อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 11 วันที่ 16 ต.ค. 56

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 11 วันที่ 16 ต.ค. 56

“ฉันเข้าใจ ที่จริงฉันกักตัวเธอไว้นานแล้วเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นฉันจะให้เธอลาพักร้อนได้หนึ่งอาทิตย์ไปเยี่ยมแม่เธอ ไปบอกให้แม่รู้ว่าเธอโชคดีขนาดไหนที่มีฉัน” กัมปนาทมองธนูด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก...

ในเวลาเดียวกัน ที่ชุมชนจานเดี่ยว ขณะที่ก้อยเล่นกีตาร์คลอตามมิวสิกวีดิโอเพลงร็อกในทีวี โดยมีโบ้ลุกขึ้นเต้นและร้องตามอย่างเมามันอยู่ใกล้ๆ น้าเบิ้มเข้ามาทักท้วงว่าซ้อมดนตรีกันยันสว่างไม่คิดจะหลับจะนอนกันบ้างเลยหรือ ก้อยต่อว่าโบ้ว่าเช้าแล้วทำไมไม่บอกกันบ้าง เขาอ้างว่าไม่อยากขัดเพราะเห็นเธอกำลังมัน


“ข้าว่าเอ็งนั่นแหละมันกว่าก้อยหลายร้อยเท่า กีตาร์ก็ไม่ได้เล่นดันออกท่าเต้นซะกระจายขนาดนั้น จะบอกให้นะก้อย ตั้งแต่เห็นมันมา ข้าเพิ่งเห็นมันกระโดดโลดเต้นสุดๆก็วันนี้แหละ ดีใจที่ไอ้หรั่งมันไม่มาหรือไง”

“ให้กำลังใจก้อย...น่ะพ่อ ไปอาบน้ำดีกว่าเดี๋ยวสายๆ ฉันพาก้อยไปห้องซ้อมนะ” โบ้ลุกออกไปแบบเขินๆ...

หลังกลับจากทะเล แพรวายังไม่ยอมเข้าบ้านขอให้หรั่งพาไปเยี่ยมพ่อของเธอที่โรงพยาบาลก่อน เมื่อเธอไปถึงที่นั่นก็พบว่าท่านย้ายออกจากห้องไอซียูไปอยู่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยแล้ว เนื่องจากหมอเห็นว่าเขาเริ่มขยับตัวได้บ้าง และผลเอกซเรย์สมองก็ดีขึ้น แพรวาดีใจมากปราดเข้าไปยืนข้างเตียงของพ่อ

“น้องแพรมาแล้วค่ะ คุณป๋าเป็นอย่างไรบ้างคะ”

รำไพเรียกลูกให้เข้ามาถามท่านใกล้ๆ แพรวาก้มลงไปที่ข้างหูพ่อ ถามว่าได้ยินเธอพูดไหม รำไพเตือนให้เขากะพริบตาให้ลูกดูด้วยจะได้รู้ว่าเขาได้ยิน เผ่าลาภกะพริบตาสองครั้งติดกัน แพรวาดีใจ โผกอดพ่อไว้แน่น

“คุณป๋ากำลังจะหายแล้ว คุณป๋าต้องหายแน่ๆใช่ไหมคะคุณหมอ”

หมอได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ แต่ดูอาการรวมๆแล้วดีขึ้นเป็นลำดับ ขอให้แพรวาใจเย็นๆ อดทนหน่อยก็แล้วกัน แล้วขอตัวไปดูคนไข้คนอื่น ทันทีที่หมอลับสายตา รำไพหันไปตำหนิลูกสาวว่าหายไปไหนมา เธอพยายามตามหาตัวทั้งคืน แพรวาไประลึกถึงความหลังมาและก็โยนบางสิ่งบางอย่างออกไปจากชีวิต แล้วก้มลงไปบอกพ่ออีกครั้งว่า เธอพร้อมจะดูแลกิจการทุกอย่างของ M.S. แทนท่านจนกว่าจะมีคนที่เหมาะสมจริงๆ เข้ามารับหน้าที่นี้

“ก็ลูกนั่นแหละจะมีใคร” รำไพทักท้วง

“ไม่ค่ะ น้องแพรจะไม่มีวันทำงานหนักเพีื่อรอวันล้มอย่างคุณป๋า ต้องมีคนที่เหมาะสมกว่า เก่งกว่าและดีกว่าน้องแพรมารับหน้าที่นี้สักวันหนึ่ง น้องแพรจะรอคนคนนั้น” แพรวาสีหน้ามุ่งมั่น...

หรั่งใช้เวลาว่างระหว่างรอแพรวาขึ้นไปเยี่ยมเผ่าลาภ เดินไปโทรศัพท์ที่ตู้สาธารณะใกล้ๆที่จอดรถของโรงพยาบาล ถามโบ้ว่าก้อยเป็นอย่างไรบ้าง เขาต่อว่ายกใหญ่ที่หรั่งหายไปทั้งคืน ปล่อยให้เธอรออยู่จนดึกดื่น จะไม่มารับทำไมไม่โทร.บอก หรั่งอ้างว่าแบตฯมือถือหมด ตอนนี้ต้องโทร.จากตู้โทรศัพท์สาธารณะ

“แล้วทำไมเมื่อวานมึงไม่โทร.ตู้...มึงบอกมาสิมึงอยู่ที่ไหนทั้งคืน”

“มึงไม่ต้องรู้เรื่องของกูทุกเรื่องได้ไหม” หรั่งเริ่มหงุดหงิด พลางชำเลืองมองแพรวาซึ่งกำลังบ่ายหน้ามาทางที่จอดรถ โบ้ตำหนิหรั่งว่าทำแบบนี้เท่ากับทิ้งก้อย หรั่งชักโมโห

“แล้วดีไหมล่ะ มึงจะได้ดูแลก้อยต่อไง ชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ชอบก็เอาไปเลยกูยกให้ บอกก้อยด้วยแล้วกันว่ากูขอโทษ งานกูยุ่ง เท่านี้แหละ” หรั่งตัดบทวางสายทันที ขณะที่โบ้ได้แต่ส่ายหน้า เดินไปขึ้นรถกระบะที่ก้อยนั่งรออยู่ เพื่อเดินทางไปห้องซ้อมดนตรีร่วมกับนักดนตรีวงร็อกที่เจอกันคราวก่อน

ooooooo

พนักงานของบริษัท M.S. ไม่เป็นอันทำอะไรมัวแต่จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่แพรวาหายไปกับหรั่งทั้งคืนกันอย่างสนุกปาก กันทิมามาทันได้ยินก็เอ็ดลั่นว่าสุมหัวนินทาอะไรกันอยู่ พนักงานวงแตกทันที

“ถ้าไม่รู้อะไรจริงๆก็ไม่ควรจะพูดไป คนดีๆเขาจะเสียหายกันไปหมด แล้วคนดีๆพวกนั้นก็ไม่ใช่ใคร เจ้านายของพวกเธอนี่แหละ อย่าลืมนะว่าคำสั่งไล่ออก มันสั่งง่ายมาก แล้วก็สั่งไล่ได้วันละหลายๆคนด้วย”พวกพนักงานพากันก้มหน้าไม่กล้าสบตาด้วย...

อีกมุมหนึ่งของบริษัท กัมปนาทสั่งให้พนักงานฝ่ายบุคคลบรรจุธนูเป็นพนักงานใหม่ของบริษัทและให้ทำประวัติย้อนหลังด้วยว่าเขาเป็นเลขาฯส่วนตัวของตนเองมาสามปีแล้ว อัตราเงินเดือนๆละ 50,000 บาท และให้เอาเอกสารทั้งหมดยื่นขอวิีซ่าไปประเทศฝรั่งเศสให้ด้วย...

ขณะที่กัมปนาททำทุกอย่างตามที่สัญญาไว้กับธนู แต่ฝ่ายหลังกลับใช้เวลาพักร้อนที่เขาให้ไปเยี่ยมแม่โทร.นัดซูซาน ครูสอนเต้นรำที่เจอกันในบาร์หรูครั้งก่อน

“เจ้านายเขาใจดี ให้ผมลาพักร้อนได้อาทิตย์หนึ่งครับ ก็เลยรีบมาเลย มารถตู้ครับ แล้วเจอกันนะครับ อ๋อ นี่เบอร์ใหม่ของผมครับ สวัสดีครับ คุณซูซาน” ธนูบันทึกชื่อซูซานลงในมือถือเครื่องใหม่ แล้วเดินไปขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่ใกล้ๆ ช่างบังเอิญเหลือเกินที่เบาะด้านหลังสุดของรถตู้คันนั้น แก้มนั่งอยู่ก่อนแล้ว...

ในเวลาต่อมา หรั่งขับรถพาแพรวามาจอดหน้าบ้านมหาโชคตั้งศิริ เธอบอกให้เขากลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนเสียบ้าง อยู่กับเธอมาทั้งคืนแล้ว

“เดี๋ยวผมจะรีบมารับคุณเข้าออฟฟิศนะครับ”

“ไม่ต้องรีบก็ได้ ให้ฉันได้อยู่นิ่งๆ สักพักเถอะ” แพรวาว่าแล้วถอดเสื้อสูทของเขาที่คลุมไหล่อยู่คืนให้ “ขอบใจนะ...ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าเพิ่งทิ้งฉันไปอีกคนล่ะ”

หรั่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเธอไปไหน แล้วเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ตัวเองขับออกไป ระหว่างขี่รถมาตามถนน เขายกเสื้อสูทของตัวเองขึ้นมาดมกลิ่นกายของแพรวาที่ฝังอยู่ในเนื้อผ้าก่อนจะยิ้มมีความสุข...

ด้านแพรวาเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างอ่อนแรง ทรุดตัวลงนั่งที่เปียโน ไล่นิ้วไปบนคีย์ของมัน พยายามปลดปล่อยความท้อแท้ไปกับเสียงเพลงที่กำลังบรรเลง...

ทันทีที่กลับถึงบ้าน หรั่งนำรูปของแพรวาที่ยังหลงเหลือจากไฟไหม้มาติดบนแผ่นไม้ แล้วชักรอกขึ้นไปไว้บนเพดานแบบเดียวกับที่เคยทำที่บ้านเช่าในชุมชนจานเดี่ยว แล้วหยิบสมุดบันทึกมาเขียน

“ในที่สุด เธอก็จำเราได้ องค์หญิงตัวน้อยของฉัน”

ooooooo

ที่โรงเจียระไนพลอยภายในเหมือง M.S. ผ่องบ่นให้ชาติชายที่นั่งเจียระไนพลอยอย่างขะมักเขม้นฟังว่า เรามีกันแค่สองเองจะทำงานไหวหรือ ไหนจะเหมืองทั้งเหมือง ไหนจะรีสอร์ต อีกทั้งยังมีสนามกอล์ฟอีก

“ใจเย็นๆ” ชาติชายปลอบ

ผ่องว่าประชดว่าใจเย็นไม่ได้ช่วยให้งานเสร็จต้องใช้เงินอย่างเดียวเท่านั้น มีเงินเราก็จ้างคนงานใหม่ได้ คนงานมากสนามกอล์ฟก็เสร็จเร็ว ถ้ามีเงินจ่ายค่าที่ดินให้เจ้าของที่ เราก็เข้าไปขุดพลอยได้ ไม่อย่างนั้นมีหวังได้นั่งฟังละครที่เจ้านายเกลียดทั้งวันทั้งคืนแน่ พลันมีเสียงมาจากด้านหลังว่าเปลี่ยนเป็นฟังเพลงแทนที่ได้ไหม

ชาติชายหันขวับไปมอง ต้องแปลกใจที่เห็นแก้มยืนยิ้มหน้าเป็นอยู่ เขาไม่รอช้าปราดเข้าไปดึงเธอออกมานอกโรงเจียระไน พลางกดโทรศัพท์มือถือไปด้วยปากก็ต่อว่าว่าเป็นเด็กผู้หญิงนั่งรถมาเหมืองคนเดียวได้อย่างไร มันไม่ปลอดภัย

“ผมเป็นทอมไงครับ อากู๋บอกเอง เห็นมาแต่ไกลดูอย่างไรก็ดูออก...นั่นอากู๋โทร.หาใครน่ะ”

“หลานฉันน่ะสิ” ชาติชายเสียงเขียว

“อยู่นี่แล้ว ไม่ต้องโทร.หรอก” แก้มว่าแล้วยื่นมือถือของตัวเองให้ ชาติชายต่อว่าหลานสาวของเขาเป็นชุดจนเธอต้องขอร้องว่าอย่าเพิ่งโมโห เธอจำเป็นต้องฝากแก้มไว้กับเขา เพราะต้องไปเรียนซัมเมอร์ที่แอลเอ

“ยายแก้มของเรานี่เป็นอะไรกันแน่ เป็นสิ่งของหรือสัตว์เลี้ยง พอเจ้าของไม่อยู่ทีก็ต้องเที่ยวไปฝากคนโน้นคนนี้ทีอย่างนั้นหรือ ยายตองบอกให้แฟนเรากลับกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น กู๋จะเล่าเรื่องของเราทั้งหมดให้ป๊ากับม้าเราฟังเดี๋ยวนี้แหละ” ชาติชายขู่ฟ่อ แต่ต้องหยุดกึกเมื่อแก้มพูดขึ้นว่า

“งั้นแก้มก็จะไม่บอกอากู๋ว่านายแสงเทพเขามีแผนการอย่างไรบ้าง”

“อากู๋สงสารแก้มเถอะนะ แก้มเขาไม่มีใคร แล้วเขาก็เป็นห่วงอากู๋จริงๆนะ...ตองต้องไปแล้ว ม้ามาตามแล้ว ขอให้ความลับยังเป็นความลับเหมือนเดิมนะอากู๋...โอเคไหม” เสียงตองอ้อนวอนดังมาจากมือถือ

“แม่แก้มสนิทเป็นพิเศษกับนายแสงเทพ อากู๋ก็รู้ไม่ใช่หรือ ตอนนี้แม่แก้มไปเมืองนอก กลับมาเมื่อไหร่แก้มจะแอบถามแม่ให้ แลกกับการให้แก้มอยู่ที่นี่ แถมช่วยอากู๋ทำงานได้อีก คุ้มจะตาย” แก้มยิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่าแล้วดึงมือถือไปจากชาติชายที่ได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก “ตอง...เขาโอเคว่ะ”...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่บารมีซึ่งติดสอยห้อยตามแสงเทพมาที่บ่อนการพนัน ฆ่าเวลาด้วยการเล่นการพนัน เจ้านายใหม่ของเขากำลังนั่งคุยอยู่กับตะวันฉายอยู่ในห้องด้านหลังบ่อน โดยมีสาวสวยคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เขาติงตะวันฉายว่าไม่ควรมาสถานที่แบบนี้เพราะเรากำลังทำงานใหญ่กันอยู่ บ่อนเล็กๆอาจทำให้เสียภาพพจน์ได้

“แต่ถ้าหลานชายรักจะเล่นทางนี้ เราไปกันที่รีสอร์ตกลางป่าของอาดีกว่า สะดวกและปลอดภัย”

“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ไปฉลองสัมปทานของคุณอาก็แล้วกันครับ คุณพ่อฝากบอกมาว่าถ้าไม่มีชาวบ้านลุกขึ้นมาคัดค้าน อีกไม่นาน ครม.อนุมัติให้แน่ๆ”

“แจ๋ว...บอกคุณพ่อว่าอาจะสร้างรีสอร์ตกลางป่าอีกสองหลังอยู่ข้างๆของอา แล้วยกให้เป็นของคุณพ่อหลานฟรีๆเลยดีไหม”

ตะวันฉายสงสัยว่าป่าที่แสงเทพว่าอยู่ที่ไหน เขาคุยโวว่าระดับเขาแล้ว ป่าธรรมดาๆชิดซ้าย มันต้องป่าสงวนเท่านั้น วิวทิวทัศน์ดีกว่าป่าธรรมดามากมายนัก แล้วพากันหัวเราะชอบใจ

ooooooo

บ่ายวันเดียวกัน แพรวาเชิญกัมปนาท ลินจง กันทิมาและปีเตอร์มาหารือกันที่ห้องประชุมของบริษัท โดยมีหรั่งนั่งฟังอยู่ด้วย ปีเตอร์แจ้งว่าพรรคพวกวงในของตนส่งข่าวมาว่า มีแนวโน้มที่ ครม.จะอนุมัติสัมปทานให้กับบริษัทเทพทอแสงภายในเดือนหน้านี้ กัมปนาททักท้วงว่าประทานบัตรต่างหาก

“สัมปทานครับไม่ใช่ประทานบัตรเพราะเขาไม่ได้ขอทำเหมืองพลอย แต่ขอทำเหมืองทองคำ”
กัมปนาทถึงกับร้องเอะอะ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่ดินตรงนั้นมีทองคำอยู่ด้วย ปีเตอร์ยืนยันจากการสำรวจมีแนวโน้มสูงว่าน่าจะมีทั้งสายแร่ทองคำและแร่ควอตซ์

“เฮียตงรู้มานานแล้ว เขาถึงอยากได้ที่ผืนนี้ไว้ ไม่ใช่เพื่อขุดทองนะ แต่เพื่อกันไม่ให้เทพทอแสงเข้าไปทำความเสียหายให้กับชาวบ้านมากไปกว่านี้” ลินจงอธิบาย แพรวางง ใครกันคือเทพทอแสง ได้ความว่าเป็น บริษัทของแสงเทพ เทวฤทธิ์ คู่แข่งทางการค้าของบริษัทเรา หรั่งตั้งข้อสังเกตว่าแสงเทพคนนี้อาจอยู่เบื้องหลังการยุแหย่ชาวบ้านให้มีปัญหากับทางเรา แพรวาอยากรู้ว่าถ้าเราซื้อที่ดินผืนนั้นไม่ได้จะมีผลเสียอย่างไรบ้าง

“เราก็จะไม่มีพลอยดิบมาผลิตเป็นจิวเวลรี่ แต่ถ้าเราซื้อพลอยดิบจากแหล่งอื่น ราคาก็จะแพงกว่าเราขุดจากเหมืองของเราเอง ต้นทุนของจิวเวลรี่ต่อชิ้นก็จะสูงขึ้น ลูกค้าอาจไม่สู้ราคา แต่ปัญหาใหญ่ในตอนนี้ก็คือ เราไม่มีพลอยดิบเพียงพอสำหรับออเดอร์จำนวนมากจากกลุ่มลูกค้าที่สหรัฐอเมริกา” ปีเตอร์ร่ายยาว

กันทิมาเสริมว่าเราไม่มีเงินเก็บพอจะกว้านซื้อที่ดินผืนนั้นหรือนำเข้าพลอยจากที่อื่นได้ หรั่งแนะให้เอาเงินจากโรงสีข้าวมาใช้ก่อน ลินจงไม่มีเงินให้ เพราะเอาไประดมสั่งข้าวสารส่งออกหมดแล้ว ต้องรออีกสี่เดือนเป็นอย่างน้อยกว่าเรือบรรทุกข้าวของเราจะถึงมือลูกค้าครบตามคำสั่งซื้อจึงจะมีเงินเข้ามา แพรวาเสนอให้เลื่อนการส่งจิวเวลรี่ออกไปก่อน ปีเตอร์คัดค้านขืนทำอย่างนั้นจะเสียชื่อเสียงมาก และจะไม่มีใครสั่งสินค้าจากเราอีก

“แล้วเราต้องทำอย่างไรล่ะคะ” แพรวามืดแปดด้าน

“เอาจิวเวลรี่ในสต๊อกทั้งหมดของเราขอแลกพลอยดิบกับพ่อค้าพลอยหรือไม่ก็ขายร้านย่อยทั่วไปเช่นแถวถนนข้าวสาร ถ้าเราขายถูกก็จะได้เงินเร็ว”
กัมปนาทบ่นอุบว่าแบบนี้จะทำให้เสียภาพลักษณ์ของบริษัท ปีเตอร์ให้เลือกเอาระหว่างเสียหน้ากับล้มละลาย แพรวาหันไปมองหรั่งเป็นทำนองขอความเห็น เขาเห็นด้วย กับปีเตอร์ และคิดว่าถ้าเผ่าลาภอยู่ก็คงจะใช้วิธีนี้เช่นกัน แพรวาตัดสินใจจะใช้วิธีนี้แก้ปัญหา ถ้าไม่มีใครคัดค้านจะถือว่าทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน...

หลังออกจากห้องประชุมได้ไม่นาน กันทิมาได้รับโทรศัพท์จากบารมีว่าตอนนี้อยู่ที่คอนโดฯที่พัก ให้เธอรีบกลับมาหาได้ไหม กันทิมาขอเวลาสี่สิบนาที

“น่าเสียดายที่ผมอยู่รอไม่ได้ ผมวางเงินไว้ให้คุณสองแสนนะ อยากได้อะไรก็ซื้อเลยแล้วผมจะมาหาคุณอีกทันทีที่ผมมีเวลา อย่าเพิ่งหนีไปนอกใจผมก่อนนะจ๊ะที่รัก อ้อ ผมเห็นหนังสือเกี่ยวกับเด็กอ่อนวางเต็มห้องไปหมด อย่าบอกนะว่าคิดจะเปิดเนิร์สเซอรี่เพราะผมไม่ชอบเด็ก” บารมีวางสาย ขณะที่กันทิมาน้อยใจน้ำตาคลอเบ้า...

ทางด้านกัมปนาทติดต่อธนูไม่ได้ จึงฝากข้อความให้รีบกลับมาหาเขาด่วน เขาจำเป็นต้องพึ่งธนูเกี่ยวกับเรื่องการขายพลอย เพราะไม่ไว้ใจคนที่นี่ ถ้าธนูว่างช่วยโทร.กลับมาด้วย...

ขณะที่แพรวาตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อความอยู่รอดของบริษัท ที่เหมืองก็มีเรื่องวุ่นๆไม่หยุดหย่อน แก้มอาสาจะมาช่วยงานแต่กลับกลายเป็นสร้างปัญหาให้ เนื่องจากไม่เชื่อฟังที่ชาติชายสั่งให้อยู่คุมสวิตช์ปิดเปิดน้ำข้างบน แอบตามเขากับผ่องลงไปบริเวณฉีดล้างพลอยด้านล่าง เกิดก้าวพลาดร่วงจากบันได

ooooooo

ในระหว่างที่เท่ห์ เช็ง น้าเบิ้ม รวมทั้งเจ๊โอ๋และชาวชุมชนจานเดี่ยวกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ศาลารวมใจเพื่อฝึกอาชีพนำของเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นสิ่งของต่างๆโดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์พัฒนาชุมชนมาช่วยสอนวิธีทำให้

โบ้คอยดูแลจัดอาหารเย็นให้ก้อยกินอยู่ที่บ้านตัวเอง เขาอดแปลกใจไม่ได้ ทำไมก้อยถึงต้องอธิษฐานก่อนจะกินอาหารทุกมื้อด้วย เธออ้างว่ากันไม่ให้ตัวเองเผลอคิดว่าเป็นคนปกติเหมือนคนอื่น โบ้ไม่เห็นก้อยจะแตกต่างจากคนอื่นๆตรงไหน เธอเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่จริง เพราะไม่มีใครเป็นอย่างเธอ ตาบอดตั้งแต่เล็กๆ พ่อแม่ตายหมด มีพ่อเลี้ยงก็คิดจะทำมิดีมิร้าย ต้องหนีตายกระเซอะกระเซิง จะปกติได้อย่างไร

“แต่ก้อยก็รอดมาได้”

“รอดมาได้แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครสักคน” น้ำเสียงของก้อยเต็มไปด้วยความน้อยใจ

“ถ้าอย่างนั้นพี่โบ้ก็ต้องอธิษฐานบ้างแล้วล่ะ เพราะพี่ก็ไม่มีใครเหมือนก้อยนั่นแหละ จริงๆแล้วพี่เป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เก็บมาจากไหนก็ไม่รู้ หน้าพ่อหน้าแม่ พี่ก็ไม่เคยเห็น”

“อ้าวแล้วน้าเบิ้มล่ะ”

“นั่นแหละ เขาเป็นคนเก็บพี่มาเลี้ยง เขาไม่ยอมบอกให้พี่รู้ คงกลัวพี่จะเสียใจ พี่ก็เลยทำให้เขาสบายใจด้วยการทำเป็นไม่รู้ เห็นไหมพี่ก็ไม่มีใครเหมือนก้อยเปี๊ยบเลย”

ก้อยหาว่าโบ้โม้ได้เก่งมาก ถ้าเป็นแบบนี้เขาต้องเล่านิทานแข่งกับหรั่งได้สบาย เขาออกตัวว่าคงเล่าสู้หรั่งไม่ได้ เนื่องจากแต่งเรื่องเจ้าหญิงเจ้าชายไม่เป็น ก้อยแนะให้ฝันเอา นิทานเป็นโลกของความฝัน ดังนั้นในฝันเราจะเป็นอะไรก็ได้ จะเป็นพระเอกหรือผู้ร้ายก็ได้ อยากจะสร้างเรื่องเหลือเชื่อแค่ไหนก็ทำได้ไม่มีใครว่า เพราะมันจะไม่มีวันเป็นความจริงขึ้นมาได้...

ในขณะเดียวกัน หมอทึ่งที่เผ่าลาภอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้โอกาสที่จะหายก็มีมากขึ้นตามไปด้วย แพรวาคะยั้นคะยอให้พ่อกินข้าวที่เธอป้อนสักคำเพราะหมอบอกว่าถ้าท่านกินข้าวได้เมื่อไหร่จะให้กลับบ้านเมื่อนั้น เผ่าลาภพยายามขยับริมฝีปากเพื่อให้อาหารเคลื่อนเข้าไปในปาก

“อย่างนั้นค่ะ คุณป๋าของน้องแพรเก่งมาก เก่งที่สุดเลย ทีนี้พักก่อนก็ได้ค่ะ”

หรั่งเข้าไปรับจานใส่อาหารจากมือแพรวาโดยที่เธอยังคงพูดคุยกับเผ่าลาภถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญในวันนี้ เพราะถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาจะส่งผลเสียหายต่อบริษัทได้ แต่หรั่งบอกกับเธอว่าถ้าเป็นเผ่าลาภก็คงตัดสินใจแบบเดียวกัน เธอก็ได้แต่หวังว่าเขาจะคิดไม่ผิด หรั่งเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงขอตัวกลับก่อน แล้วพรุ่งนี้ เช้าจะมารับแพรวาที่นี่ เจ้านายสาวพยักหน้ารับรู้ ขณะที่หรั่งขยับจะออกไป รำไพเดินตามไปคว้ามือไว้

“นายหรั่งอย่าทิ้งน้องแพรนะ น้องแพรไม่มีใคร อย่าเพิ่งทิ้งน้องไปไหนนะ”

หรั่งรับปากจะไม่มีวันทิ้งแพรวาไปไหนเป็นอันขาด

ooooooo

เจ๊โอ๋เห็นค่ำมากแล้วหรั่งยังไม่โผล่มาสักที จึงชวนก้อยนอนค้างที่นี่ด้วยกัน เอาเสื้อผ้าของเธอไปใส่ก่อนก็ได้ น้าเบิ้มเห็นดีด้วย นอนที่นี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเทียวไปเทียวมา ก้อยนั่งนิ่งไม่ตอบ

“เอาไงก็ว่ามานะ ไอ้โบ้เอ็งนั่งเป็นเพื่อนยายก้อยมันก่อนเน้อ กว่าไอ้หรั่งมันจะมารับคงดึกล่ะ” เจ๊โอ๋สั่งเสร็จชวนน้าเบิ้มเข้านอน ก้อยเกรงใจโบ้จึงบอกให้ไปนอนก่อน ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ เธออยู่คนเดียวได้ เขากลับกระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆก้อย ชวนให้มาทำชีวิตให้เหมือนนิทาน ทำฝันของเราให้เป็นจริงด้วยกัน

โบ้ชวนไปชวนมาท่าไหนก็ไม่รู้ ดันไปจบที่ครูเอื้อ วงสุนทราภรณ์ เลยออกลูกมั่วร้องเพลง “ขอให้เหมือนเดิม” เสียงลั่นไปหมด ก้อยนึกสนุกสีไวโอลินคลอตาม ทันทีที่เพลงจบหรั่งมาถึงพอดี ชวนก้อยกลับบ้านของเราด้วยกัน แต่เธอไม่ยอมกลับจะขออยู่ที่นี่ เนื่องจากไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 11 วันที่ 16 ต.ค. 56

สุภาพบุรุษลูกผู้ชายบทประพันธ์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย บทโทรทัศน์โดย เมจิก อีฟ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายกำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผลิตโดย บริษัท คลิกเทเลวิชั่น จำกัด
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายแนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายวันเวลาออกอากาศ ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น.
ติดตามชมละครเรื่องสุภาพบุรุษลูกผู้ชายได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ