อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 6 วันที่ 24 พ.ค.62
ไพคาหันมาชี้หน้าด่า ถูกกลินท์ด่าสวนทุกคำ ไพคากระโจนเข้าจะเล่นงาน กลินท์วิ่งหนีอึดใจเดียวได้ยินเสียงแปลกๆ หันไปดูเห็นไพคาเหยียบขี้ช้างล้มคว่ำหน้าทิ่มลงกองขี้ช้าง หลุยส์เร่งกลินท์ให้รีบไป พอไพคากับสิงห์ปัดขี้ช้างออกมองหาอีกทีกลินท์ก็หายไปแล้วทั้งสองกลับไปถูกเจ้าวงเดือนด่าอีควายสะตวง ไพคาว่าเทียนคำต้องเป็นผีแน่ๆ ขนาดกลางวันแสกๆ
พอลืมตามันก็หายวับไป เจ้าวงเดือนถามสิงห์ว่าทำไมไม่ใช้เวทมนตร์จัดการมัน
“ข้าเคยบอกแล้วว่าตั้งแต่ ‘เหตุการณ์คราวนั้น’ มนตร์ข้าก็เสื่อมลงมาก คงต้องใช้เวลาภาวนาใหม่กว่ามนตร์ จะขลังเหมือนเดิม”
“งั้น...เอ็งหุบปากไม่ต้องพูด แล้วจำไวอย่าพูดเรื่องนี้อีก ไม่งั้น...” เจ้าวงเดือนยกเท้าขึ้น “เจอนี่แน่!”
พอดีเจ้าน้อยเดินมา เจ้าวงเดือนทำเสียงอ่อนเสียงหวานพูดหยอกในทีว่าเจ้าน้อยดูสิ สองคนนี้ตัวอย่างกับช้างแต่สมองยังกับมด เล่นเป็นเด็กๆไปได้ แล้วไล่สองคนให้ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วให้ไพคาจัดสำรับให้
เจ้าน้อยด้วย เจ้าน้อยบอกว่าขี้ช้างติดเต็มหน้าอย่างนี้ตนกินไม่ลง บอกว่าเทียนคำมาแล้วก็ให้มันจัดสำรับให้ ชมว่ารสมือมันดีนัก ตนชอบ
เจ้าน้อยสั่งโดยไม่เกรงใจเจ้าวงเดือนแม้แต่น้อย เจ้าวงเดือนแค้นหันหน้าซ่อนน้ำตาตะโกนในใจ
“มึงกับกูอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้เด็ดขาด อีเทียนคำ!”
หลุยส์พากลินท์นั่งช้างสองมือโอบไว้อย่างทะนุถนอมถามว่าจะให้ตนไปส่งที่ไหน กลินท์บอกขอคิดดูก่อนแล้วจะบอก ตอนนี้เหนื่อยใจจัง
“งั้นคุณพักได้นะ พิงที่อกผมก็ได้”
“ก็ว่าจะขออยู่เหมือนกัน” กลินท์เอนกายพิงอกหลุยส์อย่างรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย “ขอบคุณสำหรับที่พักพิงให้ฉันนะหลุยส์”
ooooooo
คืนนี้คำป้อจุดธูป 5 ดอกไหว้พระอธิษฐาน
“ไม่ว่าเทียนคำมันจะอยู่ที่ใด ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม่พระธรณี ช่วยคุ้มครองมันด้วยนะเจ้าคะ...สาธุ”
คำป้อปักธูปลงดิน อุ่นเฮือนที่นั่งอธิษฐานข้างๆปักธูปตามแม่ ทันใดนั้นไพคาเดินเข้ามาเห็นสองแม่ลูกไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คว้าถังตักน้ำจากโอ่งสาดธูปถูกสองแม่ลูกด้วย คำป้อกับอุ่นเฮือนร้องกรี๊ด ธูปดับทันที หันมองเห็นไพคายืนยิ้มเยาะอยู่
“นี่เอ็งสองตัวถึงขั้นขอแม่พระธรณีให้อีผีบ้าเทียนคำมุดลงไปอยู่ใต้ดินแล้วเหรอ?”
“ถ้าไหว้ผี ข้าใช้ธูปดอกเดียว ส่วนที่เหลือเอายัดปากเอ็งแทน” อุ่นเฮือนสวนทันควัน ไพคาด่าปากดีนะเอ็ง แล้วจะเข้าตบ อุ่นฮือนสวนเย้ยว่าปากดียังไงก็สู้ไพคาไม่ได้หรอก เลียจนส้นเท้าของเจ้าวงเดือนมันแผล็บ ยิ่งกว่าไม้กระดานรองก้นเสียอีก
ไพคาจะพุ่งเข้าตบ คำป้อถลันเข้าขวาง บอกให้พูดกันดีๆอย่าใช้กำลังเลย พวกเราสู้ไม่ได้หรอก
ถามว่ามานี่มีธุระอะไร ไพคาบอกว่าเจ้าน้อยให้อีเทียนคำ จัดสำรับให้
“เอ็งก็รู้แก่ใจแล้วนี่ไพคา ว่าเอ็งไล่จนเทียนคำมันหายหัวไปแล้ว เอ็งจะมาสั่งอะไรเทียนคำมันอีก”
คำป้อได้ยินอุ่นเฮือนพูด ถามว่าเทียนคำมันกลับมา อีกแล้วหรือ ไพคาแว้ดใส่ว่า
“ไม่ต้องถามโง่ๆเหมือนหน้าตาเอ็งนะคำป้อเอ็งน่ะรู้เห็นเป็นใจให้อีเทียนคำมันแย่งผัวเจ้านาย ไม่งั้นลูกเอ็งมันไม่กล้ามาเหยียบหน้าเจ้าวงเดือนขนาดนี้หรอก ข้าก็แค่มาตามคำสั่งเจ้าน้อย ส่วนเรื่องสั่งสอนลูกเต้าให้รู้จักชั่วดี มันเป็นหน้าที่ของเอ็ง!”
ไพคาพูดจบก็สะบัดหน้าไปเลย อุ่นเฮือนถามคำป้อ หน้าตาเลิ่กลั่กว่า
“เทียนคำมันไปๆกลับๆอีกแล้วเหรอ...ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับมัน”
คำป้อได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้เหมือนกัน
ooooooo
หลุยส์พากลินท์นั่งช้างมาถึงประตูเชียงใหม่ กลินท์บอกว่าปล่อยตนลงตรงนี้แหละ หลุยส์ทำหน้าอ้อนไม่ยอม กลินท์บอกว่าตนสร้างเรื่องขนาดนี้ ตอนนี้ตนอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว หลุยส์ถามว่าแล้วเธอจะไปไหน
กลินท์บอกว่ายังไม่รู้ขอไปตั้งหลักก่อน ขอบคุณที่ช่วย หลุยส์ถามว่าแล้วเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก
“ไม่รู้...แต่ถ้าฉันต้องกลับไป ยังไงฉันต้องหาทางกลับมาแน่นอน”
“ขอพระเจ้าคุ้มครองคุณด้วยนะเทียนคำ”
กลินท์โบกมือลาแล้วรีบเดินไป หลุยส์มองกลินท์เดินไปจนลับตา
เบนที่ดูภาพในไอจีที่อินทร์ทำสร้างความปั่นป่วนแล้วร้อนใจเกรงว่ากลินท์จะอยู่กับอินทร์จริงๆ เช้านี้มายืนกระวนกระวายที่ประตูเชียงใหม่ ภาวนา
“หวังว่า...คุณจะข้ามมิติไปอยู่ในอดีตไม่ใช่อยู่กับอินทร์นะลินท์”
ฝ่ายอินทร์เผลอหลับอยู่กับแก้วไวน์ งัวเงียตื่นขึ้นเพราะเสียงจากทีวี อินทร์หรี่ตาดูเห็นสายป่านกำลังให้สัมภาษณ์หน้าตายิ้มแย้มว่า
“ป่านเพิ่งแยกกับลินท์เองค่ะ...กลุ่มแก๊งนัดกันทำบุญที่เชียงใหม่ ก็...ไปกับเบน ยืนยันได้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอินทร์เลย”
สายป่านยิ้มสบายๆ เล่าอารมณ์ดีขำๆว่า
“ก็อย่างที่แฟนๆแชร์กันมาน่ะค่ะ มีไปเดินเล่นประตูท่าแพ ประตูเชียงใหม่ ลินท์เขาชอบประตูเชียงใหม่ไม่ต้องแปลกใจนะคะ ถ้าจะเห็นลินท์วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นทั้งกลางวันกลางคืน”
อินทร์ฟังการให้สัมภาษณ์ของสายป่านแล้วลุกขึ้นคว้ากุญแจรถจะออกไป ดุษฎีเข้ามาเห็นพอดี โวยว่า
“จะไปไหน...แกยังไม่ได้นอนเลยนะตาอินทร์น้ำก็ยังไม่ได้อาบ”
อินทร์ไม่ตอบเดินลิ่วไปไม่สนใจ ดุษฎีได้แต่มองตาม อย่างระอา...
ooooooo
กลินท์เดินมาที่บริเวณประตูเชียงใหม่ ไม่ทันได้ตั้งตัวเสียงกลองก็ดังกระหึ่มก้องจนต้องเอามือปิดหู พลันแสงสีขาวก็สว่างวาบแล้วดูดร่างกลินท์ทะลุประตูไปทันที ทันใดก็เห็นเบนยืนหน้าละห้อยอยู่
“มายืนที่นี่อยู่ได้ แกนี่มันเพ้อเจ้อจริงๆเบน” เบนบ่นตัวเอง พลันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงกลินท์ตะโกนบอกอย่างตื่นเต้น
“เบน ฉันกลับมาแล้ว”
“ลินท์” เบนยิ้มดีใจวิ่งข้ามถนนไปหากลินท์
อินทร์ขับรถมาเจอพอดี เขาบีบแตรลั่นแล้วจอดพรืด กลางถนน เปิดประตูรถลงมาคว้ามือกลินท์หมับ กลินท์ร้องให้ปล่อย อินทร์อ้างว่าปล่อยได้ไงเธอเป็นเมียตน กลินท์สวนทันควันว่าตนไม่ได้เป็นเมียเขา อินทร์ดึงกลินท์ไปกอดบอกว่าต่อให้เธอปฏิเสธยังไงก็ไม่มีใครเชื่อ บอกเบนอย่างไม่แยแสว่าตนขอคุยกับเมียหน่อยแล้วลากกลินท์ขึ้นรถไป เบนพยายามจะช่วยกลินท์ก็ถูกอินทร์ต่อยหน้าอย่างแรงแล้วออกรถพรืดไปเลย
กลินท์บอกอินทร์ให้จอดรถไม่งั้นตนจะโดด อินทร์ท้าให้โดดเลย กลินท์บอกว่าถ้าตนโดดลงไปเรื่องจะไม่จบง่าย เพราะตนจะบอกว่าถูกเขาฉุดมา พูดอย่างเป็นต่อว่า
“ถึงขั้นนั้น ภาพพจน์ของฉันก็ไม่ได้แย่งผัวชาวบ้านแล้วล่ะ บอกได้เลย ฉันจะเอาคุณเข้าคุกแน่ จอด!”
อินทร์เห็นกลินท์เอาจริงก็จำต้องจอดรถให้เธอลง
ปติมาหลับในอ้อมอกของแพม พอตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองซุกอกแพมก็ค่อยๆเอามือแพมออกแล้วลุกไปที่ระเบียง เห็นรถของอินทร์ก็จำได้ เขม้นมองคนในรถก็ไม่ชัด จนกลินท์ลงจากรถ ปติมาตะลึง คำราม
“นังกลินท์!” แล้วทำท่าจะเป็นลมจนแพมต้องประคองไว้ “ฉันจะฆ่ามัน มันหยามฉัน ฉันจะทำให้นังลินท์มันสำนึกว่าแย่งของใครไม่แย่งมาแย่งของปติมา”
“ถึงตอนนั้นเธอได้ความสะใจ แล้วผัวเธอล่ะ” ปติมาชะงัก “เธอบอกฉันว่าเธอต้องการรักษาสถานภาพครอบครัวของเธอเอาไว้ไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอทำอย่างนั้นอินทร์ไปหามันแน่ๆ ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด เอาให้เธอตัดสินใจเด็ดขาดว่าพร้อมจะเสียผัวให้นังกลินท์จริงๆ...ฉันยังยืนยันว่าฉันจะช่วยเธอลุยมันเหมือนเดิม!”
ปติมาได้สติ นิ่งไปอึดใจแล้วร้องไห้ในอ้อมกอดของแพม...
กลินท์ลงจากรถแล้วไม่รู้จะทำยังไง เห็นคนเดินผ่านมาเลยเข้าไปขอยืมโทรศัพท์จะโทร.หาเบนแต่จำเบอร์ ไม่ได้แม่นเลยกดมั่วๆไป
เบนถูกอินทร์ต่อยนั่งหน้าช้ำอยู่ เน่าไปซื้ออาหารกลับมาถามว่าหน้าทำไมเป็นอย่างนี้ เบนบอกว่าอาจเป็นเพราะตนไปแย่งแฟนคนอื่น เน่าถามว่าอินทร์หรือ เขาส่งคนมาเคลียร์ใช่ไหม ก็พอดีโทรศัพท์เบนดังขึ้น เน่าถามว่าใครโทร.มา เบนเห็นเบอร์ไม่คุ้น พอรับสายจึงรู้ว่าเป็นกลินท์ เบนร้องดีใจสุดขีดจนคนหันมอง
เมื่อกลับมาบ้านเบน กลินท์ประคบรอยช้ำและทายาให้ เบนร้องโอดโอยจนเน่าหมั่นไส้ถามว่าโดนต่อยตั้งแต่เช้ามาร้องอะไรตอนนี้ สำออยต่อหน้าลินท์หรือเปล่าเนี่ย พอดีมีสายเข้ามือถือของเน่า เป็นสายจากป้าก็อต เน่าเลยขอไปคุยโทรศัพท์ พูดเหน็บว่าไม่อยู่เป็นก้างขวางคอก็ได้
เบนขอโทษกลินท์ที่ตอนเกิดเรื่องตนไม่กล้าเข้าไปยุ่งเพราะไม่รู้ว่ากลินท์ไม่อยากไปจริงๆ หรือว่าแค่...กลินท์ถามว่าแค่งอนให้อินทร์ง้อหรือ เบนอึ้ง
กลินท์ยอมรับว่าตนก็ตอบตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่เพราะตนตัดใจไม่ลง แต่ตอนนี้ตนเลิกกับอินทร์ไม่ได้ เพราะระหว่างตนกับเขายังมีเรื่องต้องสะสางกันอีกเยอะ และก็มีเรื่องของหลุยส์กับเทียนคำที่จะเล่าให้เขาฟังอีกเยอะ
เน่าปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์กับป้าก็อต ป้าก็อตต้องการให้เน่าเขียนสคริปต์ให้กลินท์ สายป่านขอบคุณป้าก็อตที่ยังเรียกใช้ลินท์ เพราะลินท์กำลังมีปัญหาพันกันยุ่งเหยิงจนไม่รู้จะแก้ยังไงแล้ว
ข้าวนึ่งบอกว่าพี่ป่านต้องเชื่อใจพี่ลินท์ และแป้งร่ำก็ว่าตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานว่าพี่ลินท์ไปกับคุณอินทร์จริงๆพี่ป่านก็ควรจะเชื่อพี่ลินท์ ส่วนป้าก็อตพูดอย่างผู้ใหญ่ว่า
“ป้ารู้ว่ามันยากที่จะเชื่อว่าลินท์ย้อนเวลาไปในอดีตได้จริงๆ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้นะป่าน ยิ่งตอนไปเชียงใหม่คราวที่แล้ว ป้าได้คุยกับเพื่อนที่เขาเป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ เป็นเจ้าของร้านขายของเก่า มันมีสิ่งลี้ลับแปลกๆเกิดขึ้นได้จริง...หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นเรื่องของลินท์ด้วยก็ได้ ไม่งั้นโชคชะตาคงไม่พัดพาให้ลินท์ต้องเกี่ยวข้องกับเชียงใหม่หรอก”
ooooooo
คืนนี้กลินท์พักที่บ้านเบน กลินท์เอาหนังสือเล่มหนึ่งให้เบนดูถามว่ารู้จักพระเจ้ากาวิโลรสไหม เบนบอกว่าท่านเป็นคนสร้างวัดต้นแกว๋นที่บ้านตน ท่านยังเป็นเจ้าหลวงที่ครองนครเชียงใหม่สมัยยังเป็นประเทศราชของประเทศไทย
เบนยังกล่าวถึงศาสนาจารย์เดเนียลทำให้กลินท์จำได้ว่าหลุยส์เคยเล่าว่าคุณพ่อเขาชื่อเดเนียลเป็นมิชชันนารีกลุ่มแรกที่เข้ามาในเชียงใหม่ กลินท์บอกเบนอย่างตื่นเต้นว่า
“เบน คุณเชื่อฉันนะ สิ่งที่ฉันเจอในอดีตมันเป็นเรื่องจริง ฉันกับคุณต่างมีตัวตนในอดีตจริงๆ ไม่ใช่แค่คุณกับฉัน แต่ทั้งอินทร์ ทั้งพี่ติ๊ เราต่างมีเวรกรรมร่วมกัน โดยเฉพาะความแค้นของเทียนคำ”
สิ้นเสียงกลินท์ ท้องฟ้าที่มีดาวพราวพร่างก็มัวสลัวในฉับพลัน กลินท์ผวา เบนโอบกอดไว้ ต่างมองหน้ากัน ในเงามืดบนท้องฟ้าคล้ายใบหน้าผู้หญิงร่ำไห้ก่อนสายฝนจะโปรยปรายลงมาแล้วใบหน้าหญิงคนนั้นก็หายไป เบนกับกลินท์มองหน้ากันตกใจกับสิ่งที่เห็น
ooooooo
ปติมากับแพมไปวัดที่เชียงใหม่ ผ่านแม่ชีธารทอง ที่กวาดลานวัดอยู่แต่ไม่ได้สนใจ เดินเข้าไปด้านในของวัด แม่ชีกับปติมาและแพมเดินผ่านสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังสาบานต่อหน้าพระประธานในวัด
สามีสาบานว่าตนไม่มีใคร ถ้าตนนอกใจจริงขอให้มีอันเป็นไป เพียงเท่านั้นภรรยาก็เชื่อ แต่พอเดินผ่านสามีภรรยาคู่นั้น ปติมาพูดหยันว่า “ทำเป็นสาบทสาบาน แช่งตัวเองแท้ๆ ปัญญาอ่อน”
แม่ชีพูดน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“เพราะคนเรามักหลงในชีวิต ยึดติดในภาพสมมติที่เราสร้างขึ้นมาแล้วบอกว่าเป็นของเขาไงล่ะคะ ทั้งที่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันเป็นการสมมติเอาทั้งนั้น”
แม่ชีบอกว่าไม่มีอะไรที่อยู่กับเราเป็นนิรันดร์ พ่อแม่ลูก ญาติพี่น้อง อาจเกี่ยวข้องกับเราเฉพาะแค่ตอนที่ เรามีชีวิตอยู่ แต่เมื่อตายทุกอย่างก็จบไป ปติมาเอ่ยเรื่องใกล้ตัวว่าส่วนใหญ่ชีวิตคู่ที่ต้องจบตั้งแต่ยังไม่ตาย ก็เพราะมือที่สามทั้งนั้น
“เรามองแต่คนอื่น เราก็จะเห็นแต่คนอื่น เห็นแต่ความเลวความชั่วของเขา แต่ถ้าเรามองตัวเอง เราจะเห็นตัวเราเองรวมทั้งข้อบกพร่องของตัวเองด้วย...ตราบใดที่เรามีสติเราจะแก้ไขตัวเองได้ แยกแยะได้อะไรควรอะไรไม่ควร แต่ถ้าไม่มีสติ จะทำให้เราผิดซ้ำซาก วนเวียนก่อกรรมก่อเวรไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งๆที่...ที่สุดแล้ว ใจที่มีความสุข นิ่งสงบ คือใจที่ปล่อยวาง”
พูดแล้วแม่ชีเดินไป ปติมายกมือไหว้พระพุทธรูปตรงหน้า บอกแพมว่า
“จริงอย่างที่แม่ชีว่า ฉันควรมองตัวเอง แพม ฉันว่าจะกลับกรุงเทพฯซักพัก พอตั้งหลักได้ฉันจะกลับมาอยู่กับอินทร์โดยไม่มีเงาของกลินท์”
แพมมองทึ่ง แปลกใจที่ปติมาเข้าใจหลักธรรมได้ขนาดนั้น ส่วนปติมายิ้มเยือกเย็น แววตาไหวระริกเหมือนคิดอะไรออก
เมื่อกลับกรุงเทพฯเจอหมี่ซั่วในงานอีเวนต์ทักว่าหน้าตาพี่ติ๊สดชื่นขึ้นแสดงว่าคุณอินทร์ทำให้สบายใจแล้วใช่ไหม ปติมาบอกว่าช่วงนี้ไม่มีข่าวอะไร และเราต้องเชื่อใจคนของเรา หมี่ซั่วถามว่าทำไมทำใจได้ขนาดนี้?
“ช่วงที่ผ่านมาพี่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดค่ะ แล้วใจพี่ก็เย็น มีสติขึ้นมาเยอะเลย จะสามีหรือภรรยาล้วนเป็นสิ่งสมมติ อย่าไปยึดติด พอใจเราปล่อยวางนะคะ ทุกอย่างก็สบาย พอใจเราสบายอะไรจะเกิดขึ้นก็รับมือได้หมด”
ปติมายิ้มหวานเอารูปที่ตนไปเที่ยวกับอินทร์ให้ดู หมี่ซั่วว่าน่ารักมากทำไมไม่ลงไอจี แพมตอบแทนว่าติ๊เขาไม่อยากทับไลน์คนที่ชอบอวดผัวคนอื่นลงไอจีเลยเอามาโชว์ให้เห็นกันจะจะเลย บอกว่าเดี๋ยวจะส่งรูปเข้าไลน์ให้ทุกคนดีกว่า คนจะได้รู้กันว่า “ติ๊กับอินทร์ไม่มีทางเลิกกัน” ว่าแล้วก็กดส่งไลน์รัวๆ
ตูบศักดิ์กับลูกโซ่เห็นไลน์เป็นรูปปติมากอดกับอินทร์หวานหยด ตูบศักดิ์ถามลูกโซ่ว่า
“พี่ติ๊เล่นแจกรูปขนาดนี้ ลูกโซ่ว่าพี่ติ๊จบจริงเหรอ? ปล่อยวางได้จริงเหรอ?”
ลูกโซ่ว่าไม่จบจริง ทั้งสองมองหน้ากันสยองกับความร้ายเงียบของปติมา แล้วตูบศักดิ์ก็ร้องอย่างตื่นเต้นว่ารู้แล้วว่าจะรีเช็กข่าวนี้ยังไง บอกว่าง่ายๆแค่กดชื่อคุณอินทร์แล้วโทร.ออก
ปรากฏว่าอินทร์อยู่ที่ฟิตเนสบอกว่าตนไม่สะดวกจะคุยเรื่องนี้ไม่ว่าจะเวลานี้หรือเวลาไหน ตูบศักดิ์ตื๊อถามว่าแล้วข่าวของลินท์ที่ว่ากำลังเป็นคู่จิ้นกันอยู่กับเบน คุณอินทร์รู้สึกยังไง
“รู้สึกรำคาญคนโทร.มาครับ” ตอกหน้าแล้ววางสายเลย ตูบศักดิ์กับลูกโซ่หัวเราะกันบอกว่าลองคำตอบแบบนี้พี่ติ๊อยู่สายมโนชัวร์
อินทร์หัวเสียออกไปเจอเบนก็มองอย่างเป็นศัตรูกันเปิดเผย เบนยิ้มแสดงความยินดีกับอินทร์ที่ข่าวเพิ่งลงว่าเขากับพี่ติ๊เข้าใจกันแล้ว อินทร์หน้าตึงถามสวนว่า
“คุณเข้าใจไปคนเดียวหรือเปล่าเบน” แล้วเดินกลับมากระซิบว่า “กลินท์เป็นเมียผม อย่ายุ่งกับกลินท์”
แม้จะทำใจไว้แล้วแต่ได้ฟังอินทร์ย้ำ เบนก็อดซีดไม่ได้ แต่สุดท้ายก็บอกตัวเองว่า เราต้องเชื่อลินท์
ooooooo
กลินท์ยืมรถเบนไปรับสายป่านที่สนามบิน ขณะกำลังออกจากสนามบินก็พอดีเห็นปติมากับแพมเดินออกมาอีกทางหนึ่ง
สายป่านไม่เชื่อเรื่องกลินท์ข้ามทะลุมิติ พูดขำๆว่าพูดราวกับไปเดินห้าง เข้าห้างโน้นออกห้างนี้ บอกกลินท์ว่า เรื่องเทียนคำจริงๆแล้วคือจิตสำนึกของเธอเอง ไม่ได้มีตัวตนอะไรจริงๆหรอก กลินท์ยืนยันว่ามีจริง เทียนคำมีตัวตนและก็มาก่อนเจ้าวงเดือนด้วย
สายป่านบอกกลินท์ให้เลิกเพ้อเจ้อแล้วหันมาสนใจงานของป้าก็อตที่จะมีอีกไม่กี่วันจะดีกว่า เขาจ้างเธอแพง เต็มที่ให้เขาหน่อย กลินท์ตัดพ้อว่าชาติที่แล้ว เธอเข้าใจตนทุกอย่าง แต่ทำไมชาตินี้...สายป่านสวนทันควันว่า
“รู้ทันเธอทุกอย่าง นี่ไม่ใช่แค่ฉันรู้ทันเธอหรอกนะ พี่ติ๊เขาก็รู้ทันเธอ”
“รู้แล้วยังไง ทำอะไรฉันได้ไหม ก็ทำไม่ได้ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ คนอย่างเจ้าวงเดือนหรือพี่ติ๊ก็ได้แต่ลอบกัดนั่นแหละ” พูดแล้วกลินท์ยิ้มกวนๆให้ปติมาแล้วเดินไป
ปติมาเห็นกลินท์ยิ้มใส่ก็ไม่พอใจ บอกแพมว่า
“มันหัวเราะเยาะฉัน นี่มันกะจะมาลงหลักปักฐาน ที่เชียงใหม่เพื่อแย่งผัวฉันเลยรึไง”
“งั้นเธอก็ตัดสินใจถูกแล้วที่จะมาอยู่ที่นี่กับอินทร์”
ดุษฎีงงเมื่อเห็นปติมาขนกระเป๋าใหญ่เข้าบ้าน บอกว่าที่แล้วมาตนไม่ค่อยได้ดูแลอินทร์ นับแต่นี้ไปตนจะมาอยู่ดูแลอินทร์ ว่าแล้วก็เข้ากอดจูบอินทร์ต่อหน้าดุษฎี ดุษฎีมองอย่างตำหนิ บ่น “ไม่ไหว” แล้วเดินหนีไป
ปติมาส่งรูปเซลฟี่ที่ตนจูบอินทร์ไปให้แพม แพมส่งต่อให้หมี่ซั่วไปตีข่าวในเพจ “แอนตี้แบ๊วตกมัน” ข่าวถูกแชร์ไปอย่างรวดเร็ว กลินท์เห็นข่าวก็ได้แต่ส่ายหน้าระอาแต่ไม่แคร์เลย
ooooooo
อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 6 วันที่ 24 พ.ค.62
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ