อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 5 วันที่ 21 พ.ค.62
กลินท์บอกสายป่านว่าตนจะนอน คว้ายาคลายเครียดขึ้นมาขอกินซักเม็ด อยากนอนยาวๆ แล้วเดินไปที่เตียงดึงปิ่นออกมองปิ่นพึมพำ “ฉันจะฝันถึงเธอ” แล้วกลินท์ก็หลับตาหลับไปอย่างเร็วกลินท์ปรากฏตัวที่เรือนเจ้าเวียงสวรรค์อีกครั้ง มองไปรอบๆแล้วเดินขึ้นไปบนเรือน เห็นเจ้าน้อยเข้าไปคุยกับเจ้าช่อเอื้องถามว่าเจ้าแม่ยังไม่อาบน้ำหรือจะได้เตรียมตัวกินข้าวเย็น เจ้าช่อเอื้องบอกว่ายังไม่หิว ถามว่าเจ้าน้อยฝึกเชิงดาบกับหนานแก้วหรือเปล่า
เจ้าน้อยบอกว่าฝึกและฝึกหนักมาก เจ้าช่อเอื้องถามว่าทำไมเจ้าพ่อถึงบอกว่าเจ้าน้อยแอบหนีซ้อมประจำแล้วก็แอบส่งตาหวานให้อีเทียนคำด้วย เจ้าน้อยตกใจบอกว่าตนไม่เคยมีเทียนคำอยู่ในสายตาเลย
กลินท์ได้ยินเต็มสองหูสบถ “ทุเรศ แล้วใครล่ะที่แอบส่องเทียนคำถึงบ้านตั้งแต่ยังเด็กๆ”
เจ้าช่อเอื้องยิ้มพอใจ ย้ำว่าถึงอีเทียนคำจะหน้างามปานใดเจ้าน้อยก็ไม่ควรไปเล่นหูเล่นตา เพราะ
“เราเป็นถึงลูกหลานเจ้าหลวงเชียงใหม่ เผื่อวันใดวันหนึ่งเจ้าน้อยได้เป็นหน่อเนื้อกษัตริย์คนอื่นเขาจะว่าเอาได้ว่าไปสมสู่กับผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า มันมาจากไหน? เป็นผีหรือเป็นคน เป็นม่านหรือว่าเป็นเมือง เรายังไม่รู้เลย” เจ้าน้อยปากแข็งว่าไม่มีวัน ที่เจ้าน้อยเทวาฤทธิ์จะไปถูกเนื้อต้องตัวเทียนคำ เจ้าแม่ไว้ใจได้ “ดีแล้ว แล้วงานฉลองพระธาตุปีนี้แม่จะหาเจ้านางที่เหมาะสมกับเจ้าน้อยให้”
เจ้าน้อยตาลุกถามว่าใครหรือ เจ้าช่อเอื้องบอกว่า “เจ้าวงเดือน ลูกสาวคนเดียวของเจ้าเมืองเชียงจัน”
ทันใดนั้นเสียงกลองดังขึ้นพร้อมกับร่างกลินท์ถูกดูดไปทันที ไปหล่นตุ้บลงที่ตัวเมืองจัน เห็นขบวนแห่มีผู้คนยืนออกันเต็มคุยกันเซ็งแซ่ ชมว่าเจ้าวงเดือนงามขนาด เป็นบุญตาที่ได้เห็น
กลินท์แทรกตัวเข้าไปเพื่อดูขบวนแห่ เห็นไพคาเป็นนางรำในขบวนด้วย พึมพำแปลกใจ
“พี่แพม...เราไม่ได้ตาฝาด...พี่แพมจริงๆ” และพอเสลี่ยงผ่านมาลมพัดผ้าเสลี่ยงเปิดกลินท์เห็นเจ้าวงเดือนเต็มตา อุทานตะลึง “พี่ติ๊!”
กลินท์เดินโซซัดโซเซออกจากเมืองเชียงจันเหมือนคนคุมสติไม่อยู่ ต้องโผกอดต้นไม้ข้างทางพยุงร่างพึมพำสับสน “นี่มันอะไรกัน...อินทร์ พี่ติ๊...เรา??!!”
พลันก็ได้ยินเสียงดาบกระทบกัน เสียงนั้นเร่งเร้าให้กลินท์เดินไปทันที
กลินท์ไปเห็นหนานแก้วกำลังซ้อมดาบให้เด็กหนุ่มในคุ้มที่ฝึกกันอย่างจริงจัง แต่เจ้าน้อยกลับนั่งไขว่ห้างเอ้อละเหย หนานแก้วได้แต่มองเจ้าน้อยอย่างระอา กลับถูกเจ้าน้อยถามอย่างยโสโอหังว่า “มองอะไร”
หนานแก้วบอกว่ามองว่าเมื่อไหร่เจ้าน้อยจะลุกมาซ้อมดาบ เจ้าน้อยบอกว่าตอนไหนก็ตอนนั่นแหละ
“ตอนไหนตอนนั้น แล้วเมื่อไหร่เจ้าน้อยจะเก่ง ข้าอยากให้เจ้าน้อยเก่ง เผื่อวันใดเจอเสือเจอสิงห์จะได้ช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือคนอื่นได้ ไม่งั้นเป็นได้โดนเสือกินเหมือนพ่อของเทียนคำ”
เจ้าน้อยจ้องหนานแก้วอย่างเกลียดชัง ฟังหนานแก้วพูดแล้วยิ่งเกลียดนึกว่าตนถูกประชด ถามว่า
“นี่จะบอกเหรอว่าเอ็งเป็นคนไล่เสือช่วยชีวิตเทียนคำเอาไว้” หนานแก้วบอกว่าไม่บอกเจ้าน้อยก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว เจ้าน้อยตวาดปราม หนานแก้วบอกให้ไปซ้อมดาบ เจ้าน้อยสวนทันควันว่าไม่ อยากทำตอนไหนตนจะทำเอง ชี้หน้าหนานแก้วปรามาสว่า
“แล้วเอ็งคอยดูข้าจะเก่งกว่าเอ็ง”
“หวังว่าคงอีกไม่นาน”
“เออ! ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ข้าจะซ้อมๆๆทุกวัน”
หนานแก้วย้ำว่าทำให้ได้นะพรุ่งนี้จะคอยดู แล้วหนานแก้วก็หันไปดูคนอื่นซ้อมต่อ เจ้าน้อยเหิมเกริมหยิบกระบวยสำหรับตักน้ำดื่มสาดน้ำใส่หนานแก้ว
หนานแก้วหันมองก็ปรามอย่าอวดดีกวนประสาท ย้ำว่า
“ข้าหวังดี เกิดเป็นลูกผู้ชายแล้วไม่รักษาคำพูดตัวเอง คนคนนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
“แต่ข้าว่าคนที่คิดอะไรทำอย่างนั้นไม่แสร้งทำตัวเพื่อให้คนอื่นมองว่าเป็นคนดี เป็นลูกผู้ชายยิ่งกว่า” พูดแล้วเจ้าน้อยก็เอากระบวยค่อยๆราดน้ำลงบนหัวหนานแก้วอย่างหยาบคายเหยียดหยาม หนานแก้วนิ่ง อึ้ง
“คนเลว!” กลินท์ด่าอย่างสุดทน
หนานแก้วกลับถึงบ้านทั้งที่ผมยังเปียก ตักน้ำจากโอ่งดินล้างเท้าก่อนขึ้นบ้าน คำป้อยิ้มแย้มถามว่าสอนเชิงดาบเชิงมวยให้เจ้าน้อยเป็นยังไงบ้าง หนานแก้วบอกแค่ว่า “ก็ดี”
คำป้อดีใจชมว่าท่าจะดีจริงเหงื่อเอ็งถึงได้ท่วมตัวเลย ถามว่าเจ้าน้อยนี่ท่าจะเก่งมากๆเลยใช่ไหม ตอนเย็นเห็นเดินกลับคุ้มเหงื่อเปียกทั้งตัวเลย หนานแก้วไม่ตอบแต่ถามว่า
“แล้วเอ็งล่ะสอนการบ้านการเรือนเทียนคำกับอุ่นเฮือนถึงไหนแล้ว”
“ก็สอนเย็บปักถักร้อยไปน่ะ นี่ก็เพิ่งสอนทอผ้า เทียนคำมันหัวไวมากเลยทอผ้าห่มให้เจ้าพ่อ เจ้าแม่ได้แล้ว” หนานแก้วถามว่าแน่ใจนะว่าเทียนคำทอผ้าห่มไปให้เจ้าวงศ์สวรรค์กับเจ้าช่อเอื้อง คำป้อถามว่า “ทำไมถามอย่างนั้น”
“ข้ากลัวมันจะเอาไปให้ผู้อื่น” แต่พอคำป้อถามว่าใคร หนานแก้วก็ตัดบทว่า “ช่างมันเถอะเราเลี้ยงมันได้แต่ตัว มันจะเป็นยังไงคงแล้วแต่บุญแต่กรรม จะว่าไปตั้งแต่มันรอดตายมาได้สิบปี เทียนคำมันก็ไม่ได้เจ็บได้ไข้อีกเลย ข้าก็เลยคิดว่าครบรอบอายุมันสิบห้าปีนี้จะให้มันฟ้อนรำถวายบูชาธาตุศรีจอมทอง”
คำป้อติงว่างานอย่างนี้มันต้องเป็นเรื่องของเจ้านาย หนานแก้วบอกว่าตนได้บนบานศาลกล่าวกับพระธาตุศรีจอมทองไว้แล้ว ถ้าไม่ทำก็ถือว่าไม่มีสัจจะ ยังไงตนก็จะลองขอเจ้าพ่อดู
กลินท์ฟังการสนทนาทั้งหมดอย่างฉงน และติดตามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ooooooo
เจ้าช่อเอื้องไม่พอใจหนานแก้วมากถามว่าคิดยังไงถึงจะให้เทียนคำมาฟ้อนรำบูชาธาตุกับเจ้านาย หนานแก้วบอกว่าตนบนไว้
เจ้าช่อเอื้องไล่ว่าอยากรำก็ให้ไปรำที่จอมทองโน่น ด่าหนานแก้วว่าเป็นคนธรรมดาไม่เจียมกะลาหัวไปบนบานอะไรอย่างนั้นและทำไมต้องมาให้เสียชื่อคุ้มของตน คนเมืองอื่นจะมองยังไงถ้ารู้ว่าคุ้มเราเอาขี้ข้ามาฟ้อนมารำบูชาธาตุ หากเป็นชาวเมืองทั่วไปก็ว่าไปอย่าง แต่อีเทียนคำมันเป็นขี้ข้า!
หนานแก้วหน้าเสียที่ถูกเหยียดหยาม แม้เจ้าเวียงสวรรค์จะแก้ว่าหนานแก้วไม่ใช่ขี้ข้าแต่เป็นเพื่อนตนเป็นอาจารย์ของเจ้าน้อยด้วย เจ้าช่อเอื้องเชิดใส่ไม่พอใจ ส่วนหนานแก้วพูดอย่างอ่อนน้อมเจียมตัวว่าแม้เจ้าเวียงสวรรค์จะให้เกียรติ แต่ตนก็เป็นแค่บ่าว ชี้แจงว่า
“ที่ข้าอยากให้เทียนคำมันรำ เพราะข้าศรัทธาในพระธาตุศรีทองเลยบนบานเอาไว้หากเทียนคำมันรอดตายจากป่วยไข้ครั้งนั้น”
เจ้าช่อเอื้องถามเย้ยว่าชีวิตอีเทียนคำสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ การขอครั้งนี้เกินไป ในฐานะชายาของเจ้าเวียงสวรรค์ตนไม่อนุญาต! เจ้าเวียงสวรรค์หน้าเสีย เจ้าช่อเอื้องอ้างว่ามันรอดมาได้สิบกว่าปีแล้วจะตายได้ ยังไง หนานแก้วเสียงอ่อนว่าเผื่อมันผิดผี เจ้าช่อเอื้องบอกว่านั่นมันเรื่องของเอ็ง บนอะไรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
เจ้าเวียงสวรรค์ไม่กล้าโต้แย้งเจ้าช่อเอื้อง กล่อมหนานแก้วว่าเทียนคำรอดมาได้แล้วถือว่าเป็นลูกหลานเป็นคนในคุ้ม พระธาตุคงไม่เอาผิดอะไรกับมันหรอก
หนานแก้วอ้อนวอนว่าที่ขอให้ท่านช่วยเพราะถ้าไม่ทำตามสัจจะวาจาก็เหมือนไม่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลัวจะเกิดไม่ดีกับเทียนคำ เจ้าช่อเอื้องตวาดว่า
“เรื่องของมัน...ไม่ใช่เรื่องของเรา!”
หนานแก้วตะลึง กลินท์ตะโกนถาม “แล้วถ้าเทียนคำมีอันเป็นไปล่ะ?” แต่ไม่มีใครได้ยิน พลันเสียงกลองจากไหนไม่รู้ดังเร่งเร้าขึ้นจนกลินท์ต้องเอามืออุดหูหลับตาปี๋อย่างทรมาน
กลินท์ลอยเข้าไปในป่าเห็นหนานแก้วดักหมูป่าอยู่ท่าทางนิ่งสงบ ทันใดร่างก็กระตุก ตามองไปยังเบื้องสูงด้วยความตระหนก กลินท์มองตามแต่ไม่เห็นอะไร กลินท์ตะลึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนานแก้วและตัวเอง แต่ได้ยินเสียงสวดมนต์ระงมไปทั้งป่า!
แม่ชีธารทองนั่งสมาธิสวดมนต์อยู่ที่วัดรู้สึกเหมือนเห็นนิมิตบางอย่าง และเสียงกลองที่รัวกระหน่ำก็ค่อยๆกลายเป็นเสียงดนตรีเพลงเศร้าน่ากลัว พร้อมกับเสียงคำป้อร้องเรียก
“เทียนคำ...เทียนคำ...”
คำป้อกับอุ่นเฮือนร้องเรียกและเดินหาเทียนคำทั่วบ้านแต่ไม่เจอ คำป้อบ่นอุ่นเฮือนว่าหลับเป็นตายจนน้องหายไปยังไม่รู้ตัว อุ่นเฮือนถามว่าดึกป่านนี้เทียนคำจะไปไหนเพราะปกติขี้กลัวจะตาย คำป้อกังวลว่าถ้าหนานแก้วกลับมาแล้วไม่เห็นเทียนคำเป็นเรื่องแน่ อุ่นเฮือนเชื่อว่ากว่าพ่อจะกลับก็คงเช้าและเราก็คงหาเทียนคำเจอแล้ว แล้วทั้งสองก็ลงจากบ้านเดินตะโกนเรียกเทียนคำ กลินท์ช่วยตะโกนเรียกทั้งที่รู้ว่าไม่มีใครได้ยินเสียงตน
อุ่นเฮือนกับคำป้อไปเจอเทียนคำกำลังถือเทียนฟ้อนเทียนในป่ากล้วย คำป้อเรียกเทียนคำถามว่าเป็นอะไร เทียนคำเอาแต่ฟ้อนไม่ตอบ กลินท์ร้อนใจช่วยเรียกโดยไม่รู้ตัว เสียงกลินท์สะท้อนไปในป่าจนเทียนคำสะดุ้งแล้วล้มแน่นิ่ง คำป้อกับอุ่นเฮือนวิ่งเข้าประคอง จู่ๆ เทียนคำก็เบิกตาโพลงจนสองแม่ลูกผงะ เทียนคำร้องโหยหวนแล้วแน่นิ่งไปอีก
คำป้อเข้าประคองบอกอุ่นเฮือนให้ช่วยกันพาเทียนคำกลับเรือน พอไปถึงเรือนเจอเจ้าน้อยกำลังย่องขึ้นเรือน แก้ตัวว่าจะมาหาหนานแก้ว พอเห็นเทียนคำก็ถามว่ามันเป็นอะไรแล้วตรงเข้าอุ้มเทียนคำขึ้นเรือนไปท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน
เจ้าน้อยเห็นอาการของเทียนคำถามว่าผีเข้าใช่ไหม คำป้อไม่รู้แต่ฝากอุ่นเฮือนให้ดูแลเทียนคำ พรุ่งนี้ตนจะไปตามเจ้าพ่อน้ำทิพย์มาดู
รุ่งขึ้นเมื่อคำป้อไปหาแม่โสมคนทรงเจ้าพ่อน้ำทิพย์ แม่โสมถามว่าละอ่อนคนนี้ไปบนบานศาลขออะไรกับใครเขาหรือเปล่า พอคำป้อเล่าว่าหนานแก้วบนให้เทียนคำรำถวายธาตุศรีจอมทอง แต่คนในคุ้มไม่ให้เราฟ้อนแก้บน
“ขออะไรไว้ท่านให้แล้วทำไมไม่ทำตามที่รับปาก” เจ้าพ่อถามแล้วบอก “ให้คืนนี้มีงานบูชาพระธาตุ เอ็งต้องทำตามที่ไปบนกับท่านให้ได้ ทำไม่ได้เอ็งเตรียมรับเรื่องร้ายแรงไว้เลย”
คำป้ออ้อนวอนเจ้าน้อยให้ช่วยพูดกับเจ้าช่อเอื้อง เจ้านายปัดว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ตนไม่กล้ายุ่ง คำป้อจึงตัดสินใจไปพูดกับเจ้าช่อเอื้องเอง
เจ้าช่อเอื้องไม่ยอม คำป้อตัดพ้อว่าทำไมเจ้าแม่ใจร้าย ก็ถูกเจ้าช่อเอื้องเอาขันเงินขนาดใหญ่ขว้างใส่หน้าผากจนเลือดอาบ เจ้าเวียงสวรรค์ถามเจ้าช่อเอื้องว่าเรื่องแค่นี้ทำไมยอมกันไม่ได้
“ยังไงก็ไม่ได้ ถ้าท่านยอมให้ขี้ข้ามันมารำต่อหน้าพระธาตุ เวียงเจียงใหม่จะโดนพวกม่านมายึดอีก คุ้มเราได้ล่มจมแน่ ถ้าจะมีคนตายก็ให้อีเทียนคำมันตายไปคนเดียว”
คำป้ออ้อนวอนว่าตนเลี้ยงเทียนคำมารักเหมือนลูกจะไม่ยอมให้มันตาย ที่สำคัญหนานแก้วเป็นคนบน ถ้าครั้งนี้ไม่มีการฟ้อนแก้บน ถามว่า “เจ้าพ่อเจ้าแม่ไม่กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเทียนคำและหนานแก้วหรือเจ้าคะ”
เจ้าเวียงสวรรค์กำลังจะพูดอะไร ก็มีเสียงเอะอะจากพวกทาสเข้ามาบอกว่าหนานแก้วตกต้นไม้เมื่อคืนอาการหนักตอนนี้กำลังหามมาที่คุ้มแล้ว คำป้อวิ่งลงจากเรือนไปด้วยความเป็นห่วงหนานแก้วทันที
พอเห็นคำป้อ หนานแก้วถามว่าเทียนคำเป็นอะไรหรือเปล่า คำป้อบอกว่ามันโดนผีเข้า
“ข้าว่าแล้ว เมื่อคืนตอนขึ้นต้นไม้สูงรอหมูป่า ผู้เฒ่ามาเข้าฝันข้าว่าลืมสัญญา ผู้เฒ่าขอให้ข้ายอมรับชะตานั้นแทน แล้วก็ผลักข้าตกจากต้นไม้สูงเกือบยอดเจดีย์หลวง...เอาเทียนคำไปฟ้อนแก้บนเร็ว ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นเหมือนข้า”
แม้หนานแก้วจะเจ็บเจียนตายก็ยังเป็นห่วงเทียนคำ คำป้อบอกว่าเดี๋ยวตนจะไปตามหมอยา พอดีเจ้าเวียงสวรรค์ เจ้าช่อเอื้องและเจ้าน้อยเดินมาถามว่าหนานแก้วเป็นอย่างไรบ้าง คำป้อบอกว่าแข้งขาขยับไม่ได้ดูท่าผีป่าจะหักคอ เจ้าเวียงสวรรค์บอกว่าตนสั่งหมอยาไปดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วเดินออกไป เจ้าช่อเอื้องกับเจ้าน้อยรีบตามไป กลินท์มองเจ้าช่อเอื้องไม่พอใจเดินตามไปทันที
เจ้าเวียงสวรรค์ถามเจ้าช่อเอื้องว่าเห็นไหม แค่เรื่องฟ้อนแก้บนมันทำให้เพื่อนตนต้องจากไป เจ้าช่อเอื้องสวนทันควันว่ามันเป็นขี้ข้าไม่ใช่เพื่อน เจ้าน้อยก็ว่าใช่ มันเป็นขี้ข้า เจ้าน้อยพูดอย่างเลือดเย็นว่า
“หากมันทำผิดรีตผิดประเพณี ดีไม่ดีมีอันเป็นไปทั้งคุ้ม เสียคนไปคนสองคนยังดีกว่า”
ในที่สุดเจ้าเวียงสวรรค์ผู้อ่อนแอก็พ่ายแพ้แก่ชายาที่เอาแต่ใจเจ้ายศเจ้าอย่าง จนกลินท์ทนไม่ได้สะบัดหน้าวิ่งฝ่าทางสีขาวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ชะตากรรม กลินท์วิ่งทะลุหมอกขาวมาถึงหน้าบ้านคำป้อเห็นเทียนคำที่เพิ่งรู้สึกตัวมองหนานแก้วตกใจ ถามอุ่นเฮือนว่าพ่อเป็นอะไร อุ่นเฮือนบอกว่าตกต้นไม้
เทียนคำเข้าไปเรียกหนานแก้วถามว่าหิวหรือยังเดี๋ยวตนจะไปนึ่งข้าวให้พ่อกิน หนานแก้วบอกว่าไม่หิวอยากหลับ เทียนคำใจไม่ดีร้องไห้บอกว่า
“พ่อหลับแล้ว พ่อต้องสัญญากับข้านะว่าต้องตื่นมา ข้าอยากกินเนื้อหมูป่าสักครั้ง นะพ่อนะ”
“เอาไว้คราวหน้าข้าตื่นขึ้นมาได้ข้าจะเอาทั้งเนื้อหมูป่า เนื้อฟานกลับมาให้เอ็งกินนะคำป้อ อุ่นเฮือน เทียนคำ” เสียงหนานแก้วแผ่วหายไปก่อนเงียบลง คำป้อกับทุกคนมองหนานแก้วน้ำตาไหลพราก...
หนานแก้วกระอักเลือดสีดำเข้ม คำป้อพุ่งเข้าประคองขึ้นเอาชายเสื้อเช็ดเลือด ขณะนั้นเองเจ้าเวียงสวรรค์ ในชุดเต็มยศก้าวเข้ามาบอกหนานแก้วให้อดทนหน่อยคนของตนกำลังไปตามหมอเมืองของเจ้าหลวงมาแล้ว หนานแก้วบอกว่าหมอไหนก็รักษาไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำตามที่ตนได้สาบานกับพระธาตุไว้
คำป้อบอกเทียนคำว่าต้องไปฟ้อนบูชาพระธาตุก่อนพ่อจะมีอันเป็นไป เทียนคำลุกขึ้นแต่งตัวทันทีทั้งที่ไม่สบาย เจ้าช่อเอื้องมาตามเจ้าเวียงสวรรค์เห็นเข้าพอดีประกาศก้องว่าไม่ได้ อีเทียนคำจะฟ้อนไม่ได้
เจ้าเวียงสวรรค์ขอร้องว่าถึงขนาดนี้แล้วให้อีเทียนคำมันฟ้อนเถอะ คำป้อก็อ้อนวอน เจ้าช่อเอื้องไม่ยอมให้ไปคืนนี้แต่ให้ไปพรุ่งนี้ คำป้อว่าจะไม่ทัน หนานแก้วบอกว่าตนยังไหวพรุ่งนี้ค่อยให้เทียนคำฟ้อนถวายก็ได้
เจ้าช่อเอื้องพาเจ้าน้อยกลับไป เจ้าเวียงสวรรค์เข้าไปขอโทษหนานแก้ว หนานแก้วพูดกับเจ้าเวียงสวรรค์ เสียงสั่นเครือว่า
“รับปากข้าได้ไหม หากข้าเป็นอะไรไปท่านจะไม่ให้ใครในคุ้มทำร้ายลูกเมียข้า” เจ้าเวียงสวรรค์รับปากว่าได้ หนานแก้วบอกว่าเป็นบุญนักที่มีเจ้าพ่อเป็นนาย “แต่ถ้าท่านทำไม่ได้ จำไว้...ท่านจะมีอันเป็นไปและคุ้มเวียงสวรรค์จะต้องพินาศ”
เจ้าเวียงสวรรค์กลับไปอย่างขลาดกลัวเหมือนรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้และตนต้องมีอันเป็นไป คุ้มเวียงสวรรค์ก็จะต้องพังพินาศ!
คำป้อบอกหนานแก้วว่าตนจะไม่รอพรุ่งนี้ คืนนี้จะให้เทียนคำไปฟ้อนแก้บนให้ได้ เทียนคำก็มุ่งมั่นจะไปฟ้อนให้พ่อคืนนี้ คำป้อกับอุ่นเฮือนจึงช่วยกันแต่งตัวให้
พออุ่นเฮือนกับคำแก้วลงเรือนไป หนานแก้วก็กระอักเลือดอีก คำป้อตะโกนให้ทั้งสองรีบไปพ่อเอ็งจะตายแล้ว ทั้งสองวิ่งไปสุดชีวิตแต่พอไปถึงไม่สามารถเข้าไปได้ ถูกไพคายืนขวางไว้เพราะนายหญิงคือวงเดือนกำลังฟ้อนถวายบูชาพระธาตุอยู่ แต่พอวงเดือนจะฟ้อนไพคาก็ลืมตัวเข้าไปดู อุ่นเฮือนจึงจูงเทียนคำเล็ดลอดเข้าไป กลินท์ตามไปติดๆ พลันก็ตะลึงอุทาน “พี่ติ๊” เมื่อเห็นวงเดือนเต็มตา และยังเห็นเจ้าน้อยดูอยู่อย่างดื่มด่ำ กลินท์น้ำตาไหลไม่รู้ตัว ครางเบาๆ “อินทร์!!!”
ooooooo
เวลาเดียวกันร่างกลินท์นอนน้ำตาไหลอยู่ที่คอนโด สายป่านมาเห็นตกใจนึกว่ากลินท์กินยาเกินขนาดร้องเรียกเบนลั่น ต่อมาข่าวไปถึงปติมาว่ากลินท์กินยาตายถูกหามส่งโรงพยาบาล
เมื่อกลินท์ตื่นรู้ว่าเพื่อนหามส่งโรงพยาบาลเพราะคิดว่ากินยาฆ่าตัวตาย กลินท์บอกว่าคนอย่างตนไม่มีวันกินยาตายแน่ๆ แต่ถ้ามีคนมาฆ่าตนตายนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตนรู้สึกว่าชาติที่แล้วมีคนฆ่าตนตาย
สายป่านถามว่าชาตินี้ยังวุ่นไม่พอใช่ไหมถึงไปลากชาติก่อนมาดราม่าด้วย กลินท์ไม่อยากมีเรื่องเลยบ่นหิว เบนจึงชวนสายป่านไปซื้ออะไรอร่อยๆมากินกัน
ปติมาบอกแพมว่ากลินท์กินยาฆ่าตัวตายเป็นแผนเรียกคะแนนสงสารจากอินทร์ ชวนกันไปหากลินท์ถ้าอินทร์อยู่ด้วยก็จะตบให้จมดินเลย
พอสายป่านกับเบนไปซื้ออาหาร กลินท์ก็คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา กังวลใจว่าเทียนคำจะรำแก้บนได้ไหม
ทันใดนั้นปติมากับแพมผลักประตูผลัวะเข้ามา กลินท์ชันตัวลุกขึ้นทันทีถามว่ามากันทำไม ถ้าจะมาตามอินทร์บอกเลยว่าอินทร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แพมกับปติมาตบสั่งสอนกลินท์ พอดีสายป่านกับเบนกลับมาทั้งสองจึงกลับไป สายป่านถามกลินท์ว่า
“เห็นแล้วใช่ไหม สิ่งที่เธอทำกำลังย้อนกลับมาทำลายตัวเธอเอง”
“เห็นสิ...และฉันก็กำลังเอาสิ่งที่ฉันเคยทำผิดพลาดมาแก้ตัวอยู่นี่ไง”
เบนมองกลินท์อย่างจับสังเกต เป็นห่วง และเห็นใจ
ooooooo
อาจารย์สร้อยสังวาลเป็นเจ้าของร้านขายของเก่ามักเจอเรื่องประหลาดในร้านของเก่าของตนเสมอ อาจารย์ฝันเห็นปิ่นทองกับสร้อยมองอย่างสงสัยว่ามาจากไหนไม่เคยเห็น ยิ่งเมื่อปิ่นในกล่องหมุนตัวเองจนเป็นเกลียวกลายเป็นเลือดไหลออกมาพร้อมกับมีเสียงร้องขอ...
“พาฉันกลับไปหาเจ้าของของฉัน...ฉันจะกลับไปหาเจ้าของของฉัน”
สิ้นเสียงปิ่นก็พุ่งเข้าหาอาจารย์จนสะดุ้งตื่น พอรู้สึกตัว ก็บอกตัวเองว่าฝันนั้นช่างเหมือนจริงเหลือเกิน
วันต่อมาแม่ของอาจารย์ในวัย 80 เข้ามาบอกว่าไปถามเจ้าพ่อน้ำทิพย์มาให้แล้ว เขาว่าเจ้าของกำลังมาเอา ลูกค้าผู้ชายคนไหนเข้ามาในร้านคนแรกนั่นแหละเจ้าของปิ่นทองเล่มนี้
ไม่นานอินทร์ก็เดินยิ้มเข้ามา เห็นปิ่นก็สนใจชมว่าสวยจัง ตนกำลังมองหาของขวัญอยู่พอดี
สร้อยสังวาลมองหน้าอินทร์นิ่ง
ที่ห้องสมุดเชียงใหม่ อาจารย์สร้อยสังวาลนั่งอ่านข่าวจากคอมฯ เห็นข่าวกลินท์กับอินทร์พร้อมข้อความ “เปิดประวัติพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าเสน่ห์ อินทร์ เวียงระมิงค์ กุมหัวใจสาวสุดฮอต กลินท์ ระวีรัมภา จนเกิดเหตุทุบขาเตียงติ๊ ปติมา สร้างตำนานแบ๊วจอมฉกตกสวรรค์”
ป้าก็อตเพื่อนสนิทเข้ามาถามแซวๆว่า เพิ่งรู้ว่าอาจารย์ก็สนใจข่าวคาวๆฉาวๆของดาราเหมือนกัน
“ชีวิตคนทุกคน...น่าศึกษาหมด...กำลังหาข้อมูลทำงานอยู่ พอดีเปิดเจอมันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องคาวๆ ก็ได้นะ ถ้ามันเป็นกรรมที่เขาผูกกันมาตั้งแต่หนหลังล่ะ”
ป้าก็อตชวนไปคุยงานกัน บอกว่าตนมีเรื่องจะปรึกษาเยอะเลย แล้วเพื่อนสนิททั้งสองก็จูงมือกันออกไป
ooooooo
คืนนี้...ขณะที่กลินท์นั่งที่ร้านอาหารกับเบน กลินท์บอกว่าตั้งแต่กลับมาไม่มีวันไหนที่ตนไม่คิดถึงเรื่องในอดีตเลย ตนคิดทุกวันว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมายังไง แล้วเทียนคำกับอุ่นเฮือนจะรำแก้บนได้สำเร็จไหม
กลินท์บอกเบนว่าตนอยากย้อนกลับไปในโลกอดีต อยากรู้ว่าเทียนคำกับอุ่นเฮือนจะเป็นยังไง พ่อหนานแก้วจะตายไหม? เบนไม่อยากให้กลินท์เครียดบอกว่าเธออาจจะเครียดกับเรื่องพี่ติ๊กับแพมมากเกินไป กลับไปพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวตนไปส่ง
แต่ไม่ทันไรโทรศัพท์ของกลินท์ก็ดังขึ้น เบนชำเลืองดูเป็นเบอร์ที่ไม่ระบุชื่อ เบนโล่งใจที่ไม่ใช่อินทร์แต่ก็จะลุกไปตามมารยาท กลินท์บอกให้อยู่นี่แหละจะได้เป็นพยานเพราะตนเชื่อว่าต้องเป็นอินทร์โทร.มา
พอกดรับสายเป็นอินทร์จริงๆ อินทร์ถามว่าบล็อกเบอร์ตนทำไม กลินท์บอกว่าเพราะตนไม่ต้องการติดต่อกับเขาอีก
อินทร์โทร.อยู่ที่บ้าน เขาไม่รู้ว่าปติมาเดินมายืนข้างหลัง ยังคงคุยกับกลินท์เหมือนคุยกันลำพัง
อินทร์ถามกลินท์ว่าเห็นไหมว่าไม่มีอะไรมาขัดขวางตนได้เพราะยังไงตนก็ไม่เลิกกับเธอ ถามว่าที่ลินท์พูดอย่างนั้นเพราะงอนเรื่องทะเบียนใช่ไหม ไม่ต้องห่วง ยังไงตนก็ต้องเอาทะเบียนมาให้ลินท์แน่นอน ถามว่า
“ลินท์จำได้ไหมที่ผมเคยบอก เราเกิดมาเป็นคู่กัน ยังไงเราก็ต้องได้อยู่ด้วยกัน”
ปติมาชาไปทั้งตัวกำมือแน่น ยังคงอดทนฟังต่อไป
กลินท์บอกว่าตนอยู่กับเบนไม่ต้องโทร.มาอีกแล้ววางสายเลย เบนถามว่าเธอเอาตนเป็นไม้กันหมาหรือ
“ไม่ใช่ ฉันเห็นคุณคือคนที่พร้อมจะอยู่กับฉันตลอดเวลาต่างหาก” พูดอย่างรู้สึกลึกซึ้งว่า “ฉันอยู่ที่นั่นฉันมีหลุยส์ที่หน้าตาเหมือนคุณ ทุกคนในอดีตมีตัวตนในโลกนี้ทั้งหมด จนฉันอยากรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันคืออะไร”
เบนบอกว่าที่จริงเธอเป็นคนมีเซ้นส์มีสื่ออยู่แล้ว ทุกครั้งที่ถ่ายละครผู้กำกับชมเธอเสมอว่าเป็นคนมีสมาธิดีเวลาตั้งใจทำอะไรก็ทำได้จริงๆ แนะว่าลองนั่งสมาธิดูไหม เผื่อใจนิ่งอาจย้อนเวลากลับไปในอดีตได้อีก
กลินท์นิ่งคิด ในขณะที่แม่ชีธารทองที่นั่งสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นเหมือนรับรู้สิ่งที่เบนพูดกับกลินท์
หลังจากถูกกลินท์ตัดสายแล้ว อินทร์พยายามโทร. ไปอีกแต่กลินท์ปิดเครื่องแล้ว อินทร์เดินเข้าบ้านเจอปติมา เธอมองเขาอย่างเจ็บปวดถามว่าจะไม่พูดอะไรกับตนสักคำเลยหรือ อินทร์ย้อนว่าคุณก็ได้ยินหมดแล้ว
ปติมาถามว่าเห็นตนเป็นอะไร ทำกับตนอย่างนี้ได้ยังไง อินทร์ท้าว่าเลิกเลยไหม เลิกก็ดีทะเบียนก็ไม่มีอยู่แล้ว ตนจะได้เป็นอิสระสักที ปติมาเสียงแข็งว่ายังไงตนก็ไม่ยอมเลิกเด็ดขาด
“ผมรู้ เพราะตำแหน่งเมียของอินทร์ เวียงระมิงค์ ยังเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ที่ผ่านมาผมพยายามประนีประนอม ให้เกียรติคุณตลอด แต่คุณกลับไม่ให้เกียรติผมเลย”
ปติมาถามว่าเมียที่ให้เกียรติผัวคือเมียที่ไม่มีปากเสียง ไม่มีสิทธิ์เอาคืนคนที่มาแย่งของรักไปอย่างนั้นหรือ “คนฉลาดอย่างคุณน่าจะรู้ คุณต้องรู้ว่าคุณจะอยู่กับผมยังไง”
อินทร์จะผละไปถูกปติมากระชากไหล่จนเกือบเสียหลัก เธอตะโกนถามว่าเขาอยากได้มันถึงขนาดนี้เลยหรือ อินทร์ฉุนขาดตอบ “เออ!” ถูกปติมาฟาดผัวะชี้หน้าด่า
“อย่าคิดนะว่าฉันจะยอม ฉันจะเป็นก้างขวางคอคุณอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ ให้สังคมรับรู้ว่านังกลินท์มันหน้าด้านจนตรอกเป็นได้แค่เมียน้อย”
“อย่าลองดีกับผม” อินทร์โกรธจัดชี้หน้าปรามแล้วเดินเข้าบ้านไปเลย ปติมาได้แต่มองอย่างแค้นใจ
ปติมาไปร้องไห้กับแพมที่คอนโด แพมถามเบื่อๆว่าแล้วเธอจะเอายังไง ปติมาบอกว่าให้มันคาราคาซังอยู่อย่างนี้แหละ แพมถามว่าเธอเองก็รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ แล้วทำไมเธอไม่เดินออกมา
“ถ้าเดินออกมาง่ายๆนังกลินท์มันก็ชนะฉันสิ” แพมว่ากลินท์อาจจะได้อินทร์ไปแต่ก็ต้องตกเป็นจำเลยสังคมว่าได้ผู้ชายที่แย่งเขามา “เธอแน่ใจเหรอว่าสังคมจะประณามมัน ในเมื่อทุกวันนี้คนยกย่องกันที่ชื่อเสียงเงินทอง พนันเลย คนคงอวยมันแบบหน้าด้านๆนั่นแหละ... เธอเคยบอกฉันใช่ไหม ศัตรูของฉันคือศัตรูของเธอ”
“ฮื่อ”
“วันนี้ฉันพร้อมจะประกาศสงครามกับนังกลินท์แล้ว และบอกก่อนเลยนะว่าคนอย่างฉันไม่มีวันจะแพ้ มีแต่มันจะพัง และมันต้องพังคนเดียว”
ปติมาประกาศกร้าว แพมได้แต่มองเพื่อนอย่างเหนื่อยแทน
ooooooo
กลินท์ว้าวุ่นใจกับเรื่องราวในอดีต คิดถึงความสัมพันธ์ของเจ้าน้อย เจ้าวงเดือนและเทียนคำอย่างสับสน เป็นกังวลว่าอุ่นเฮือนกับเทียนคำจะไปรำแก้บนได้ไหม ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
กลินท์ถามตัวเองว่าถ้าไม่ฝันแล้วจะไปหาพวกเธอได้ยังไง พลันก็นึกถึงที่เบนบอกให้ลองนั่งสมาธิดู
“เอาวะ!”
กลินท์นั่งสมาธิแต่ใจร้อนรุ่มว้าวุ่นทำไม่ได้ รู้ว่าตัวเองกำลังสติแตก ไม่มีสมาธิจริงๆ คิดถึงประตูท่าแพที่ตนเคยทะลุมิติไป ถามตัวเองว่าหรือว่าเราต้องไปประตูท่าแพ? ไวเท่าความคิด กลินท์คว้ากระเป๋ามาจัดทันที พอดีเบนโทร.มา กลินท์บอกว่ากำลังจะไปเชียงใหม่ เบนขอไปด้วยทั้งที่ตัวเองก็ยังงงๆ
ฝ่ายอินทร์รู้จากดุษฎีว่ากลินท์ไปกับเบนก็คำราม
“คุณจะลืมผมง่ายขนาดนี้เลยเหรอลินท์ ไม่มีทาง ผมไม่ยอมหรอก” ว่าแล้วคว้ากุญแจรถออกไปเลย
เวลาเดียวกัน สายป่านซื้อข้าวกลับมาเรียกให้กลินท์มากินด้วยกัน แต่ไม่มีเสียงตอบรับ พอดีเน่าโทร.เข้ามาถามว่าลินท์ถูกถอดจากละครที่ตนเขียนหรือ สายป่านบอกว่าเพราะข่าวมันแรง
“มิน่า...ลินท์ถึงกับต้องหลบไปทำใจ”
“หมายความว่าไง”
“ก็ลินท์ไปเชียงใหม่กับเบนไง ฉันเพิ่งคุยกับเบนเมื่อกี๊ นี่เธอไม่รู้เหรอ”
“ไม่รู้”
“เธอนี่เป็นผู้จัดการลินท์ได้ยังไง”
“เธอก็เป็นเพื่อนฉันได้ยังไง มีอะไรไม่บอกกันสักคำ ไปเชียงใหม่กับฉันเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เน่า!”
แต่กลินท์กับเบนไปถึงเชียงใหม่แล้ว พากันนั่งรถแดงไปประตูท่าแพทันที เบนถามว่ามาเชียงใหม่เพื่อไปประตูท่าแพแค่นั้นหรือ
“เพราะประตูท่าแพเป็นที่แรกที่พาฉันย้อนอดีตกลับไปได้ไงล่ะ”
กลินท์เร่งคนขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เบนบอกว่าไม่ต้อง เอาสบายๆ ถามกลินท์ว่าถ้าเร่งแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไงเดือดร้อนกันไปหมด ถามว่า
“แทนที่คุณจะได้กลับไปยังโลกอดีต แต่กลับไปโลกหน้าแทนเอารึเปล่าล่ะ”
แม้กลินท์จะฮึดฮัดแต่ก็จำต้องนิ่ง
ฝ่ายอินทร์ไปที่คอนโดสายป่านเห็นสายป่านแต่ไม่เห็นกลินท์ระแวงว่ากลินท์จะไปกับเบน สายป่านเห็นอินทร์ก็เริ่มสงสัยว่า “หรือครั้งนี้ลินท์จะยอมเลิกกับอินทร์จริงๆถึงได้ไปกับเบน?”
ooooooo
อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 5 วันที่ 21 พ.ค.62
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ