อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 15 วันที่ 30 ต.ค. 56

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 15 วันที่ 30 ต.ค. 56

ไม่นานนัก ตะวันฉายมาหาแพรวาที่บ้าน พยายามใช้ไม้อ่อนขอให้เธอขายกิจการ M.S. ให้ อย่าดันทุรังทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดอีกต่อไป แล้วเขาจะแบ่งหุ้นบางส่วนให้ แพรวายืนกรานไม่ยอมขายท่าเดียว จนตะวันฉายเริ่มเคือง คว้ามือเธอขึ้นมาบีบไว้แน่น ขู่ว่าถ้าไม่ยอมขายกิจการให้ อาจจะใช้กำลังรุนแรงกว่านี้

“คุณกำลังแสดงกิริยาหยาบคายในบ้านของฉันนะ” แพรวาจ้องหน้าอย่างไม่เกรงกลัว


“พี่ไม่อยากให้เรื่องมันจบอย่างรุนแรง พี่พยายามจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่ถ้าน้องแพรไม่ให้ความร่วมมือ โศกนาฏกรรมมันก็พร้อมจะเกิดขึ้นได้เสมอ จำเอาไว้” ตะวันฉายปล่อยมือแพรวาแล้วผละจากไป...

ที่ห้องควบคุมตัวลับแห่งหนึ่งของตำรวจ พรุ่งนี้ก็จะถึงวันที่หรั่งได้รับอิสรภาพเต็มร้อยเพราะทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว แต่เขายังไม่ค่อยสบายใจนักที่เรื่องจบง่ายเกินไป พ.ต.อ.ยุทธถึงกับบ่นอุบ

“อย่าให้ยากกว่านี้เลย แค่นี้ก็เหนื่อยกันจะแย่อยู่แล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ควรจะได้พักผ่อน ควรจะมีชีวิตที่สงบสุขเสียที โดยเฉพาะนาย ถึงเวลาที่นายควรจะได้รับรางวัลชีวิตกับเขาบ้างแล้ว”

หรั่งไม่เคยต้องการรางวัลอะไรทั้งนั้น พ.ต.อ.ยุทธหาว่าเขาเป็นพระเอกมากเกินไป แค่เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขดูมันจะน้อยเกินไป คนดีๆอย่างเขาควรจะได้มากกว่านั้นโดยเฉพาะในเรื่องความรัก

ooooooo
วันรุ่งขึ้น ที่กองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.ยุทธตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเปิดตัวพยานปากสำคัญในคดีระเบิดลิฟต์ ซึ่งพยานที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน คือผู้ใหญ่เงาะนั่นเอง

ขณะที่นักข่าวรุมสัมภาษณ์ผู้ใหญ่เงาะ อีกมุมหนึ่งหน้าประตูทางเข้า นายสยามขับรถพาเผ่าลาภมารับหรั่งด้วยตัวเอง เนื่องจากมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับแพรวาจะคุยด้วย ยิ่งได้รู้ว่าทั้งคู่รักกันยิ่งทำให้เผ่าลาภลำบากใจที่จะเอ่ยปาก จนหรั่งเองรู้สึกได้ รีบออกตัวว่าถ้าเผ่าลาภต้องการให้เขาไปจากแพรวา เขาก็จะไปทันที

“ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนั้น ฉันยินดียกลูกสาวฉันให้นายด้วยซ้ำ ถ้าหากว่านายจะไม่ใช่นาย” เผ่าลาภหยุดสูดลมหายใจเข้าราวกับจะรวบรวมพลัง แล้วเล่าถึงเฮียย้งหรือเผด็จศึกพี่ชายของตัวเองให้ฟังว่า สาเหตุที่เขาถูกไล่ออกจากตระกูลก็เพราะแอบไปมีเมียที่ไม่ใช่คนจีน แต่เป็นแหม่มชาวโปรตุกีสผมสีน้ำตาลทองแดงแบบสีผมดั่งเดิมของหรั่ง ในวันที่เมียแหม่มกำลังอุ้มท้องแก่ใกล้คลอด เผ่าลาภเป็นคนพาสองผัวเมียไปหลบอยู่ที่บ้านกลางทุ่งหลังนั้น และในที่สุดเมียของเฮียย้งก็คลอดลูกออกมาเป็นเด็กผู้ชายหัวแดงเหมือนแม่ไม่มีผิด

“ในวันที่เฮียย้งมีปัญหากับแสงเทพ เขารู้ตัวดีว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย เฮียย้งได้ฝากบุตรชายไว้กับช่างไม้แก่ๆคนหนึ่งที่มาตั้งแคมป์ก่อสร้างอยู่ใกล้ๆ ช่างไม้ใจดีคนนั้นชื่อนายนุ้ย นาคำ หลังจากอุบัติเหตุรถตกเขา ฉันได้พยายามตามหาลูกชายของเฮียย้งมาโดยตลอด ตามดูทุกแคมป์ก่อสร้างแต่ก็หาไม่เจอ มีเพียงครั้งเดียวที่เฉียดกันมากที่สุดก็คือที่บ้านพักริมทะเล ฉันได้เห็นแพรวากำลังเล่นสนุกอยู่กับเด็กลูกครึ่งคนหนึ่ง แต่เมื่อมั่นใจว่าต้องใช่เด็กคนนั้นแน่ๆ แคมป์ก่อสร้างก็ย้ายหายไปเสียแล้ว” เผ่าลาภหน้าเครียด ขณะที่หรั่งถึงกับน้ำตาคลอ

“ แคมป์ย้ายไปอยู่ที่ชุมพร สักสองเดือนหลังจากนั้นลุงนุ้ยก็ตาย...ทำไมคุณเพิ่งมาบอกผม”

“ฉันไม่ได้อยากให้นายเป็นนายเลย ถึงแม้ว่าฉันจะดีใจที่ได้หลานชายกลับมาอยู่ใกล้ ดีใจที่รู้ว่าหลานชายของฉันเก่งแค่ไหน แต่ขณะเดียวกัน ฉันก็กำลังจะทำให้ทั้งลูกสาวและหลานชายอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เฮียย้งชอบเล่นไวโอลินมาก ในวันเกิดของเขาปีหนึ่ง เมียแหม่มได้สั่งทำล็อกเกตทองคำขาวเป็นรูปไวโอลินให้เป็นของขวัญกับเฮียย้ง ล็อกเกตอันนั้นเฮียย้งได้ผูกไว้ที่คอลูกชายในวันที่ต้องแยกจากกัน”

หรั่งถามทั้งน้ำตาว่าแม่ของเขาชื่ออะไร ได้ความว่าชื่อลูน่า เผ่าลาภจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเขาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และหวังว่าหรั่งคงจะไม่ทิ้งน้องสาวไปเฉยๆ...

เรื่องที่หรั่งกับแพรวาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ทำให้หรั่งแทบคลั่ง หนีเตลิดออกจากบ้านกลางทุ่งทั้งน้ำตานองหน้า สักพัก เขาหยุดหอบเหนื่อยที่ริมถนนสายเปลี่ยวแห่งหนึ่ง แล้วหงายหลังลงไปนอนกับพื้น ตะโกนลั่นราวกับต้องการให้ฟ้าดินรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของตนเองในครั้งนี้

“ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย ทำไม...”

ooooooo

ผู้ใหญ่เงาะยังคงถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ผมถูกเรียกตัวให้มาเป็นยามตอนกลางคืนครับ เป็นการเรียกด่วนเลย เพราะทางผู้บริหารของอาคาร M.S.สืบ ทราบมาว่ายามหน้าตึกคนนี้มีประวัติอาชญากรรมมากมาย มีคดีติดตัวมาไม่น้อย แล้วยังมีเบาะแสว่าเคยร่วมกับผู้ก่อการร้ายวางระเบิดสถานที่ราชการทางภาคใต้ ของเราก็หลายครั้ง รวมทั้งตั้งทีมรับจ้างอุ้มฆ่ามาแล้วก็หลายราย ล่าสุดพบว่ามันเพิ่งมาเป็นยามได้ไม่ถึงเดือน ดูเหมือนจะมีคนขอให้บริษัทยามส่งมันมาอยู่ที่นี่ครับ อยู่ได้สักอาทิตย์กว่าๆนี่เองครับ” ผู้ใหญ่เงาะเล่ายืดยาว นักข่าวซักอีกว่าใครเป็นคนขอยามโจรคนนี้มา

“เป็นคนวงในของบริษัทยามครับ เห็นว่าชื่อ ตะวันฉาย ลูกชายของนายสุริยะที่เป็นนักการเมืองน่ะครับ”

ตำรวจเห็นท่าไม่ดี เกรงพยานจะทำให้เสียรูปคดี รีบตัดบท ยุติการให้สัมภาษณ์...

ข่าว ตำรวจเปิดตัวพยานปากเอก ออกทีวีทุกช่องในตอนค่ำของวันเดียวกัน แพรวาดูข่าวที่ตะวันฉายถูกพาดพิงถึงด้วยความสะใจ ก่อนจะปิดทีวีแล้วเดินมาหารำไพที่นั่งกินลมชมวิวอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านเผ่า ลาภ ขออนุญาตไปหาหรั่งที่บ้านกลางทุ่งคืนนี้

“นัดกันแล้วหรือลูก”

“เขา จะโทร.หาหนูทันทีที่ออกจากห้องขัง แต่ที่สำคัญก็คือหรั่งไม่เคยไม่รู้ว่าหนูอยู่ที่ไหนค่ะแม่” แพรวาพูดจบเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี ส่วนรำไพมองตามลูก ด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด...

ในเวลาต่อมาเผ่าลาภโทร.แจ้ง รำไพ ว่าได้อ่าน ความเห็นจากเอกสารที่หมออังกูรส่งมาให้แล้ว ส่วนผลการตรวจจริงๆ จะต้องใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ใช่ไหม รำไพรับคำพลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของเธอ ตอนนั้นหมออังกูรแจกแจงให้รำไพฟังว่ามีอะไรบ้างที่จะใช้ตรวจดีเอ็นเอได้

“เรา ต้องใช้รากผม 8-10 เส้น แปรงสีฟันที่ไม่มีการใช้ร่วมกับผู้อื่นอย่างน้อยสามเดือน เล็บมือเล็บเท้าก็สามารถใช้ได้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือเลือด แต่มีความจริงที่คุณต้องทำใจยอมรับให้ได้ก่อน นั่นก็คือ การทดสอบครั้งนี้ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ได้แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นได้เพียงความน่าจะเป็นเท่านั้น เพราะปกติแล้วลุง ป้า น้า อา จะมียีนที่เหมือนหลานเพียงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เจือจางต่างจากบิดามารดาแท้ๆถึงสองเท่า”

“เราไม่อาจเก็บตัวอย่างใดๆจากพ่อแม่ได้เลยค่ะ” รำไพชี้แจง

“เข้าใจ ครับ เพราะฉะนั้น คุณต้องตัดสินใจเองว่าจะยอมรับการตรวจมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์คือ สีผมจริงๆ ของเขาเป็นสีทอง ...ทองแดง” หมออังกูรหยิบตัวอย่างเส้นผมของหรั่งที่รำไพเก็บมาจากบ้านกลางทุ่งซึ่งกัดสี ออกไปแล้วมาให้ดู เห็นเป็นสีทองแดงชัดเจน เสียงเผ่าลาภเรียกรำไพดังออกมาจากโทรศัพท์ปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์

“แล้วเราจะตัดสินใจอย่างไรดีคะ”

“เดินหน้าต่อไป เราทำดีที่สุด ในสิ่งที่ควรจะทำ แล้ว ผมเชื่อว่านายหรั่งจะหาทางออกได้ด้วยตัวเอง”

รำไพ เกรงว่าจะเป็นการเอาเปรียบหรั่งมากไปหรือเปล่า ถ้าเกิดผลดีเอ็นเอคลาดเคลื่อนขึ้นมา เผ่าลาภเองก็อยากให้เป็นอย่างนั้นใจแทบขาด เธอเองก็น่าจะรู้

ooooooo

หรั่ง เดินอยู่เดียวดายท่ามกลางความมืดยามค่ำอย่างไร้จุดหมาย น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งริมฟุตปาทอย่างคนสิ้นหวัง ทันใดนั้น ภาพในอดีตเมื่อ 17 ปีที่แล้วผุดขึ้นมาในความคิดของเขา

ตอน นั้น หรั่งยังเป็นแค่เด็กชายกำลังนั่งหน้าเศร้าอยู่ใต้ต้นไม้ริมทะเล ลุงนุ้ย นาคำ เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าทำไมทำหน้าเหมือนคนอกหักแบบนั้น เขายอมรับว่าตัวเองอกหักจริงอย่างที่ลุงนุ้ยว่า

“เป็นเด็กเป็นเล็กอกหักแล้ว เก็บไว้โตก่อนไม่ดีหรือไอ้หรั่ง”

“ทำอย่างไรฉันถึงจะรวย”

ลุง นุ้ยเองก็ตอบไม่ได้ เพราะถ้ารู้คำตอบ คงไม่ต้องทนเป็นกรรมกรมาจนถึงทุกวันนี้แล้วย้อนถามว่าอยากจะรวยไปทำไม หรั่งคิดตามประสาเด็กน้อยว่าถ้าตัวเองมีเงินมากๆจะได้ไม่ต้องอกหัก ลุงนุ้ย ว่าไม่เกี่ยวกันคนจนก็มีรักแท้ได้ไม่เห็นในแคมป์ก่อสร้างที่เราอยู่หรือ มีผัวเมียตั้งกี่คู่ ตัวเล็กตัวน้อยยั้วเยี้ยเต็มไปหมด

“ลุงนุ้ยไม่เห็นมีลูกเลย”

“ก็ข้าไม่มีเมียนี่หว่า”

หรั่ง สรุปหน้าตาเฉย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่าลุงนุ้ยก็อกหักเหมือนกัน เขาเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่จริง เขารักเดียวใจเดียวต่างหาก หรั่งไม่ทันเห็นแม่กะหล่ำของเขา
ทั้งทำอาหารเก่ง ร้องเพลงก็เพราะ ถึงเธอจะไม่รักเขา แต่เขาก็ไม่เคยรักใครเท่าแม่กะหล่ำอีกเลย ลุงนุ้ยมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงเธอ แค่ได้แอบดูหลังคาบ้านของเธอหัวใจของเขาก็พองคับอกแล้ว แต่น่าเสียดายแม่กะหล่ำด่วนจากไปเสียก่อน ทั้งๆที่ยังไม่มีผัว

“แต่ ทุก วันนี้ ข้าก็ยังเก็บรูปแม่กะหล่ำไว้ดูก่อนนอนเลยนะเว้ย เห็นไหม ข้าไม่เคยอกหัก ข้ามีความสุขทุกวัน ขนาดเศรษฐีรวยๆยังอิจฉาข้าเลย” ลุงนุ้ยโม้สนั่น

“สอนฉันหน่อยสิ สอนให้ฉันมีความสุขอย่างลุง”

“ข้า จะ บอกให้นะ เอ็งมันมีบุญมีวาสนาสูงเกินกว่าที่ข้าจะสอนได้” ลุงนุ้ยว่าแล้วหันไปมองเด็กชายโบ้ที่วิ่งตรงเข้ามาหา “นู้น...คู่บุญของเอ็ง ไอ้โบ้...เอ็งสองคนจะทิ้งกันไม่ได้นะจำไว้” เขาว่าแล้วลุกออกไป เป็นจังหวะเดียวกับโบ้วิ่งมาถึงหรั่งพร้อมกับชูอะไรบางอย่างในมือ

“ถ้าฉันทำให้แกยิ้มได้ แกจะยอมให้ฉันขี่คอไหม” โบ้พูดจบส่งรูปถ่ายของแพรวาให้หรั่ง “ฉันเก็บได้ตรงหน้าบ้านเศรษฐี ฉันยกให้แก”

หรั่งยิ้มกว้าง คว้ารูปใบนั้นมาถือไว้อย่างหวงแหน โบ้ไม่รอช้าโดดขึ้นหลังเพื่อนรักทันที...

ใน เวลาไล่เลี่ยกัน ที่บ้านกลางทุ่ง แพรวาจัดโต๊ะอาหารสำหรับดินเนอร์สองที่ไว้กลางห้องโถงเสร็จพอดีบนโต๊ะมีดอก ไม้ช่อใหญ่สวยงามวางอยู่ เธอสำรวจความเรียบร้อยบนโต๊ะอาหารอีกครั้ง ก่อนจะนั่งรอการมาถึงของชายคนรักอย่างอารมณ์ดีมีความสุข...

อีกมุม หนึ่ง หน้าบ้าน รถของเผ่าลาภแล่นเข้ามาจอด นายสยามรีบลงมาเปิดประตูรถให้เผ่าลาภซึ่งยังคงนั่งนิ่ง สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมาโทร.เข้าบ้านตัวเอง

“ผมว่าคุณน่าจะเหมาะกว่าผมนะ อย่างน้อยก็ลูกผู้หญิงเหมือนกัน”

ooooooo

ตะวันฉายถึงกับชะงักเมื่อกลับถึงเซฟเฮ้าส์ใน ตอนเช้า แล้วพบโน้ตมีข้อความข่มขู่เสียบอยู่หน้าประตูห้อง

“อย่านึกนะว่าจะไม่มีใครล่วงรู้ความชั่วของนาย วันใดที่ศพเผ่าลาภถูกฝังลงหลุม วันนั้นความเลวร้ายของนายจะถูกขุดขึ้นมาเปิดโปง”

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 15 วันที่ 30 ต.ค. 56

สุภาพบุรุษลูกผู้ชายบทประพันธ์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย บทโทรทัศน์โดย เมจิก อีฟ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายกำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผลิตโดย บริษัท คลิกเทเลวิชั่น จำกัด
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายแนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายวันเวลาออกอากาศ ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น.
ติดตามชมละครเรื่องสุภาพบุรุษลูกผู้ชายได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ