดไลน์อ่านก็เห็นข้อความของอินทร์ว่า “ผมจะรอจนกว่าลินท์จะมา”

กลินท์ถอนใจวางมือถือหน้าเศร้า เช็ดเครื่องสำอางแล้วหวีผม หยิบปิ่นที่วางบนโต๊ะขึ้นดูด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ เดินไปนั่งที่เตียงมองปิ่นน้ำตาไหลได้แต่ตะโกนในใจ

“คุณรู้ไหมอินทร์ ว่าฉันทรมานแค่ไหนกับการที่ต้องต่อสู้กับหัวใจตัวเอง”

น้ำตากลินท์หยดลงบนปิ่นทอง ต้องแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับ กลินท์จ้องอยู่อย่างนั้นจนง่วงงุนผล็อยหลับไป...

ooooooo

กลายเป็นกลินท์อยู่ในป่ารกชัฏ ค่อยๆเดินไปแต่เหมือนเท้าลอยไม่ติดพื้น ซ้ำทั้งมือและเท้ายังมีรัศมีโดยรอบ กลินท์ตกใจพึมพำ

“วิญญาณ!! นี่เราตายแล้วหรือ??”

ทันใดกลินท์ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้อง จึงวิ่งตามเสียงร้องทันที! ไปเจอเด็กหญิงก้มหน้าซุกกับอกตัวเองร้องไห้ตัวสั่นสะท้านเข้าไปเรียก ถามอย่างไรเด็กก็ไม่ตอบ เอื้อมมือไปแตะปรากฏว่าว่างเปล่า!

ที่แท้พ่อของเด็กหญิงถูกเสือกัดตายแต่เสือยังอยู่ที่หลังพุ่มไม้ มันพุ่งเข้าใส่ ทั้งกลินท์และเด็กหญิงร้องราวกับเป็นเสียงเดียวกัน แต่เสือไม่ทันทำอะไร หนานแก้ว นายพรานที่เป็นสามีของคำป้อก็พุ่งคบไฟขนาดใหญ่ใส่เสือจนมันล้มไปอีกทาง แล้วกระโจนเข้าใส่กลินท์กับเด็กหญิงอีก หนานแก้วผู้เก่งกล้าเรื่องวิชาดาบ ชักดาบออกตวัด “ฉับ” พอกลินท์ลืมตาก็เห็นเสือร้ายเผ่นไปไกลแล้ว แต่เจ้าน้อยในวัยหนุ่มถือคบเพลิงเข้ามาถามว่า

“เจอเสือแล้วเหรอหนานแก้ว”

หนานแก้วบอกว่าเจอแล้ว  ตนฟันมันหัวแบะแต่มันหนีไปได้ตนจะตามไปฆ่ามัน บอกให้เจ้าน้อยดูละอ่อนคนนี้ที คงตกใจสลบไปแล้ว

กลินท์ชะงักเมื่อได้ยินชื่อ “เจ้าน้อย” เห็นเจ้าน้อยประคองร่างเด็กหญิงกอดปลอบ ทันใดก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ถือคบเพลิงตามมา พวกเขาขอโทษที่มัวแต่ตามเสือเลยไม่ทันได้ดูเจ้าน้อย เจ้าน้อยบอกว่าไม่เป็นไรตนไม่กลัวเสือเลยสักนิด

ชายคนหนึ่งมองเด็กหญิงบอกเพื่อนว่านี่คือละอ่อนที่เราเห็นอยู่กับพ่อและถูกเสือล่า เพื่อนตอบว่าใช่แสดงว่าเสือมันมาทางนี้แล้วเจ้าน้อยเจอมัน เจ้าน้อยงงๆ แต่ฉวยโอกาสตอบว่า

“อือ! พอพวกนั้นตามเสือไปทางโน้น ละอ่อนคนนี้ก็โผล่พรวดเข้ามา เสือมันเกิดเปลี่ยนใจไม่ตามมาทางนี้ ข้าเลยใช้คบไฟไล่มันไป...เจ้าพ่อบอกเสือมันกลัวไฟ ข้าเลยเอาไฟไล่ มันกลัวเลยโดดหายไปในป่าแล้ว”

ชายคนหนึ่งชมว่าเจ้าน้อยช่างใจเด็ดนัก ถามว่าแล้วหนานแก้วล่ะ เจ้าน้อยบอกว่าหนานแก้วโผล่มาทีหลัง ตนเลยสั่งให้ตามเสือไป

“โกหก ไอ้เด็กขี้โม้ คนที่ชื่อหนานแก้วต่างหากเป็นคนช่วยเด็กผู้หญิงคนนี้” กลินท์โต้แต่ไม่มีใครได้ยิน

พอดีเด็กหญิงรู้สึกตัวในอ้อมกอดของเจ้าน้อย เรือนผมสลวยสยายจากวงแขนเจ้าน้อย  กลินท์บอกเด็กหญิงให้ลุกขึ้นมา บอกเด็กหญิงว่า “คนที่ช่วยชีวิตเธอ คือหนานแก้ว ไม่ใช่ไอ้เด็กขี้คุยเจ้าน้อยอะไรนั่น”

เด็กหญิงยังงงๆ กลินท์เห็นเจ้าน้อยลูบเรือนผมของเด็กหญิงอย่างอ่อนโยนปลอบ...

“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้ว ข้าช่วยชีวิตเจ้า เจ้าปลอดภัยแล้ว”

ไม่มีใครรู้ว่าเด็กหญิงนั้นชื่ออะไร จนเมื่อเด็กหญิงบอกว่าตนชื่อ “เทียนคำ” เจ้าน้อยจึงเรียกเทียนคำให้ลุกพาเดินไป กลินท์หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเด็กหญิงเงยหน้า หันมา เห็นเต็มตาว่าเด็กหญิงนั้นหน้าเหมือนตนตอนเด็กราวกับแกะ!

กลินท์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับชื่อเจ้าน้อยกับเทียนคำที่ติดมาจากหลับใหล มองปิ่นทองที่ยังอยู่ในมือเต็มไปด้วยคำถาม สายป่านเพิ่งออกจากห้องน้ำเห็นกลินท์มองปิ่นทองก็หมั่นไส้มากกระชากปิ่นเหวี่ยงลงบนเตียง ถาม

“เมื่อไหร่เธอจะเลิกหายใจเข้าออกกับไอ้ปิ่นอันนี้สักที”

กลินท์หยิบปิ่นขึ้นมาบอกว่าตนทิ้งไม่ได้หรอกเพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในปิ่นอันนี้ สายป่านมองกลินท์อย่างเป็นห่วงที่เพ้อไปไกลขึ้นทุกวัน

กลินท์บอกเบนว่าตนไม่ได้โกหกหรือสร้างเรื่องซื้อเวลาอย่างที่สายป่านว่า สายป่านเซ็งถามว่ามันอะเมซิ่งเกินไปหรือเปล่าที่เธอหลุดไปในโลกอดีต

เนาว์ที่เพื่อนๆเรียกกันว่าเน่าเป็นนักเขียนบทบอกว่าเป็นไปได้ ในละครหลายเรื่องเขาก็ย้อนอดีตกันทั้งนั้น เรื่องแบบการเดินทางข้ามเวลาก็มีคนเจอมาเยอะแยะ สายป่านขัดหูนักด่าว่าเน่าได้สมชื่อจริงๆ

เน่ายืนยันว่าการที่เราจะย้อนอดีตมันต้องมีสื่อหรือตั๋วพิเศษจากเทพเจ้าที่จะผ่านเข้าไปในที่แห่งนั้นได้

เบนเห็นกลินท์สนใจมากก็ขัดคอเน่าถามว่าพูดเป็นตุเป็นตะเชียว เขียนเรื่องอะไรอยู่ตอนนี้ เน่าบอกว่า “รุ้งเชียงเรือก” เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่มีวันดับ เรื่องเกิดขึ้นที่ประตูท่าแพ กลินท์หูผึ่งถามว่าเน่ามีข้อมูลประตูท่าแพอยู่ใช่ไหม เน่าบอกว่ากำลังศึกษาหาข้อมูลมาเขียนบทอยู่ ตนเสนอชื่อเธอเป็นนางเอกด้วย

ทุกคนมองหน้ากลินท์ที่ฟังอย่างตื่นเต้นมาก

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 3 วันที่ 17 พ.ค.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ