อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 4 วันที่ 19 พ.ค.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 4 วันที่ 19 พ.ค.62

ชาวบ้านถามเจ้าน้อยว่าจะเอาอย่างไรดี เจ้าน้อยให้พาละอ่อนไปพักที่วัดก่อน เดี๋ยวตนจะไปขอเจ้าพ่อให้มันไปอยู่ในคุ้มด้วย

แสงประหลาดพากลินท์ไปยังวัดต้นแกว๋น กลินท์มองอย่างคุ้นตา พลันก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคำป้อทักเทียนคำ เรียกให้เข้าไปหาถามว่าเอ็งชื่ออะไร พอเทียนคำบอกชื่อ กลินท์รู้สึกคุ้นเมื่อมาอยู่ที่นี่ คนที่นี่เรียกตนเช่นนั้น กลินท์พยายามจดจำรายละเอียดทุกอย่างที่ได้เห็นได้ยิน

คำป้อชมเทียนคำว่าชื่อเพราะหน้าก็งาม พ่อก็ไม่มีแล้ว ยังดีที่เจ้าน้อยเมตตาขอให้มาอยู่ในคุ้มด้วย



คำป้อบอกเทียนคำว่า

“เจ้าน้อยช่วยชีวิตเอ็งไว้ เอ็งต้องจงรักภักดีต่อเจ้าน้อยนะ ต้องเป็นบ่าวรับใช้ถวายชีวิตให้เจ้าพ่อเวียงสวรรค์และเจ้าน้อย จำไว้...ชีวิตเอ็งเป็นของเจ้าน้อยแล้ว”

กลินท์แย้งว่าไม่จริงคนที่ช่วยชีวิตเทียนคำคือหนานแก้วต่างหาก แต่ไม่มีใครสนใจ เห็นแต่เทียนคำก้มกราบแทบเท้าเจ้าน้อย เอ่ย

“ชีวิตของเทียนคำ เป็นของเจ้าน้อยเจ้าค่ะ”

ร่างกลินท์ยังคงนอนกำปิ่นอยู่บนเตียง สายป่านเข้ามาสงสัยว่าทำไมนอนแปลกๆ แต่เมื่อเห็นมือกลินท์กำปิ่นอยู่ก็ถอนใจบ่นว่าไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว

พอดีเบนแวะมาเยี่ยมซื้อโจ๊กมาฝากด้วย สายป่านถามว่าทำไมซื้อมาถุงเดียว เบนบอกว่าเงินมีจำกัด สายป่านเอาโจ๊กไปเก็บด้านใน เบนเดินไปดูกลินท์ที่มือกำปิ่นหลับอยู่พึมพำว่าหลับทั้งที่กำปิ่นอย่างนี้รึ จำได้ว่าเป็นปิ่นของคุณอินทร์ รู้สึกหัวใจกระตุกอย่างแรง เบนมองกลินท์ที่หลับอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์

ooooooo

กลินท์ยังวนเวียนอยู่ในวังวนอดีต จู่ๆก็พบตัวเองมาอยู่หน้าบ้านคำป้อ กลินท์ถามตัวเองว่ามาโผล่ที่นี่อีกแล้วหรือเนี่ย?

กลินท์เห็นคำป้อกับอุ่นเฮือนนั่งร้อยมาลัย อุ่นเฮือนลูบหน้าเทียนคำอย่างเอ็นดูบอกแม่ว่าเทียนคำตัวร้อนจี๋เลย คำป้อว่าคงเป็นเพราะตกใจกลัวเสือจนไข้ขึ้นแน่ บอกอุ่นเฮือนให้เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้น้องด้วย คำป้อมองเทียนคำอย่างเวทนาพึมพำ “เวรกรรมอะไรของเอ็ง เทียนคำ”

อึดใจเดียวอุ่นเฮือนร้องบอกแม่ว่าพ่อมาแล้ว กลินท์มองไปถึงกับตะลึงเมื่อจำได้ว่าคือหนานแก้ว!

หนานแก้วเห็นเทียนคำเป็นไข้ถามว่าเอายาให้กินหรือยัง คำป้อบอกว่ารอให้ตื่นอยู่ ถามหนานแก้วว่า

“นี่เอ็งไปตามเสือมันถึงตีนดอยเหรอหนานแก้ว ข้าใจคอไม่เลย เอ็งไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“ไม่เป็นไร แล้วเด็กคนนี้เจ้าพ่อว่ายังไงบ้าง”

“เจ้าน้อยบอกว่า เจ้าพ่อเวียงสวรรค์อนุญาตให้มาอยู่ในคุ้ม เจ้าพ่อเลยให้มาอยู่กับเรา” หนานแก้วบอกว่าดีเหมือนกัน อุ่นเฮือนจะได้มีเพื่อนเล่น “เจ้าน้อยนี่เก่งจังเลยนะ เอ็งฝึกสอนเชิง สอนดาบได้ไม่เท่าไหร่ก็ช่วยคนจากเสือร้ายได้แล้ว ดูท่าเจ้าพ่อคงจะพอใจ”

กลินท์ขัดใจมาก ลุ้นให้หนานแก้วบอกความจริงไปเลยว่าลุงเป็นคนช่วยเทียนคำ ไม่ใช่ไอ้เด็กเวรนั่น แต่ได้ยินหนานแก้วถามคำป้อว่า เจ้าน้อยบอกเช่นนั้นหรือ

“อือ...เห็นพวกบ่าวผู้ชายที่ไปด้วยบอกว่าเจ้าน้อยใช้ไฟไล่เสือไป เจ้าน้อยกล้าหาญนัก ไม่กลัวเสือตัวนั้นเลย” คำป้อถามหนานแก้วว่า “เอ๊ะ แล้วเอ็งไปไหนเสียล่ะตอนนั้นน่ะ”

“ฮื่อ...เผอิญข้าตามเสือไปอีกทาง”

“งั้นเอ็งรีบไปบอกเจ้าพ่อเวียงสวรรค์เลย ท่านคงอยากจะรู้ว่า เสือตัวนั้นมันไปทางไหนต่อ”

หนานแก้วพยักหน้า ลูบหัวเทียนคำเบาๆก่อนเดินลงไป กลินท์รีบตามหนานแก้วไปอย่างอยากรู้

ooooooo

หนานแก้วเดินไปยังเรือนเจ้าเวียงสวรรค์ กลินท์ตามไปติดๆ ยังไม่ถึงเรือนก็ได้ยินเสียงเจ้าน้อยคุยโขมงโฉงเฉง เล่าวีรกรรมที่ตนใช้คบไฟไล่เสือร้ายอย่างกล้าหาญ

“ลูกแม่เก่งที่สุดเลย” เจ้าช่อเอื้องปลื้มมาก

แต่พอหนานแก้วเดินเข้าไป เจ้าน้อยก็เงียบกริบก้มหน้าไม่กล้าสบตาหนานแก้ว กลินท์พึมพำอย่างสมเพชว่า “หน้าไม่อายโกหกได้เป็นวักเป็นเวร เด็กนรก!”

แต่พอกลินท์เห็นเจ้าช่อเอื้องเต็มตาก็ตกใจอุทาน “คุณดุษฎี!” แต่ไม่มีใครเห็นกลินท์

เจ้าเวียงสวรรค์กับเจ้าช่อเอื้องกอดลูกชายคนเดียวอย่างแสนรัก เจ้าเวียงสวรรค์ถามหนานแก้วว่าตามเสือไปถึงไหน หนานแก้วบอกว่าตามไปถึงตีนดอย รอยมันก็หายไป

“เสียดายที่ฆ่ามันไม่ได้ หรือว่าเสือตัวนี้จะเป็นเสือผี...ขบวนอัญเชิญพระธาตุปีนี้คงต้องระวังตัวกันหนักขึ้น” หนานแก้วพยักหน้า เจ้าเวียงสวรรค์เอ่ยชื่นชมว่า “ยังดีมีคนกล้าอย่างเจ้ามาช่วยอัญเชิญพระธาตุศรีจอมทองไปสรงน้ำ และต่อไปก็คงต้องฝากเจ้าลูกชายคนเดียวของข้าให้เจ้าช่วยสั่งสอนวิชาอาคมให้ด้วย ดูเอา วันนี้ยังไล่เสือไปได้ ขนาดเพิ่งเรียนวิชากับเจ้าแค่ไม่กี่วัน”

หนานแก้วนิ่ง เงียบ และขอตัว กลินท์จะตามไปก็ได้ยินเจ้าน้อยถามเจ้าเวียงสวรรค์อย่างดูแคลนว่า

“หนานแก้วเป็นเพื่อนกับเจ้าพ่อนานแล้วหรือ”

“ตั้งแต่ยังเป็นละอ่อนน้อย จนเติบใหญ่มาด้วยกัน หนานแก้วหนีไปบวชเรียนได้เกือบยี่สิบกว่าปี สึกออกมาจึงมาขออยู่กับพ่อ หนานแก้วไม่ใช่ญาติสนิทเราก็หมือนกับญาตินะเจ้าน้อย”

“ใครๆก็อยากเป็นญาติสนิทกับเจ้าพ่อทั้งนั้นแหละ” เจ้าช่อเอื้องน้ำเสียงดูแคลน เจ้าเวียงสวรรค์ติงว่า

“แต่ไม่ใช่หนานแก้วหรอก หนานแก้วมันไม่ใช่คนลำพองตน มันไม่เคยโอ้อวดว่าเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อเลยสักครั้ง ตรงข้ามมันยังเจียมเนื้อเจียมตัว พ่อเกรงใจ”

เจ้าน้อยถามไม่พอใจว่าดูท่าเจ้าพ่อจะไว้ใจหนานแก้วมาก เจ้าเวียงสวรรค์ยอมรับว่าไว้ใจมากกว่าใคร เจ้าน้อยถามว่า “มากกว่าข้าอีกหรือ??”

“เจ้าน้อยจะเอามาเปรียบเทียบทำไม เจ้าน้อยควรจะเรียนรู้และเคารพหนานแก้วเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง จำไว้ว่าหนานแก้วและครอบครัวไม่ใช่บ่าวใช่ทาสของคุ้มเรา หนานแก้วเขามีวิชาความรู้มากมาย เป็นครูบาอาจารย์ เจ้าน้อยต้องร่ำเรียนสิ่งที่หนานแก้วสอน เป็นผู้ใหญ่จะได้เป็นคนเก่ง”

“ข้าไม่จำเป็นต้องเก่งก็ได้ ยังไงข้าก็เป็นหน่อเนื้อตระกูลของเจ้าหลวง” เจ้าน้อยพูดอย่างยโสแล้วลุกไปอย่างไม่สบอารมณ์ เจ้าเวียงสวรรค์ได้แต่มองตามพึมพำหนักใจ

“ขี้คร้าน ขี้อวด ขี้แพ่ง อันนี้คือเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ของแท้”

กลินท์ได้ยินชื่อเต็มเจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ รู้สึกคุ้นมาก พึมพำเรียงลำดับ “เจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ อินทร์ กลินท์ เทียนคำ ถ้าเราคือเทียนคำ งั้นเด็กเจ้าน้อยนี่ก็คืออินทร์งั้นหรือ” พอลำดับได้กลินท์ก็รีบตามเจ้าน้อยไปทันที

ตามไปจนถึงบ้านหนานแก้ว กลินท์สงสัยว่าเจ้าน้อยมาที่นี่ทำไม? ได้ยินเจ้าน้อยสบถอย่างยโสว่า

“เกลียดนัก ไอ้แก่อวดเก่ง ไม่เห็นมันจะเก่งตรงไหนเลย!”

กลินท์หมั่นไส้มากตรงเข้าตบหัวเจ้าน้อยอย่างแรง แต่ตัวเองกลับเสียหลักวืดคว่ำไปเอง

เจ้าน้อยย่องขึ้นเรือนหนานแก้วแอบที่ประตู

ดูเทียนคำที่นอนจับไข้อยู่ด้วยสายตาเจ้าชู้ กลินท์เห็นก็นึกถึงอินทร์ทันที

ภายในบ้าน คำป้อเอายาสมุนไพรมาป้อนเทียนคำ บอกหนานแก้วว่าพอเป็นลมไปก็หลับแล้วก็เพ้อแบบนี้ตลอดเลย หนานแก้วเข้าไปลูบศีรษะเทียนคำมองไปทางพระธาตุที่อยู่ไกลลิบๆ พนมมือภาวนา

“ไหนๆก็รอดเขี้ยวเสือมาแล้ว งั้นข้าจะไปไหว้สากับธาตุศรีจอมทอง ขอให้ละอ่อนเทียนคำคนนี้หายป่วยหายไข้ ให้มันอยู่รอดปลอดภัยและหากมันอายุได้สิบห้าปี ข้าจะให้มันมาฟ้อนเทียนถวายพระธาตุมณีเพื่อเป็นพุทธบูชา”

หนานแก้วยกมือท่วมหัวท่องคาถาเป่าไปที่กระหม่อมเทียนคำ ร่างที่กำลังทุรนทุรายจึงค่อยสงบลง หนานแก้วบอกเทียนคำที่นอนอยู่อย่างยินดีว่า

“ธาตุศรีจอมทองโปรดเอ็งแล้วถือว่าเกิดใหม่ เพราะฉะนั้นให้เอาพระธาตุศรีจอมทองเป็นปีเกิดนะเทียนคำ” หนานแก้วยกมือท่วมหัวอีกครั้ง คำป้อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใต้มณฑปตามหนานแก้วน้ำตาเอ่อ

กลินท์มองเข้าไปในมณฑปที่บรรจุพระธาตุ

พลันก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างจนเธอต้องยกมือไหว้ด้วยความศรัทธา หนานแก้วมองมาที่ประตูเห็นเจ้าน้อย  เจ้าน้อยรีบโดดหลบใจเต้นรัว กลินท์เบ้ปากพึมพำ กะล่อนจริงๆ

หนานแก้วกำชับคำป้อให้ระวังเทียนคำไว้ด้วย อย่าให้ผู้ชายเข้าใกล้มันนัก จะบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยังไงก็ไม่ควรให้เข้าใกล้ คำป้อถามว่าหมายถึงเจ้าน้อยหรือ หนานแก้วว่าไม่รู้ ที่พูดก็แค่ไม่อยากให้เทียนคำต้องเจ็บปวดเพราะผู้ชายกะล่อน ไม่ใช่ลูกผู้ชาย

“ด่าข้าชัดๆ ฮึ่ยยยย!!” เจ้าน้อยได้ยินโกรธมาก พอหนานแก้วหันหลังให้เจ้าน้อยก็รีบเดินออกไป กลินท์จะตาม แต่เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นพร้อมกับลำแสงสีขาวดูดร่างกลินท์ไปอย่างแรง

ooooooo

เสียงนาฬิกาปลุกทำให้กลินท์ผุดขึ้นนั่งท่าทางหัวเสียเอามือขยุ้มผมโวยลั่น

“โอ๊ยยย! ยังไม่อยากตื่น ใครตั้งนาฬิกาปลุก”

เบนงัวเงียขึ้นมาขอโทษเสียงอ่อย กลินท์ถามว่ามาได้ไง เบนบอกว่าสายป่านวานให้ตนมาเฝ้าเธอแทนเพราะมีนัดสัมภาษณ์ กลินท์ถามว่าเรื่องเฮงซวยของตนใช่ไหม แล้วปลุกนาฬิกาทำไมเสียงดัง เบนบอกว่าป่านบอกว่าเธอมีงานตอนเที่ยง

กลินท์ไม่อยากไปเพราะไปก็ต้องถูกยำจนเละอีก ตนไม่ไหวแล้วจริงๆ เบนบอกว่าถึงกลัวยังไงก็ต้องไป เธอต้องมีความรับผิดชอบ ยังไงก็ต้องไหวเพราะเธอไม่ได้มีชีวิตแค่วันนี้ กลินท์เสียงอ่อนว่าเขาเป็นทีมตนอย่าทิ้งตนไปนะ

“อื้อ...ผมจะทิ้งคุณได้ยังไง เที่ยงนี้เราต้องออกงานด้วยกัน...เร็ว รีบไปอาบน้ำแต่งตัว”

กลินท์ยิ้มให้เบนอย่างรู้สึกอุ่นใจ แต่พอไปออกงานด้วยกันก็มีแต่เสียงด่ากลินท์ว่าแย่งผัวชาวบ้าน ดาราฉาวยิ่งฉาวยิ่งดัง กลินท์ได้ยินแล้วซีด เมื่อเสร็จงานไปออกกำลังกายที่ค่ายมวยโดยมีเบนกับสายป่านด้วย

สายป่านเล่าว่าเมื่อเช้าตอนที่เธอหลับตนให้สัมภาษณ์นักข่าวไปหลายฉบับบอกว่าเธอไม่มีอะไรกับคุณอินทร์

กลินท์ขอบใจและยืนยันว่าตนไม่มีอะไรกับอินทร์จริงๆ เรื่องที่เกิดเมื่อวานทำให้ตนตาสว่าง แต่ยังไงตนก็ยังตัดอินทร์ไม่ขาด สายป่านบอกว่าเมื่อกี๊ที่ไปออกงานมีแต่คนด่า เอเจนซีโฆษณาที่จองคิวไว้ก็โทร.มาแคนเซิลเกือบหมดแล้ว ตอนนี้คนทั้งประเทศกำลังแบนเธอ ไม่มีใครรับเธอได้หรอก

กลินท์บอกสายป่านว่าไม่ใช่ตนไม่รักตัวเองแต่ตนกับอินท์ยังมีเรื่องติดค้างกันอีกเยอะ สายป่านพูดอย่างผิดหวังว่าเธอหาเรื่องกลับไปหาเขา ถ้าภาพหลุดอีกก็แก้ปัญหาเองแล้วกัน ตนไม่เอาด้วยแล้ว แล้วเดินออกไปเลย กลินท์หันไปบอกเบนว่าตนไม่ได้คิดกลับไปหาอินทร์ เบนตอบหน่ายๆว่าเรื่องของเธอเพราะบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอเอง

“งั้น...ถ้าฉันเล่าเรื่องส่วนตัวของฉันให้คุณฟังคุณจะอยากฟังไหม”

เบนสนใจว่ากลินท์จะเล่าอะไร แต่พอกลินท์เล่าจบถามว่าเรื่องของตนเป็นยังไง เชื่อสิ่งที่ตนเล่าไหม เบนย้อนถามว่าจะให้ตนเชื่อยังไงตนไม่ได้ฝันไปกับเธอด้วย แต่ถ้าเอาเรื่องที่เธอเล่ามาปะติดปะต่อ  เทียนคำอาจเป็นเธอในอดีต กลินท์ตื่นเต้นรู้สึกว่าได้พวก จับแขนเบนเขย่าถามว่า

“ฉันก็ว่าเทียนคำเป็นฉันในอดีต ส่วนป่านก็เป็นพี่สาวฉันในอดีต ส่วนคุณอินทร์ พี่ติ๊ พี่แพม คุณดุษฎี ฉันยังไม่มั่นใจว่าเป็นอะไรกับฉันในอดีต เกี่ยวข้องกับฉันยังไง แต่ก็คงไม่พ้นเรื่องคาวๆฉาวๆแหละ”

เบนบอกว่าเหมือนละครเลย กลินท์ฟังแล้วผิดหวัง เบนว่าถ้าตนเป็นคนเล่าเธอก็ต้องหาว่าตนบ้า เพี้ยนและไม่เชื่อ กลินท์ถามว่าลองไหมล่ะแล้วตนจะบอกว่าตนรู้สึกยังไง เบนบอกว่าอยากลองแต่ไม่รู้จะย้อนไปในอดีต เหมือนเธอได้ยังไง กลินท์บอกว่าตนก็อยากย้อนเวลากลับไป แต่นอกจากฝันแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง

“อย่ามัวแต่ฝันมาก ลองหาข้อมูลดูสิ อาจจะเจอสิ่งที่คุณไปเห็นมาในอดีต”

กลินท์ตาเป็นประกายเหมือนเก็ตในสิ่งที่เบนบอก แล้วเธอก็ไปเสิร์ชหาข้อมูลในคอมฯ เห็นแต่คุ้มเจ้าเวียงสวรรค์ เจ้าน้อยเทวาฤทธิ์ เจ้าช่อเอื้อง แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ดูแล้วบ่น ทำไมไม่มี...สายป่านบอกว่าอะไรไม่สบายใจก็อย่าไปอ่าน กลินท์บอกว่าตนอยากรู้ สายป่านถามว่าคนด่ากันทั้งเมืองจะไปอ่านทำไม

กลินท์บอกว่าไม่ได้อ่านที่คนด่าแต่ตนกำลังค้นหาสิ่งที่คาใจ กลินท์ขมวดผมแล้วหยิบปิ่นมาปัก สายป่านยิ่งหมั่นไส้ถามว่ามีเรื่องขนาดนี้เธอยังไม่ลืมปิ่นของอินทร์?

“ฉันไม่ได้นึกถึงอินทร์ ฉันแค่รำคาญผม แต่มันก็แปลกเหมือนกันที่นับวันฉันยิ่งผูกพันกับปิ่นเล่มนี้”

“จะคิดจะทำอะไรเอาที่เธอสบายใจแล้วกัน บอกตรงๆ เพลียยยยยย...” สายป่านค้อนแล้วเดินไปนอน

กลินท์มองสายป่านอย่างไม่สบายใจ แล้วเดินไปนั่งหน้าคอมฯหาข้อมูลจนผล็อยหลับไป...

ooooooo

กลินท์หลับและกลับไปสู่อดีตอีกครั้ง ไปเห็นอุ่นเฮือนกับเทียนคำนั่งร้อยมาลัยอยู่ที่แคร่แต่พอจะเดินไปทักก็ชะงักเมื่อเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาทั้งสอง พอเห็นหน้าชายคนนั้นเต็มๆ กลินท์อุทาน

“อินทร์”

ที่แท้คือเจ้าน้อย! เจ้าน้อยมองเทียนคำยิ้มตาเป็นประกายหวาน พอจะเอ่ยทัก เจ้าช่อเอื้องก็มา เจ้าน้อยถอยกรูดมายืนข้างกลินท์ใกล้จนเกือบหายใจรดกัน  แต่เจ้าน้อยไม่เห็นกลินท์

วันนี้เทียนคำเกล้าผมทำให้กลินท์ได้เห็นใบหน้างามผุดผาด เจ้าช่อเอื้องเข้ามาถามว่าจะค่ำแล้วทำไมยังไม่กลับบ้าน อุ่นเฮือนบอกว่าตนกับเทียนคำมาเก็บดอกไม้เอาไว้ไหว้พระพรุ่งนี้ เจ้าช่อเอื้องมองเทียนคำถามว่าตอนนี้อายุเท่าไหร่ เทียนคำไม่รู้ อุ่นเฮือนช่วยชี้แจงว่า

“เจ้าแม่...เทียนคำพ่อมันตายตั้งแต่มันยังละอ่อนมันเลยไม่รู้อายุตัวเอง แต่พ่อหนานแก้วบอกว่าให้นับอายุมันตั้งแต่มันมากับพระธาตุศรีจอมทองครั้งนั้นเป็นห้าขวบ ตอนนี้คงจะอายุสิบห้าปี ไล่เลี่ยกับข้าเจ้า”

เจ้าช่อเอื้องกวาดตามองเมื่อไม่เห็นเจ้าน้อยจึงเดินกลับไป เทียนคำชวนอุ่นเฮือนกลับบ้านเถอะเดี๋ยวเจ้าแม่ด่าอีก อุ่นเฮือนบอกว่าเจ้าแม่ใจดีออกตนยังอยากเป็นลูกเจ้าแม่เลย แต่วาสนาเราเป็นได้แค่ลูกนายพราน

พูดนัยน์ตาฝันว่านอกจากจะได้เป็นสะใภ้ พูดแล้วหยอกเทียนคำว่าอยากเป็นสะใภ้เจ้าแม่หรือเปล่า

“อุ๊ย ไปคิดอย่างนั้นได้ยังไง”

อุ่นเฮือนบอกว่าได้สิ ตนยังแอบคิดอยู่บ่อยๆ เสียดายแต่เจ้าน้อยไม่เคยมองตนเลย เจ้าน้อยจำได้แต่ชื่อเทียนคำขึ้นใจ อยู่ไหนก็เรียกแต่เทียนคำ...เทียนคำ แถมยังช่วยชีวิตกันไว้อีก

“นั่นแหละเป็นสิ่งที่ข้าต้องถวายชีวิตนี้ให้กับเจ้าพ่อ เจ้าแม่แล้วก็เจ้าน้อย”

เจ้าน้อยยิ้มลำพองใจ กลินท์บอกเทียนคำว่าไม่ใช่! แต่เทียนคำยิ้มหวานตกอยู่ในภวังค์ เจ้าน้อยย่องไปสัพยอกว่าคุยอะไรกันหรือสาวๆ อุ่นเฮือนรีบบอกว่าเราคุยกันเรื่อยเปื่อย ถามว่าเจ้าน้อยฝึกดาบเสร็จแล้วหรือ

เจ้าน้อยบอกว่าเสร็จแล้ว และขอบใจเทียนคำที่ทอผ้าห่มให้ ตนชอบมาก ห่มทุกคืน จะได้อุ่นเหมือน...

พูดแค่นั้นแล้วมองเทียนคำหวานจนเทียนคำแทบละลาย อุ่นเฮือนถามเจ้าน้อยว่าเหมือนอะไร แม้เจ้าน้อยไม่บอกและเทียนคำก็บ่ายเบี่ยง แต่อุ่นเฮือนก็รู้ว่าหมายถึง อุ่นเหมือนอ้อมกอดของเทียนคำ อุ่นเฮือนมองเทียนคำที่เอียงอายหน้าสลด

“อย่าหลงลมปากเขานะเทียนคำ” กลินท์ทนไม่ได้ร้องเตือนแต่ไม่มีใครได้ยิน ได้แต่คิดว่าห้ามไม่ทันแล้ว

ooooooo

เช้านี้อินทร์กลับบ้านพร้อมรอยฟกช้ำ ดุษฎีถามว่าฝีมือเมียคนไหนเนี่ย? ตำหนิว่าไปอ้างละครบ้าบออะไรตนไม่เคยทำ นักข่าวก็โทร.มาถามกันสายแทบไหม้

อินทร์บอกว่าหลักฐานมัดตัวขนาดนั้นตนไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ดุษฎีสวนทันควันว่าเลยต้องขายแม่เอาหน้ารอด ด่าว่าเป็นวิธีที่ไร้สติ ปัญญาอ่อนมาก คนทั้งประเทศเขาก็รู้ว่าโกหก อินทร์บอกว่าตนไม่สน ก็อย่างที่คุณแม่ว่า ตนเป็นผู้ชายไม่เสียอะไร ยิ่งในแวดวงธุรกิจตนยิ่งดูดี

ดุษฎีปรามว่าทั้งเมียหลวงเมียน้อยเป็นดารานางแบบด้วยกันทั้งคู่ กินหมูมาแล้วไม่รู้กี่ตัว แต่ระวังอย่ากินหมูจนเสียหมา ย้ำปรามว่า

“กลินท์เป็นคนฉลาดรู้จักเรียกราคาให้ตัวเอง มีข่าวกับแกปุ๊บก็ควงกับนายแบบปั๊บ แคร์แกซะที่ไหน”

อินทร์อึ้งไม่ใช่เพราะคำเตือนของแม่แต่เพราะเกิดอาการหมาหวงก้างขึ้นมา หยิบมือถือโทร.ออกทันที

กลินท์ยังหลับฟุบอยู่ที่โต๊ะคอมฯ สายป่านเพิ่งออกจากห้องน้ำบ่นว่าตนยกเลิกงานหมดแล้วใครโทร.มาอีก กลินท์ตื่นหยิบโทรศัพท์ดูบอกสายป่านว่าอินทร์โทร.มาตนคุยเอง

กลินท์บอกว่าวันนี้วันหยุดตนไม่ชอบตื่นเช้า เพิ่งเลิกกันก็ลืมแล้วหรือ อินทร์ไม่ยอมเลิกถามว่ากลินท์พูดอย่างนี้โกรธตนใช่ไหม บอกว่าตอนนี้ตนอยู่กับแม่ไม่ได้อยู่กับติ๊ ย้ำว่าตนรักเธอ กลินท์ตัดบทว่าตนง่วงจะนอนต่อ แล้วปิดมือถือเลย อินทร์ยิ่งหงุดหงิดมาก

กลินท์บอกสายป่านว่าตนจะนอน คว้ายาคลายเครียดขึ้นมาขอกินซักเม็ด อยากนอนยาวๆ แล้วเดินไปที่เตียงดึงปิ่นออกมองปิ่นพึมพำ “ฉันจะฝันถึงเธอ” แล้วกลินท์ก็หลับตาหลับไปอย่างเร็ว

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 4 วันที่ 19 พ.ค.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ