อ่านละคร ภูผา ตอนที่ 7 วันที่ 5 ก.พ.62
หลังจากภูผาขายปุ๋ยจนได้รับความเชื่อถือมีลูกค้ามากทำให้ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ลุงแสง กับกานต์เห็นแสงนับเงินก็ตาโต ภูผาบอกว่าถ้าลุงกับกานต์อยากได้เงินก็เอาวันหยุดมาช่วยตนขายปุ๋ยสิ“เอา...” ทั้งสองดีใจพยักหน้าคอแทบหัก
ลุงวัฒน์เห็นปุ๋ยของภูผาขายดีก็เชื่อว่าเป็นของดี บอกลุงแสงว่าปุ๋ยไร่เราก็ใกล้จะหมดแล้ว ลองสั่งของภูผามาใช้ดู ลุงแสงดีใจได้ประเดิมลูกค้ารายใหญ่ รีบบอก ภูผาว่านี่ลุงเป็นคนขายนะ กานต์ขอเอี่ยวด้วย
ภูผาเฝ้าดูแลแตงโมคอยวันมาของทอรุ้ง มีเวลาก็เปิดดิกแปลเพลงที่ทอรุ้งส่งมาให้แปลได้เกือบหมดเพลงแล้ว ภูผามีความสุขมาก แตงโมก็โตวันโตคืน เพลงฝรั่งก็แปลได้เกือบหมดแล้ว รอแต่วันที่ทอรุ้งจะมาเท่านั้น
ภูผาให้ลุงแสงช่วยเลือกแตงโมลูกที่หวานที่สุด ลุงแสงเลือกลูกที่บอกว่า “หวานถึงใจ” ให้ ภูผาอุ้มแตงโมไปเก็บไว้ในตู้ห้องครัวอย่างดีแล้วเฝ้ารอวันที่ทอรุ้งจะมา รอแล้วรอเล่า จากรออย่างตื่นเต้นจนกลายเป็นเศร้า แตงโมก็เฉา ทอรุ้งก็ไม่มาสักที
วันนี้ภูผาไปเดินหาซื้อของในตลาดเห็นทอรุ้งมากับชายหนุ่มหล่อมาดดีก็ถึงกับอึ้ง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และยิ่งเมื่อเห็นก่อนจะจากกันชายหนุ่มยังกอดและหอมทอรุ้งอีกด้วย!
ภูผากลับไร่ทวีวัฒน์อย่างคนใจสลาย ลุงแสงออกมาบอกอย่างตื่นเต้นว่า
“ภูผา...ใครมาแล้ว คอยอยู่บนบ้านใหญ่แน่ะ”
ภูผาเย็นชามาก เอาสมุดบัญชีไปวางแล้วกะจะไปถามทอรุ้งเรื่องผู้ชายคนนั้น
แต่เมื่อลุงแสงเจอทอรุ้ง เธอถามว่าภูผายังไม่กลับหรือ ลุงแสงถามว่ายังไม่เจอกันอีกหรือ เห็นภูผารีบเดินมาทางนี้ บ่นๆ “แล้วมันไปไหนของมันวะ”
ทอรุ้งเดินหาภูผาเจอเขานั่งเหม่ออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็เข้าไปจ๊ะเอ๋อย่างร่าเริง แล้วขอนั่งด้วยคน เห็นภูผาเย็นชา เฉยเมยถามว่าเป็นอะไร ไม่ดีใจที่ตนกลับมาเหรอ
ภูผาถามว่าทำไมตนต้องดีใจ ทอรุ้งหน้าเสียถามว่าทำไมพูดแบบนี้ล่ะ
“มีความสุขมากเหรอที่ปั่นประสาทคนอื่นได้น่ะ” ทอรุ้งถามว่าตนทำอะไร ตนเพิ่งมาถึงนะ “ถ้ามาแบบนี้อย่ามาซะยังจะดีกว่า
“ภูผา...” ทอรุ้งรับไม่ได้กับท่าทีเย็นชาและคำพูดรุนแรงของภูผาซ้ำพูดแล้วลุกเดินหนีไปอีก ทอรุ้งอึ้ง มึน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จนมาเจอลุงแสงที่ถือแตงโมลูกแห้งเหี่ยวมาบอกว่าภูผารอเธอมากินจนมันแห้งเหี่ยวแล้ว บอกว่าลุงจะไปตัดมาให้ใหม่ ทอรุ้งถามว่าภูผาโกรธตนที่มาช้าหรือ ลุงแสงว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ทอรุ้งคิดๆแล้วนึกได้สงสัยว่าภูผาจะเห็นพี่วินที่มาส่งตนแน่เลย
ทอรุ้งไปง้อขอให้มาคุยกันดีๆได้ไหม ฟังตนอธิบายหน่อยได้ไหม ภูผาก็เอาแต่เดินหนี แต่ทอรุ้งก็ไม่ละความพยายามตามไปบอกว่าตนไม่อยากจากกันโดยไม่ได้อธิบาย แล้วเล่าให้ฟังว่า พี่วินเป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเขาเพิ่งเรียนจบกลับมา ยังติดธรรมเนียมฝรั่งกอดหอมแก้มกัน อธิบายแล้วมองหน้าบอกว่า
“ภูผาจะเชื่อหรือไม่เชื่อรุ้งก็ได้ แต่รุ้งพูดความจริง รุ้งไม่อยากให้ภูผาเข้าใจผิด แต่ถ้ารุ้งอธิบายแล้วภูผายังไม่ฟัง...รุ้งก็...”
ทอรุ้งพูดไม่ทันจบภูผาก็โผกอดเธอแน่น ทอรุ้งได้แต่อึ้ง กอดกันอยู่จนใจนิ่งแล้ว ภูผากำชับว่า
“ทีหลังอย่าให้ใครมาทำแบบนั้นกับรุ้งอีก...บอกเขาด้วยว่าถ้าเราเจอเขา แล้วเห็นเขาทำแบบนั้น เราจะเข้าไปชกเขา...” ทอรุ้งดันตัวออกมาจะพูด ภูผาดึงเข้าไปกอดแน่น “ห้ามพูด แค่พยักหน้าก็พอ”
แต่ทอรุ้งก็ไม่ยอมพยักหน้า ทั้งสองจึงยืนกอดกันนิ่งอยู่อย่างนั้น...
เมื่อเคลียร์แล้ว ความรักความเข้าใจกันก็ยิ่งแน่นแฟ้น วันนี้ภูผาจึงผ่าแตงโมที่ลุงแสงไปเก็บมาให้ใหม่ให้ทอรุ้งชิม เธอชมว่าหวานชื่นใจจริงๆ ถามว่านี่ภูผาปลูกเองจริงๆหรือ ภูผาบอกว่าลุงแสงเป็นพยานได้
“จริงครับคุณรุ้ง แต่ลุงแอบเห็นนะว่าภูผาใส่เคล็ดลับอย่างอื่นไปด้วย เป็นเคล็ดลับที่ใครก็ทำไม่ได้”
ทอรุ้งพาซื่อถามว่าเคล็ดลับอะไร ภูผาบอกว่าก็ปลูกไปตามที่ลุงแสงสอน หรือว่าปุ๋ยของตนดี
“ปุ๋ยมันก็ดีของมันปกติ แต่เธอใส่หัวใจลงไปไง ลุงเฝ้าดูเธอตลอด ปลูกแปลงอื่นก็ไม่เห็นจะใส่ใจแบบนี้เลย ไม่รู้ไอ้แปลงนี้มันมีอะไรพิเศษ”
ถูกลุงแสงแซว ภูผามองทอรุ้งยิ้มสดชื่น ทอรุ้งเพิ่งรู้ตัวได้แต่ยิ้มเขิน
วันต่อมา ภูผาให้ทอรุ้งซ้อนท้ายจักรยานผูกตาและใส่หน้ากากกาโม่ไม่เจาะลูกตา ทอรุ้งถามว่าจะพาไปไหน ถ้าไม่บอกตนจะโดดลงเดี๋ยวนี้
ภูผาพาทอรุ้งไปที่เพิงขายปุ๋ย มีปุ๋ยกองอยู่ 3-4 ตั้งบอกว่าถึงแล้ว บอกให้เตรียมตัวดีๆ แล้วแกะผ้าผูกตาออก ทอรุ้งเห็นเพิงขายปุ๋ย อุทาน “นี่ภูผาทำเองเลยเหรอ”
“ใช่ ทำเสร็จหลายวันแล้ว แต่เรารอให้รุ้งมาเปิดร้านวันแรก”
“น่าสนุกจัง งั้นวันนี้รุ้งนั่งขายเป็นเพื่อนนะ”
ภูผาหันไปเรียกกานต์ให้มาช่วยกันยกป้ายร้าน “ปุ๋ยทวีวัฒน์” ขึ้นติดหน้าแผง พูดอย่างร่าเริงว่าป้ายใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครเห็นก็ให้มันรู้ไป
“ทำไมไม่ใช้ชื่อปุ๋ยภูผาล่ะ ภูผาเป็นคนทำเองทุกขั้นตอนไม่ใช่เหรอ”
“ลุงวัฒน์เป็นคนให้ทุนมา เราเป็นแค่เด็กในไร่ไม่มีคนเชื่อถือหรอก ใช้ชื่อลุงวัฒน์คนรู้จักทั้งอำเภอแถมทำไร่มานานเป็นเครื่องการันตีว่าปุ๋ยดีแน่นอน” ทอรุ้งชมว่าหัวคิดดีเหมือนกันนี่ ไปเรียนมาจากไหนล่ะ “ไม่เห็นต้องเรียนเลย เราขายของมาตั้งแต่เด็กๆ ก็สังเกตเอา”
ทอรุ้งเอากล้องถ่ายรูปที่แขวนคอมา ถ่ายรูปเพิงขายปุ๋ยไว้เป็นที่ระลึก เรียกภูผาให้ไปยืนเป็นหุ่นให้หน่อย ภูผาไม่ยอมไปยืน บอกว่าไม่เอา...ไม่ถ่าย...
ooooooo
วันนี้เส็งบอกเดือนให้เป็นเพื่อนไปเยี่ยมเวหาหน่อย เดือนถามว่าไปเยี่ยมทำไม ถ้ามันอยากจะเจอเรา มันก็กลับมาเอง แต่นี่หายหน้าไปเลย โผล่มาทีก็มีแต่มาเอาเงิน ขอทีละ 2–3 เดือนเพราะขี้เกียจมาทุกเดือน
“ก็ลูกมันเรียนหนัก ลื้อก็ต้องเข้าใจมันบ้าง น่านะ ไปเป็นเพื่อนอั๊วหน่อยนะเดือน”
ทั้งสองไปถึงหอพักนักศึกษาแพทย์ก็ไม่รู้ว่าเวหาอยู่หอไหน พอดีมีนักศึกษาเดินมา เส็งเข้าไปถามเขาบอกว่า ต้องไปบอกเจ้าหน้าที่ให้เรียกให้ เส็งกับเดือนเดินเข้าไปในโถงหอ ถามหาลูกชื่อเวหาให้เรียกให้หน่อย แต่อยู่หอไหนก็ไม่รู้ เจ้าหน้าที่กำลังจะเปิดหารายชื่อ ก็พอดีเวหาเดินลงมา เขาเห็นเส็งกับเดือนก่อน เวหาพยายามจะหลบแต่มีคนเดินลงมาชนกันพอดี เส็งเลยเห็นร้องทักดีใจ
“อาเวหา!”
เวหาพาเส็งกับเดือนไปเดินคุยกันที่สวนหลังหอพัก ถามว่าป๊ากับแม่มาทำไมตนจะอ่านหนังสือ เส็ง บอกว่าเห็นไม่กลับบ้านก็มาเยี่ยมเผื่อป่วยไข้เป็นอะไรไป เวหาบอกว่าป่วยตนก็ดูแลตัวเองได้ เห็นว่าตนสบายดีก็กลับไปได้แล้ว เส็งจึงชวนเดือนกลับลูกจะได้อ่านหนังสือ
“ไล่กลับก็ดี ว่าจะเอาเงินมาให้ซะหน่อย”
พอรู้ว่าป๊ากับแม่เอาเงินมาให้ก็บ่นว่าเอาเงินมาให้ก็ไม่บอก เร่งให้เอามาเลย พอได้เงินแล้วก็บอกว่าทีหลังไม่ต้องมา เงินน่ะตนไปเอาเองที่บ้านก็ได้ พูดแล้วเดินออกไปเลย ทิ้งให้เส็งกับเดือนมองหน้ากันจ๋อยๆ
ooooooo
ทอรุ้งช่วยภูผาขายปุ๋ยที่แผง ภูผาบอกว่าถ้าเบื่อก็กลับไปก่อนตนขายคนเดียวก็ได้ ทอรุ้งยืนยันว่าตนบอกแล้วไงว่าจะมาขายเป็นเพื่อน ภูผามองหน้าทอรุ้ง นึกได้เอ่ยขึ้น...
“You have got a friend...” ทอรุ้งถามว่าพูดอะไรนะ “เธอยังมีเพื่อน ชื่อเพลงที่รุ้งเขียนมาไง...เราแปลได้หมดทั้งเพลงแล้วนะ”
“จริงเหรอ ไหนขอฉันดูหน่อยสิ”
“...เมื่อเธอเศร้าและมีปัญหา เมื่อเธอปรารถนาความรักและห่วงใย เมื่อไม่มีสิ่งใดถูกเลยสักอย่าง” ทอรุ้งมองหน้าภูผา เขาหลับตาท่องต่อ “เพียงหลับตาแล้วนึกถึงฉัน โดยพลัน...ฉันจะไปอยู่ตรงนั้น ส่องแสงให้คืนอันมืดมิดสว่างไสว”
“นี่ภูผาจำได้หมดเลยเหรอ” ทอรุ้งตื่นเต้นมาก
ภูผาบอกว่าตนแปลอยู่ตั้งหลายเดือนแก้ไปแก้มาอยู่หลายรอบ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ แล้วเป็นไง มีผิดตรงไหนบ้างรึเปล่า ทอรุ้งบอกว่าเพอร์เฟกต์ ภูผาบอกให้สะกดซิ พลางหยิบดิกชันนารีที่ซุกอยู่ออกมาเปิดหา
ทอรุ้งยิ้มดีใจที่ภูผาเอาจริงเอาจัง
ที่โรงพยาบาลพิทักษ์ราษฎร์ สายวันนี้ทอรักเดินหน้าเชิดเข้าไป พนักงานต่างไหว้สวัสดีทักทาย เธอเพียงแต่พยักหน้ารับนิดๆแล้วเดินผ่านไป พนักงานซุบซิบว่า “หยิ่งเป็นบ้าเลย มาก็สาย ถือว่าเป็นลูก ผอ.” อีกคนรีบจุ๊ปากให้เงียบ
ทินราชเดินผ่านโต๊ะทำงานของทอรักเห็นเธอนั่งส่องกระจกเติมหน้าอยู่อย่างไม่รู้จะทำอะไร จึงเอาแฟ้มเอกสารกองโตมาให้เลือกว่า สนใจฝ่ายไหนให้บอก ทอรักให้พ่อเลือกมาให้เลยดีกว่า ตนทำแผนกไหนก็ได้อยู่แล้ว พ่อบอกว่าการทำงานต้องทำในสิ่งที่เราชอบเราถนัดถึงจะทำได้ดี ทอรักบอกว่าก็ตนไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร
“เฮ้อ...แม่เขาเลี้ยงลูกมาแบบไหนกัน”
“ไหนว่าไม่เคยโทษแม่ไงคะ” ทอรักสวนทันควันแล้วเบือนหน้าหนี ทินราชได้แต่มองลูกอย่างผิดหวัง
ooooooo
ภูผาเปิดร้านขายปุ๋ยมาได้ 5 วันแล้วแต่ยังขายไม่ได้เลยสักถุง ภูผากับทอรุ้งจึงไปหาลุงวัฒน์ ลุงวัฒน์ให้กำลังใจว่าแรกๆก็แบบนี้แหละ ขอให้อดทนไปก่อนจนกว่าจะเป็นที่รู้จักกัน
ภูผาถามว่าหรือตนจะตระเวนส่งตามสวนอย่างเดียวดี ลุงวัฒน์บอกอย่าเพิ่งท้อ ส่งได้แค่ 4-5 รายมันจะโตอะไร ทอรุ้งเห็นภูผาหน้าจ๋อยก็สงสารมาก
วันต่อมามีคนมาถามซื้อปุ๋ยแต่เช้า พอจ่ายเงินแล้วก็ขับรถออกไป ภูผานับเงินเห็นว่าให้เกินมาก็รีบปั่นจักรยานตามไปคืน จึงรู้ว่าชายคนนั้นซื้อปุ๋ยเอาไปกองไว้ที่ศาลาเห็นทอรุ้งอยู่ที่นั่นยื่นเงินให้ชายคนนั้น ภูผารู้ทันทีว่าทอรุ้งจ้างคนไปซื้อปุ๋ยให้เห็นว่าขายดี ภูผาจะได้มีกำลังใจ
ภูผาไม่พอใจมากบอกทอรุ้งว่าอย่าช่วยตนด้วยวิธีนี้ ตนไม่อยากดูน่าสมเพชในสายตาใคร ถ้ามันจะเจ๊งก็ให้มันเจ๊งอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ขายได้เพราะรุ้งมาช่วยซื้อ ตนรู้ว่ารุ้งรวยแต่ไม่ต้องมาทำแบบนี้ ตนไม่ต้องการ
“ภูผา...” ทอรุ้งเสียงเว้าวอน แต่ภูผาหันหนีไม่ยอมมองหน้า “ภูผารู้ไหม 3 เดือนที่ผ่านมา รุ้งโทร.หาลุงวัฒน์ทุกวันเพื่อถามความเป็นไป พอสอบเสร็จรุ้งก็รีบมา รุ้งอยากมาอยู่เป็นกำลังใจให้...แต่ถ้าภูผาจะตีความตั้งใจของรุ้งผิด รุ้งก็ขอโทษ รุ้งคงยุ่งกับภูผามากไปจริงๆ รุ้งทำผิดไปหมดทุกอย่างในสายตาของภูผา”
ทอรุ้งร้องไห้ขึ้นรถขับออกไปเลย พอภูผาเห็นน้ำตาทอรุ้งก็ตกใจ รู้ตัวว่าพูดแรงไป
ลุงแสงเห็นทอรุ้งร้องไห้กลับมาก็เดาว่าคงทะเลาะกับภูผามา ถามจนภูผายอมเล่าให้ฟัง ลุงแสงจึงไปเล่าให้ลุงวัฒน์ฟัง ลุงวัฒน์พูดอย่างผู้ใหญ่ที่มีความเข้าใจดีว่า
“ฉันเข้าใจภูผานะ เด็กมานะอดทน อยากภาคภูมิใจด้วยหยาดเหงื่อของตัวเองเจอยัยรุ้งทำแบบนี้ก็คงทนไม่ได้” ลุงแสงบอกว่าสงสารคุณหนูรุ้งที่หวังดีแท้ๆ “แต่แสงก็รู้ว่ามันไม่ถูกวิธี คนเราต้องยอมรับความจริงและความล้มเหลว มันมีข้อดีในตัวของมันเพราะมันเป็นบททดสอบจิตใจว่าเราเข้มแข็งพอจะต่อสู้รึเปล่า”
“อ้าว...แล้วแบบนี้จะให้ใครไปขอโทษใครล่ะครับ”
“เรื่องของพวกเขา ก็ให้พวกเขาเรียนรู้และแก้ไขกันเองสิ แสงไม่ต้องไปยุ่งหรอก”
“แฮะๆ...โดนอีกแล้ว...”
ooooooo
ภูผารู้สึกผิดที่พูดแรงกับทอรุ้งเกินไปพยายามง้อหลายครั้งทอรุ้งก็ไม่หายงอน ได้ลุงแสงภูที่ใกล้ชิดสนิทสนมทั้งสองคนคอยลุ้นหาโอกาสผลักดันให้ภูผาง้อ จนในที่สุดทอรุ้งใจอ่อน
ภูผาขอโทษทอรุ้ง เธอบอกไม่ต้องขอโทษหรอกเขาไม่ผิด ภูผาบอกว่าตนพูดกับเธอแรงเกินไป ทอรุ้งบอกว่าตนก็ผิดที่วุ่นวายกับชีวิตเขามากเกินไป
ทั้งสองต่างเห็นว่าตัวเองผิดและสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ความสัมพันธ์จึงหันหน้าเข้าหากันยิ้มสู้กับปัญหาต่อไป ช่วยกันขายปุ๋ยที่นับวันชาวสวนชาวไร่ให้ความเชื่อถือและหันมาซื้อปุ๋ยตรา “ทวีวัฒน์” มากขึ้น
เมื่อสรุปงาน ปรากฏว่าไม่กี่เดือนขายปุ๋ยได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ปุ๋ยก็ขายหมดเกลี้ยง ภูผาเอาเงินต้นและกำไรไปให้ลุงวัฒน์ ลุงวัฒน์เอาแต่ส่วนที่ยืมไป ส่วนกำไรคืนภูผา บอกว่าเอาไว้ลงทุนต่อไปหากได้ลงทุนมากกว่านี้ตนจะร่วมหุ้นด้วย
ภูผากลับมาที่ไร่เดินมาหาทอรุ้งที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่เรียกอย่างไรก็ไม่ตอบ พอเดินเข้าใกล้ทอรุ้งก็พลัดตกจากเก้าอี้ ภูผาตกใจรีบช้อนตัวอุ้มพาไปหาหมอ
หาหมอกลับมานอนพักที่บ้าน ภูผาเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดจนเธอตื่นขึ้นมา ภูผาขอโทษ บอกว่าต่อไปนี้จะไม่พาเธอไปตะลอนๆช่วยขายปุ๋ยอีกแล้ว แต่ทอรุ้งบอกว่าหายเมื่อไหร่ก็จะไปช่วยขายปุ๋ยอีก
ตกเย็นทอรุ้งหนาวสั่นอีก ภูผากอดให้หายหนาว พอดีลุงวัฒน์เข้ามาถามว่า “ภูผา เธอทำอะไรน่ะ” ภูผาบอกว่าทอรุ้งหนาว ลุงวัฒน์ให้วางลงและหายาให้กินเสีย ถามว่าแล้วทำไมนกไม่มาเฝ้า ภูผาบอกว่าตนอยากเฝ้าเอง
“เดี๋ยวฉันจะตามนกมาเฝ้าแทนเธอ ภูผาเธอต้องเลือกแล้วล่ะ มีโทรเลขมาหาเธอ คนงานเพิ่งเอามาให้ อาม่าเธอไม่สบาย”
ลุงวัฒน์ยื่นโทรเลขให้อ่าน“ย่าป่วยกลับด่วน” ภูผาฝากลุงแสงให้ช่วยดูแลทอรุ้งแล้วออกเดินทางเลย
ooooooo
พอถึงบ้านพักคนชราเจ้าหน้าที่บอกว่าอาม่าป่วยได้สองวันแล้วเพ้อถึงแต่ชื่อภูผา เลยต้องโทรเลขไปตาม หมอบอกว่าเป็นไข้ธรรมดาเพราะอากาศเปลี่ยน คนแก่เป็นกันเยอะ
เมื่อภูผาเข้าไปหาอาม่า อาม่าถามว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ไปทำงาน ภูผาบอกว่าก็อาม่าป่วยตนมาดูแล อาม่าบอกว่าตนไม่เป็นอะไรให้กลับไปทำงานเสีย เดี๋ยวเถ้าแก่จะว่าเอา ภูผาบอกว่าตนลาแล้วและจะอยู่จนกว่าอาม่าหายค่อยกลับ
“เด็กโง่เอ๊ย...ไหนสัญญากับม่าแล้วไงว่าถ้าเงินยังไม่เต็มถุงจะไม่กลับมา”
“แล้วอั๊วจะมีเงินไปทำไมถ้าไม่มีม่า”
“ลื้อนี่คิดไม่ได้หรือไง อีกไม่เท่าไหร่ม่าก็ไม่อยู่แล้ว แต่ลื้อสิต้องอยู่อีกนาน ถ้าไม่ทำงานเก็บเงินแล้วจะอยู่ยังไง ไปๆๆ กลับไปซะ”
ภูผาบอกว่าช่วงนี้เป็นวันหยุดลุงวัฒน์เลยให้ตนลากลับบ้านได้หลายวัน กระนั้นอาม่าก็ยังเร่งให้กลับ หยุดนานไปเดี๋ยวขี้เกียจ ไม่ต้องห่วง ม่าอยู่ได้ พูดแล้วไอค่อกแค่ก
ภูผากอดอาม่าไว้ด้วยความเป็นห่วง อาม่ากอดและเอามือลูบหัวอย่างที่เคยทำ...
พอแดงรู้ว่าภูผากลับมาและจะมาพักที่ร้านโชคดีก็พามาที่ร้าน บอกว่าดีแล้วช่วยทำความสะอาดด้วย ตนให้อยู่ฟรีและไม่บอกเส็งด้วย
“ขอบคุณครับลุง”
“ไม่ต้องขอบคุณ จะว่าไปนี่มันก็บ้านเอ็ง” ยื่นกุญแจให้บอกว่า “จะกลับเมื่อไหร่ก็เอามาคืน”
พอภูผาเข้าบ้านก็แปลกใจที่บ้านสะอาดเรียบร้อยมาก ที่แท้ต้อยติ่งแอบมาทำไว้ก่อนแล้ว ภูผาถามว่ารู้ได้ยังไงว่าตนจะมาพักที่นี่
ต้อยติ่งบอกว่าได้ยินคนที่ตลาดพูดกันตนเลยรีบมา ต้อยติ่งดูเศร้าและเงียบไปมาก ภูผาถามว่าแล้วสมคิดเป็นยังไงบ้าง ต้อยติ่งนิ่งไปนานจนต้องถามซ้ำจึงบอกว่า
“เดี๋ยวนี้พี่สมคิดเขาเปลี่ยนไปมาก...พักหลังพี่คิดเขามีแผลฟกช้ำดำเขียวกลับบ้านแทบทุกวันเลยถามก็ไม่ตอบว่าไปโดนอะไรมา แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น เวลาเขาเมากลับมาทีไรก็มาอาละวาดใส่คนที่บ้านตลอด หลายครั้งเข้าพี่เขยทนไม่ไหวก็มีเรื่องชกต่อยกัน เป็นอย่างนี้อยู่ประจำ จนต้อยติ่งทนไม่ไหวแล้ว บ้านมันไม่ใช่บ้านเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
ต้อยติ่งเล่าอย่างอัดอั้น ภูผาฟังแล้วบอกให้พาตนไปหาไอ้คิด ต้อยติ่งว่าอย่าไปเลย ทะเลาะกันเปล่าๆ ภูผาลากต้อยติ่งไปบอกว่าจะไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง
พอไปถึงบ้าน เจอสมคิดนั่งกินเหล้าอยู่หน้าบ้านคนเดียว โยนถั่วเข้าปากแต่ไม่เข้าสักเม็ด
“ไอ้คิด มาคุยกันหน่อยซิ”
“อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็ภูผาเพื่อนรักนี่เอง ไม่ได้เจอกันซะนาน มา...มาซักกรึ๊บสองกรึ๊บ”
สมคิดดึงภูผาให้มานั่ง ภูผาถามว่ารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ สมคิดตอบกวนๆว่า
“กินเหล้าอยู่สิถามได้”
“เลิกกินเหล้า แล้วเอาเวลาไปทำหน้าที่ของลูกผู้ชายได้แล้ว พ่อ แม่ พี่สาว น้องสาวแกเคยดูแลเขาบ้างไหม หรือเอาแต่สร้างความเดือดร้อน” สมคิดว่าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของตน จะเข้าไปแย่งเหล้าคืน
“จะกินให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ!!!” ภูผาปาขวดเหล้าแตก ทุกอย่างเงียบงันทันที
“กินเพื่อให้ลืมเพื่อนเลวๆอย่างมึงไง มึงรู้ไหมว่าตั้งแต่มึงออกจากแก๊ง กูโดนพวกมันทำอะไรบ้าง มึงมันเอาตัวรอดอยู่คนเดียว มึงทิ้งกู!”
“กูชวนมึงออกมาด้วยกันแล้ว ทำไมมึงไม่ออก”
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ภูผา ตอนที่ 7 วันที่ 5 ก.พ.62
บทประพันธ์โดย สลิลาบทโทรทัศน์โดย สลาลิ
กำกับการแสดงโดย ณัฏฐ์กรณ์ สุทธาวาส
ผลิตโดย บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ