อ่านละคร ภูผา ตอนที่ 7 วันที่ 4 ก.พ.62

อ่านละคร ภูผา ตอนที่ 7 วันที่ 4 ก.พ.62

ภูผาไปอยู่ไร่ไม่นานผักที่ปลูกก็งอกอย่างสวยงาม ภูผาปรับตัวจากคนเมืองมาเป็นชาวไร่อย่างไม่ย่อท้อ ทั้งทำงานหนักและยังเจอกับตัวต่อตัวแตนที่ไม่รู้จักไล่ต่อยเพราะไปแหย่รังมันเข้า วิ่งหนีแทบไม่ทัน

วันนี้ภูผาฉีดน้ำรดดอกไม้ที่ปลูกแซมในแปลงผักเกิดเป็นสายรุ้งสวยงาม เห็นสายรุ้งก็คิดถึงทอรุ้ง และพอหันมองก็เห็นทอรุ้งยืนยิ้มอยู่จริงๆ ภูผาสะบัดหัวเรียกสติบ่นตัวเองว่า “ท่าจะบ้า!”

ภูผาเดินหนีอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง จนทอรุ้งตามไปถามว่าเดินหนีตนทำไม ภูผาจึงรู้ว่านี่คือความจริง ไม่คาดฝันว่าจะเจอเธอที่นี่ ถามว่ามาได้ยังไง



ทอรุ้งเล่าว่าตนรู้จากป้านุสว่าเขามาอยู่กับลุงวัฒน์ที่ไร่ แต่พอดีแม่สั่งให้เตรียมไปเชียงใหม่ช่วยเป็นเลขาเจ้าเอื้องแก้วในช่วงปิดเทอม ไปฝึกงานไว้ เรียนจบแล้วจะได้มาช่วยแม่ทำงานได้ ทอรุ้งอ้อนขอมาที่ไร่ลุงวัฒน์แทนเพราะป้านุสบอกว่าคนทำบัญชีทางนั้นลาคลอดอยากให้ตนไปช่วย แม่จึงยอม

ระหว่างนั้นฝนโปรยลงมา ทั้งสองจึงวิ่งหลบฝนกันร่าเริงตามประสาหนุ่มสาว

ลุงวัฒน์กลับมาแล้ว พอรู้จากนุสราว่าภูผากับทอรุ้งอยู่ที่ไร่ก็ติงว่าหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันจะดีเหรอ นุสราบอกว่าทอรุ้งเป็นเด็กดีไม่เคยนอกลู่นอกทาง ส่วนภูผาก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นตนคงไม่ส่งมาอยู่กับเขาที่นี่ ถามว่าตั้งแต่มาอยู่เป็นยังไงบ้าง

“แสงบอกว่าขยันขันแข็งดี เป็นงานเร็ว สั่งสอนอะไรก็เชื่อฟังดี แต่นุสเคยบอกว่าเขาเป็นเด็กเกมาก่อนไม่ใช่เหรอ”

“เป็นเด็กเกที่รักดีไงคะ ก็เหมือนคุณตอนหนุ่มๆ นั่นแหละ เรื่องต่อยตีล่ะใช่ย่อยที่ไหน”

นุสราเหน็บขำๆ แล้วหัวเราะไปด้วยกัน

เมื่อหมอนุสราจะกลับ ลุงวัฒน์ไปส่ง ป้าหมอบอกภูผาว่าอยู่ที่นี่ถือว่าเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่าทำตัวเหลวไหล บอกทอรุ้งว่าตั้งใจทำงานให้ดี อย่าพาภูผาเล่นจนเสียงานล่ะ

ภูผารับคำอย่างมุ่งมั่นจะไม่ทำให้ป้าหมอผิดหวัง แต่ทอรุ้งทำหน้างอนๆไม่ยอมเป็นเด็ก บ่นว่าตนโตแล้วป้าพูดอย่างกับตนเป็นเด็กๆอยู่

ภูผามุ่งมั่นที่จะทำสวนทำไร่และยิ่งมีกำลังใจเมื่อทอรุ้งมาทำงานอยู่เคียงข้าง

แล้วก็มีเหตุคาดไม่ถึงเกิดขึ้นเมื่อแสงให้ภูผาไปซื้อปุ๋ยแต่ยี่ห้อที่เคยใช้หมดภูผาจึงไปซื้อยี่ห้ออื่นแทน แต่ใส่แล้วต้นไม้ไม่โต ลุงวัฒน์บ่นว่าแล้วจะเอาที่ไหนไปส่งเขา ถ้าเสียเครดิตเขาไม่มารับของจากเราจะทำยังไง ลุงวัฒน์ดูแล้วบอกว่าเป็นปุ๋ยปลอม

ภูผาเจ็บใจไปขอเงินค่าปุ๋ยคืนจนมีปากเสียงกับทางร้าน พอมีคนมาซื้อปุ๋ยภูผาก็บอกว่าที่นี่ขายปุ๋ยปลอม เลยทะเลาะกับเจ้าของร้านจนเกือบจะมีเรื่องกัน ภูผายับยั้งชั่งใจไม่ใช้ความรุนแรงแต่ขู่ก่อนกลับว่า

“ถ้ายังขายปุ๋ยปลอมอีก นายติดคุกแน่”

เมื่อปุ๋ยขาดตลาด ลุงวัฒน์จึงให้ทำปุ๋ยเอง ให้ภูผาไปขอซื้อขี้หมูที่ฟาร์ม มีเท่าไหร่เอามาให้หมด

พอได้ขี้หมูมา ลุงวัฒน์ก็สอนให้ภูผาทำปุ๋ย บอกว่าปุ๋ยที่ทำนี้อาจจะใช้ได้สักอาทิตย์หนึ่ง บอกภูผาว่า

“ฉันจะให้เธอแก้ตัวที่เธอทำผิดพลาดไป โดยการรับผิดชอบกองปุ๋ยพวกนี้”

ทอรุ้งช่วยภูผาทำปุ๋ยแม้จะสกปรกและเหม็นแต่เธอก็ทำอย่างเต็มไม้เต็มมือ บอกว่าทำไร่ทำสวนมันก็ต้องเลอะอยู่แล้ว ภูผามองยิ้มๆ ทั้งชื่นชมและเป็นห่วง

ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความเห็นอกเห็นใจนับวันแน่นแฟ้นและเข้าใจกันมากขึ้น กลายเป็นความรักอบอุ่นมั่นคงที่ให้แก่กัน

ooooooo

เมื่อตัดขาดและไล่ภูผาไปแล้ว เส็งก็ยิ่งเอาอกเอาใจเวหา ด่าภูผาว่าป่านนี้ไปเป็นโจรห้าร้อยอยู่ที่ไหนแล้ว เดือนสวนว่าถ้ามันจะเป็นโจรก็เพราะเฮียนั่นแหละที่เฮียพูดจาตัดขาดกับมันวันนั้น

“ถึงป๊าไม่ตะเพิด สันดานโจรมันก็ต้องออกอยู่ดี” เวหาถล่มซ้ำ

เดือนปรามเวหาว่าภูผาเป็นน้องแล้วที่เขาหายจนปากเก่งอย่างนี้ได้ก็เพราะเงินค่ารักษาของภูผา เวหาย้อนว่าใครให้มันเอาเงินมาจ่ายล่ะ ถ้ารู้งี้ตนยอมตายดีกว่า

เดือนโมโห โทษว่าที่เวหาเป็นอย่างนี้เพราะเฮียคนเดียว เพราะเฮียทำให้ลูกมันเกลียดกันแบบนี้!

เมื่อเวหาไปเรียน เพื่อนๆต่างมองกันด้วยสายตาแปลกๆ เพื่อนที่สนิทก็เข้ามาถามเย้ยว่าลูกนักธุรกิจใหญ่หายดีแล้วหรือ เวหาบอกว่าพอเดินได้แล้วแต่ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย เพื่อนคนที่คอยจับผิดถามเย้ยว่า

“ลูกเศรษฐีอย่างนายทำไมไม่เอาคนใช้มาคอยให้ขี่หลังวะ ไปไหนมาไหนจะได้สะดวกไง ฮ่าๆๆ”

“คนใช้ก็อยู่บ้านสิ จะเอามาทำไมให้เกะกะ”

เวหาตอบอย่างเจ็บใจ เพื่อนอีกคนเลยถามว่าเขายังไม่เลิกโกหกอีกเหรอ เพื่อนๆรู้ความจริงกันหมดแล้ว เวหาถามว่าความจริงอะไร ไม่มีหรอก ตัดบทเร่งให้เรียนกันกลบเกลื่อน แต่เพื่อนอีกคนไม่ยอมยังแคะคุ้ยว่า ความจริงที่พ่อแม่เขาเป็นคนขายรองเท้าไง

เวหาโมโหด่าเพื่อนคนนั้นว่าขี้โอ่ ชอบข่มคนอื่น

“เวหานายจะหลอกใครก็หลอกได้นะ แต่นายหลอกตัวเองไม่ได้ ที่บ้านนายจนพวกเราไม่เคยรังเกียจนะเว้ย แต่ที่นายเที่ยวหลอกคนอื่นแบบนี้พวกเรารังเกียจว่ะ”

เพื่อนอีกคนรับตัดบทว่า “ช่างหัวมัน ถ้ามันยังรับตัวมันเองไม่ได้ก็ไม่มีใครรับมันได้หรอก”

เพื่อนทั้งสามคนมองหน้าเวหาอย่างรังเกียจแล้วพากันผละไป เวหาทั้งเจ็บและอายจนบอกไม่ถูก

เมื่อเจอทอรัก เวหาตัดพ้อว่าทำไมไม่ไปเยี่ยมตนบ้างเลย ทอรักบอกว่าตนไม่ชอบเห็นคนเจ็บ มองสำรวจบอกว่าดีที่ไม่พิการ เวหาถามว่าแล้วถ้าพิการล่ะ ทอรักย้ำว่าไม่ได้พิการตรงไหนใช่ไหม

เวหาตระหนักว่าทอรักไม่ได้รักตนจริงเลยคิดจะเอาชนะ ชวนกินข้าวเสร็จไปเที่ยวด้วยกันนะ

“ก็ได้” ทอรักตอบอย่างไม่สนใจจนเวหารู้สึก

กินข้าวเสร็จพากันไปเข้าผับ เวหาชวนเต้นรำกันไหม บอกว่าตนหายดีแล้วและไม่มีส่วนไหนพิการด้วย

ทอรักด่าบ้าอย่างรู้ทัน บอกว่าตนเมาแล้วกลับกันดีกว่า

“อย่าเพิ่งกลับเลยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะว่างมาเจอกันอีก เรียนหมอมันหนักมาก รักก็น่าจะรู้”

“ไม่เป็นไร ว่างเมื่อไหร่ค่อยมาเจอกัน” ทอรักไปหยิบกระเป๋าที่เคาน์เตอร์

เวหาเดินไปโอบ ดันกระเป๋าออกแล้วจู่โจมจูบอย่างดูดดื่ม...ครู่เดียวทอรักเคลิ้มตามเวหาไปด้วยกัน...

 ooooooo

ที่ลานหมักปุ๋ยไร่ทวีวัฒน์ ภูผาใช้จอบพลิกปุ๋ยกองหนึ่งอยู่ ทอรุ้งเข้ามาถามว่ายังไม่เสร็จหรือ ภูผาตอบแทบไม่เงยหน้ามองว่ายัง ยังเหลืออีกหลายกอง ถามว่ามีอะไรไหม ทอรุ้งบอกว่ามาตามไปกินข้าว

ภูผาบอกให้กินไปก่อนเลยตนยังไม่หิว

“มื้อนี้รุ้งอยากกินกับภูผา งั้นรุ้งไปเอาข้าวมากินตรงนี้นะ”

ภูผาถามว่ากินข้าวข้างกองปุ๋ยเนี่ยนะ กินลงหรือ ให้เธอกินไปก่อนเดี๋ยวตนหากินเอง ทอรุ้งไม่ไป ภูผาถามว่าทำไมวันนี้ดื้อ ทอรุ้งบอกเศร้าๆว่า

“พรุ่งนี้เช้าป้านุสจะมารับรุ้งกลับแล้ว”

เย็นนี้ภูผาจึงไปปูเสื่อนั่งกินข้าวกับทอรุ้งที่เนินสวย เขาถามว่า ไปแล้วจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ ทอรุ้งคาดว่าคงปิดเทอมหน้า อีกประมาณ 3 เดือน ภูผาถามว่าแล้วเสาร์อาทิตย์มาไม่ได้หรือ

“เสาร์ อาทิตย์ส่วนมากก็มีกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย อีกอย่างคุณแม่คงไม่ให้มาด้วย”

“รุ้งต้องรับผิดชอบ โทษฐานทำให้เราคิดถึง” ภูผาอุ๊บอิ๊บเห็นทอรุ้งอึ้ง ก็เสียงอ่อนว่า “เราจะปลูกแตงโมรอนะ”

“ทำไมต้องแตงโมด้วย”

“ก็แตงโมต้องปลูก 3 เดือนถึงจะโตเต็มที่ ถ้าวันไหนแตงโมเก็บขายได้ ก็แปลว่ารุ้งกำลังจะมา”

“งั้นครั้งหน้ารุ้งมา ภูผาผ่าแตงโมให้รุ้งกินด้วยนะ”

ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง...เศร้า แล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน...

ooooooo

รุ่งเช้าที่ห้องนอนทอรัก เธอตื่นขึ้นมาเห็นเวหานอนอยู่ข้างตัว ถามเขินๆว่ากี่โมงแล้ว เวหาบอกว่าเพิ่งจะ 6 โมง ทอรักเร่งให้รีบลุกขึ้นแต่งตัวกลับเสียเดี๋ยวแม่ตื่นมาเห็น เวหาพลิกตัวอ้อนขอกอดอีกแป๊บบบ...นึง

วันนี้ดารกาตื่นเช้ากว่าปกติลงมาถามนวลฉวีว่าวันนี้ตนต้องไปไหน นวลฉวีบอกว่าไปสมาคมตอนกลางวัน ดารกาขอกาแฟจากสายแล้วไปนั่งที่โซฟา เหลือบเห็นอะไรบางอย่างลุกไปดู...รองเท้าผู้ชาย!

ดารกาไม่พอใจ ถามนวลฉวีว่าคุณทินราชมาเหรอ นวลฉวีบอกว่าไม่ได้มา ดารกาหน้าเครียดทันทีถามว่าแล้วนั่นรองเท้าใคร! ดารกาฉุกคิดได้ถึงกับช็อก อุทาน ยัยรัก!!!

ดารกาขึ้นชั้นบนไปทุบประตูห้องทอรักปังๆๆ โดยมีนวลฉวีถือรองเท้าปริศนาเดินตามติด ทอรักตกใจมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี เวหาจะไปแอบในห้องน้ำ ทอรักส่ายหน้ารัว

เสียงดารกาเร่งให้เปิดประตูไม่ทันใจก็สั่งนวลฉวีให้ไปเอากุญแจสำรองมา ทอรักตัดสินใจเปิดประตู แต่ยืนขวางประตูไว้ ถาม “คุณแม่ อะไรคะ”

ดารกาถามว่าเอาใครมานอนที่บ้าน ทอรักหน้าซีดแต่ปากแข็งบอกว่าไม่มี ดารกาถามว่าแล้วนี่รองเท้าใคร ทอรักโกหกว่ารองเท้าตนเอง ดารกาหยิกบิดไม่เชื่อ เมื่อคาดคั้นถาม ทอรักยังปากแข็ง จึงสั่งนวลฉวีช่วยกันค้นห้อง

ดารกาเดินไปดูในห้องน้ำไม่เจอจึงเดินไปที่ระเบียง นวลฉวีเปิดตู้เสื้อผ้าเจอเวหาอย่างจัง ทอรักกลัวมากมองนวลฉวีส่ายหน้าอ้อนวอน พอดารกาถามว่าเจอใครไหม นวลฉวีปิดตู้บอกว่า “ไม่เจอค่ะ”

ดารกาลากทอรักไปคุยกันข้างล่าง จึงเป็นโอกาสให้เวหาหนี โดยนวลฉวีเป็นคนบอกทาง เวหาในสภาพเท้าเปล่าหนีออกไปได้ ในขณะที่ดารกากำลังตั้งหน้าตั้งตาคาดคั้นทอรักเอาเป็นเอาตายอยู่ที่ห้องนั่งเล่นนั่นเอง

จับทอรักได้ไม่มั่นคั้นไม่ตาย ดารกาจึงพาทอรักให้ไปทำงานที่โรงพยาบาลของทินราชบอกว่าขืนปล่อยให้ลอยไปลอยมาไม่ทำอะไรอยู่อย่างนี้วันนึงคงท้องไม่มีพ่อแน่ๆ ทินราชบอกว่าถ้ารักอยากทำงานกับตน ตนก็พร้อมเสมอ ถามทอรักว่า “ลูกจะมาไหมล่ะ” ทอรักไม่ตอบ แต่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ

ooooooo

พอทอรุ้งเดินทางกลับ ภูผาก็เริ่มปลูกแตงมารดน้ำพรวนดินดูแลอย่างดีรอวันที่จะออกผลรอรับทอรุ้งกลับมาชิม

พอทอรุ้ง ไปมหาวิทยาลัยเพื่อนๆทักอย่างตื่นเต้นที่หายเงียบไปในช่วงปิดเทอม ทักว่าคล้ำไปด้วย

ฝ่ายภูผา พอเริ่มปลูกแตงโม ก็ประคบประหงมจนลุงแสงบอกให้ไปดูแปลงอื่นบ้างมันจะน้อยใจเอา ภูผาบอกว่าขอหน่อยเถอะมีคนรอกินแตงโมตนอยู่

ลุงแสงถามว่าใคร ภูผาอมยิ้มไม่ตอบ ลุงแสงบอกว่ารู้แล้วก็คนที่ส่งจดหมายมานี่ไง พลางยื่นจดหมายให้ ภูผารับมาดูแล้วยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นชื่อผู้ส่ง “ทอรุ้ง พิทักษ์กิจ”

ภูผารีบปลีกตัวไปอ่านทันที อ่านไปยิ้มไปอย่างมีความสุขที่ทอรุ้งเป็นห่วงกระทั่งอาบน้ำก็บอกว่าอย่าอาบกลางแจ้งเดี๋ยวเป็นหวัด นอกจากนั้นก็เล่าถึงการเรียนที่ค่อนข้างหนัก พอเหนื่อยนึกถึงงานที่นี่แล้วก็รู้สึกหายเหนื่อยเพราะงานที่ไร่หนักกว่าการเรียนของตนเป็นร้อยเท่า

“สุดท้ายนี้ รุ้งเขียนเนื้อเพลงที่ชอบเพลงหนึ่งมาเป็นกำลังใจให้ภูผาด้วย แต่เป็นภาษาอังกฤษไปแปลเอาเอง... คิดถึงและห่วงใย ทอรุ้ง”

ภูผาดูเนื้อเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษซึ่งอ่านไม่ออกเลย บ่นอย่างมันเขี้ยว “แกล้งเราเหรอเนี่ย ยัยรุ้ง”

วันต่อมาภูผาขี่จักรยานมีกานต์ซ้อนท้ายไปที่ตลาด เอาจดหมายไปหยอดตู้ทีละฉบับถึงสามฉบับจนกานต์แซวว่าแฟนเยอะจัง ภูผาทำเสียงดุว่า “ส่งหาที่บ้านเว้ย” จากนั้นก็ไปที่ร้านขายหนังสือมือสอง เลือกซื้อดิกชันนารีได้เล่มหนึ่งแล้วรีบกลับ

ooooooo

วันนี้แดงไปที่บ้านพักคนชรา เจออาม่ากำลังนั่งดูจดหมายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็เข้าไปทัก อาม่าถามว่ามาทำอะไร แดงบอกว่ามาตามเมีย เมียโกรธตนที่เล่นการพนันเลยหนีมาอยู่ที่นี่ ถามอาม่าว่าทำอะไรอยู่

“อาภูผาอีเขียนจดหมายมาหาอั๊ว ส่งธนาณัติมาให้อั๊วด้วยนะ ดูสิ” แดงถามว่าเขียนมาว่ายังไงมั่ง อาม่าบอกว่าไม่รู้ ตาไม่ดีอ่านไม่ออก แดงร้องอ้าว...อ่านไม่ออกทำไมนั่งยิ้ม

“ได้เห็นตัวหนังสือก็มีความสุขแล้ว” อาม่าตอบไปยิ้มไป

“โอ๊ย...เอามานี่ ฉันอ่านให้ฟัง....สวัสดีครับอาม่า ตั้งแต่มาอยู่ไร่ อั๊วคิดถึงอาม่าทุกวันเลย อั๊วเลยต้องทำงานหนักๆให้มันเหนื่อย เดี๋ยวมันก็เลิกคิดถึงไปเอง แล้วอาม่าล่ะ คิดถึงอั๊วบ้างรึเปล่า...”

“คิดซี่...อาม่าก็คิดถึง” อาม่าตอบราวกับภูผานั่งอยู่ตรงนั้น แดงมองอาม่า แล้วอ่านต่อ...

“เมื่อวานมีรถขนปุ๋ยมาเสียอยู่หน้าไร่ อั๊วไปช่วยเขาเข็นถึงได้รู้ว่าตอนนี้ปุ๋ยขาดตลาดอีกแล้ว ชาวสวนแถวนี้ก็ต้องไปซื้อมาจากจังหวัดอื่น อั๊วเลยคิดว่า ถ้าอั๊วจะเอาปุ๋ยมาขายน่าจะขายดี แต่ต้องปรึกษาลุงวัฒน์ก่อน

ส่วนที่เขียนถึงเดือน ภูผาตบท้ายว่า “...เล่ามาซะยาวเลย แม่คงเบื่อฟังแล้ว ถ้าว่างๆอั๊วจะเขียนมาใหม่ รักและคิดถึง...ภูผา” เดือนอ่านไปเช็ดน้ำตาไปจนเส็งถามว่าใครตายหรือ

เดือนด่าเส็งว่าลูกเขียนจดหมายมายังปากเสียอีก เส็งถามว่ามันไปเป็นโจรอยู่ที่ไหนล่ะ เดือนบอกว่าภูผาไปเป็นชาวไร่ชาวสวนอยู่ราชบุรี ก็ปรามาสว่าเป็นชาวสวนมันจะเจริญอะไร

เดือนคร้านจะโต้เถียง บอกว่าเจริญหรือไม่มันก็ส่งเงินมาให้ก็แล้วกันแล้วลุกเดินไปอย่างไม่สนใจ

ภูผาตอบจดหมายทอรุ้ง บอกว่าตนสบายดีจะไม่สบายก็เพราะเพลงภาษาอังกฤษที่รุ้งส่งมาแกล้งนี่แหละ แต่ก็อวดว่าตอนนี้แปลชื่อเพลงออกแล้ว มันแปลว่า “เธอยังมีเพื่อน” ใช่ไหม เจอกันครั้งหน้าคอยดูแล้วกันเราจะแปลจนจบเพลงให้ดู

ขณะทอรุ้งเข้าห้องนอนปิดประตูอ่านจดหมาย แม่เกิดเป็นห่วงมาเรียกไปกินข้าว ทำเอาทอรุ้งซ่อนจดหมายแทบไม่ทัน

ภูผาปรึกษากับลุงวัฒน์ว่าอยากรับปุ๋ยมาขาย ลุงวัฒน์ติงว่าวงการปุ๋ยมันไม่ธรรมดานะ ปุ๋ยปลอมมีเยอะถ้าเอาของไม่ดีไปขายก็จะเป็นการทำบาปกับชาวไร่ชาวนา ภูผาบอกว่าตนศึกษาเรื่องปุ๋ยจากหนังสือที่ลุงวัฒน์ให้อ่านและมีคนบอกแหล่งขายส่งปุ๋ยมาสองจังหวัด ลุงวัฒน์ท้วงติงเรื่องเวลาและหน้าร้าน

แต่เห็นความตั้งใจมุ่งมั่นของภูผาลุงวัฒน์บอกว่าอยากลองก็ตามใจมีอะไรก็มาปรึกษาลุงได้ ภูผาดีใจมากไหว้ขอบคุณลุงวัฒน์แล้วขอตัวไปทำงาน

ไวเท่าความคิด ไม่นานภูผาก็รับปุ๋ยมาขาย วันนี้ได้ไปซ่อมรถให้ลุงชาวสวนเลยให้ปุ๋ยไปทดลองใช้ ลุงขอบใจบอกว่าดี วันหลังลุงจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อเองประเดิมสั่งซื้อ 20 ถุง ภูผาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาส่งให้

แต่พอเร่ขายไปอีกสวนหนึ่ง ลุงชาวสวนบอกว่ากลัวของปลอม ภูผาเลยให้เอาไปทดลองใช้ดูก่อน ลุงขี้หงุดหงิดบอกว่าไม่เอา ถ้าไม่ไปจะปล่อยหมามากัด ภูผาจึงให้ปุ๋ยไว้ทดลองใช้หนึ่งถุงแล้วรีบออกมาเลย

แม้จะมีอุปสรรคในการเริ่มขายปุ๋ย แต่ภูผาก็หาวิธีที่จะสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าอย่างไม่ย่อท้อ

ooooooo

ต้อยติ่งไปเป็นพนักงานในร้านขายไอติม สันต์พาลูกน้องกับดำเข้ามาจะกินไอติมพอเห็นต้อยติ่งก็ผิวปากวี๊ดให้ ต้อยติ่งมองอย่างไม่พอใจแต่ก็ไปต้อนรับตามหน้าที่ ส่งเมนูให้ถามว่า “รับอะไรดี”

สมคิดเพิ่งตามเข้ามาบอกสันต์ไปกินร้านอื่นดีกว่า สันต์ที่กำลังหลีต้อยติ่งถามว่าทำไมต้องไปร้านอื่น ต้อยติ่งพูดสวนทันทีว่า “เพราะร้านนี้ไม่ชอบต้อนรับนักเลง”

สมคิดรู้นิสัยน้องและความร้ายกาจของสันต์ปรามต้อยติ่งให้เงียบไปเลย พอสันต์รู้ว่าเป็นน้องของสมคิดก็พูดคะนองว่า “ชักไม่อยากกินไอติมแล้วว่ะ กินน้องมึงแทนได้ไหม ฮ่าๆๆ”

ต้อยติ่งถามว่าจะกินอะไร นี่...หรือนี่ เงื้อมือจะตบและชี้ที่เท้าตัวเอง สันต์กระชากต้อยติ่งเข้าไปแล้วตบ สะโพก ต้อยติ่งตบหน้ามันทันที ผู้จัดการรีบมาห้าม

และเชิญสันต์ออกจากร้านไปก่อน สันต์จ้องหน้าต้อยติ่งพูดอาฆาตก่อนออกไปว่า “เราต้องได้เจอกันแน่”

คืนต่อมา สันต์เจอต้อยติ่งเดินกลับบ้านคนเดียว เข้าไปแทะโลมถูกต้อยติ่งด่าก็เข้าไปจับแขนจะดึงเข้าไปจูบ ถูกต้อยติ่งกัดมือ สันต์โมโหสั่งลูกน้อง “เอามันไปขึ้นรถ!”

พอเอาต้อยติ่งไปที่แหล่งซ่องสุมของมัน สันต์ผลักต้อยติ่งเข้าห้องไล่พวกลูกน้องไปให้หมด แต่มันยังไม่ทันทำอะไรสมคิดก็ผลักประตูผัวะเข้ามาขอร้องอย่าทำอะไรน้องตนเลย ต้อยติ่งอาศัยจังหวะที่สันต์เผลอหันไปพูดกับสมคิด กระโดดเตะผ่าหมากมัน สมคิดตะโกนให้ต้อยติ่งหนีไปเลย

พอต้อยติ่งหนีออกไป พวกลูกน้องสันต์จะตาม สมคิดประกาศลั่น

“ใครห้ามยุ่งกับน้องกู ไม่งั้นกูเอาตาย”

พูดไม่ทันขาดคำ สันต์ก็ตามมาถีบสมคิดล้มแล้วจะกระทืบซ้ำ สมคิดปกป้องแต่ไม่สู้

รุ่งขึ้นสมคิดไปบอกต้อยติ่งที่ร้านให้ลาออกเสีย ตนคอยปกป้องไม่ได้ ต้อยติ่งโมโหบอกว่าเพราะพี่นั่นแหละไปคบพวกมันทำให้ตนเดือดร้อนไปด้วย ดูแต่พี่ภูผาซิเขายังออกเลย ทำไมพี่ไม่คิดจะออกมั่ง สมคิดลำเลิกว่าที่ต้อยติ่งรอดมาได้เพราะพี่นะ

“แต่เดือดร้อนก็เพราะพี่เหมือนกัน มีพี่อย่างนี้... อย่ามีเสียดีกว่า”

ต้อยติ่งพูดใส่หน้าจนสมคิดนิ่งไปอย่างเจ็บปวด

ฝ่ายเวหาทำเซอร์ไพรส์ทอรัก ซื้อเข็มกลัดติดเสื้อให้เป็นกำลังใจในวันแรกที่ไปทำงาน ทอรักยุให้เวหามาฝึกงานที่โรงพยาบาลของพ่อเราจะได้เจอกันบ่อยๆ เวหาฝันว่าถ้าฝึกงานเสร็จได้ทำงานที่นี่ต่อเลยก็ยิ่งดี

“เรื่องรับเข้าทำงานรักไม่แน่ใจ แต่ถ้าฝึกงานรักว่าพอได้” เวหาจึงขอให้ทอรักช่วยพูดกับพ่อให้

ooooooo

อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ภูผา ตอนที่ 7 วันที่ 4 ก.พ.62

บทประพันธ์โดย สลิลา
บทโทรทัศน์โดย สลาลิ
กำกับการแสดงโดย ณัฏฐ์กรณ์ สุทธาวาส
ผลิตโดย บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ