อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 7 วันที่ 2 ต.ค. 56

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 7 วันที่ 2 ต.ค. 56

แก้มยังคงนั่งอยู่ในรถกับชาติชายไม่ยอมเข้าบ้าน จะรอให้แสงเทพกลับไปก่อน เขาเตือนว่าดึกมากแล้วและที่สำคัญเขาต้องขับรถกลับกาญจนบุรี เด็กสาวลงจากรถไปนั่งตรงขอบทางเท้า ชาติชายโผล่หน้าออกมาจากรถปรามว่าทำอย่างนี้ไม่มีประโยชน์ เธอบอกให้เขากลับไปก่อนไม่ต้องเป็นห่วง เธอนั่งตรงนี้คนเดียวได้

ชาติชาย จะทิ้งให้แก้มนั่งรอคนเดียวได้อย่างไร จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเธอจะเข้าบ้าน แก้มปลื้มใจมากถึงขนาดจะขอให้เขามาเป็นพ่อของตัวเอง ชาติชายไม่เอาด้วย ขืนมีลูกอย่างเธอ จะเตะให้หายเป็นทอม


“ใครบอกว่าแก้มเป็นทอม”

“โอ๊ย จะต้องมีใครบอก เห็นมาแต่ไกล ดูยังไงก็ดูออก”

“อา กู๋โดนหลอกแล้วล่ะครับ มันเป็นวิธีป้องกันตัวของแก้มต่างหาก” แก้มพูดทีเล่นทีจริง แล้วชะเง้อคอยาวไปทางหน้าบ้าน เห็นแสงเทพเปิดประตูออกมา จัดแจงไล่ชาติชายกลับ ขยับจะลุกขึ้น แต่ต้องชะงัก น้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นดวงใจแม่ของตัวเองตามมากอดจูบราตรีสวัสดิ์ชายที่เธอ เกลียดขี้หน้า แก้มทนดูไม่ได้วิ่งหนีไปทั้งน้ำตา ไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของชาติชายให้กลับมาก่อน...

เสียงตะโกนของชาติชาย ทำให้ดวงใจหยุดกึก กวาดตามองไปรอบๆ แสงเทพแปลกใจ ถามว่ามีอะไร เธอได้ยินเสียงเหมือนใครตะโกนเรียกลูกของเธออยู่แถวนี้ แสงเทพรีบขอตัวกลับก่อน ถ้าเกิดแก้มมาเห็นเขาเข้าจะเป็นเรื่องเปล่าๆ แล้วขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว...

ฝ่ายแก้มวิ่งมาถึงศาลาเก่าๆข้างทาง ที่ด้านหลังมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งซ่อนอยู่ เธอโดดขึ้นรถแล้วเร่งเครื่องออกไป ชาติชายจะวิ่งตามแต่ไม่ทัน ด้วยความเป็นห่วง เขาตัดสินใจไปที่บ้านดวงใจเพื่อแจ้งว่าเขามาส่งแก้มที่นี่ แต่เธอไม่ยอมเข้าบ้านวิ่งหนีไปเสียก่อน เขาตามหาจนทั่วก็ไม่พบ จึงมาบอกให้ดวงใจทราบ แล้วหันหลังจะกลับ

“เดี๋ยวค่ะ แก้มไม่ได้อยู่ที่นี่นะคะ แกไปอยู่บ้านปู่ของแกนานแล้ว ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย”

“หรือครับ...ขอโทษที่มารบกวนเสียดึกเลย สวัสดีครับ” ชาติชายกลับมาขึ้นรถตัวเองอย่างงงๆ...

ที่ ห้องนอนของหรั่ง ขณะเจ้าของห้องกำลังดื่มด่ำความสุขที่ได้ไปเหยียบดวงจันทร์กับแพรวาอีกครั้ง ก้อยตะโกนถามว่าหิวหรือเปล่า น้าเบิ้มซื้อผัดไทยมาฝากตั้งแต่หัวค่ำ หรั่งเปิดประตูห้องออกมาบอกว่ากินอะไรมาแล้ว และชวนเธอมาเล่านิทานกันต่อ วันนี้เขาจะเริ่มเรื่องตรงที่เจ้าชายพาเจ้าหญิงไปเหยียบดวงจันทร์จนได้

“อย่างนั้นก็ใกล้จะจบแล้วสิ”

“ยังหรอก เพิ่งจะครึ่งเรื่อง ยังเหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่ง มันๆทั้งนั้น” หรั่งยิ้มอย่างมีความสุข

ooooooo

ที่ โรงสีข้าวน่ำเล้งซึ่งอยู่ในเครือของ M.S.Group. เสียงคนงานตะโกนกันเป็นทอดๆว่าเจ้าสัวมา ทำให้ ลินจงหรืออาจูวางมือจากงานที่ทำ รีบออกมาต้อนรับ พลางตัดพ้อว่าจะมาหาทั้งทีทำไมไม่โทร.บอกก่อน

“คนคิดถึงกัน มันต้องบอกก่อนด้วยหรืออาจู” เผ่าลาภกระเซ้า ลินจงชวนให้เข้าไปคุยกันในบ้าน แล้วเดินนำพี่ชายไปยังบ้านไม้ริมน้ำอายุเก่าแก่กว่า 80 ปี...

เผ่าลาภ ระบายความอัดอั้นให้ลินจงฟังว่า ตอนนี้เหนื่อยเหลือเกิน สุขภาพร่างกายก็เริ่มแย่แถมยังมีเรื่องให้เครียดอยู่ตลอด จะปรึกษารำไพก็สงสารไม่อยากทำให้เธอพลอยเครียดไปด้วย ลินจงแนะให้พี่ชายปล่อยวางเสียบ้าง อีกไม่นานเรื่องร้ายๆก็จะคลี่คลายไปได้เอง

“ถ้าเลือกได้ เฮียอยากเป็นคนธรรมดาๆไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือไม่ก็ให้เฮียมาดูแลโรงสี นี่ก็ยังดี เอาไหม เรามาสลับตำแหน่งกันไหมอาจู” เผ่าลาภสีหน้าท้อแท้อย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เอาล่ะ อั๊วอยู่อย่างนี้ดีแล้วนา อย่าหาเรื่องให้อั๊วเลย”

“ทางนี้เป็นอย่างไรบ้าง ดูเงียบๆไปนะ คนงานน้อยลงใช่ไหม”

ลินจง พยักหน้ารับคำ พักนี้ไม่ค่อยมีงานให้คนงานทำ แต่โรงสีข้าวก็ยังมีเงินพอส่งให้บริษัทใหญ่ได้อีกสักพักหนึ่ง เผ่าลาภต้องขอให้เธอส่งเงินงวดนี้เร็วขึ้น เพราะทางเหมืองพลอยต้องเร่งใช้เงินลงทุน

“ได้เฮีย...เอ่อ เร็วๆนี้อั๊วจะแวะไปเยี่ยมอาฮุ้งก็ว่าจะเลยไปเยี่ยมคุณรำไพด้วย เฮียอยากได้อะไรไหม”

เผ่าลาภส่ายหน้า “ขอบใจอาจู...ถ้าเฮียเป็นอะไรไป ฝากรำไพกับลูกแพรด้วยก็แล้วกัน” คำพูดของเขาทำให้ลินจงไม่ค่อยสบายใจนัก...

ด้วยความที่ก้อยตาบอดทำให้ไม่เห็นว่ามีมอเตอร์ไซค์แปลกหน้ามาขี่วนเวียนดูลาดเลาแถวบ้านหลายรอบ ก่อนจะขี่ลัดเลาะผ่านหน้าบ้านผู้ใหญ่เงาะที่กำลังโขกหมากรุกอยู่กับน้าเบิ้มอย่างหน้าดำคร่ำเคร่ง สักพักมอเตอร์ไซค์แปลกหน้าคันเดิมขี่ย้อนกลับมาวนใกล้ๆบ้านผู้ใหญ่เงาะอีกครั้ง คราวนี้ผู้อาวุโสประจำชุมชนจานเดี่ยวทั้งสองคนต่างละสายตาจากกระดาน หมากรุกหันไปมองมอเตอร์ไซค์คันนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ไอ้นี่มันใครวะ ขี่รถวนไปวนมาอยู่ได้”

“นั่นสิผู้ใหญ่...เมื่อบ่ายๆข้าเห็นวนอยู่แถวบ้านไอ้หรั่งทีหนึ่งแล้ว นังก้อยมันอยู่คนเดียวเสียด้วย” น้าเบิ้มว่าแล้วหันไปสนใจหมากรุกบนกระดาน ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก ผู้ใหญ่เงาะก็เช่นกัน

ooooooo

กัมปนาทถึงกับกุมขมับเมื่อเห็นสปอตโฆษณาตัวใหม่ที่อรทัยเอามาเปิดให้ดู แถมว่าประชดว่าขืนทำโฆษณาแนวนี้ออกมามีหวังต้องทำสติกเกอร์ติดท้ายรถสิบล้อไปด้วย

“สงสัยอั๊วคงต้องเปลี่ยนคนทำโฆษณาใหม่...แล้วนี่เราจะเอาอย่างไรแน่อาฮุย ตกลงจะประจำอยู่ที่โรงเจียระไนหรือจะอยู่โยงที่ออฟฟิศในกรุงเทพฯ”

“เอาแบบไปๆมาๆอย่างนี้แหละดี คนเป็นดีไซเนอร์อยู่นิ่งไม่ได้ เดี๋ยวไอเดียตันล่ะก็จบกันเลยนะ”

จังหวะนั้น ตองในชุดนักเรียนเปิดประตูห้องเข้ามาไหว้ทักทายกัมปนาท ก่อนจะหันไปบอกอรทัยว่าวันนี้กลับดึก มีเรียนพิเศษแล้วแบมือขอเงินค่ารถแท็กซี่ เธอหยิบเงินให้
ลูกไปพลางบ่นไปด้วยว่าวันหลังรับครูมาสอนที่บ้านน่าจะถูกกว่าค่าแท็กซี่ แล้วรอจนลูกกลับออกไปจึงถามน้องชายว่าวันนี้มีเรื่องอะไรกับตนหรือเปล่า เขาหยิบแฟ้มโปร
เจกต์ Jewelry on the beach ขึ้นมาให้ดู อรทัยทำหน้างงถามว่าแฟ้มอะไร

“มหกรรมอัญมณีโลก นำเสนอโดย M.S.JEWELRY ไง...เฮียตงยังไม่ได้บอกเจ๊อีกหรือเนี่ย ไม่ทันไรขี้ลืมเสียแล้วเฮียเรา”

“โอ๊ย...จะไปจำอะไรได้ ช่วงนี้เขาใจจดใจจ่อกับเรื่องออกทีวีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ” อรทัยแดกดัน...

เผ่าลาภมีนัดไปออกรายการทีวีให้กับช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณในเย็นวันเดียวกัน แต่คนที่ตื่นเต้นกลับเป็นนายสยามที่จะได้ไปเจอะเจอกับดาราของช่อง เตรียมกล้องไว้เผื่อขอ
ถ่ายรูป แถมยังชวนหรั่งไปด้วยกัน

“ไม่เอาล่ะ เป็นห่วงน้องสาวที่บ้าน”

จังหวะนั้น ส้มวิ่งหน้าตื่นออกมาจากตัวบ้านร้องบอกนายสยามว่าคุณเผ่าลาภไม่สบายมาก มาช่วยกันพาตัวไปส่งโรงพยาบาล ชายต่างวัยทั้งสองคนรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
เห็นเผ่าลาภนั่งอยู่กับพื้นเอามือกุมขมับสีหน้าเจ็บปวด ต่างกรูเข้าไปช่วยกันประคองให้ลุกขึ้น แพรวาละล่ำละลักถามแม่ว่าคุณป๋าเป็นอะไรไป

“คุณป๋าปวดหัวมาก แม่กำลังจะพาไปโรงพยาบาล”

แพรวาจะตามไปด้วย เผ่าลาภบอกอย่างยากลำบากว่าไม่ต้อง ให้ลูกช่วยไปออกรายการทีวีแทนเขาที เธอไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น จะขอตามไปโรงพยาบาลด้วย รำไพต้อง
ขอร้องลูกอีกแรงหนึ่ง

“ช่วยหน่อยนะลูกแพร เขาเพิ่งโทร.มาตามคุณป๋าเมื่อครู่นี้เอง เขาว่าเป็นรายการสดด้วย”

“ก็ช่างเขาสิแม่ ให้เขาแก้ปัญหาของเขาเองสิ”

“มันจะเสียหายมาถึงบริษัทนะลูกแพร เข้าใจหน่อยสิลูก ไปแต่งตัวเร็วเข้า” รำไพพูดจบเดินนำหรั่งกับนายสยามที่ประคองเผ่าลาภจะออกไปขึ้นรถ แพรวาครุ่นคิดอยู่ครู่
หนึ่งก่อนจะร้องเรียกหรั่งไว้

“นายหรั่ง...นายไปกับฉันนะ”

ooooooo

ทันทีที่มาถึงสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ แพรวาแจ้งกับทีมงานของรายการทีวีว่าพ่อของเธอป่วยกะทันหัน ก็เลยให้เธอมาออกรายการแทน

“ไม่เป็นไรค่ะ มา...มาทางนี้ก่อนค่ะ” หนึ่งในทีมงานพาแพรวากับหรั่งไปยังห้องแต่งตัวด้านหลัง...

แพรวาทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่าเมื่อได้นั่งแต่งหน้าร่วมห้องกับนักธุรกิจอัญมณีรุ่นใหม่ ดูท่าทางทรงภูมิทั้งนั้น หลังจากครีเอทีฟเข้ามาแจ้งคิวงานให้ทุกคนที่จะออกรายการ

“แต่ฉันไม่รู้อะไรเลยนะหรั่ง”แพรวาสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

“ไม่รู้ก็บอกเขาว่าไม่รู้ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอาย” หรั่งยิ้มให้กำลังใจ ทำให้แพรวาคลายกังวลลงไปได้บ้าง...

ขณะแพรวาพยายามข่มความตื่นเต้น บารมีซึ่งอยู่ที่ห้องพักของตัวเอง เหลือบดูเวลาอย่างมีแผนร้ายก่อนจะหลอกล่อให้กันทิมาออกไปซื้อเหล้ามาให้ เธอขอร้องให้พอได้
แล้ว ดื่มไปหนึ่งขวดเต็มๆแล้ว แต่เขาไม่ยอม
“คุณจะออกไปซื้อมาให้ผมกินที่นี่ เมาที่นี่ นอนกับคุณที่นี่ หรือจะให้ผมออกไปเมาหลับไม่รู้เรื่องข้างนอก”

กันทิมาลอบถอนใจ เหนื่อยใจ “รอนานหน่อยนะคะ ฉันจะเดินไป จะได้ไม่เปลืองน้ำมันรถ”...

ในเวลาไล่เลี่ยกันที่ด้านหลังชุมชนจานเดี่ยวไม่ห่างจากบ้านของหรั่ง ชายแปลกหน้าสองคนซึ่งขี่มอเตอร์ไซค์มาดูลาดเลาแถวนี้หลายครั้ง อาศัยความมืดมุดคูน้ำเข้ามา
พร้อมกับถังใส่น้ำมันเบนซินคนละสองใบ...

ระหว่างที่อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาในชุมชนจานเดี่ยวโดยที่ไม่มีใครในนั้นรู้ตัว ตองกำลังขะมักเขม้นกับการติววิชาคำนวณให้แก้มซึ่งเอาแต่นั่งใจลอยอยู่ในร้านอา
หารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง

“แก้ม...ฟังหรือเปล่าเนี่ย จะสอบอยู่แล้วนะเดี๋ยวก็ติด F อีกหรอก”

แก้มไม่สนใจจะสอบตกก็ให้มันตกไป ตองยอมไม่ได้ ใครเป็นแฟนของเธอต้องเรียนหนังสือเก่งทุกคน...

ช่วงเบรกแรกของรายการสัมภาษณ์สด แพรวาทำได้ไม่ดีนัก เพราะยังตื่นกล้อง พิธีกรถามคำถามอะไรมาเธอได้แต่ตอบว่า “ค่ะ” “ไม่ทราบค่ะ” “ไม่รู้ค่ะ” วนไปเวียนมาอยู่
แค่นั้น จนพิธีกรผู้คร่ำประสบการณ์ต้องรีบตัดบท

“ท่านผู้ชมครับ ผู้หญิงแม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้า ผู้เป็นพ่อล้มป่วยลงไป เธอก็คงจะพูดได้น้อยลงเช่นนี้ทุกคน ผมว่าพักโฆษณากันก่อนดีกว่าครับ ให้เธอปรับอารมณ์สักครู่
เดี๋ยวเรากลับมาพบกันใหม่หลังข่าว ภาคดึกเลยแล้วกัน...สักครู่พบกันในช่วงสุดท้ายครับ” สิ้นเสียงพิธีกร ผู้กำกับเวทีส่งสัญญาณให้ตัดเข้าโฆษณา

“คัต...เบรกนี้มีข่าวคั่นรายการสิบห้านาทีค่ะ”

พิธีกรรายการขยับเข้าไปใกล้แพรวาด้วยท่าทางหงุดหงิด เตือนว่าเบรกหน้าต้องพูดให้มากกว่าเมื่อครู่นี้มานั่งทำหน้าสวยอย่างเดียวไม่พอ และที่สำคัญอย่าปล่อยให้เขา
ต้องพูดอยู่คนเดียว แล้วหันไปเรียกทีมงาน

“อิงฟ้า...มานี่สิ มาบรีฟน้องแพรวาใหม่ ขืนเป็นอย่างนี้ตาย...เปลี่ยนไปดูมวยปล้ำช่องอื่นได้อารมณ์กว่า”

พิธีกรสั่งเสร็จเดินหน้าบูดออกไป หรั่งซึ่งยืนห่างออกมามองแพรวาด้วยความเห็นใจ...

ในขณะเดียวกัน อรทัยนั่งชมรายการสัมภาษณ์สดอยู่ที่บ้าน พร้อมกับลินจง วิโรจน์และลูกๆซึ่งแวะมาเยี่ยมพอดี ถึงกับบ่นอุบว่าหลานสาวทำให้ชื่อเสียงบริษัทเสียหาย เผ่า
ลาภไม่น่าให้เธอไปออกทีวีแทนทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรในบริษัท สู้ให้กฤษฎาลูกชายของตนไปแทนยังดีกว่า ลินจงปลอบพี่สาวให้ใจเย็นๆดูๆกันไปก่อน

“เย็นไม่ไหวหรอก ฉันอยากจะบ้าตาย” อรทัยบ่นจบคว้ามือถือโทร.หาทนงศักดิ์โดยไม่รู้ว่าเขากำลังนอนหลับให้สาวๆนวดอยู่ในสปา เสียงโทรศัพท์ปลุกเขาให้งัวเงียมารับ
สาย พอรู้ว่าเมียโทร.มาเท่านั้นตาสว่างทันที

“มัวทำอะไรอยู่ ทำไมถึงรับช้านัก ดูทีวีอยู่หรือเปล่า”

“ดู...ดูสิ ดูอยู่นี่ไง มีอะไรหรือ” ทนงศักดิ์มั่วไปเรื่อย

“จะบอกให้เรียกนายต้นมาดูไว้ด้วย แล้วจำไว้จะได้ไม่ทำอะไรทุเรศๆอย่างยายแพร เข้าใจไหม”

“เข้าใจ ฉันไม่มีวันปล่อยนายต้นให้เป็นอย่างนั้นหรอก เท่านี้นะจะดูทีวีต่อล่ะ” ทนงศักดิ์วางสายแล้วสั่งพนักงานสาวให้เปิดทีวีช่องเจ็ดสี กฤษฎาซึ่งนอนอยู่เตียงข้างๆแหวก
ม่านมาถามว่าเดี๋ยวนี้พ่อติดละครด้วยหรือ

ooooooo

แพรวายืนหน้าเครียดอยู่หลังกล้องระหว่างรอเข้าเบรกสุดท้ายของรายการสัมภาษณ์สด หรั่งรีบเอากระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งมาให้อ่าน เชื่อว่าคำถามที่พิธีกรจะถามคงไม่พ้น
เรื่องเหล่านี้ เธอรับโน้ตมาอ่านอย่างตั้งใจ

“ถ้าคุณจำไม่ได้ ก็หยิบมาอ่านสดไปเลย คุณทำได้สบายมาก พนันกันก็ได้เลยว่าคุณเผ่าลาภจะต้องภูมิใจในตัวคุณ” หรั่งพยายามพูดให้กำลังใจแพรวาสุดฤทธิ์

ผู้กำกับเวทีตะโกนลั่นห้องส่งว่าเหลือโฆษณาอีกสามตัว ถ้าเบรกนี้แพรวาไม่พูดอีก ตนจะโยนเข้าสกู๊ปตอนหน้าเลย แล้วสั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมช่วยเช็กเสื้อผ้าหน้า
ผมของผู้ร่วมรายการด้วย...

เบรกสุดท้ายของรายการเป็นหนังคนละม้วนกับเบรกแรก แพรวาตอบคำถามได้ฉะฉาน แม้บางครั้งจะจดจำเรื่องราวจากโน้ตที่หรั่งเขียนมาให้ไม่ได้ แต่เธอก็เหลือบอ่าน
ข้อมูลในนั้นได้เนียนมากไม่ขัดหูขัดตา และยังชี้แจงนโยบายของบริษัทตัวเองได้อย่างครบถ้วน ชัดเจน พิธีกรถึงกับยิ้มออก

“เยี่ยมมากครับ ผมมีอีกหนึ่งคำถาม เป็นคำถามสุดท้าย ถามว่าถ้าหากคุณเผ่าลาภลงจากตำแหน่ง คุณคิดว่าใครจะขึ้นมาแทนที่เขา เพื่อมาดำเนินนโยบายทั้งหมดนี้”
คำถามนี้ทำเอาแพรวาไปไม่เป็นได้แต่นิ่งอึ้งขอบใจเป็นการใหญ่...

ขณะที่แพรวาจบรายการสัมภาษณ์ได้สวย เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่ชุมชนจานเดี่ยว เสียงชาวบ้านตะโกนโหวกเหวกว่าไฟไหม้บ้านหรั่ง พร้อมๆกับเสียงสัญญาณเตือนภัย
ดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงประกาศจากผู้ใหญ่เงาะให้ชาวบ้านช่วยกันดับไฟ เกิดโกลาหลไปทั่ว น้าเบิ้มวิ่งหน้าตื่นออกมาตะโกนลั่น

“ก้อย...ก้อย ใครดูยายก้อยทีโว้ย ยังอยู่ในบ้านหรือเปล่า”

ยังไม่ทันขาดคำ ก้อยถือคันชักไวโอลินเดินโซซัดโซเซอยู่ในกลุ่มชาวบ้านที่วิ่งกันวุ่นวายไปหมด...

ท่ามกลางเสียงชื่นชมแพรวาจากทีมงานในห้องส่ง หรั่งได้ยินเสียงประกาศข่าวด่วนจากจอทีวีด้านหลังว่าเกิดไฟไหม้ขึ้นที่ชุมชนจานเด่ียวย่านถนนพระรามเก้า เพลิงได้ลุก
ไหม้มาเป็นเวลาเกือบสามสิบนาทีแล้ว หรั่งหันขวับไปมองถึงกับตะลึงกับภาพข่าวที่เห็น...

ไม่นานนัก หรั่งขับรถฝ่าการจราจรอันติดขัดมาถึงหน้าทางเข้าชุมชนจานเด่ียว เห็นรถดับเพลิงหลายคันจอดระเกะระกะอยู่ เขารีบลงจากรถ หันไปบอกแพรวาให้ขับรถ
ถูกไฟเผาผลาญ เห็นก้อยนั่งยองๆสีหน้าตื่นตระหนกในมือกำคันชักไวโอลินไว้แน่น

“ก้อย...ก้อยเป็นอย่างไรบ้าง”

“หรั่ง...ไวโอลินของก้อยมันหายไปแล้ว” พูดจบก้อยปล่อยโฮ หรั่งดึงเธอมากอดปลอบใจ แล้วฝากเช็งช่วยดูแลก้อยสักครู่ ก่อนจะตรงไปตักน้ำราดตั้งแต่หัวจดเท้าจนชุ่ม
วิ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปในบ้านเช่าของตัวเองตรงไปยังห้องนอน กระชากแผ่นไม้ที่ติดรูปภาพและการ์ดของแพรวาซึ่งถูกไฟเผาไปบางส่วนลงมาจากเพดานห้อง รีบ
แกะเอารูปที่ยังเหลือออกมา

จากนั้น กระชากตู้ใส่เสื้อผ้าทีิ่ติดไฟให้ล้ม กล่องไม้ซึ่งเก็บของสำคัญๆในชีวิตของเขากระเด็นออกมา หรั่งพุ่งเข้าไปกวาดของที่กระจัดกระจายคืนใส่กล่อง โดยเฉพาะ
ล็อกเกตรูปไวโอลิน ไฟโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้น เขาถอดเสื้อเปียกน้ำของตัวเองมาห่อของเหล่านั้นไว้แล้ววิ่งฝ่ากองเพลิงออกไป

ooooooo

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 7 วันที่ 2 ต.ค. 56

สุภาพบุรุษลูกผู้ชายบทประพันธ์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย บทโทรทัศน์โดย เมจิก อีฟ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายกำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผลิตโดย บริษัท คลิกเทเลวิชั่น จำกัด
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายแนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายวันเวลาออกอากาศ ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น.
ติดตามชมละครเรื่องสุภาพบุรุษลูกผู้ชายได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ