อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 7 วันที่ 26 พ.ค.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 7 วันที่ 26 พ.ค.62

เทียนคำถามเจ้าน้อยว่าเมื่อไหร่จะบอกทุกคนว่าตนเป็นเมียและมาก่อนเจ้าวงเดือนเสียอีก เจ้าน้อยขอเวลา อ้างว่าตอนนี้ทั้งการเมืองและการมุ้งกำลังยุ่งอีนุงตุงนังไปหมด ถ้าเทียนคำอยู่อย่างนี้แล้วมีความสุขก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าไม่มีความสุข เทียนคำบอกว่ามีความสุขแต่ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าตนก็เป็นคนสำคัญของเจ้าน้อยเหมือนกันและที่สำคัญตนเป็นเมียก่อนเจ้าวงเดือน

“ข้ารู้ แต่ตอนนี้เจ้าวงเดือนเป็นเมียแต่งของข้าไปแล้ว ต่อให้เจ้าพูดยังไงเจ้าก็เป็นได้แค่เมียน้อย เพราะ ฉะนั้นมีอยู่ทางเดียวที่เจ้าจะอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข นั่นคือเจ้าต้องทำตัวให้เจ้าวงเดือนเมตตาสงสาร วันใดที่เจ้าวงเดือนเชื่อใจ วันนั้นข้าถึงจะรับเจ้าเป็นเมียอีกคน”



เทียนคำหัวใจสลายอยู่ในภาวะหวานอมขมกลืนแต่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความสุขของเจ้าน้อย เปรียบตัวเองเป็นแค่เทียนเล่มน้อยไม่มีอะไรไปเทียบแสงเดือนบนฟ้าอย่างเจ้าวงเดือนได้เลย

เจ้าน้อยซุกไซ้ปลอบโยนเทียนคำว่าอย่าคิดมาก มีความสุขกับเวลาของเราสองคนดีกว่า

ส่วนกลินท์โกรธทนไม่ได้ด่าเจ้าน้อย “เห็นแก่ตัว”

ooooooo

ไพคาแอบฟังอยู่แจ้นไปบอกเจ้าวงเดือนที่เหมือนคุยอะไรกับสิงห์อยู่อีกมุมหนึ่งว่าอีเทียนคำอยู่ในห้องกับเจ้าน้อย เจ้าวงเดือนตาลุก สั่งเหี้ยม “ทำตามที่ข้าบอกไอ้สิงห์”

เจ้าวงเดือนเปิดประตูผางเข้าไปในห้องเจ้าน้อย เจ้าน้อยรีบลุกไปหาเจ้าวงเดือน ในขณะที่เทียนคำคว้าเสื้อใส่แล้วนั่งพื้นแทบเท้าเจ้าวงเดือนอย่างน่าสมเพช

เจ้าน้อยถามเจ้าวงเดือนอย่างเกรงใจว่าไหนว่าจะกลับบ้าน เจ้าวงเดือนอ้างว่าท่านไม่อยากให้ตนไปหลายวันเพราะคิดถึงตนจึงรีบกลับมา จิกเทียนคำที่นั่งก้มหน้าว่า

“ข้าไม่รู้จริงๆว่าทุกครั้งที่ข้ากลับเชียงจัน ท่านมีเทียนคำมาคอยปรนนิบัติพัดวีแทนข้า”

เจ้าน้อยอ้างว่าเพียงเพราะตนเมาและเผลอไปหน่อยเท่านั้น เจ้าวงเดือนเยาะเย้ยเทียนคำว่าน่าเวทนาที่เป็นได้แค่ที่ระบายตอนเจ้าเมาเท่านั้น แล้วขอโทษเทียนคำแทนเจ้าน้อย ท่านคงเมาจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับขี้ข้า แล้วไล่เทียนคำให้กลับไปอย่าขึ้นเรือนมาอีก เจ้าน้อยก็ไล่สำทับ

เทียนคำช็อกคาดไม่ถึงกับท่าทีของเจ้าน้อย ทนอับอายไม่ได้รีบลงเรือนไป กลินท์วิ่งตามไปเรียกด้วยความสงสารและห่วงใย

เจ้าวงเดือนมารยาสาไถยทำเป็นเห็นใจเทียนคำและเพื่อความสุขของเจ้าน้อยแม้ตนจะเจ็บปวดทรมานเพียงใดก็ยอม ดีเสียอีกที่ท่านจะมีเทียนคำคอยปรนนิบัติอีกคน เจ้าน้อยเอ่ยอย่างตื้นตันว่า

“เมียข้าช่างประเสริฐนัก ข้าซาบซึ้งใจเจ้าจริงๆ...ข้าสัญญานะเจ้าวงเดือน ต่อไปข้าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเทียนคำอีก ต่อให้มันมาให้ท่า ข้าก็จะไม่เอา ข้าจะไม่ทำให้เมียข้าต้องเสียใจอีกเป็นอันขาด...ข้ารักเมียของข้าเพียงคนเดียว”

เจ้าน้อยกอดเจ้าวงเดือนอย่างหลงใหล เจ้าวงเดือนนิ่งแต่แววตาร้าย กลินท์เป็นห่วงเทียนคำ พึมพำ

“เจ้าจะทำอะไรเทียนคำอีก”

เจ้าวงเดือน ด้านหนึ่งออดอ้อนมารยาสาไถยกับเจ้าน้อย อีกด้านก็ทำตัวน่าสงสารกับเจ้าช่อเอื้องโดยมีไพคาเป็นคนเป่าหูยุแหย่จนเจ้าช่อเอื้องแค้นเทียนคำด่า “อีเนรคุณ!”

สิงห์ทำตามคำสั่งของเจ้าวงเดือน ตามไปจับเทียนคำจากบ้านลากไป กลินท์เห็นเพียงแว้บๆแต่พอลืมตาก็เห็นเทียนคำถูกมัดที่ขื่อใต้ถุนเรือนใหญ่แล้ว มีบ่าวชายคอยสาดน้ำใส่อย่างโหดร้าย โดยมีเจ้าช่อเอื้องยืนด่าเทียนคำว่าเป็นงูที่แว้งกัดผู้มีพระคุณ เลี้ยงไม่เชื่อง นางแพศยาแย่งผัวทำให้เจ้าวงเดือนเสียใจ แล้วตบซ้ำแล้วซ้ำอีก

กลินท์พยายามห้ามแต่ไม่มีใครได้ยิน เจ้าช่อเอื้องสั่งสิงห์ “เฆี่ยนมัน!!” สิ้นเสียงสั่งสิงห์ก็ฟาดใส่หลังเทียนคำสุดแรง

เจ้าวงเดือนหน้าเนื้อใจเสือทำเป็นขอร้องเจ้าช่อเอื้องให้พอเถอะตนสงสารมัน ปล่อยมันไปเถอะ เจ้าน้อยแค่หน้ามืดไปแต่เรายังมีสติอย่าโทษมันอีกเลย หลังมันแตกหมดแล้ว ตนไม่อยากให้ใครรู้ความจริงมาตำหนิเจ้าแม่ได้ว่าใจคอโหดร้ายทารุณ เจ้าช่อเอื้องเห็นเจ้าวงเดือนถลาเข้าไปก็สั่งสิงห์ให้หยุดรวมทั้งเจ้าวงเดือนด้วย

เทียนคำถูกเฆี่ยนจนคอพับ ดวงจิตกลินท์ถลาเข้าไปหา ในขณะที่เจ้าช่อเอื้องก็ยังทั้งด่าและปรามเทียนคำว่าให้โอกาสเท่าไหร่ก็ไม่หลาบจำ สั่งสิงห์ให้เอาเกลือมาทาหลังแล้วโบยซ้ำอีก

แตงสาหนึ่งในบ่าวที่อยู่แถวนั้นทนดูเทียนคำถูกเฆี่ยนไม่ได้หลบออกไปบอกคำป้อว่าเทียนคำโดนเฆี่ยนปางตายแล้ว ทั้งคำป้อและอุ่นเฮือนวิ่งลงจากเรือนไปทันที

ระหว่างที่เทียนคำถูกเฆี่ยนปางตายจนร้องให้เจ้าน้อยช่วยด้วย แต่เจ้าน้อยก็ได้แต่มองด้วยความสงสารไม่กล้าเข้าไปช่วย เจ้าเวียงสวรรค์ก็ได้ยินเพียงแว่วๆแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เทียนคำถูกเฆี่ยนจนปิ่นตก เจ้าวงเดือนเห็นแต่นิ่ง ส่วนเจ้าช่อเอื้องก็ยังด่าไม่หยุด เมื่อเจ้าน้อยรู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ไม่สามารถช่วยเทียนคำได้

ในที่สุดเจ้าเวียงสวรรค์ทนไม่ได้เปิดประตูออกมา เจ้าน้อยได้ยินเสียงเปิดประตูก็รีบออกมาและตามเจ้าเวียงสวรรค์ไป หวังว่าเจ้าเวียงสวรรค์จะเป็นคนยุติเรื่องราวทั้งปวงได้

“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เจ้าเวียงสวรรค์สั่งเสียงเข้ม ถามไม่พอใจ “ทำไมถึงทำกับเทียนคำมันขนาดนี้”

คำป้อกับอุ่นเฮือนมาถึงพอดี สองแม่ลูกร้องไห้โฮเมื่อเห็นสภาพของเทียนคำแต่ไม่กล้าเข้าไป

เจ้าเวียงสวรรค์ย้ำถามเจ้าช่อเอื้อง เจ้าช่อเอื้องว่ามันทำความผิดร้ายแรง เจ้าเวียงสวรรค์ถามว่าแล้วทำไมไม่บอกตนสักคำ เจ้าช่อเอื้องถามว่า “กะอีแค่ขี้ข้าคนหนึ่ง ทำไมต้องบอกท่านด้วย”

เจ้าเวียงสวรรค์บอกว่าตนเป็นเจ้าของคุ้ม เจ้าช่อเอื้องก็อ้างว่าตนเป็นเมีย

ทั้งสองโต้เถียงกันจนเจ้าเวียงสวรรค์ประกาศว่าถ้าเจ้าช่อเอื้องไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้ก็ไม่ต้องมานับหน้าถือตากันอีก แล้วไล่ให้ทุกคนแยกย้ายกันไป สั่งคำป้อให้รีบเอาเทียนคำไป เจ้าน้อยบอกสิงห์ให้รีบตัดเชือกให้เทียนคำ

พอสิงห์ตัดเชือกร่างเทียนคำก็ร่วงกองกับพื้น คำป้อกับอุ่นเฮือนรีบเข้าประคอง เทียนคำในสภาพสะบักสะบอมหรี่ตามองท่าทีเจ้าน้อย เห็นว่าเจ้าน้อยมองตนอย่างเห็นใจแต่ติดที่เกรงใจเจ้าช่อเอื้องไม่กล้าทำอะไร ซ้ำร้ายยังหันมองและเข้าประคองเจ้าวงเดือนเดินออกไป

เจ้าวงเดือนเห็นปิ่นที่พื้นก็จงใจเหยียบขยี้อย่างเกลียดชัง

เจ้าเวียงสวรรค์และเจ้าช่อเอื้องต่างเดินเข้าข้างในเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลินท์มองทั้งหมดอย่างเคียดแค้นชิงชัง พึมพำก่อนตามคำป้อกับอุ่นเฮือนที่พาเทียนคำออกไปว่า

“พวกแกได้เจอฉันแน่ๆ เจ้าช่อเอื้อง นังวงเดือน ไอ้เจ้าน้อยเทวาฤทธิ์!”

เมื่อกลับถึงเรือน คำป้อกับอุ่นเฮือนทายาให้เทียนคำที่มีแผลฉกรรจ์เต็มหลัง แต่เทียนคำไม่พูดไม่ครางแม้แต่น้อยจนอุ่นเฮือนถามแม่ว่า

“เทียนคำมันถูกตีจนเป็นบ้าหรือเปล่าแม่ ตั้งแต่เมื่อคืนมันไม่พูดไม่จาอะไรซักคำ”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

อุ่นเฮือนว่าไม่น่าเชื่อว่าเจ้าช่อเอื้องกับเจ้าวงเดือนจะโหดเหี้ยมอย่างนี้ คำป้อว่าคนหนึ่งเป็นแม่อีกคนเป็นเมียก็ต้องห่วงเจ้าน้อยเป็นธรรมดา บอกว่า

“ผิดก็ว่าไปตามผิดนะเทียนคำ เอ็งก็ทำไม่ถูกที่ไปลักกินขโมยกินของของเขารู้ทั้งรู้ว่าต้องเจอแบบนี้”

อุ่นเฮือนบอกว่าดีที่เจ้าเวียงสวรรค์มาช่วยไว้ แต่ก็น่าแปลกใจ ทำไมคราวนี้เจ้าพ่อเวียงสวรรค์ถึงออกโรงปกป้องเทียนคำ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมายุ่งอะไรเลย

“ก่อนตายเจ้าพ่อเวียงสวรรค์สาบานไว้กับพ่อหนานแก้วของเอ็งว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนในคุ้มเวียงสวรรค์จะไม่ทำร้ายเข่นฆ่าพวกเรา วันนี้เจ้าเวียงสวรรค์ถึงได้ออกโรงห้าม แต่จะว่าไปเราก็เป็นฝ่ายผิดที่ไปแย่งผัวเจ้านาย”

“ถึงเทียนคำจะผิด แต่ทำแบบนี้มันก็เกินไปนะแม่”

“มันก็จริง เพราะครั้งนั้นเจ้าพ่อสัญญาด้วยชีวิตตัวเอง พอมาเจอลูกเมียทำร้ายพวกเรา เจ้าพ่อคงกลัวจะมีอันเป็นไปเหมือนครั้งที่หนานแก้วผิดสัญญากับพระธาตุ”

อุ่นเฮือนถามว่าหมายความว่าเจ้าพ่อเวียงสวรรค์กลัวจะเป็นไปดั่งคำสาบาน

“เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ แม่เองก็บังเอิญได้ยินที่พ่อหนานแก้วกับเจ้าเวียงสวรรค์สาบานกัน อุ่นเฮือน เอ็งต้องช่วยแม่ระวังนะ เฝ้าเทียนคำไว้ให้ดี เพราะถ้าเกิดมีคนมาทำร้ายมันอีก หายนะจะไม่เกิดกับเทียนคำคนเดียว แต่จะรวมถึงคนในคุ้มเวียงสวรรค์ด้วย แม่จะไปเอายาให้น้องกิน จำไว้เอ็งต้องช่วยแม่ระวัง อย่าให้คนมาทำร้ายเทียนคำเป็นอันขาด”

คำป้อลุกไปติดไฟปรุงยาในครัว ทันทีที่แม่ลุกไป เทียนคำที่นอนนิ่งอยู่ก็ถามอุ่นเฮือนด้วยเสียงแผ่วเบา

“พี่อุ่นเฮือน...พี่ว่าเจ้าน้อยท่านจะเป็นห่วงข้าบ้างหรือเปล่า?”

ooooooo

กลินท์หน้าสลดกับคำถามของเทียนคำ ในขณะที่อุ่นเฮือนถอนใจอย่างระอาบอกว่าตนไม่ใช่เจ้าน้อยเลยไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆคือเจ้าน้อยมีเจ้าวงเดือนเป็นเมีย เทียนคำน้ำตาไหลพรากบอกว่าตนเป็นเมียเจ้าน้อยก่อน

“จะก่อนจะหลังยังไง ขี้ข้าอย่างเราก็เป็นได้แค่เมียไพร่ ไม่มีวันที่เจ้าน้อยจะยกย่องเป็นเมียออกหน้าออกตา เมื่อเอ็งรู้อย่างนี้แล้ว เอ็งควรเจียมเนื้อเจียมตัวบ้างนะเทียนคำ”

“ข้าก็อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวนะพี่ แต่ทำไมพวกเขาถึงใจร้ายใจดำกับข้าขนาดนี้ ข้าผิดอะไรพี่อุ่นเฮือน หรือผิดที่...ข้าเกิดมาเป็นขี้ข้า”

“รู้อย่างนี้แล้วเอ็งก็ทำใจรับซะนะเทียนคำ แล้วก็อยู่ในที่ของเอ็ง เอ็งจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน เจ็บปวดทุกข์ทรมานใจแบบนี้อีก” อุ่นเฮือนพูดน้ำตาคลอทั้งสงสารและเข้าใจความรู้สึกของเทียนคำ แล้วลุกไป

คำป้อทุกข์ใจสาหัสที่เทียนคำโกหกเจ้าช่อเอื้องแล้วยังไปสาบานต่อหน้าพระสิงห์ บอกอุ่นเฮือนว่าต่อให้ไม่มีใครมาทำร้ายมันแม่ก็เชื่อในคำสาบาน กลินท์ได้ยินถึงกับหน้าซีดเผือด แววตาไหวระริกอย่างอยากรู้

เป็นเวลาที่เจ้าวงเดือนเห็นเจ้าน้อยหลับแล้วจึงหยิบปิ่นทองย่องออกจากห้อง ที่แท้เจ้าน้อยไม่ได้หลับ เห็นดังนั้นก็อึดอัด กังวล กับสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้น

เจ้าวงเดือนไปพบไพคาที่รออยู่ ไพคาส่งสายตาเป็นนัย เจ้าวงเดือนรับรู้เดินออกไปอย่างเร็วไปยังถ้ำที่สิงห์บริกรรมคาถาท่ามกลางเครื่องรางของขลังกับเทียนเล่มเดียว เจ้าวงเดือนเข้าไปนั่งมองเงียบๆ

สิงห์บริกรรมคาถาเร็วขึ้น...เร็วขึ้น พลันแตงสาที่หลับอยู่ก็ลืมตาโพลงลุกเดินออกไปที่บ้านคำป้อไปเรียกเทียนคำที่หน้าต่างบอกว่าเจ้าน้อยถูกคุมเข้มอยู่บนเรือน เจ้าน้อยเป็นห่วงจึงให้ตนมาหา บอกเทียนคำไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นเพราะเจ้าน้อยไม่อยากให้ใครรู้ เร่งเทียนคำให้รีบไป เจ้าน้อยให้พาไปที่ประตูแสนปุงแล้วจะพาหนีไปอยู่นอกเมือง

เทียนคำดีใจมาก แตงสาบอกเทียนคำว่าอย่าให้เจ้าช่อเอื้องกับเจ้าวงเดือนรู้ เพราะถ้าทั้งสองรู้แล้วเอ็งจะอดไปอยู่กับเจ้าน้อยแน่ๆ เทียนคำน้ำตาคลอตื้นตันที่เจ้าน้อยไม่ทิ้งตน

ดวงจิตกลินท์ที่รับรู้เรื่องทั้งหมดพยายามห้ามเทียนคำไม่ให้ไปแต่เทียนคำไม่ได้ยิน กลินท์จึงรีบตามไป

ที่แท้แตงสามาลวงเทียนคำไปทำร้ายแล้วเอาโซ่ที่เตรียมไว้มัดไว้ เทียนคำร้องขอให้เจ้าน้อยช่วย แตงสาเย้ยว่าเจ้าน้อยร้อยคนก็ช่วยไม่ได้ แล้วลากเทียนคำปลิวไปอย่างง่ายดาย กลินท์ตกใจรีบตามไป

แตงสาลากเทียนคำไปที่บริเวณประตูแสนปุงซึ่งเป็นประตูใช้สำหรับขนศพไปสุสาน จับมัดห้อยเท้าลอยจากพื้น นาทีนี้เทียนคำได้แต่ร้องขอให้เจ้าน้อยช่วย

แตงสาร้อง ล้อ และเต้นอย่างสนุกสนาน กลินท์ทนไม่ได้ด่า

“คนบ้า คนใจร้าย ขอให้ผีป่าออกมาจัดการเธอทีเถอะ”

สิ้นเสียงกลินท์ ทั้งป่าก็สะเทือนเลื่อนลั่นด้วยแรงพายุมหึมา ฉับพลันก็มีเสียงผีเจ้าดังก้องจากยอดไม้

“ใคร...ใครมีปัญหากับข้า??”

แตงสาที่เต้นยั่วเทียนคำเหมือนถูกนะจังงัง แล้วเท้าขนาดใหญ่ก็กระทืบดินสนั่นหวั่นไหว ร่างแตงสากระเด็นไป เทียนคำตะลึงค่อยๆแหงนมอง ทั้งกลินท์และเทียนคำเห็นแค่หัวเข่าส่วนอื่นหายไปกับความมืดแต่เห็นผีเจ้ากำลังก้มมองลงมา ทั้งสองช็อก แตงสาถึงกับฉี่ราดร้องไห้เหมือนเด็ก ผีเจ้าถามเสียงกึกก้อง

“เมื่อกี๊ใครมาท้าทายข้า แล้วทำไมตอนนี้มาร้องไห้น่ารำคาญ ประเดี๋ยวข้าจะจับเอ็งฉีกแข้งฉีกขากินเลย”

แตงสาร้องไห้เหมือนเด็กร้องขอให้พ่อช่วยด้วยแล้วชักกระตุกนิ่งเงียบไป มือใหญ่จึงปล่อยแตงสาและเท้าใหญ่ก็ลดขนาดลงเท่าเท้าคนปกติ กลินท์เขม้นมองเห็นเป็นชายแก่หลังค่อมใส่ชุดขาวหันมองเธอด้วยความสงสัย เทียนคำยกมือท่วมหัวไม่ทันพูดอะไร เสียงฝีเท้าสนั่นก็ดังขึ้น กลินท์กับเทียนคำหันมองเห็นฝูงควายใหญ่ตาแดงก่ำกว่าครึ่งร้อยพุ่งเข้าหาชายชรา ขวิดเปรี้ยงจนผีเจ้าหายไปพร้อมกับควายทั้งฝูงก็หายไปด้วย

เมื่อทุกอย่างสงบ กลินท์กับเทียนคำเห็นร่างชายหญิงคู่หนึ่งเดินย้อนแสงทำให้ไม่เห็นหน้ากำลังเดินเข้ามา พอเข้าใกล้กลินท์ก็หนาวเยือกไปทั้งตัวเมื่อเห็นเป็นเจ้าวงเดือนกับสิงห์และไพคาเดินมา ตามด้วยบ่าวไพร่ของเจ้าวงเดือน!

ooooooo

สิงห์บอกเจ้าวงเดือนว่าตนบอกแล้วประตูนี้มีผีเยอะแต่เทียนคำกลับไม่กลัว เจ้าวงเดือนเสริมว่ามีแต่ผีกุมารทองที่สิงร่างอีแตงสาที่กลัวผีร้องไห้ขี้มูกโป่ง สิงห์ติงว่าอย่างน้อยมันก็จับเทียนคำมาให้เจ้าลงโทษได้

เจ้าวงเดือนเย้ยเทียนคำว่านึกว่าผัวตนจะรักหลงจนพาหนีหรือ กระชากผมเทียนคำถามว่ารู้ไหมว่าตอนที่ถูกเจ้าช่อเอื้องจับเฆี่ยนนั้นทำอะไรตกไว้ แล้วหยิบปิ่นออกมาให้ดู เทียนคำอ้อนวอนขอคืนบอกว่าเจ้าน้อยให้ตนไว้

เจ้าวงเดือนบอกว่าเจ้าน้อยบอกว่าไม่เคยให้ปิ่นนี้กับเอ็งแล้วเอาสร้อยให้เทียนคำดู บอกว่าปิ่นเป็นชุดเดียวกับสร้อย เจ้าน้อยไม่มีวันแยกมันออกจากกัน มีทางเดียวคือเจ้าน้อยทำปิ่นตกหรือไม่ก็เอ็งขโมยไปแล้วอ้างว่าเจ้าน้อยให้ ชี้หน้าด่า

“คนอย่างเอ็งขี้โลภนัก อยากจะได้ของของข้าไปเสียหมดทั้งผัวทั้งปิ่น...อยากได้ผัวข้านักใช่ไหม ได้! ข้าจะให้...เอ็งไปรอผัวข้าในนรกก่อนเลยอีเทียนคำ พร้อมๆกับปิ่นของเอ็ง!”

เจ้าวงเดือนแทงปิ่นเข้าหน้าอกเทียนคำจนมิดด้าม ไม่หนำใจดึงปิ่นออกมาแทงซ้ำอีก! เลือดทะลักจากอกเทียนคำแดงฉาน เทียนคำตายคามือเจ้าวงเดือน! แต่ก่อนสิ้นใจ เทียนคำจ้องหน้าเจ้าวงเดือนอธิษฐานกร้าว

“ข้าขอสาบาน ไม่ว่าเกิดชาติไหน ใครที่มันทำร้ายข้าในชาตินี้ ขอให้มันวิบัติฉิบหาย ขอให้ดวงจิตของข้าจดจำความแค้นนี้ไว้ ขอประตูแห่งนี้เป็นพยาน!”

เทียนคำกระอักเลือดสิ้นใจ ณ ข้างกำแพงแสนปุง แต่ดวงตาเหลือกโพลงจ้องหน้าเจ้าวงเดือน!

ทันใดนั้น...กลินท์เห็นเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองและประตูทั้งห้าของเชียงใหม่เคลื่อนเข้าปะทะกันปังๆเหมือนรับรู้แรงอธิษฐานของเทียนคำ กลินท์รู้ทันทีว่าคำอธิษฐานของเทียนคำคือบ่วงพันธนาการให้จิตของตนย้อนมายังอดีต กลินท์ตะโกนสุดเสียง

“ฉันกลับมาแล้ว พวกแกทุกคน...ได้เจอกับฉันแน่!”

เบนที่เฝ้ากลินท์อยู่สะดุ้งตื่นลุกพรวดไปเรียก “ลินท์...ลินท์...” กลินท์ลุกขึ้นหายใจหอบถี่ โผกอดเบนละล่ำละลักเรียกในสภาพขวัญเสีย เบนงงตกใจกับอาการของกลินท์

ooooooo

เจ้าวงเดือนเดินนำไพคากับสิงห์กลับคุ้มเวียงสวรรค์ท่ามกลางความมืดและเปลี่ยวอย่างสาแก่ใจ สิงห์ถามว่าจะจัดการยังไงกับแตงสาที่มันบ้าบอไปแล้ว เจ้าวงเดือนตอบนิ่งแต่เหี้ยม เลือดเย็นว่า

“พามันกลับไปที่คุ้มแล้วบอกทุกคนว่ามันจะพาอีเทียนคำหนีแต่เจอผีที่ประตูแสนปุงหลอก มันเห็นผีหักคออีเทียนคำเลยกลายเป็นบ้าไป”

สิงห์ถามว่าคนจะเชื่อหรือ เจ้าวงเดือนจ้องหน้าสิงห์ย้อนถามดุดันว่าแล้วเจ้าเชื่อหรือไม่ ถ้าเจ้าเชื่อทุกคนก็ต้องเชื่อ สิงห์รีบบอกว่าตนเชื่อ เจ้าวงเดือนย้ำเหี้ยมว่า

“งั้นทุกคนก็ต้องเชื่อ จำไว้ ผีหักคออีเทียนคำ และอีแตงสาถูกผีหลอกจนเป็นบ้า”...

ปติมานอนอย่างโดดเดี่ยวที่ห้อง ส่ายหน้าไปมาเหมือนกำลังฝันร้าย ตื่นขึ้นมาเต็มไปด้วยความสงสัยกับความฝันประหลาดของตน ดูนาฬิกาเห็นเป็นเวลา 6 โมงเช้า

ปติมาเล่าความฝันให้แพมฟังว่าตนแทงกลินท์ตายแต่แม้ตนจะเกลียดกลินท์ขนาดไหนก็ไม่เคยคิดจะจ้างคนไปฆ่าหรือทำร้ายกลินท์เลย แพมว่ากลินท์อาจแพ้ภัยตัวเองก็ได้ เพราะโบราณว่า

“ฝันตอนใกล้รุ่งมักจะเป็นเรื่องจริง สันดานเลวอย่างนังกลินท์มันไม่มีทางได้ดีหรอก!”

ดวงตาปติมากลายเป็นดวงตาของเจ้าวงเดือนขึ้นมาทันที แววตาเป็นประกายระยิบขึ้นมาประหนึ่งว่าอยากจะให้กลินท์เป็นอย่างที่ตนฝันจริงๆ

เบนเห็นกลินท์เครียดมากก็เป็นห่วงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ กลินท์เกือบหลุดเรื่องที่ตนกำลังหาคำตอบแต่แล้วก็กลบเกลื่อนว่าถึงเวลาที่ตนต้องให้เวลากับเขาสักที เพราะเขาตามติดอยากอยู่ใกล้ตน เบนบอกว่าใช่ อยากอยู่ใกล้เธอ เพราะเป็นห่วงและไม่เข้าใจว่าเธออยากรู้คำตอบอะไร ถามว่าตนเป็นห่วงเธอมากแค่ไหนรู้ไหม กลินท์บอกว่ารู้ ยังไงโลกของตนก็อยู่ที่เขา

เบนขอร้องว่าต่อไปเธออย่าคิดเรื่องอดีตอีกได้ไหม เพราะเธอคิดเรื่องอดีตทีไรก็ลืมตนทุกที

“ค่ะ ฉันจะลืมอดีต ฉันจะมีแต่ปัจจุบัน...ปัจจุบันที่จะไม่มีวันอ่อนแอเหมือนเดิม” กลินท์แอบยิ้มร้าย เบนโล่งใจ จากนั้นสังคมจึงเห็นภาพเบนกับกลินท์ไปไหนมาไหนด้วยกันจนหนังสือพิมพ์และโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยข่าวและข้อความที่กระแนะกระแหนและด่ากลินท์ว่า “หา ‘ผู้’ ได้ไวจริงๆ”... “ฉันสงสารเบน”

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 7 วันที่ 26 พ.ค.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ