อ่านละคร เพชร ตอนที่ 7 วันที่ 27 ก.พ.62
“มากเหรอ...สองครั้งสองหนที่ลื้อช่วยชีวิตอั๊ว อาเพชร อั๊วจะทำอะไรให้ลื้อเท่าไหร่มันก็ทดแทนกันไม่ได้ ลื้อเข้าใจไหม”ในที่สุดเพชรก็รับการช่วยเหลือจากเฮียเพ้งด้วยความซึ้งใจ รินทร์นั่งฟังอยู่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ พอแก้วตารู้ก็ยกมือท่วมหัวอวยพรให้งานของเพชรเจริญก้าวหน้าด้วยดี อย่าให้มีอุปสรรคใดๆเลย
ไกรสร ยุทธ โต้งกับโก้และเพชรช่วยกันรับซ่อมรถอย่างจริงจังด้วยความรับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ย่าพุดกับพิมก็ช่วยดูแลเรื่องอาหารและการต้อนรับลูกค้า ทุกคนทำงานกันอย่างมีความสุข จนเพชรเสนอกับหุ้นส่วนรินทร์ว่าเห็นทีเราจะต้องขยับขยายกันแล้ว รินทร์เห็นด้วย
เพชรหาที่ได้ในซอยอีกฝั่งไม่ไกลจากที่นี่ มีบริเวณกว้างแต่ค่อนข้างรกต้องปรับที่ตัดหญ้าและซ่อมอาคารเล็กน้อย เพชรคิดจะไปหาคนมาช่วยจึงไปที่บ้านครูหมาย แต่ชาญวิทย์ติงว่าช่วงนี้เขาไม่ควรไปเพราะแถบนั้นค่อนข้างสับสน มีคนแปลกหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนบ่อยๆ ที่สำคัญบ้านเพชรเดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นซ่องไปแล้ว
เพชรไม่สบายใจจึงไปซุ่มดู เจอเอบอกว่าเมื่อเพชรก้าวออกไปจากที่นี่แล้วก็ไม่ควรมาอีก แต่ควรไปให้ไกลๆ ไปให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างเราจะทำได้ แต่ตนไม่มีโอกาสได้ทำอย่างเพชรแล้ว บอกให้ลูกน้องสองคนไปส่งเพชรให้ถึงฝั่งโน้น บอกเพชรว่า
“ไป...กลับไปเดินบนเส้นทางของเอ็งได้แล้ว”
พอเพชรไป เอก็หันสั่งป๋องว่า
“เอ็งไปเคลียร์เด็กเดินยากับยาของเราทั้งหมด อย่าให้เหลือที่นี่ แล้วรีบส่งข่าวให้หมวดชาญเหมือนเดิม อ้อ...วางคนไว้คอยดูนังพวกนั้นในบ้านของเพชรด้วย ให้มันโดนตำรวจต้อนไปยังดีกว่า อย่าให้มันโดนแขกทำร้ายจนตายเลย”
สั่งแล้วเอมองไปที่บ้านเพชรด้วยความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆในใจ...
ooooooo
ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่นานอู่ใหม่ของเพชรกับรินทร์ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ทุกคนยิ้มแย้มอย่างมีความสุขกับงานที่ทำ
แต่ที่อู่เฮียตง มาวันนี้สภาพเหมือนอู่ร้าง ตี๋ก็ไม่สนใจนั่งอ่านนิตยสารดูทีวีฟังเพลงอย่างไม่ทุกข์ร้อน เฮียตงเดินมาดูถามตี๋ว่าทำไมไม่ไปทำงาน อู่ไม่มีรถมาซ่อมหรือ ตี๋บอกว่ามีแต่ไม่มีช่าง
เฮียตงถามว่าช่างที่เตี่ยหามาให้ล่ะ ตี๋บอกว่าน่ารำคาญสั่งอะไรก็ไม่เข้าใจเลยให้ณรงค์ไล่ออกไปหมดแล้ว
เฮียตงถามว่าเขาเป็นเจ้านายประเภทไหน เป็นเจ้าของอู่ที่ไม่รู้เรื่องงานของตัวเอง มาดูแลอู่ตั้งหลายปี เข้าใจงานของตัวเองดีหรือยัง ตี๋โวยวายว่าทำไมต้องรู้ เรามีเงินก็จ้างให้มันทำแทนเราสิ บ่นเฮียตงว่า
“เตี่ยอย่ามาหาเรื่องด่าอั๊วเลย มันก็แค่อู่กระจอกๆ อั๊วไม่ทำ เตี่ยไม่ทำ เราก็ไม่อดตายหรอกน่า”
ตี๋ลุกเดินผ่านเฮียตงไปอย่างหงุดหงิด
ที่บ้านเสี่ยทรงชัย เสี่ยยื่นเงินให้ณรงค์ปึกใหญ่บอกว่านี่คือรางวัลสำหรับความกล้าและบ้าบิ่นที่ยุให้ตนเหยียบถิ่นไอ้เอ ณรงค์ไหว้อย่างนอบน้อมขอบคุณที่เสี่ยกรุณาตน
ขณะนั้นปริมเดินผ่านห้องรับแขกไปอย่างอ่อนระโหยโรยแรง เสี่ยบอกว่าปริมเป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว ชี้ว่าเพราะเรื่องเพชรนั่นแหละไม่รู้ทำไมถึงหลงมันนักหนา ณรงค์ยุว่าไอ้บ้านั่นมันเก่งเรื่องแบบนี้ สร้างภาพตัวเองให้ดูดีหลอกลวงคนให้หลงเชื่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมือขึ้นมีคนช่วยมันหลายคน แล้วขอตัวไปคุยกับปริมเผื่อจะทำให้เธอดีขึ้น
เสี่ยพยักหน้าอย่างเบื่อหน่าย ณรงค์ลุกไปอย่างนอบน้อม
ที่ลานจอดรถอู่ใหม่ของเพชร...เย็นนี้ไกรสรดูแลความเรียบร้อยของอู่แล้วก็ปิดประตูล็อกดูความเรียบร้อยรอบๆ ก่อนขี่จักรยานออกไปจากลานจอดรถ
ไม่นานก็มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งออกจากที่รกร้างข้างอู่มองไปทั่วบริเวณแล้วพยักหน้าให้กัน พวกมันเดินมาพร้อมกับถังน้ำมันคนละถังกระจายกันสาดน้ำมันไปทั่วบริเวณรวมทั้งรถกระบะที่จอดอยู่สองคัน แล้วคนหนึ่งก็จุดไฟโยนเข้าไปในแอ่งน้ำมันหน้ารถกระบะคันหนึ่งทันที
ooooooo
เพชรกับรินทร์นั่งรถมาด้วยกัน คุยกันอย่างตื่นเต้น เต็มไปด้วยความหวัง...
“ถึงรินทร์จะเชื่อมาตลอดนะคะพี่เพชร ว่าคนเราทำดีแล้วต้องได้รับอะไรดีๆตอบแทนกลับมาบ้าง แต่ครั้งนี้กับสัญญาว่าจ้างครั้งนี้ มันมากมายเหลือเกินค่ะ ถึงคุณพลกับคุณเพ้งจะบอกว่ามันไม่ได้มากมายอะไรเลยถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่เพชรช่วยและดูแลพวกเขาสองคนมาตลอด”
“พี่ขอยกความดีทุกอย่างให้ย่าเลยจ้ะรินทร์ เพราะย่าคนเดียวที่ทำให้พี่ยึดมั่นและศรัทธาในการทำสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเพื่อตัวเองหรือคนอื่นก็ตาม...และถ้าเราพยายามทำแต่สิ่งดีๆมันก็จะดึงดูดคนดีๆเข้ามาอยู่ในชีวิตของเราด้วย...รินทร์เชื่อแบบนั้นไหม”
“เชื่อเต็มหัวใจเลยค่ะ อยากให้ทุกคนรู้เรื่องสัญญาขนส่งงวดนี้เร็วๆจังเลยค่ะ”
“งั้นเราแวะไปรับพ่อแล้วรีบกลับบ้านดีกว่านะ จะได้บอกข่าวดีกับทุกๆคนไปพร้อมกัน”
รินทร์พยักหน้ายิ้มอย่างมีความสุข...
เวลาเดียวกันไกรสรปั่นจักรยานมาถึงกลางซอยปรากฏว่าที่บันไดจักรยานมีปัญหา ลงมาดูแล้วหัวเราะขำตัวเองที่ซ่อมรถให้คนอื่นแต่ไม่ดูรถของตัวเองเลย กะระยะทางแล้วตัดสินใจกลับไปที่ลานจอดรถคิดว่าพอจะซ่อมได้ แต่พอเข็นจักรยานไปได้ระยะหนึ่งก็เห็นควันดำพุ่งโขมงจากลานจอดรถ เขาทิ้งจักรยานวิ่งไปทันที
พอไปถึงลานจอดรถ เห็นที่รถกระบะทั้งสองคันไฟกำลังลุกโชนและตามพื้นที่มีแอ่งน้ำมันไฟก็กระพือท่วม ไกรสรตะลึงทำอะไรไม่ถูก แต่พอนึกถึงสินค้าของเพชรที่อยู่ในโกดังก็วิ่งฝ่าเปลวไฟเข้าไปทันที
แม้ร่างกายจะไม่สมประกอบมือใช้ไม่ถนัด แต่ไกรสรก็พยายามสุดชีวิตที่จะขนสินค้าที่เพชรจะเอาไปส่งขึ้นรถเข็น พยายามลากออกไปอย่างทุลักทุเล สำลักควันไฟไอจนหายใจไม่ออกก็ไม่ยอมแพ้
เพชรกับรินทร์เข้ามาเห็นควันไฟ ใกล้เข้าไปเห็นจักรยานของพิมก็ยิ่งตกใจรีบขับรถไปที่ลานจอด
ไกรสรลากรถเข็นเอากล่องสินค้าออกมา นึกได้อุทาน “เงินของเพชรกับพิม” ก็วิ่งกลับเข้าไปอีกพอดีเพชรกับรินทร์มาเห็นตกใจร้องเรียก “พ่อ!...ลุง!” แต่ไกรสรวิ่งเข้าไปแล้ว เพชรกระโดดลงจากรถวิ่งตามไปแต่เสียงระเบิดจากรถกระบะทำให้เขาต้องหลบ รินทร์กำลังจะลงจากรถตะโกนถาม
“พี่เพชร...เป็นอะไรไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เพชรตะโกนตอบแล้ววิ่งเข้าโกดังเก็บสินค้า รินทร์ชะเง้อมองด้วยความเป็นห่วง
เพชรเข้าไปในโกดังเห็นไกรสรกำลังรื้อหาอะไรในห้องเก็บเอกสาร สำลักควันไอรุนแรง เพชรตะโกนให้พ่อออกไป ไกรสรเหนี่ยวตู้เอกสารไม้ที่ไฟกำลังไหม้ โงนเงนแล้วล้มฟาดมาทางเพชรพอดี
รินทร์เอาสายยางฉีดดับไฟที่รถกระบะ เห็นเพชรประคองไกรสรออกมา บอกให้รินทร์ช่วยขับรถพาพ่อส่งโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยแวะแจ้งตำรวจ พอดียุทธขี่มอเตอร์ไซค์มา เพชรจึงบอกให้ยุทธแจ้งตำรวจก่อนแล้วกลับมาดับไฟ ตนจะรีบกลับมาช่วย
ooooooo
เสี่ยทรงชัยนับวันไว้ใจณรงค์มาก ชมว่าฉลาดคิด ช่างวางแผน โชคดีที่ตนได้มาช่วยงาน ทันใดนั้นปริมก็ผลักประตูเข้ามาหน้าตาตื่น ถามว่าไฟไหม้ลานจอดรถสำนักงานของเพชร ฝีมือณรงค์หรือเปล่า
ณรงค์ไม่ตอบแต่ยิ้มร้ายสะใจ ทำให้ปริมยิ่งหงุดหงิดคาดคั้นว่าใช่ไหม! ณรงค์ตอบอย่างเลือดเย็นว่า
“ก็ตามที่คุณต้องการ บีบมันให้จนมุม แล้วก็ให้มันซมซานมาขอความช่วยเหลือจากคุณไงครับ”
ปริมมองณรงค์อย่างมีความหวังแล้วผละไป เสี่ยทรงชัยมองทั้งสองแล้วเตือนณรงค์ว่า
“เลิกตามใจยัยปริมแบบบ้าๆบอๆได้แล้ว ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันมีอะไรดีนักหนานะ ยัยปริมถึงคลั่งได้ ขนาดนี้ ทั้งๆที่ตัวเองมีผู้ชายรวยๆดีๆมีอิทธิพลคอยอยู่เต็มไปหมด เห็นทีจะต้องจับมันแต่งงานกับใครสักคนแล้ว ไอ้พวกที่หวังลมๆแล้งๆว่าจะตกถังข้าวสาร มันจะได้เลิกฝันกลางวันแบบโง่ๆ สักที เธอว่าดีไหมณรงค์”
เสี่ยปรามณรงค์เป็นนัย ณรงค์เจ็บแต่ฝืนยิ้มบอกเสี่ยว่า “ก็ตามที่เสี่ยพูดเลยครับ”
ooooooo
ไกรสรถูกนำส่งโรงพยาบาล ทุกคนจึงรู้ว่าเขาวิ่งเข้าไปเอากล่องเหล็กเก่าๆที่มีเงินใส่ซองเขียนไว้ว่า “ค่าเทอมพิมพา” พิมร้องไห้สะเทือนใจที่พ่อทำเพื่อตนถึงขนาดนี้ ย่าบอกให้เพชรกลับไปดูที่อู่ ทางนี้ย่าจะดูแลพ่อเอง
เพชรลงมาถึงล็อบบี้โรงพยาบาลก็เจอปริมนั่งรออยู่ ปริมปราดเข้าหาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าตนเป็นห่วงมาก และขอเวลาสักครู่ ตนมีข้อเสนอบางอย่าง
คุยกับปริมแล้วเพชรไปที่ลานจอดรถ นอกจากซากรถกระบะสองคันแล้วยังพบซองที่เขียนชื่อ “เพชร”
เมื่อเพชรเทของในซองออก พบว่าเป็นเหรียญราคาต่างๆและแบงก์ย่อยๆอีกหลายใบ เพชรรู้ว่านั่นคือเศษเงินจากน้ำพักน้ำแรงที่เหลือจากค่าเทอมของพิมที่พ่อเก็บไว้ให้ตน เขาซุกหน้ากับเข่าตัวเองอย่างสะเทือนใจ
เมื่อเพชรไปดูซากรถและโกดังที่ถูกไฟไหม้ข้าวของกระจัดกระจาย เขาถอนใจหนักหน่วง แล้วก็นึกถึงเรื่องที่คุยกับปริมที่ล็อบบี้ เธอถามและพูดอย่างมีอารมณ์มากว่า
“อิทธิพลของคุณพ่อปริมมันไม่ดีตรงไหนคะ คุณเพชรคิดจริงๆเหรอคะว่าตัวคุณเองจะทำสำเร็จได้จริงๆโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร กี่ครั้งแล้วที่คุณเพชรต้องผิดหวังล้มเหลว คุณเพชรทำให้ย่าทำให้พ่อแล้วก็คนอื่นๆผิดหวังและเสียใจมากี่ครั้งแล้ว คุณจะต้องทำร้ายพวกเขาด้วยความเชื่อมั่นแบบผิดๆของตัวเองอีกเหรอคะ คุณเพชรจะต้องล้มอีกกี่ครั้งถึงจะคิดได้ว่าคุณทำคนเดียวไม่ได้ คุณจะโตโดยไม่มีใครหนุนหลังไม่ได้...ไม่มีทาง”
หลายประโยคของปริมกระทบความรู้สึกของเพชรอย่างรุนแรง ขณะนั้นเองครูหมายมามองเพชรอย่างสงสารจับใจถามว่า “แล้วเอ็งจะทำยังไง”
“ก็เริ่มใหม่ครับครู ผมมาไกลขนาดนี้แล้ว ผมจะไม่มีวันยอมถอยเด็ดขาดครับ”
“ดี” ครูหมายหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋า “งั้นไปหาเจ้าของไอ้นี่กัน...ข้าเก็บได้ตอนที่มาช่วยไอ้ยุทธมันดับไฟ”
เพชรรับจี้รูปพยัคฆ์เหยียบเมฆมาดู ตกใจถามว่าทำไมมันมาอยู่ที่นี่! ครูบอกว่าตนก็อยากรู้เหมือนกัน
จี้พยัคฆ์เหยียบเมฆ คือสัญลักษณ์ของแก๊งเอ เมื่อเอาไปให้เอดู เอโกรธจัดสั่งป๋องให้เรียกลูกน้องสามคนมา เอมองหน้าลูกน้องทีละคน พอคนสุดท้ายมันหลบตา ป๋องตรงเข้ากระชากคอเสื้อมันออก ที่คอว่างเปล่าไม่มีจี้ ลูกน้องคนนั้นถึงกับเข่าอ่อน ยกมือไหว้
“พี่เอ...ผมขอโทษ...พี่เพชรผมขอโทษ”
“เอ็งทำไปทำไม” เพชรเข้าไปถาม
“พี่เพชรผมขอโทษ ผมแค่อยากได้เงิน ก็พี่เอ... กำลังตก กำลังจะโดนเล่นงาน ผม...ผมแค่อยากได้เงิน”
“ใครจ้างเอ็ง” เพชรถามน้ำเสียงเย็นยะเยือก
ooooooo
ณรงค์นับวันเหิมเกริม คืนนี้ขณะสั่งลูกน้องในอู่เฮียตงให้เฝ้าอยู่ที่นี่เที่ยงคืนวุธจะพาคนมาเอาของไป สั่งว่าถ้าตี๋วุ่นวายก็จัดการเสียจะได้อยู่เงียบๆ เลิกทำตัวกร่างเสียที
ทันใดวุธหน้าตื่นเข้ามาถามว่ารู้เรื่องลูกน้องเอคนนั้นหรือยัง ณรงค์ปรามว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น
“เอ็งไม่กลัวมันซัดทอดเอ็งหรือไงวะ แล้วยังไอ้เออีก ถ้ามันรู้...”
“ไอ้วุธ...มึงเป็นอะไรของมึง มึงจะกลัวอะไรไปทุกอย่างเลยรึไง...กูไม่ได้โง่นะโว้ย เรื่องลูกน้องไอ้เอต่อให้มันซัดทอดเรื่องก็มาไม่ถึงกู แล้วพอเลยนะ ไอ้ท่าทางล่กๆ มึงแบบนี้ กูไม่อยากเห็น ถ้ามึงจะเดินไปกับกู มึงต้องกล้า ต้องนิ่งกว่านี้ มึงดูไอ้ป๋อง ถ้ามึงเป็นแบบมันไม่ได้ ก็อย่ามาหาว่ากูใจร้ายทีหลังก็แล้วกัน”
ณรงค์ปรามแล้วเดินออกไป วุธมองตามพึมพำหวั่นใจ...
“ก็มึงมันเหี้ยมขึ้นทุกวันนี่หว่ารงค์...มึงมันไม่ใช่เพื่อนกูคนเดิมแล้ว”
ooooooo
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเอกสารที่พัวพันถึงหลายคน รินทร์ถามเพชรว่าเชื่อจริงๆ หรือว่าเป็นฝีมือของตี๋ เพชรตอบอย่างสับสนว่าไม่รู้ ครูหมายบอกว่าอย่าเพิ่งปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ พรุ่งนี้ไปคุยกับตี๋ให้รู้เรื่องอย่างที่ชาญวิทย์บอก
ครูหมายบอกว่าถ้าตี๋ทำจริงก็ปล่อยให้ตำรวจจัดการไป ส่วนเพชรควรทำใจทำสมองให้โล่งเพราะมีเรื่องสำคัญอื่นๆ ที่จะต้องทำอีกหลายอย่าง มองหน้าและถามเตือนสติว่า
“เอ็งบอกครูเองไม่ใช่เหรอเพชร ว่าเอ็งจะสู้ต่อ เอ็งจะไม่ยอมถอยง่ายๆ”
“ครับครู...ผมไม่ยอมให้เรื่องนี้มาหยุดผมได้หรอกครับ”
เพชรท่าทีผ่อนคลายขึ้น ครูหมายและทุกคนมองอย่างโล่งใจ แต่รินทร์ก็ยังอดห่วงใยไม่ได้
ฝ่ายจิตราสมน้ำหน้าสะใจมากที่อู่ของเพชรถูกเผา บอกณรงค์ว่าน่าจะเผาให้ราบเป็นหน้ากลองไปเลยด้วยซ้ำ ณรงค์บอกว่าไฟไหม้ครั้งนี้มันลามไปถึงไอ้พวกโง่ปัญญาอ่อนแถวนั้นด้วย แต่ณรงค์ยังไม่พูดพาดพิงถึงใครเพราะรู้แก่ใจดีว่าแม่ยังเกรงใจเฮียตงอยู่
วันต่อมา ชาญวิทย์ เพชร และรินทร์ก็ไปที่บ้านเฮียตง เอาเช็คที่ยังไม่ได้ขึ้นเงินให้ตี๋ดู ตี๋ตกใจบอกหลินว่าตนไม่ได้ทำ ตนไม่รู้ หลินดูเช็ค มองหน้าชาญวิทย์แล้วถามตี๋
“ตี๋...แล้วไอ้คนนี้มันเป็นใคร ลื้อเขียนเช็คให้มันทำไม”
ตี๋บอกว่าวันๆตนจ่ายเงินไปตั้งหลายคน แล้วไอ้บ้านี่ตนจะทำไปทำไม ชาญวิทย์เล่าว่า...
“คนลงมือเขาบอกว่าคุณแค้นเพชรเพราะเคยมีเรื่องกันจนคุณไล่เพชรออก”
ตี๋บอกว่าจริงแต่เรื่องนานแล้วและตนก็ไม่ได้สนใจเพชรอีกเลยแล้วตนจะทำทำไม ชาญวิทย์จึงอ่านคำให้การของผู้ต้องหาให้ฟังว่า ตี๋อิจฉาที่เพชรเป็นเด็กจากสลัมแต่กลับทะเยอทะยานอยากเป็นเจ้าของกิจการ โดยเฉพาะอู่ที่เขาดูแลอยู่กำลังขาดทุน แต่อู่ที่เพชรทำกำลังเจริญก้าวหน้าเขาก็เลยสั่งสอนนายเพชรให้เจียมตัว
ตี๋ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำ เฮียตงเข้ามาบอกว่าเมื่อไม่ได้ทำจริงๆก็ต้องบอกมาให้ได้ว่าเช็คใบนี้มันมาได้ยังไง เฮียตงถามตี๋ว่าเป็นเจ้าของเงินแต่ปล่อยเงินออกไปแล้วบอกว่าไม่รู้ได้ยังไง ด่าว่า
“อั๊วไม่เคยเลี้ยงให้ลื้อเป็นคนโง่ไม่ทันคนอื่นแบบนี้”
“อั๊วไม่ได้โง่ ไม่มีใครมาหลอกอั๊วได้ทั้งนั้น ไอ้พวกที่อู่มันก็แค่ช่างกระจอกๆ...เตี่ยไม่ต้องมาหาเรื่องอั๊วเลย เตี่ยก็แค่หวงไอ้อู่สกปรกเฮงซวยนั่น อั๊วขยะแขยงมันจะตายอยู่แล้ว ให้มันเจ๊งฉิบหายไปเลยก็ดี”
“ไอ้ตี๋” เฮียตงตบหน้าตี๋เต็มแรงแล้วนิ่งไปด้วยความเสียใจที่ทำร้ายลูก
เพชรบอกว่าเถ้าแก่อย่าเพิ่งตำหนิคุณตี๋เลย คุณตี๋อาจจะนึกไม่ออกจริงๆ ให้คุณตี๋กลับไปดูเอกสารก่อน บางทีอาจมีการผิดพลาดตรงไหนสักที่ แล้วขอร้องชาญวิทย์วันนี้อย่าเพิ่งตั้งข้อหาอะไรเลย ขอให้คุณตี๋กลับไปดูเอกสารให้ละเอียดอีกหน่อย ชาญวิทย์บอกว่าเมื่อเจ้าทุกข์ขอเช่นนั้นก็ได้ ขอให้ตี๋รีบหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองให้เร็วที่สุด เพราะกรณีนี้ต่อให้เจ้าทุกข์ไม่เอาความแต่ทางกฎหมายยอมความไม่ได้
ooooooo
ตี๋เรียกณรงค์มาที่อู่โวยวายว่าณรงค์จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้เพราะเป็นคนเอาเช็คมาให้ตนเซ็น เขาต้องรู้ว่าจ่ายให้ใคร
ณรงค์บอกว่าตนไม่รู้จริงๆ ตนให้ตี๋เซ็นเฉพาะที่จ่ายจริงเท่านั้น นอกนั้นตี๋จะจ่ายให้ใครทำอะไรบ้างตนไม่รู้ อย่าดึงตนเข้าไปเกี่ยว ตี๋ชี้ว่าลายมือที่เขียนชื่อเป็นลายมือเขา ณรงค์บอกว่าไม่ใช่ลายมือตน ตนไม่รู้จักคนนี้ แล้วเบี่ยงเบนว่าเช็คใบนี้เป็นของจริงหรือเปล่า ยุแหย่ว่า
“คุณตี๋ไม่ใช่คนโง่นะครับ ลองดูดีๆ บางทีไอ้เช็คใบนี้มันอาจจะเป็นของปลอมที่ไอ้เพชรมันตั้งใจจะหาเรื่องคุณก็ได้ ไอ้นี่มันเก่งนะครับเรื่องแหกตาคน อย่าไปหลงเชื่อมันง่ายๆเลยครับ” ตี๋ยอมรับว่าลายมือตนจริงตนจำได้ “อ้าว...งั้นก็แสดงว่าคุณเป็นคนเซ็นจริง งั้นคุณก็ต้องไปหาข้อแก้ตัวเอาเองนะครับ แต่อย่าดึงผมไปยุ่งเกี่ยวด้วย”
ณรงค์โมเมแล้วเดินไปเลย ตี๋ตะโกนให้หยุดตนยังพูดไม่จบ ณรงค์หยุดมองนิ่ง ตี๋ตะโกนสั่ง
“ผมเป็นเจ้านายคุณ คุณต้องฟังคำสั่งผม”
“คุณจะทำอะไรผมได้จริงๆเหรอครับคุณตี๋ ถ้าผมไป อู่ที่พ่อคุณรักนักหนาจะเป็นยังไง”
ตี๋หน้าเสีย แต่ณรงค์ยิ้มเย้ยยั่วแล้วเดินออกไป ตี๋มองตามแต่ทำอะไรไม่ได้ หันไปทุบโต๊ะระบายอารมณ์
oooooo
เมื่อคุยกับตี๋แล้ว เพชรกลับมาสั่งงานยุทธ โก้และโต้ง ให้ไปส่งของตามเส้นทางที่ตนเคยทำเพราะตัวเพชรเองไม่อาจไปไกลได้ ยังมีคดีความอยู่
ส่วนพวกผู้หญิง มีย่าพุดกรอง พิม รินทร์และแก้วตาก็ช่วยกันทำขนมส่งอย่างเอาการเอางาน หลังจากขนขนมขึ้นรถแล้ว รินทร์บอกว่า
“เดี๋ยวรินทร์ไปส่งย่า แก้ว พิม ที่ร้านแล้วจะแวะไปหาคุณพล เอาสัญญาไปคืนก่อน คุณพลจะได้มีเวลาหารถเจ้าใหม่”
ทุกคนหน้าเจื่อน เพชรกอดเอวย่าปลอบ...
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะย่า เราก็แค่เริ่มต้นใหม่...อีกครั้ง” มองหน้าสามสาวแล้วพูดอย่างเข้มแข็งว่า “ทั้งหมด มันแค่ปัญหาที่ผ่านเข้ามาแล้วอีกไม่นานมันก็จะผ่านไป...ใช่ไหมจ๊ะย่า ไม่ว่าทุกข์หรือสุข สุดท้ายเดี๋ยวมันก็ผ่านไปก็จะเหลือแต่ความรัก ความผูกพันของพวกเราเท่านั้นที่มันจะคงอยู่ตลอดไป...นะจ๊ะย่า” เพชรมองหน้าทุกคนบอก “เรามาสู้กันใหม่อีกสักตั้งนะ”
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง เพชร ตอนที่ 7 วันที่ 27 ก.พ.62
บทประพันธ์โดย: ชล พรรษกรบทโทรทัศน์โดย: ไผ่พญา โมนะ
กำกับการแสดงโดย: แมน เมธี
ผลิตโดย: บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ช่องออกอากาศ: สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ