อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 2 วันที่ 15 พ.ค.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 2 วันที่ 15 พ.ค.62

เสียงกลองสะบัดชัยกึกก้องกังวาน ช่างฟ้อนกำลังฟ้อนอย่างสวยงาม กลินท์นั่งบนเสลี่ยงท่าทางงามสง่า อีกฝั่งที่มีประตูท่าแพคั่นคือบริเวณส่วนแขกกิตติมศักดิ์ มีดุษฎีนั่ง ขนาบข้างด้วยอินทร์และปติมา ส่วนแพมนั่งด้านหลัง

กลินท์มองผ่านประตูไปเห็นอินทร์ยิ้มแย้มอยู่กับดุษฎีและปติมาท่าทางมีความสุขก็เย็นเยียบไปทั้งหัวใจ เสียงกลองก็กระหน่ำราวกับหัวใจจะหลุดออกมา สายตาของกลินท์เห็นเพียงแสงพร่าพรายของแสงเทียน

กลินท์หวาดหวั่น ความรู้สึกหวาดกลัวพุ่งขึ้นมา เบนจ้องกลินท์เห็นว่าเธอไม่มีสมาธิ ยิ่งใกล้ประตูเสียงกลองก็ยิ่งดังจนกลินท์ทนไม่ได้เอามืออุดหูร้องกรี๊ด จนขบวนเสลี่ยงเคลื่อนผ่านประตูท่าแพเข้าไป



กลินท์เห็นบริเวณรอบตัวมีแต่ความมืดและเงียบ ทุกคนและทุกอย่างหายไปหมด เธอตกใจตะโกนสุดเสียง

“เบน...สายป่าน...ป้าก็อต นี่เล่นอะไรกัน?? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมา!!!”

ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรและเสียงนกกลางคืนที่กลินท์ไม่คุ้น กลินท์หันขวับไปมองเห็นแต่กำแพงเมืองทอดยาวมีคบไฟจุดเป็นระยะ กลินท์ร้องถามว่าเล่นอะไรกัน ทุกคนหายไปไหนหมด ให้ออกมาตนกลัว

เสียงนกแสกร้องลั่น กลินท์กรีดร้องสุดเสียง วิ่งไปตามแนวไฟคบเพลิงที่ส่องเป็นทางยาว ปากก็ยังตะโกนเรียกเบน สายป่าน จนได้ยินเสียงกลอง กลินท์พึมพำ

“ขบวนงาน!”

กลินท์ดีใจรีบเดินไปตามเสียงกลองแต่พอไปถึงกลับไม่ใช่ขบวนงานของตัวเอง หากแต่เป็นชายร่างกำยำ นุ่งโจงกระเบนสีแดง ที่ขามีรอยสักถึงเข่า ขบวนประกอบไปด้วยชายหญิงที่แต่งชุดโบราณ กลินท์รู้สึกกลัวจนไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่อยู่บนเสลี่ยง รีบหลบเข้าหลังพุ่มไม้ใหญ่

จนขบวนผ่านไป กลินท์จึงเงยหน้าขึ้นมองเห็นด้านหลังของเจ้าน้อยกับเจ้าวงศ์เดือนแต่งตัวงามสง่า มีราศีมาก ร่างนั้นคุ้นตา พยายามเขม้นมอง พลันก็สะดุ้งเมื่อถูกอุ่นเฮือนเอื้อมมือมาตะปบบ่า อุ่นเฮือนเรียกลั่น

“เทียนคำ”

กลินท์ตกใจที่ถูกเรียกเทียนคำ แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือใบหน้าของอุ่นเฮือนเหมือนกับสายป่านไม่มีผิด!

ooooooo

ในงานบูชาพ่อขุนเม็งราย เบนจ้องกลินท์ที่ออกอาการไม่มีสมาธิ นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ ดวงตาจ้องเขม็งไปอีกฝั่งที่อินทร์ ปติมาและดุษฎีกับแพมนั่งอยู่ สายป่านกับเบนได้แต่มองหน้ากันไม่รู้จะทำอย่างไร

ส่วนอินทร์เห็นสายตาน่ากลัวของกลินท์ก็ทำตัวไม่ถูก ดุษฎี ปติมากับแพมมองหน้าอย่างหารือกัน

เมื่อขบวนมาหยุดที่บริเวณเวทีที่กลินท์ต้องลงจากเสลี่ยงเพื่อถวายพานดอกไม้แต่กลินท์กลับนั่งเฉย

ป้าก็อตร้อนใจสงสัยว่ากลินท์เป็นอะไร สายป่านลุ้นให้กลินท์ลงมา แต่กลินท์ก็ยังนั่งแข็งทื่ออยู่อย่างนั้นจนเสียงอุ่นเฮือนเรียก

“เทียนคำ...เทียนคำ...เทียนคำ...” สายป่านก็ลุ้น “ลุกสิลินท์ ลุกๆๆๆ” กลินท์จึงลุกขึ้น กลุ่มของปติมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก

กลินท์ถือช่อดอกไม้ค่อยๆเดินตรงไป อินทร์หน้าซีดไม่รู้อารมณ์ของกลินท์ แต่ในภาพอดีต อุ่นเฮือนกระตุกมือกลินท์เรียก “เทียนคำ”

กลินท์มองหน้าอุ่นเฮือนว่าเรียกใคร อุ่นเฮือนตบไหล่ป้าบ พานในมือกลินท์ร่วง ตัวกลินท์ก็ล้มศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงจนทุกคนตกตะลึง อินทร์เห็นเช่นเดียวกับทุกคนแต่ไม่กล้าขยับเพราะอยู่ต่อหน้าแม่ แต่เบนกระโจนพรวดเข้าไปพร้อมกับสายป่าน ประคองกลินท์เรียกให้ได้สติ แต่กลินท์หมดสติแน่นิ่งไม่ไหวติง

ภาพในอดีต อุ่นเฮือนดีใจมากที่เห็นเทียนคำโผกอดร้องไห้โฮพร่ำดีใจ

“เอ็งยังไม่ตายอย่างที่อีแตงสามันว่า เอ็งยังไม่ตาย...”

กลินท์มองหน้านิ่งอย่างไม่พอใจ เข้าใจว่าอุ่นเฮือนเป็นสายป่าน เหวี่ยงใส่ว่าทำไมมาแช่งตน มองไปรอบๆ ถามว่าทีมงานหายไปไหนหมด ทำไมเบนไม่บอกอะไรเลย คุมงานบ้าอะไร อุ่นเฮือนจ้องหน้าว่า

“เอ็งต่างหากที่เป็นบ้า...จู่ๆก็หายไป พี่กับแม่ตกอกตกใจกันไปหมดนึกว่าเอ็งจะตายไปแล้ว”

“ฉันเป็นคน แล้วฉันก็ไม่ได้ชื่อเทียนคำ อะไรของเธอเนี่ยสายป่าน”

 คนสองยุคมาเจอกันต่างพูดถึงยุคของตัวเองต่างงง ครู่หนึ่งกลินท์บอกว่าตนไม่ได้ชื่อเทียนคำ และอุ่นเฮือนก็บอกว่าตนไม่ได้ชื่อสายป่าน อุ่นเฮือนเห็นกลินท์สายตาว่างเปล่าถึงกับร้องไห้โฮคลำเนื้อตัวเข้าใจว่าต้องมีคนทำร้ายมาแต่รีบพาเทียนคำกลับบ้าน

กลินท์ไม่อาจทานแรงของอุ่นเฮือนได้ จำต้องเดินตามไป

ooooooo

ที่โรงพยาบาล กลินท์เหมือนคนหมดสตินอนอยู่บนเตียง หมอตรวจอาการแล้วบอกว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก อาจจะเพราะอากาศร้อน เหนื่อย พักผ่อนไม่เพียงพอ

ป้าก็อตบอกมิน่าดูเบลอๆทั้งวันเลย สายป่านบอกว่าช่วงนี้ลินท์นอนไม่ค่อยหลับ ป้าก็อตถามหมอว่าถ้าลินท์นอนพักผ่อนเพียงพอก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมากใช่ไหม หมอตอบว่าใช่ ป้าก็อตถอนใจโล่งอก เพราะลินท์ยังมีงานอีกเยอะ

“งานอะไรคะป้า ป่านไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“โทษทีที่ป้ายังไม่ได้บอก พอดีเพิ่งคุยกันเมื่อกลางวันกับคุณดุษฎี ท่านอยากให้ลินท์มาร่วมงานที่ท่านจัดทุกงานเลย”

สายป่านอึ้ง วิตกขึ้นมาทันที ส่วนเบนได้แต่มองกลินท์กับสายป่านอย่างเห็นใจ

เมื่อดุษฎีกลับถึงบ้าน แพมถามอย่างตกใจว่าคุณแม่จะให้กลินท์มาร่วมงานทุกงานที่คุณแม่จัด??!! ดุษฎีดุแพมไม่ให้พูดดังเดี๋ยวอินทร์ไหวตัวไม่ให้กลินท์รับงาน

ทั้งสามมองไปเห็นอินทร์หน้าเครียดกดโทรศัพท์ตลอดเวลา ปติมาพูดน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“คุณแม่รู้ใช่ไหมคะ ว่าอินทร์ห่วงกลินท์มาก”

“ทีแรกก็ยังสองจิตสองใจ แต่เห็นตาอินทร์เลี่ยงการอยู่กับเราแล้วก็กดโทรศัพท์ตลอด แม่ก็แน่ใจแล้วล่ะ”

ปติมาแค่ทำหน้าหม่นทั้งที่อยากร้องกรี๊ดออกมา ปรายตามองอินทร์น้ำตาคลอ

อินทร์ยังคงกดโทรศัพท์ตลอดเวลาแต่ปลายสายไม่มีคนรับ เดินงุ่นง่านตาขวาง

ขณะเดียวกัน กลินท์ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง สายป่านนั่งเฝ้าตลอด โทรศัพท์ดังครั้งแล้วครั้งเล่าแต่สายป่านไม่รับจนมันหยุดไปเอง จนโทรศัพท์ดังขึ้นอีกจากเครื่องของกลินท์ สายป่านไปดูเห็นเป็นสายจากอินทร์ก็ปล่อยให้ดังจนหยุดไปเอง

เบนเอาอาหารมาให้สายป่านบอกให้กินสักหน่อยเดี๋ยวจะเป็นลม พอดีโทรศัพท์ดังขึ้นอีก สายป่านนั่งนิ่งทเบนถามทำไมไม่รับ สายป่านนิ่ง เบนเดาได้ว่าเป็นสายจากอินทร์ สายป่านมองกลินท์ที่นอนอยู่พูดประชดว่า ถ้าอยากคุยกับเขาก็ไปรับเองนะลินท์

แต่กลินท์ยังนอนไม่รับรู้อะไร...

ooooooo

อุ่นเฮือนจับมือกลินท์เดินอ้าวพากลับบ้าน กลินท์เหนื่อยถามว่าเมื่อไหร่จะถึง อุ่นเฮือนบ่นว่าถามอะไรอย่างนี้ก็เดินอยู่ทุกวัน อีกแป๊บก็ถึงบ้านเราที่คุ้มเวียงสวรรค์แล้ว กลินท์ฟังแล้วยิ่งงง

อุ่นเฮือนถามว่าเป็นอะไรทำท่าเหมือนจำอะไรไม่ได้เลย ปรามว่าถึงแล้วก็ให้อยู่แต่ในบ้านอย่าแอบไปหาเจ้าน้อยอีกมันไม่ดี พอกลินท์ตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อเจ้าน้อย อุ่นเฮือนปรามว่า

“แค่ได้ยินชื่อ ‘เจ้าน้อย’ ก็เป็นแบบนี้ทุกที แต่อย่าหวังนะเทียนคำว่าเอ็งจะได้อยู่ในคุ้มกับเจ้าน้อยน่ะ จำไว้ เจ้าน้อยมีเมียแล้ว” อุ่นเฮือนฉุนปล่อยมือกลินท์

กลินท์ทั้งตกใจทั้งงงถามว่าเจ้าน้อยมีเมียแล้วเกี่ยวอะไรกับตน อุ่นเฮือนฉุนเดินลิ่วไปจนกลินท์ตามไม่ทัน บรรยากาศรอบตัวทั้งมืดทั้งวังเวง กลินท์กลัวร้องบอกให้รอด้วย...รอด้วย แล้ววิ่งตามอุ่นเฮือนที่เดินผ่านประตูใหญ่เข้าคุ้มไปแล้ว กลินท์มองไปรอบๆ กลัวสุดๆ

อุ่นเฮือนเดินกระแทกเท้าขึ้นบ้านบอกคำป้อ แม่ที่นั่งเช็ดใบตองอยู่ว่า

“อีเทียนคำกลับมาแล้ว มันทำท่าพิกล แต่พอพูดถึงเจ้าน้อยก็ตาเป็นประกายระริกระรี้ สลิดด๊ก”

คำป้อดีใจมากพรวดเข้าหาอุ่นเฮือนถามว่าเทียนคำยังไม่ตายหรือ มันอยู่ไหน อุ่นเฮือนหันไปไม่เห็นกลินท์นึกได้ว่าตนลืมรอ คำป้อบอกให้ไปตามน้องมาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่มันจะหายตัวไปอีก

ฝ่ายกลินท์เห็นอุ่นเฮือนวิ่งขึ้นบ้านหลังน้อยอยู่ลิบๆจะวิ่งตามไป พลันก็ชะงักเมื่อเจอต้นปีบใหญ่ยืนต้นตระหง่านอยู่หน้าบ้าน กลินท์ชะงักเหมือนตกอยู่ในภวังค์รัก เศร้า ไม่รู้ตัว แล้วก็เหมือนมีมือหนึ่งจับดอกปีบเสียบให้ที่เรือนผม สัมผัสนั้นอบอุ่นอ่อนโยน กลินท์รู้สึกคุ้นเคยแต่งุนงงว่า...สัมผัสนั้นจากใครหนอ???

ขณะที่กลินท์กำลังอยู่ในภวังค์ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงอุ่นเฮือนบอกคำป้อว่าดูมันทำอย่างกับไม่เคยเห็นต้นกาสะลอง คำป้อพูดอย่างไม่พอใจว่ามันคงคิดถึงเจ้าน้อยเพราะเจ้าน้อยชอบเอาให้มัน

พลันกลินท์ก็พึมพำ “แม่” เมื่อเห็นคำป้อเต็มตา คำป้อถามว่าหายไปไหนมาตั้งหลายวัน แม่กลัวจะเป็นอย่างอีแตงสามันว่า...คำป้อร้องไห้พูดไม่ออก กลินท์ถามว่ามันว่าตนตายใช่ไหม แล้วก็ถามงงๆว่าอีแตงสาเป็นใคร แล้วตกลงแม่กับสายป่าน??

ที่แท้กลินท์จำคำป้อได้ว่าเป็นแม่เพราะคำป้อเกิดใหม่เป็นธารทองเช่นเดียวกับอุ่นเฮือนที่เกิดใหม่มาเป็นสายป่าน กลินท์สับสนงุนงงกับบุคคลทั้งสองที่ผูกพันกันมาแต่อดีตชาติ แต่พอถามออกไปก็ยิ่งทำให้อุ่นเฮือนขวางหูขวางตา บอกแม่ว่าเทียนคำดูไม่ใช่คนเดิมทำเหมือนไม่รู้จักเราสองคนซ้ำยังแต่งตัวอย่างกับเจ้านาย คำป้อตกใจถามว่า “เอ็งไปขโมยเสื้อผ้าของเจ้าวงเดือนมาใช่ไหมเทียนคำ”

“โอ๊ยยยย...เดี๋ยวอุ่นเฮือน เดี๋ยวแตงสา นี่เจ้าวงเดือนโผล่มาอีกคนแล้ว เลิกเล่นซะที ฉันไม่สนุกแล้วนะ”

อาการเหวี่ยงๆงงๆของกลินท์ทำให้อุ่นเฮือนกับคำป้อเชื่อว่าเทียนคำถูกใครทำมาจนเป็นผีบ้าไปแล้ว

คำป้อบอกอุ่นเฮือนว่ามันจำเราสองคนไม่ได้จริงๆให้รีบพาขึ้นบ้านเร็ว

อุ่นเฮือนกับคำป้อคว้ามือกลินท์คนละข้างจะพาขึ้นบ้าน กลินท์ดิ้นสุดฤทธิ์ทั้งตะโกนให้ปล่อยและด่า พอขึ้นบ้านก็อาละวาดสะบัดหลุดคว้าข้าวของเหวี่ยงกระจาย คำป้อบอกว่ามันคลั่งใหญ่แล้วให้อุ่นเฮือนจับมัดเสีย

พอกลินท์ได้ยินว่าให้จับมัดก็ยิ่งอาละวาด ดิ้นหลุดก็วิ่งอ้าวไป อุ่นเฮือนกับคำป้อร้องเรียกให้หยุดแต่กลินท์วิ่งหนีสุดชีวิตจนทั้งสองตามไม่ทัน

ooooooo

ขณะอุ่นเฮือนกับคำป้อวิ่งไล่ตามกลินท์นั้นเจอไพคาบ่าวผู้ซื่อสัตย์ของเจ้าวงเดือนได้ยินทั้งสองร้องเรียกเทียนคำก็ถามว่าเทียนคำมันอยู่ไหน พามันออกมาเจ้าน้อยอยากเห็นหน้ามัน

คำป้อบอกว่าเทียนคำมาและก็ไปแล้ว ไพคาทำท่าไม่เชื่อ อุ่นเฮือนย้ำว่า

“มันไปแล้วแต่ก็ดีที่พวกข้าได้รู้ว่ามันยังไม่ตาย!! เหมือนที่ใครบางคนอยากให้มันตาย”

“ข้าจะฟ้องเจ้าวงเดือน” ไพคาเนื้อตัวสั่น

คำป้อขอร้องว่าอย่า รับปากว่าตนจะไม่ให้เทียนคำไปยุ่งกับเจ้าน้อยอีก ไพคาไม่เชื่อเพราะเทียนคำไว้ใจไม่ได้ ยืนยันว่าจะกลับไปฟ้องเจ้าวงเดือนว่าอีเทียนคำมันยังไม่ตาย

กลินท์ที่แอบดูทั้งสามโต้เถียงกันอย่างงุนงงแต่สิ่งหนึ่งที่กลินท์เห็นชัดเจนและตกใจมากคือ ใบหน้าของไพคาเหมือนแพมเพื่อนสนิทของปติมาไม่มีผิด!

ที่แท้แพมคือไพคาในอดีตชาตินั่นเอง

ooooooo

ร่างกลินท์ยังนอนนิ่งอยู่ที่โรงพยาบาลแต่ฝันหลุดไปในอดีตชาติได้เจอแม่ เจอสายป่านและยังแพมอีก ในฝันรู้ว่าตัวเองคือเทียนคำที่ถูกตามล่า จึงหนีสุดชีวิตแต่ก็ถูกไพคาและกลุ่มชายฉกรรจ์ตามล่า

“ถ้าอีเทียนคำมันยังไม่ตาย พวกเอ็งก็อย่าหวังว่ามันจะหนีไปได้ มันเหิมเกริมแย่งผัวเจ้านายอย่างอีเทียนคำ จะต้องถูกจับไปทรมาน!!” ไพคาประกาศกร้าวแล้วเดินทะลุประตูใหญ่ออกมา คำป้อตกใจตะโกนสุดเสียง

“เทียนคำ เอ็งอยู่ไหน หนีไปให้ไกลเลยนะอีเทียนคำ”

กลินท์ตกอยู่ในความหวาดกลัวสุดขีด จนร้องออกมาว่าไม่ไหวแล้ว ขอให้มันเป็นเพียงความฝันเถอะ บอกตัวเองให้ตื่น! พลันก็ได้ยินเสียงร้องบอกกันว่า

“อีเทียนคำมันอยู่นั่น...มันอยู่นั่น”

กลินท์หลบเข้าไปซ่อนในวัด แต่ก็ถูกพวกไพคาตามล่าจนต้องหนีออกมาและถูกพวกไพคาไล่จับอีก

“เอ็งยังไม่ตายจริงๆเหรอวะ” ไพคางงๆ และเมื่อจะเข้าจับก็ถูกกลินท์สู้ทั้งถีบทั้งทุบถองจนไพคาทึ่งว่าเทียนคำเปลี่ยนไปจริงๆ สั่งให้จับเทียนคำไปให้เจ้านางให้ได้ ตัวเองก็เข้าไปตบเลยถูกกลินท์ต่อยหน้าจนเซล้ม ซ้ำกระโจนเข้าถีบก่อนวิ่งหนีไป ไพคาสั่งให้สมกับชายฉกรรจ์ตามจับให้ได้

กลินท์วิ่งหนีพลางร้องขอความช่วยเหลือ ไปเจอวัวลากเกวียนที่มีมิชชันนารีหลุยซ์นั่งมาก็กระโดดเข้าขวางร้องขอความช่วยเหลือ หลุยส์เปิดม่านมาดู ทันทีที่กลินท์เห็นหลุยส์ก็เบิกตาโพลงถามอย่างไม่เชื่อสายตา

“เบน! นายมาอยู่นี่ได้ยังไง??? เบน”

กลินท์ตรงเข้าจับไหล่หลุยส์ถามรัวว่า “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” แต่หลุยส์ไม่ทันตอบร่างกลินท์ก็ทรุดฮวบหมดสติคาอกหลุยส์ไปแล้ว

รุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล กลินท์ก็ยังถามอย่างเกรี้ยวกราดให้เบนตอบคำถามตน เบนพุ่งเข้าปลุกกลินท์จากฝัน กลินท์สะดุ้งเฮือก เบนดีใจที่กลินท์ฟื้นแล้ว กลินท์มองไปรอบๆถามว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เบนบอกว่าเมื่อคืนเธอเป็นลมหมดสติ ตนกับทุกคนเลยพามาส่งโรงพยาบาล ตอนนี้สายป่านกลับไปเอาของใช้ให้เดี๋ยวคงมา

กลินท์ยังงงๆ เบนถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“ฉันเห็นคุณ เห็นป่าน เห็นแม่ เห็นพี่แพม” เบนบอกว่าเธอฝันไป “ฉันไม่ได้ฝัน ฉันเห็นจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ชื่อกลินท์ ทุกคนเรียกฉัน ‘เทียนคำ’...”

เบนเล่าให้สายป่านฟัง สายป่านคาดว่าลินท์คงฝันไป เบนบอกว่าลินท์จริงจังมาก เกรงว่าตอนล้มหัวกระแทกพื้นแรง สายป่านติงว่าหมอเอ็มอาร์ไอเช็กทุกอย่างแล้ว คงไม่มีอะไรหรอก แล้วขอเอาของไปให้กลินท์ แต่นึกได้หันมาบอกเบนว่า ไม่อยากให้คุณอินทร์เจอลินท์อีก ขอให้เบนช่วยด้วย เบนรับปากอย่างลำบากใจว่าจะพยายามก็แล้วกัน

ดุษฎีเห็นอินทร์แต่งตัวรีบขับรถออกไป เดาได้ว่าอินทร์จะไปไหนแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อเจอปติมาก็แกล้งถามว่าวันนี้ไม่ไปธุระกับตาอินทร์หรือ ปติมาจึงรู้ว่าอินทร์ออกไปแล้ว ดุษฎีเตือนปติมาว่าแม่ไม่อยากให้มีข่าวฉาวๆอะไรออกมา บ้านกับโรงพยาบาลก็ใกล้กันนิดเดียว ผัวใครก็เฝ้าให้ดีแล้วกัน

อินทร์ไปหากลินท์ที่โรงพยาบาลพร้อมดอกไม้ช่อโต พอเข้าห้องก็โผเข้ากอดกลินท์ทันที กลินท์ดีใจมากแต่ไม่วายตัดพ้อว่าโรงพยาบาลกับบ้านก็ไม่ไกลกันจะมาเฝ้าตนสักนิดก็ไม่มี พี่ติ๊ไม่ให้มาใช่ไหม อินทร์บอกว่าติ๊ไม่ได้พูดอะไรแต่เมื่อคืนตนอยู่กับคุณแม่ ที่ตนไม่มาก็เพราะไม่อยากให้ลินท์เป็นข่าวเสียหาย ลินท์ก็น่าจะรู้ว่าไม่สบายแบบนี้ นักข่าวต้องแน่นโรงพยาบาลแน่ ถ้าตนมาก็จะทำให้ลินท์เสียหาย เพราะลินท์เพิ่งให้สัมภาษณ์ไปว่าเราสองคนไม่รู้จักกัน

อินทร์ยังออดอ้อนบอกรักและหึงหวงกลินท์จนอยากต่อยหน้าเบนที่อุ้มเธอมาส่งโรงพยาบาลแต่กลัวเป็นข่าวเธอจะเสียหายอีก ปากหวานแล้วกอดปลอบจนกลินท์บอกว่าถ้ารักตนขนาดนี้ก็ให้รีบจัดการเรื่องพี่ติ๊เร็วๆ ตนจะได้เปิดเผยเรื่องของเราสักที อินทร์ถามว่าเธอไม่กลัวว่าเป็นมือสามหรือ

กลินท์บอกว่าถ้าทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงได้ตนก็ยอม อินทร์ปากหวานว่าในเมื่อลินท์ยอมทำเพื่อตนขนาดนี้ ทำไมตนจะทำเพื่อลินท์ไม่ได้ รับปากว่า

“ผมจะเลิกกับคุณติ๊แล้วแต่งงานจดทะเบียนกับลินท์”

“ลินท์รักคุณที่สุดเลย” กลินท์โผกอดอินทร์อย่างหลงใหล อินทร์ก็พร่ำบอกกลินท์ว่า

“ผมรักลินท์นะ ผมรักลินท์...”

อินทร์โถมกอดกลินท์ล้มทับช่อดอกไม้จนบี้แบน พอดีโทรศัพท์กลินท์ดัง อินทร์เหวี่ยงมือถือของกลินท์ออกไปบอกไม่ต้องรับ แล้วกอดจูบกลินท์อย่างเมามันทั้งที่อยู่บนเตียงในโรงพยาบาล

ปติมากับแพมมาถึงหน้าโรงพยาบาลเห็นรถของอินทร์จอดอยู่ แพมบอกปติมาว่า

“ผัวเธออยู่กับนังกลินท์แน่นอน!!!”

เบนที่ถูกป้าก็อตให้ไปรับหน้านักข่าวอยู่เห็นสีหน้าท่าทางของปติมาก็รีบเข้าไปทัก ถามว่าจะมาเยี่ยมลินท์หรือ บอกว่าตนก็มาเยี่ยมเหมือนกันแต่ยังไม่มีของเยี่ยมชวนไปซื้อด้วยกันไหม แพมรู้ทันทำเป็นเห็นด้วยแต่ให้เบนไปกับตนเร่งให้ปติมารีบขึ้นไปเยี่ยมกลินท์เดี๋ยวจะไม่ทันได้ดูใจกัน

เบนพยายามขัดขวางแต่แพมขอให้ติ๊ได้อยู่กับลินท์เพื่อสยบข่าว นักข่าวกรูตามเบนมา แพมบอกว่าติ๊กำลังจะไปเยี่ยมลินท์ จะไปทำข่าวไหม นักข่าวรีบตอบรับ เบนบอกว่าเมื่อกี๊ยังสัมภาษณ์ตนค้างอยู่เลย นักข่าวขอไปทำข่าวติ๊กับลินท์ก่อน

สายป่านวิ่งมายืนข้างเบน เบนบอกว่าไม่รู้จะห้ามนักข่าวยังไง สายป่านบอกว่าตนโทร.หาแต่ลินท์ไม่รับ สายป่านเชื่อว่าตอนนี้อินทร์อยู่กับลินท์แล้วล่ะ เบนหน้าซีดรีบตามสายป่านไป

ปติมาจะเข้าห้องกลินท์ถูกพยาบาลขวางบอกว่าคุณกลินท์ต้องการพักผ่อนสั่งห้ามคนรบกวน ปติมาย้อนถามว่าแน่ใจหรือ เชื่อว่ากลินท์กำลังอยู่กับสามีตนมากกว่า พูดจบก็พรวดเข้าไปเลย

นักข่าวตามมาอีกขบวน พยาบาลมาขวางขอร้องไม่ให้เข้าไป ที่นี่เป็นโรงพยาบาลอย่าให้คนไข้อื่นต้องวุ่นวายเลย บรรดานักข่าวหน้าแหย แต่ไม่หืออืออะไร

ปติมากับแพมผลักประตูผัวะเข้ามาหวังจับอินทร์กับกลินท์ได้คาหนังคาเขา แต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับกลายเป็นพยาบาลกำลังฉีดยาให้กลินท์!

ปติมากับแพมพยายามมองหาค้นหาถามหาอินทร์ก็ไม่เจอ กลินท์ถามว่า

“มันเรื่องอะไรถึงได้มาหาผัวพี่ที่นี่คะ?”

“เพราะฉันรู้ว่าเขาอยู่กับเธอ”

กลินท์ยิ้มสะใจที่ปติมารู้ว่าอินทร์มาหาตน แพมเดินไปที่หน้าต่างมองไปข้างล่างเห็นอินทร์กำลังเดินอารมณ์ดีไปที่รถ ร้องบอกปติมาว่าอินทร์กำลังจะขึ้นรถไปแล้ว ปติมาจ้องหน้ากลินท์อย่างจับผิดได้ว่าอินทร์มาหาเธอจริงๆด้วย กลินท์เลยพูดเสียเองว่า ใจอินทร์อยู่กับตน พี่ติ๊เลิกกับเขาเถอะ ทะเบียนก็ไม่มีแล้วจะให้คนเขาเข้าใจผิดทำไม

ปติมาสวนทันควันว่าเพื่อให้คนเข้าใจว่าเธอมันก็แค่เมียน้อยไง แพมช่วยประณามกลินท์แต่กลินท์กลับหัวเราะว่า ทำไมพี่แพมต้องโกรธแทนพี่ติ๊ขนาดนั้นด้วย ไม่ใช่เมียอินทร์สักหน่อย เย้ยว่าแต่อีกหน่อยพี่ติ๊ก็ไม่ใช่เมียอินทร์เหมือนกัน

“หมายความว่ายังไง?” ปติมาตวาด

“ก็อินทร์บอกลินท์...จะเลิกกับพี่ติ๊ไงคะ”

ปติมาโกรธจัดพุ่งเข้าหากลินท์ตามด้วยแพม แต่ในสายตาของกลินท์วินาทีนั้นเห็นเป็นเจ้าวงเดือนกับไพคาสองคนพุ่งเข้าเล่นงานตน กลินท์ร้องกรี๊ดยกมือปัดป้องแต่ถูกทั้งสองช่วยกันจับไว้ แพมในคราบไพคาจับมือกลินท์ตรึงไว้บอกปติมาในคราบเจ้าวงเดือน

“ตบมันเลยค่ะเจ้า”

เจ้าวงเดือนปราดเข้าตบกลินท์ กลินท์ปัดป้องและคว้าได้ปิ่นที่อยู่ข้างหมอนจ้วงแทงเจ้าวงเดือน พอดีสายป่านกับเบนวิ่งเข้ามาร้องห้ามกลินท์ ในความรู้สึกของกลินท์คือทั้งเจ้าวงเดือนกับไพคากำลังเล่นงานตน

กลินท์กรีดร้องสุดเสียงแล้วหมดสติไป ปติมากับแพมบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรลินท์แล้วชวนกันกลับ

พยาบาลวิ่งเข้าไปในห้องเห็นกลินท์นอนแน่นิ่งในมือกำปิ่นแน่น พยาบาลวิ่งไปตามหมอทันที

แต่พอกลินท์ลืมตาขึ้นก็ขอให้เบนช่วยตนด้วย แต่กลายเป็นหลุยส์บอกว่าตนไม่ใช่เบน กลินท์ยังเหมือนพูดกับเบนขอให้ช่วยตน หลุยส์บอกให้ใจเย็นๆ กลินท์ร้องกรี๊ดบอกว่าไม่เย็นแล้วและคราวนี้ตนไม่ยอม สิ้นเสียงก็กระโจนจากเกวียนวิ่งหนีไป หลุยส์คว้าไม่ทันได้แต่เรียก เมื่อกลินท์ไม่หยุด หลุยส์บอกลุงคนขับเกวียนให้รอก่อนแล้ววิ่งตามกลินท์ไป

หลุยส์ตามไปทันถามว่าคุณจะไปไหน กลินท์จ้องหน้าหลุยส์ถามว่าคุณไม่ใช่เบน หลุยส์พยักหน้าบอกว่าตนชื่อหลุยส์ กลินท์งุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ทันใดนั้นเสียงไพคาก็ลั่นเข้ามาว่า ถ้าอีเทียนคำหนีไปได้ ตนจะฟ้องเจ้าวงเดือน บ่นว่ารู้งี้บอกให้ไอ้สิงห์มาช่วยจับอีเทียนคำก็ดี กลับมางวดนี้ทำไมมันไวอย่างกับลิง แล้วกลุ่มไพคาก็เดินเลี้ยวมุมมา กลินท์ตกใจกระตุกมือหลุยส์ขอให้ช่วยตนด้วย หลุยส์ฉุดมือกลินท์วิ่งกลับไปที่เกวียนทันที ไพคาเห็นแว้บๆรีบวิ่งตาม

หลุยส์ให้กลินท์รีบขึ้นเกวียน พวกไพคามาถึงถามลุงคนขับเกวียนว่าหมอฝรั่งใช่ไหม ลุงบอกว่าใช่ตนจะส่งหมอฝรั่งไปหาเจ้าวงศ์สวรรค์จะเอายาไปให้ท่าน ไพคาถามว่าเมื่อกี๊เห็นผู้หญิงวิ่งมาทางนี้ไหม ลุงบอกว่าไม่เห็น พอดีหลุยส์โผล่มาถามว่ามีอะไร ไพคาไม่อยากคุยกับฝรั่งจึงชวนกันกลับ

เกวียนมาถึงหน้าคุ้มวงศ์สวรรค์ หลุยส์ถามกลินท์ว่าจะลงไปด้วยไหม กลินท์ขอให้ไปส่งตนที่ประตูท่าแพตนมาทำงานที่นั่น ในความคิดก็บอกตัวเองว่านั่นไม่ใช่เบนจริงๆด้วย

หลุยส์รับปากว่าเมื่อตนทำธุระเสร็จแล้วจะไปส่ง ลุงถามว่าประตูท่าแพมันอยู่ตรงไหนไม่มีประตูนี้ มีแต่ประตูเชียงเรือก หัวเราะขำกลินท์ว่าท่าจะบ้า

ไม่ทันที่กลินท์กับลุงจะพูดอะไรต่อ อุ่นเฮือนกับคำป้อก็เดินมาทางเรือน อุ่นเฮือนดีใจร้องเรียกเทียนคำถามว่าออกมาทำไมอีก เดี๋ยวไพคาจับได้อีกหรอก เร่งให้กลับบ้าน แต่กลินท์ไม่ไปขอให้ไปส่งตนที่ประตูท่าแพ เชียงเรือก ที่ไหนก็ได้ อุ่นเฮือนไม่สนใจบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปวัดให้หลวงพ่อพรมน้ำมนต์และให้แม่ทำขันไปขอขมาผีบรรพบุรุษ ผีเจ้าผีนายในคุ้ม เผื่อเอ็งจะหาย

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 2 วันที่ 15 พ.ค.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ