อ่านละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ตอนที่ 4 วันที่ 13 ม.ค.61
ไม่ถูก ดนตรีกลับมาเล่นท่อนส่งให้บัวร้องอีกรอบ หลอตะโกนเรียกบัว สติเธอกลับคืนขยับเข้าท่อนร้องอย่างเนียนๆตรึงจิตหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่หลังโรงงิ้ว ยิ่งเห็นชุดสวยงามที่บัวต้องเข้ามาเปลี่ยนแขวนอยู่ก็ยิ่งอิจฉา นึกถึงคำพูดของไหมฟ้าแล้วแวบแผนร้ายเข้ามาในหัว ตรึงจิตหยิบไม้ขีดไฟมาจุด โยนลงไปที่ชุดงิ้วของบัว ไฟลุกพึ่บและลามไปทั้งราว
ดำเกิงนั่งยิ้มมองบัวแสดงอย่างชื่นชม ทำจมูกฟุดฟิดคิดว่าใครมาปิ้งไก่ ทันใดเสียงนกขมิ้นร้องลั่นว่า ไฟไหม้! เท่านั้นก็เกิดความอลหม่าน
บัวซึ่งร่ายรำอยู่เริ่มสำลักควันที่ลอยออกมา คนดูเริ่มเอะใจ ชยุติที่ประคองยิ่งจันทร์เดินออก หันมองแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งจันทร์ยื้อยุดให้รีบไปตนจะแย่อยู่แล้ว มาลัยหมั่นไส้บ่นว่ายิ่งจันทร์เป็นปลิงหรือตัวอะไรเกาะแน่นอย่างนั้น แล้วเซ็งเดินนำออกไป
บัวกลับเข้ามาหลังเวที ตกใจเมื่อเห็นไฟไหม้รีบเข้าช่วยทุกคนดับไฟ คนดูวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น...พอไฟดับลงก็เห็นถึงความเสียหายของชุดงิ้วทั้งหมด มีไม่กี่ตัวที่พอจะซ่อมได้ หลอบ่น
“แล้วนี่จะทำยังไงชุดงิ้วไหม้หมดแล้ว”
“ก็ต้องซ่อม แต่ถ้าซ่อมไม่ได้ก็ต้องซื้อ” เจียงถอนใจ
“ชุดละตั้งเกือบแสน เฮียจะไหวเหรอ แล้วยังต้องมาจ่ายพวกเด็กๆอีก โอ๊ยแล้วจะเอาอะไรไปเหลือล่ะห๊ะเฮียเจียง”
เจียงเครียดเซจะล้ม บัวรีบประคอง นกขมิ้นพลั้งปาก “ถ้าหาชุดงิ้วมาใหม่ไม่ได้ คณะเราไม่ต้องปิดตัวลงเหรอ โธ่เอ๊ยน้องตรึงจิตไม่น่าเลย!”
ดำเกิงถามนกขมิ้นว่าพูดอะไร นกขมิ้นรีบเอามือปิดปากหน้าเจื่อน...ดำเกิงออกมาตามหาตรึงจิตแล้วกระชากตัว เขย่าถามทำแบบนี้ทำไม ตรึงจิตไม่ยอมรับ แต่พอดำเกิงให้สาบานและว่านกขมิ้นสารภาพหมดแล้ว เธอส่งสายตากร้าวใส่นกขมิ้นทันที เขายกมือไหว้ขอโทษที่พลั้งปาก
ดำเกิงจะแจ้งตำรวจให้ลากตัวไปนอนมุ้งสายบัว บัวปรามให้ใจเย็นๆ แต่ตรึงจิตท้าทาย
“ก็เอาซี่ ถ้าแกกล้าฉันก็จะแจ้งกลับเหมือนกันว่าพวกแกรุมทำร้ายร่างกายฉัน” ว่าแล้วก็เอามือบีบคอตัวเองทำลิ้นจุกปาก
“โอ้โห...ตอแหลเบอร์ตองขนาดนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้” ดำเกิงจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ooooooo
บัวเห็นความดันทุรังของตรึงจิตก็เข้าไปคุยอย่างใจเย็น “เจ๊ตรึงจิต ถ้าบัวทำอะไรให้เจ๊ไม่พอใจบัวขอโทษ แต่การที่เจ๊เผาชุดบัว มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย หนำซ้ำชุดอื่นๆก็พลอยไหม้ไฟรวมทั้งชุดของเจ๊ด้วย...คนที่เดือดร้อนก็ไม่ใช่แค่บัว แต่เจ๊และทุกคนในคณะก็เดือดร้อนด้วย”
ตรึงจิตเริ่มคิดได้ ดำเกิงย้ำว่าความเสียหายครั้งนี้มันมากเกินกว่าเธอจะรับผิดชอบไหว นกขมิ้นขอร้องอย่าเอาเรื่องตรึงจิต อย่างไรเสียก็คนกันเอง บัวเห็นด้วยว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ดำเกิงหงุดหงิดที่บัวไม่เอาเรื่องตรึงจิต...
เจียงตัดสินใจเอากำไลหยกสมบัติประจำตระกูลชิ้นสุดท้ายออกมาให้หลอเอาไปขาย เพื่อเสียค่าปรับให้ศาลเจ้า หลอเสียดายเห็นว่าของชิ้นนี้ติดตัวเจียงตั้งแต่ตอนโล้สำเภามา จึงคิดว่าจะไปขอร้องเถ่านั้งกรรมการว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เจียงคิดว่าเราทำผิดก็ต้องรับผิดชอบ หลอบ่น
“อาตรึงจิตนี่อีแสบจริงๆอ่ะ แค่คืนเดียวนี่สูญเงินเกือบแสนแล้ว ไหนต้องมาจ่ายค่าตัวพวกเด็กๆอีก โฮย...แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเหลือล่ะฮะอาเจียง”
“ป๊า...แล้วบัวจะทำงานพิเศษหาเงินมาช่วยป๊านะจ๊ะ”
“อั๊วไม่มีวันให้คนในคณะของอั๊วต้องอดตายหรอก พวกลื้อทุกคนไม่ต้องกลัวนะ อาบัวก็เหมือนกัน ลื้อมีหน้าที่เล่นงิ้วกับเรียนหนังสือ ส่วนเรื่องหาเงินเนี่ยเป็นหน้าที่ของอั๊วเอง”
หลอพยักหน้ารับแล้วหันไปไล่ชาวคณะให้เลิกมุง ทันใดดำเกิงลากตรึงจิตเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าเจียง ตรึงจิตทำเป็นร้องไห้เสียใจหนักหนา ขอโทษที่ทำผิด เจียงได้แต่ถอนใจและกำชับอย่าวู่วามอีก ดำเกิงหงุดหงิดที่เจียงไม่ลงโทษตรึงจิตบ้างเลย
เช้าวันใหม่ บัวนั่งเลือกชุดงิ้วที่พอจะซ่อมได้แยกไว้ ดำเกิงบ่นกระปอดกระแปดที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะความอิจฉาของตรึงจิตคนเดียว บัวคิดว่าเธอคงไม่กล้าทำอะไรอีก สงสารก็แต่ป๊า ดำเกิงคิดจะทำบะหมี่ขายช่วยอีกแรง บัวยกมือไหว้พระขอให้รอดพ้นเรื่องร้ายๆไปให้ได้
ooooooo
ชยุติต้องตกใจเมื่อรู้จากจ๊าดว่าเมื่อคืนที่โรงงิ้วไฟไหม้ โชคดีที่ดับทันไม่มีใครเป็นอะไร วลีกับวลัยบ่นอุบถ้ามันลามถึงบ้านเราจะทำอย่างไร ไชโยโพล่งขึ้นว่าน่าจะไหม้ให้หมดจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไล่ที่ มาลัยได้ยินอย่างนั้นก็วางช้อนโครม
“คนอื่นเขาเดือดร้อน มีแต่จะคิดซ้ำเติม แย่ แย่ที่สุด”
“ทำไมอาม้าต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพวกมันด้วย แบบนี้มันเห็นขี้ดีกว่าไส้ชัดๆ”
“ไส้เน่าๆแบบนี้ ขี้ยังดีซะกว่า” มาลัยสวนคำพูดของวลี
วลัยท้วงว่ากำลังกินข้าวกันอยู่ทำไมพูดเรื่องสกปรก มาลัยหมั่นไส้แกล้งพูดย้ำคำนั้น วลีเอ็ดยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ ชยุติเห็นทุกคนเถียงกันก็ลุกพรวดขึ้นขอตัวออกไป วลีโทษมาลัยว่าทำให้หลานไม่อยากกินข้าว
ชยุติมาด้อมๆมองๆหน้าบ้านหวังจะได้พบบัว ดำเกิงเดินมาสะกิด ชยุติหันมองยิ้มให้และถามถึงเรื่องไฟไหม้เมื่อคืน ดำเกิงเสียงเข้มให้เรียกตนว่าดำเกิง ชื่อเกิ่งสำหรับคนที่สนิทเรียกเท่านั้นและอดประชดประชันไม่ได้
“ไม่ต้องยุ่งหรอกนะ พวกเรายังอยู่ดี พวกเราสบายดีและมีงานต้องทำอีกเยอะเลย ไม่ได้มีเวลาลอยไปลอยมาเหมือนพวกลูกเศรษฐีหรอก เชิญ...”
ชยุติจำต้องเดินออกมา พอกลับเข้าบ้าน จ๊าดวิ่งมาเสนอหน้าแล้วทำจมูกฟุดฟิดทำนองจะจามแต่มันไม่จามเสียที ชยุติเข้าใจว่าจ๊าดร้องไห้เพราะมีเรื่องในบ้านก็ตกใจถามหาวลี จ๊าดชี้ไปที่ห้องรับแขก ชยุติรีบวิ่งเข้าบ้านเห็นวลีและทุกคนนั่งอย่างรื่นรมย์ มีชายสามคนท่าทางนำสมัยนั่งเรียงรายอยู่ ไชโยเห็นลูกชายมาก็แนะนำให้รู้จักแขกทั้งสามคน ชยุติสวัสดีอย่างนอบน้อม
“ไม่ต้องนอบน้อมก็ได้นะลูกเพราะม้ากับป๊าจ้างเขามา ไม่ได้เป็นแขกสลักสำคัญอะไร”
“ทั้งสามจะมาฟังคอนเซปต์ว่าแกอยากจะได้เรือนหอแบบไหนจะได้เขียนแบบให้ถูกใจ”
ชยุติตกใจจะแย้งไชโย แต่วลีชิงเสนอก่อนว่า ปลูกเรือนหอแบบเรือนไทย คนเห็นจะได้รู้ว่าเรารวย สามหนุ่มสถาปนิกต่างจดกันยิกๆ ไชโยแย้งว่าปลูกแบบโมเดิร์นให้คนมองจนเหลียวหลังดีกว่า วลีค้านกลายเป็นว่าไชโยกับวลีเถียงกันจะเอารูปแบบไหน สถาปนิกทั้งสามจดแล้วฉีกกระดาษทิ้งจดใหม่อยู่หลายรอบ ชยุติมองป๊ากับม้าเถียงกันไปมาอย่างอ่อนใจ
ooooooo
กรรมการศาลเจ้ามาบอกยกเลิกงานแสดงครั้งต่อไปเพราะได้จ้างคณะอื่นมาแทนแล้ว เจียงกับหลออึ้งทำอะไรไม่ถูกมืดแปดด้านไปหมด เจียงคิดว่าต้องกู้เงินมาทำชุดงิ้วใหม่เพื่อรับงาน หลอไม่ค่อยเห็นด้วยแต่ก็ไม่เห็นทางอื่น จึงต้องตามใจเจียง
ธานีกำลังนั่งจดตามคำบอกของไหมฟ้าที่นั่งนับเงินทั้งต้นและดอกของแต่ละคนที่มากู้เงิน เจียงกับหลอเข้ามาอย่างนอบน้อม ไหมฟ้ารู้ทันทีว่าถึงคราวได้
เอาคืน...เจียงขอกู้เพิ่มอีกสองแสน ธานีร้องลั่น ดอกเก่ายังส่งไม่ครบยังมากู้ใหม่อีก
“อั๊วเดือดร้อนจริงๆเสี่ย เมื่อคืนนี้ไฟไหม้ชุดงิ้ว ต้องหาเงินไปซื้อใหม่” เจียงขอร้อง
“ไม่นึกเล้ย ว่าวันนึงเถ้าแก่จะต้องบากหน้าลดตัวลงมาขอความกรุณาฉันกับผัว”
“อาไหมฟ้า ทำไมลื้อพูดจาดูถูกอาเจียงอย่างนี้”
“ลื้อควรจะเรียกอั๊วว่าตั้วซ้อ”
หลอชะงักที่ไหมฟ้าอหังการ เจียงยอมอ่อนบอกถ้าไม่สะดวกตนก็ไม่รบกวน ไหมฟ้าสวน
“เดี๋ยวสิ แหม ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง คิดถึงสมัยก่อนตอนฉันยังเล่นงิ้วที่คณะเหลี่ยนฮัว ใครกันนะที่ไล่ตะเพิดฉันอย่างกะหมูอย่างกะหมา”
หลอไม่พอใจถามธานีจะให้กู้ไหมบอกมาเลย ไหมฟ้าชิงตอบว่าให้ เถ้าแก่ลำบากขนาดนี้จะไม่ให้ได้อย่างไร แล้วสั่งธานีไปหยิบเงิน ธานีบ่นนี่เป็นเมียหรือแม่กันแน่ ขวดกระซิบว่ายิ่งกว่าแม่อีก...ธานีเดินไปนับเงินใส่ซองเดินกลับมา ไหมฟ้าชิงมาเปิดซองแล้วนับอีกครั้งก่อนจะส่งให้เจียง ธานีเน้นย้ำว่าเงินให้กู้ไม่ใช่ให้ยืม เจียงเข้าใจและขอบใจ หลอฉุกคิดขอนับเงินต่อหน้า
“เดี๋ยวๆ นี่ไม่ครบสองแสนสักหน่อย”
ไหมฟ้าบอกต้องหักดอกก่อน หลอไม่พอใจที่ดอกแพงอยู่แล้วยังจะหักก่อนอีก ไหมฟ้าว่าไปกู้คนอื่นเขาก็ทำแบบนี้ หลอเหลืออดทวงบุญคุณ
“อาไหมฟ้า ลื้อจำได้ไหมสมัยที่ลื้อมาหัดงิ้วกับเฮียเจียงน่ะ กี่ปีกี่เดือนห๊า อีคิดค่าสอนลื้อสักสลึงนึงไหม”
เจียงปรามอย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ ไหมฟ้าเชิดหน้าไม่สำนึก กลับย้ำว่าดอกเบี้ยต้องหมื่นสี่ หลอจะโวยว่าไม่ถึง ไหมฟ้ากระทุ้งให้ธานีย้ำอีกคน
“เออ ดอกอั๊วขึ้นเป็นร้อยละเจ็ดแล้ว ก็ทำธุรกิจมันก็คือธุรกิจ ถ้าลื้อไม่พอใจเอาเงินคืนอั๊วมาก็ได้ เอาสิ”
หลอโกรธจะเอาเรื่อง ขวดเข้าล็อกแขนหลอ เจียง ห้ามแต่กลับโดนลากไปด้วยอีกคน ขวดโยนทั้งสองคนออกมาหน้าบ้าน ไหมฟ้าเดินอาดๆมายืนเท้าสะเอวใส่ฉอดๆ
“อาเจียง นี่ฉันยังเห็นแก่หน้าลื้อนะ จะไม่เอาเรื่อง หัดดูแลลูกน้องลื้อให้ดี คราวหน้าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ดูสิ นี่เรียกอาเจียงเฉยๆเหรอ อีคนลืมตัว อีวัวลืมตีน” หลอไม่พอใจ
เจียงปรามให้หยุด หลออยากให้คืนเงินแต่เจียง เห็นว่าจะให้ลูกคณะเดือดร้อนไม่ได้
ooooooo
เย็นวันนั้น ชยุติเห็นมาลัยนั่งมองรูปอากงเศร้าๆ จึงชวนออกไปเดินยืดเส้นยืดสายเป็นการออกกำลัง มาลัยเห็นดีเป็นหนุ่มเป็นแน่นออกกำลังกายไว้ แก่ตัวจะได้ไม่ปวดกระดูก
“เหมือนอาป๊าแก มันไม่ปวดไม่เมื่อยได้ยังไงล่ะ วันๆเอาแต่กินกับเครียดแล้วก็นอน คิดแต่ว่าวันนี้เงินบาทเงินดอลมันเท่าไหร่ ดอกเบี้ยในธนาคารเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ อีกหน่อยก็บ้าตาย”
ชยุติชวนมาลัยไปร้านน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋แถวโรงงิ้วที่เคยไปตอนเด็กๆ มาลัยชอบใจอยากไปอยู่พอดี ชยุติทำหน้าสมหวัง...พอมาถึงร้าน ชยุติกลับเอาแต่ชะเง้อมองไปทางบ้านบัว จนเผลอดื่มน้ำเต้าหู้ซึ่งยังร้อนจัด ทำให้กระฉอกเลอะเสื้อ เจียงกับหลอเดินกลับมาพอดี จึงทักทายกัน เจียงบอกอาม่าโชคดีที่เมื่อคืนกลับไปก่อนที่จะไฟไหม้ มาลัยบ่นทันที
“ก็แฟนไอ้ตี๋น่ะสิ อีจะเป็นลม เลยต้องลากกันกลับไป”
“โธ่อาม่า ยิ่งจันทร์เขาเป็นแฟนผมเมื่อไหร่กัน”
“ไม่เรียกแฟนแล้วจะเรียกอะไร อีกหน่อยก็ต้องแต่งงานกัน”
ชยุติตัดบทไม่คุยเรื่องนี้แล้ว มาลัยหัวเราะหันมาถามเจียงว่าจากนี้มีงานแสดงที่ไหนอีกจะตามไปดู เจียงถอนใจบอกคงต้องให้เด็กๆพักก่อนและต้องซ่อมแซมชุดด้วย...ทันใดชยุติเห็นบัวออกมานั่งซ่อมชุดงิ้วหน้าบ้าน เจียงสังเกตเห็นสายตาชยุติก็ชักสงสัยว่า คนนี้เองที่ทำให้บัวหวั่นไหว ชยุติเอ่ยปากขอเจียงเข้าไปล้างตัวในบ้านเพราะเลอะน้ำเต้าหู้
“ได้สิเชิญๆ แต่บ้านอั๊วรกหน่อยนะ เดินดีๆล่ะ”
ชยุติยิ้มย่องรีบลุกเดินไปบ้านเจียง...เขาเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าบัว เธอแปลกใจว่าเขามาได้อย่างไร ชยุติบอกพาอาม่ามากินน้ำเต้าหู้และมันหกรดตัว เจียงจึงให้มาล้างตัวที่นี่ บัวชี้ไปที่ตุ่มน้ำหลังบ้านแล้วจะเดินเลี่ยง ชยุติรีบมาดักไว้
“ทำไมคุณต้องหนีหน้าผมด้วยคุณบัว”
“มีความจำเป็นอะไรที่ฉันต้องทำอย่างนั้น”
“คุณทำเหมือนเห็นผมเป็นคนแปลกหน้า เป็นคนร้าย เป็นคนน่าเกลียดน่ากลัวอย่างงั้นแหละ”
“คิดอย่างนั้นก็ดีแล้วนี่”
“ผมไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆนะ”
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณต้องมาคอยตามฉันด้วย”
“ก็ผมชอบคุณนี่นา...ชอบที่คุณเป็นคุณอย่างนี้ ชอบคุณที่เป็นนางเอกงิ้วคนนั้นด้วย ชอบทุกอย่างเลยชอบมาก ชอบจริงๆ”
บัวนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ถึงพูดออกมาว่าเขาโกหก ชายหนุ่ม รุก ทำไมเธอถึงมองโลกในแง่ร้าย
“ฉันจะมองโลกยังไงก็เรื่องของฉัน คุณมีโลกของคุณ ฉันก็มีโลกของฉัน เราอยู่คนละโลกกัน คุณมีแฟนอยู่แล้ว เลิกมาตอแยฉันซะที ไม่นึกเสียดายเวลาทำมาหากินบ้างรึไง”
ชยุติพยายามจะอธิบายว่าไม่ใช่อย่างที่เธอคิด แต่บัวไม่ฟังเดินหนีขึ้นห้อง เขาไม่กล้ารุกล้ำ
ooooooo
ในคืนเดียวกัน ตรึงจิตนั่งเซ็งอยู่ร้านกลางตลาด นกขมิ้นพยายามเอาใจ จิ้มขนมปังสังขยาป้อน เธอบ่นไม่น่าทำเลย งานไม่มีเงินก็จะหมด แฟนหนุ่มปลอบให้ประหยัดสักนิดก็พออยู่ได้
“โอ้ย...ฉันไม่น่าไปหลงเชื่อคำนังไหมฟ้าเลย ดูสิเผาเลย เลยพังไปหมด”
จังหวะนั้นไหมฟ้าผ่านมาได้ยิน หัวเราะเยาะเสียงแหลม “รู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้วว่ะ”
“อีไหมฟ้า มึงหลอกใช้กู มึงจงใจยุยงกู อีสารพัดพิษ”
ไหมฟ้าหัวเราะลอยหน้าว่าไม่เจ็บ และเยาะว่าอีงิ้วตกงาน ตรึงจิตปรี๊ดสวนว่ายังดีกว่าอีงิ้วถูกไล่ออกเป็นงิ้วไม่มีโรง นกขมิ้นพยายามห้ามอย่ามีเรื่องกันอีกเลย ไหมฟ้าไม่ฟังชี้หน้าตรึงจิต
“มึงอย่ามาหือกับกูนะ ป๊ามึงน่ะเป็นหนี้กูกับผัวเฉียดล้าน จะหมดปัญญาหามาใช้คืนกูอยู่แล้ว ไอ้เงินที่มึงถืออยู่นี่ก็เงินกูที่ป๊ามึงไปกู้มาทั้งนั้น มากราบตีนกูสิอีตรึงจิต เผื่อกูจะเวทนาปล่อยให้กู้ไปทำทุนกันตาย ฮ่าๆๆ”
ตรึงจิตแค้นเอาสังขยาละเลงหน้าไหมฟ้า เสียงกรี๊ดของไหมฟ้าดังลั่น ตามด้วยเธอเอานมเย็นราดหัวตรึงจิต ไม่วายเกิดการตบตีกันจนได้ ชาวบ้านวิ่งมามุงเชียร์กันเฮๆอีกตามเคย...
ค่ำคืนนั้น ชยุตินั่งวาดรูปบัวบนเฟรมผ้าใบ เขาคิดถึงเธอทุกอิริยาบถ พลันกนกวิภาเคาะประตูเปิดเข้ามา เขารีบเอาผ้าคลุมเฟรมไว้ หญิงสาวเขามาอ้อนให้พี่ชายพาไปดูหนังวันพรุ่งนี้ เธอนัดกับยิ่งจันทร์ไว้แล้ว ชยุติเอ็นดูน้องแม้จะไม่ได้อยากเจอยิ่งจันทร์สักนิด จึงเออออขอเป็นตอนเย็นหลังเลิกงาน
ขณะเดียวกัน บัวฝึกร้องงิ้วอยู่ที่ลานหน้าบ้าน เนื้อร้องประมาณว่ากระต่ายหมายจันทร์อับวาสนา บัวมองจันทร์เห็นเป็นหน้าชยุติ จึงไม่ค่อยมีสมาธิในการร้อง
เจียงเข้ามาถาม
“ทำไมหยุดร้องล่ะ ใจลอยคิดถึงใครอยู่”
บัวปฏิเสธอ้างว่าลืมเนื้อ เจียงต่อเนื้อให้ประมาณเตือนสติให้กระต่ายรู้จักเจียมตัว แล้วย้ำอย่าลืมดูหนังสือสอบ บัวรับคำจะตั้งใจเรียนให้จบออกมาดูแลคณะเต็มตัว เจียงส่ายหน้า
“อย่าทำเลยลูก ทำไปก็เหนื่อยเปล่า งิ้วกำลังจะตาย”
“ขึ้นชื่อว่าศิลปะไม่มีวันตายหรอกจ้ะป๊า บัวจะเป็นคนสืบทอดงิ้วต่อจากป๊าเอง”
เจียงแย้งว่าวันข้างหน้าไม่มีใครดูงิ้วแล้ว บัวยืนกรานต่อให้เหลือคนดูแค่คนเดียว ตนก็จะเล่นอย่างสุดความสามารถ ป๊าเป็นคนสอนตนเองให้เราทำดีที่สุด คนก็จะหันมาดูเรา เจียงหัวเราะอย่างขมขื่นว่าบัวดื้อเหมือนใคร บัวสบตาผู้เป็นพ่อยิ้มๆ เจียงรู้ทันจับหัวโยกอย่างเอ็นดู
ooooooo
เช้าวันใหม่ ชยุติแอบเข้ามาในครัวให้จี๊ดเอาจดหมายไปส่งบัวให้ถึงมือ อย่าให้ใครเห็น จี๊ดรับคำอย่างงงๆ...จี๊ดมาเจอบัวกวาดใบไม้อยู่หน้าบ้าน จึงกวักมือเรียกและยัดจดหมายใส่มือ พอบัวรู้ว่าเป็นของชยุติก็ไม่ยอมรับ เผอิญเจียงเดินมาจำต้องรีบซ่อน จี๊ดฉวยโอกาสเดินหนีไป
พอกลับเข้าห้อง บัวเปิดจดหมายออกอ่านเห็นข้อความว่า...อยากจะพูดให้คุณเข้าใจ คอยอยู่ป้ายรถเมล์ปากซอย...บัวกังวลใจอย่างมาก เสียงดำเกิงเคาะประตูเรียก บัวรีบซ่อนจดหมายก่อนจะเปิดรับ ดำเกิงบอกว่าตัดสินใจแล้วจะทำบะหมี่หมูแดงขายเพื่อช่วยเรื่องการเงินอีกทาง แต่ห้ามเจียงรู้เด็ดขาด บัวอาสาจะไปช่วยขายแต่ดำเกิงขอให้บัวมีสมาธิกับการเรียนอย่างเดียว อีกไม่นานก็จะสอบแล้ว ดำเกิงแยกไปหาซื้อรถเข็น บัวตัดสินใจเช่นกันจะต้องพูดกับชยุติให้รู้เรื่อง
ดำเกิงมาร้านขายของมือสอง เถ้าแก่เห็นใจให้รถเข็นที่ล้อพังไปฟรีๆ ดำเกิงดีใจเอากลับมาซ่อมแซม ขณะที่ประคองเข็นกลับบ้าน กนกวิภาเดินดูของร้านริมทาง แล้วหยุดเดินอย่างกะทันหัน ดำเกิงเข็นรถมาหยุดไม่ทันชนเธอล้มลง เธอโวยวายหาว่าเขาแกล้ง เขารีบบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เธอกลับด่าทอมากมายทำให้ดำเกิงหมดความอดทนสวนกลับอย่างเจ็บแสบ
“กรี๊ด...ไอ้บ้าไอ้สถุล”
“เอาสิ ด่าอีก ด่าเข้าไป บอกให้ด่าไง” ดำเกิงย่างสามขุม เข้าหา กนกวิภาขวัญเสียวิ่งหนีหน้าตั้ง เขาหัวเราะอย่างสะใจ นึกว่าจะแน่แค่ไหนเอาจริงก็โกยแน่บ
ขณะเดียวกัน ชยุติรอบัวอยู่ในร้านอาหารอย่างใจจดจ่อ พอบัวเดินมาเขาดีใจรีบเชิญเธอนั่ง เธอจึงบอกว่ามีเรื่องต้องทำความเข้าใจกับเขา ชยุติแปลกใจเรื่องอะไร บัวให้เขาพูดก่อน ระหว่างนั้นกนกวิภาวิ่งหนีดำเกิงเข้ามาหาเพื่อนซึ่งนั่งรออยู่ก่อนในร้าน บ่นอย่างหงุดหงิดว่าโดนพวกงิ้วในซอยบ้านกวนประสาท เพื่อนๆนั่งฟังเธอเล่า
ชยุติเริ่มเรื่องที่จะอธิบายกับบัว “ผมขอแก้ข่าว ผมยังไม่มีแฟน ผมกลัวบัวเข้าใจผิดคิดว่าผมกับยิ่งจันทร์เป็นแฟนกัน”
“คุณจะเป็นแฟนหรือไม่ได้เป็นแฟนกับใครก็ไม่ใช่ ธุระกงการอะไรของฉัน”
“เป็นสิครับ เพราะผมอยากให้บัวรู้ว่า ผม...ผมรู้สึก...”
บัวแทรกตัดบท “มาถึงเรื่องของฉันบ้างดีกว่า...ฉันอยากจะบอกคุณว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันอยากให้คุณเลิกตามตอแยฉันซะที ไม่ว่าคุณจะมีใครหรือไม่มี ฉันก็ไม่เคยสนใจ คุณไม่ต้องมาอธิบายอะไรทั้งนั้น เรื่องของคุณไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย ขอตัวนะคะ”
ชยุติหน้าเสียจะแย้งก็ไม่ทัน บัวลุกหนีเขาจึงตามเรียก เพื่อนกนกวิภาเห็นรีบชี้ให้เธอดูว่านั่นใช่พี่ชายเธอหรือเปล่า กนกวิภาเห็นหลังไวๆก็จำได้รีบตามเขาออกไป
ชยุติตามมาดักหน้าบัวริมทาง ขอคุยให้รู้เรื่องก่อน แต่บัวไม่ฟังขอให้เขารับรู้และทำตามที่เธอบอก เขาไม่ยอม
อ้างความเป็นเพื่อนแต่เด็ก บัวจึงเน้น
“ตอนนั้นเราเป็นเด็ก แต่นี่เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ชีวิตก็มีเงื่อนไขมากขึ้น”
“ระหว่างเรามีเงื่อนไขอะไรเหรอบัว”
บัวเจ็บแปลบจำต้องพูดออกมา “เราสองคนต่างกัน ทั้งฐานะทางสังคมและฐานะทางการเงิน ความคิด การใช้ชีวิตของเราทุกอย่างต่างกันหมด ฉันไม่อยากมีปัญหา”
ชยุติจะแย้งบัวตัดบท “เลิกตอแยฉันซะทีเถอะ ก่อนที่ฉันจะให้คุณไม่ได้แม้กระทั่งคนรู้จัก” พูดจบบัวเดินไปทันที
ชยุติยืนอึ้งมองตามอยู่ตรงนั้น บัวไม่เห็นเขาตามมา ก็หยุดเดิน รู้สึกเจ็บปวดใจและสับสนว่าทำถูกหรือไม่ กนกวิภากับเพื่อนเดินมาขวางหน้า บัวชะงักแล้วจะเลี่ยงหนี แต่กนกวิภาตามราวีด่าว่าบัวเป็นนางงิ้วชั้นต่ำคิดจะจับพี่ชายตนหลอกล่อให้เดินตามต้อยๆ บัวข่มความโกรธสวน
“ค่ะ ฉันเป็นนางงิ้วซึ่งอาจจะเป็นคนชั้นต่ำในสายตาของคุณ แต่ฉันก็ไม่เคยมีความคิดต่ำๆแบบคุณ” กนกวิภาเต้นผาง บัวใส่ต่อ “ขนาดฉันเป็นนางงิ้วชั้นต่ำ ยังคิดแบบนี้ไม่ได้เลย แล้วคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ดีสูงส่งแบบคุณ คิดได้ยังไงคะ”
สองเพื่อนยุแยงกนกวิภาว่าบัวด่าว่าชั้นต่ำ ยอมไม่ได้ กนกวิภาจึงเงื้อมือจะเข้าตบบัว ทันใดเสียงดำเกิงดังขึ้นพร้อมเข็นรถเข้าขวางกลาง ประกาศกร้าวใครกล้าแตะต้องบัวโดนดีแน่
“นี่แกอีกแล้วเหรอ! ลืมไป แกมันพวกเดียวกันนี่”
“แล้วจะทำไม มีปัญหาอะไรวะ” สองเพื่อนด่าว่าหยาบคาย ดำเกิงก้าวเข้าหา “ฉันไม่สุภาพกับผู้หญิง
ปากเสียอย่างพวกเธอหรอก ว่าไง มีปัญหาอะไรกับพวกเรา มากหรือเปล่า”
กนกวิภาทำใจดีสู้เสือ “ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก แค่บอกให้ยัยนี่เลิกยุ่งกับพี่ชายฉันซะ”
ดำเกิงหันมองบัวเห็นเธอหลบตาก็หันกลับมาใส่กนกวิภา “พี่ชายเธอ ไอ้ตี๋ชยุติน่ะเหรอ ฉันว่าเธอกลับไปบอกพี่ชายเธอดีกว่านะว่าอย่ามายุ่งกับบัว อย่ามายุ่งกับพวกเรา ถ้าพูดแล้วไม่ฟังยังมาวุ่นวายกันอีก อย่าหาว่าไอ้เกิ่งไม่เตือนนะ”
“ทำไม แกจะทำอะไรพี่ติ!”
“ฉันยังไม่ทำอะไรไอ้ตี๋นั่นหรอก แต่จะทำน้องสาวมันก่อนนี่แหละ...จะไปได้หรือยัง”
กนกวิภายืนตัวสั่น พอดำเกิงตะเพิดอีกครั้งก็ร้องวี้ด วิ่งกระเจิดกระเจิงไปคนละทางสองทางกับเพื่อนๆ...ดำเกิงหันกลับมาหาบัว เธอหลบตากลบเกลื่อนความรู้สึก
ooooooo
กนกวิภาโทรศัพท์ฟ้องวลี ใส่สีตีไข่มากขึ้น จนวลีโกรธแค้นเข้าใจว่าบัวตามตื๊อชยุติ วลัยและไชโยเสริมอีกว่าคงคิดรวยทางลัด วลีจึงวางแผนถ้าใฝ่สูงก็ต้องโดนสั่งสอน
ดำเกิงพยายามถามบัวว่าจริงอย่างที่กนกวิภาว่าไหม บัวหันมามองหน้าพูดอย่างจริงจัง
“บัวไม่มีวันไปยุ่งอะไรกับเขาหรอก บัวรู้ตัวดีว่าเราเป็นใคร แล้วเขาเป็นใคร ไม่ต้องห่วง”
“ดีเลย...ต่อไปถ้าพวกบ้านนั้นมาหาเรื่องบัวอีก เกิ่งจะจัดให้หนักกว่านี้ เอาให้วิ่งหนีหางจุกตูดกันไปเลยดีไหมบัว”
“ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าเกิ่ง อย่าไปถือสาพวกเขาเลย เดี๋ยวบัวขึ้นไปซ่อมชุดงิ้วก่อนนะ”
ดำเกิงมองตามหลังบัวยิ้มๆ บัวพยายามเตือนตัวเองอย่างที่พูดออกไป...ด้านชยุตินั่งรอกนกวิภาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ครุ่นคิดถึงคำพูดของบัว ตัดสินใจจะไม่ยอมแพ้ กนกวิภาเข้ามานั่งตรงข้าม ชยุติสะดุ้งที่เธอมาเร็ว เธอบอกไม่มีเรียนเลยมาเดินเล่นกับเพื่อนแล้วย้อนถามว่าเขานัดกับใครถึงมาก่อนเวลาตั้งนาน ชายหนุ่มอ้างว่ากลัวรถติดเลยออกมาเร็ว
“ดีค่ะ พี่ยิ่งจันทร์จะได้ไม่ต้องรอนาน ผู้หญิงดีๆ อย่างพี่ยิ่งจันทร์ พี่ติต้องทำดีเอาอกเอาใจพี่เขาไว้ให้มากนะคะ อย่าปล่อยให้หลุดมือเชียว”
“แล้วทำไมพี่ต้องจับคุณยิ่งจันทร์ไว้ด้วยล่ะ”
“ก็เพราะไม่มีใครที่เหมาะสมกับพี่ติเท่ากับพี่ยิ่งจันทร์อีกแล้วน่ะสิคะ ทั้งสวยทั้งดีเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง”
“ความเพียบพร้อมของคนวัดกันที่อะไรยัยหนก”
“ก็หน้าตา ฐานะ ชื่อเสียงเงินทองไงคะ พี่ยิ่งจันทร์มีครบทุกอย่างเลย”
“แต่สำหรับพี่ พี่วัดที่ความดี ความดีที่มาจากเนื้อใน ไม่ใช่แค่ความสวยงามฉาบฉวยที่เปลือกนอก เพราะสิ่งเหล่านี้สุดท้ายมันก็จะเลือนหายไป”
“พี่ติพูดแบบนี้ แสดงว่าพี่ติไม่ชอบพี่ยิ่งจันทร์เหรอคะ?”
ชยุติอ่อนใจบอกแล้วแต่เธอจะตีความ ว่าแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ กนกวิภาบ่นไล่หลังว่าพี่ชายตาถั่วไม่สมกับเป็นพี่ชายตนเลย...
ในเวลานั้น มีชายวัยกลางคนท่าทางร่ำรวยสวมแหวนทองหัวทับทิมเม็ดเท่าไข่ห่าน กำลังเจรจาจ้างคณะงิ้ว ของเจียงไปแสดงในงานแต่งงานลูกสาว ขอเป็นชุดใหญ่ เจียงให้ราคาหนึ่งแสน เขาต่อรอง หลอจึงบอกว่า
อย่าต่อราคาแต่จะแถมเล่นเพิ่มให้อีกหนึ่งชั่วโมง ชายคนนั้นตกลงแต่ย้ำว่าต้องชุดใหญ่และสวยที่สุด เจียงหยิบใบเสร็จจะเขียนค่ามัดจำ ชายคนนั้นท้วงว่าไม่ได้พกเงินมา จะจ่ายทีเดียววันงาน ด้วยความที่อยากได้งาน เจียงจึงยอม
ดำเกิงบอกข่าวชาวคณะว่าให้ซ้อมเล่นงานใหญ่ ตรึงจิตดีใจฝึกร้องยกใหญ่ ไหมฟ้ามาเก็บดอกเบี้ยกับธานีแขวะว่าเสียงหมาถูกน้ำร้อนลวกที่ไหน ตรึงจิตโกรธจะพุ่งเข้าตบ นกขมิ้นต้องรั้งไว้ ดำเกิงจะเข้าช่วยห้ามโดนตรึงจิตด่าจึงปล่อย อยากตีก็ตีกันไป
เจียงได้ยินออกมาห้ามปรามแล้วเชิญธานีเข้ามาดื่มน้ำชา ธานีมาทวงเงินต้นทั้งหมดอ้างมีความจำเป็นต้องใช้เงิน เจียงตกใจจะเอาที่ไหนมาให้ ลงทุนไปกับชุดงิ้วและจ่ายเงินเดือนลูกน้องหมด ไหมฟ้าเปิดสมุดบัญชีอ่าน
“เงินต้นของเก่าสองแสน ของใหม่อีกสองแสนรวมเป็นสี่แสน ดอกเบี้ยต่างหากร้อยละ 7”
หลอท้วงว่าเงินมากมายจะหาที่ไหนทัน ไหมฟ้าสวน รู้ว่าเงินเยอะแล้วกู้ทำไม เจียงขอร้องขอเวลาสักอาทิตย์ ธานีไม่อยากให้แต่ไหมฟ้าขยิบตาให้โอเคและกำชับ
“อาทิตย์นึงถ้ายังไม่เอาเงินมาใช้ ทั้งบ้านทั้งคณะงิ้วนี่ก็ต้องเป็นของเสี่ย ตกลงไหมเถ้าแก่”
เจียงเครียดจัดแต่ต้องรับคำ ธานีแทรกไม่ต้องตกลง เพราะมันอยู่ในสัญญาอยู่แล้ว เจียงเหงื่อตกจะไปหาเงินที่ไหนมาคืนให้
ooooooo
ที่ห้องรับแขกโรงงานน้ำปลา แสงเดือนกับล้วนนั่งคุยกับวลี วลัยและไชโย ชื่นชมเรื่องที่จะขยายโรงงานสวนกระแสเศรษฐกิจช่วงนี้ ยิ่งจันทร์นั่งโพส
ท่าสวยงามฟังผู้ใหญ่คุยกัน แสงเดือนถือโอกาสฝากลูกสาวเข้าทำงาน โอ่ว่าพูดได้ถึงห้าภาษา วลีปลาบปลื้มถามภาษาอะไรบ้าง
“ก็ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น จีนกลาง อ้อ...ตอนนี้จันทร์กำลังฝึกพูดภาษาสวาฮิลีอยู่ด้วยนะคะ
“ต๊าย...บรรเจิดเริ่ดสะแมนแตนซะไม่มี ไม่อยากจะเชื่อเลย นึกยังไงถึงอยากจะทำงานคะหนูจันทร์ อยู่เฉยๆไปวันๆสบายดีออก” วลัยตื่นเต้นสุดๆ
ยิ่งจันทร์ทำเป็นจริงจังว่าอยากทำตัวมีประโยชน์ อยากทำงานเคียงข้างชยุติ วลี วลัยและไชโยปรบมือชื่นชม จะต้องไปบอกข่าวลูกชายให้ดีใจ ยิ่งจันทร์นึกได้ว่ามีนัด ร้องว้าย...ขึ้น บอกมีนัดดูหนังกับกนกวิภาและชยุติ วลีจึงให้เธอรีบไป...
อ่านละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ตอนที่ 4 วันที่ 13 ม.ค.61
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว บทประพันธ์โดย กราตร ศักตาละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว บทโทรทัศน์โดย ยิ่งยศ ปัญญา, สรรัตน์ จิรบวรวิสุทธิ์
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว กำกับการแสดงโดย ธนากร โปษยานนท์
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ผลิตโดย บริษัท ดู เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ควบคุมการผลิตโดย ธัญญา-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ