อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 13 วันที่ 23 ต.ค. 56

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 13 วันที่ 23 ต.ค. 56

ในเวลาต่อมาหรั่งแวะหาผู้ใหญ่เงาะที่ชุมชนจานเดี่ยว สอบถามว่ายังเป็นยามอยู่หรือเปล่า เขาอยากขอความรู้เกี่ยวกับบริษัทรักษาความปลอดภัย ผู้ใหญ่เงาะชี้ให้ดูเสื้อเครื่องแบบยามที่ตัวเองใส่อยู่แทนคำตอบ

“ฉันเห็นผู้ใหญ่กินเหล้าทุกวัน เอาเวลาที่ไหนไปเป็นยาม”

“เดี๋ยวนี้ไม่กินแล้วโว้ย เหล้ายาปลาปิ้งเลิกขาดหมด ชุมชนเราไม่มีใครเมาอีกต่อไปแล้ว ไอ้ที่เมื่อก่อนต้องกินเหล้ามันมีเหตุผล ไม่ใช่กินแบบโง่ๆ กินเรื่อยเปื่อย ข้ากินเพื่อให้เมาหลับ พวกยามกะกลางคืนน่ะอาภัพ ตอนดึกคนอื่นเขาหลับกัน เราก็ต้องซัดเอ็ม ทั้งกระทิง ทั้งลิโพ เอาเข้าไปให้มันตาสว่าง พอถึงเช้าตามันค้างก็ต้องซัดเหล้าทำทางให้มันหลับ จะได้ตื่นมามีแรงอีกทีตอนดึก เข้าใจหรือยัง”


“เข้าใจนิดหน่อย”

“ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้หรอก บริษัทยาม บริษัทรักษาความปลอดภัย มันผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ยิ่งมีเยอะยิ่งรับคนแยะ ใครตกงานมาจากไหน สมัครเป็นยามได้ทันที ไม่ต้องมีเอกสารหลักฐาน ไม่ต้องเช็กประวัติ นิสัยดีเลวอย่างไรไม่สน พูดไทยไม่ได้ไม่เป็นไร จับใส่ชุดอย่างนี้ปุ๊บเป็นยามปั๊บ ทันทีเลย โอ๊ย พวกนี้ไปร่วมมือกับโจรปล้นเจ้าของบ้านเขาก็เยอะ” สิ้นเสียงผู้ใหญ่เงาะ โบ้ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาบอกหรั่งว่ามีอะไรจะให้ ก่อนจะเอารูปถ่ายก้อยตอนแสดงคอนเสิร์ตให้ดู หรั่งชมว่าน่ารักมาก แล้วถามว่าเธอได้ของขวัญที่ฝากน้าเบิ้มไปให้หรือยัง

“ได้แล้ว แต่ยังไม่ยอมแกะ ก้อยอยากจะแกะต่อหน้ามึง เธออยากให้มึงเป็นคนบอกว่าในกล่องนั้นมีอะไร”

หรั่งพยักหน้ารับรู้ แล้วส่งรูปทั้งหมดคืน โบ้ไม่รับคืน รูปพวกนี้อัดมาให้เขาโดยเฉพาะ หรั่งยัดรูปใส่มือโบ้

“โบ้ มึงก็รู้กูไม่เคยเก็บรูปใครได้อีก และกูก็รู้ว่ามึงจะดูแลก้อยได้ดีกว่ากู หรือมึงจะเถียง” หรั่งพูดจบยื่นมือให้โบ้จับ สองหนุ่มเพื่อนรักจับมือกันด้วยมิตรภาพที่ดี...

ฝ่ายบารมีร้อนใจมากต้องหาทางเตือนเผ่าลาภให้ได้ ตัดสินใจเขียนจดหมาย แล้วแอบเอามาให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าบ้านแสงเทพ สั่งให้เอาจดหมายฉบับนี้ส่งให้ถึงมือแพรวาที่บริษัท M.S. JEWELRY

“แผนที่อยู่ในนั้นแล้ว ลื้อไปที่นั่น เอาจดหมายนี่ไปให้เธอ ชื่อเธออยู่ที่หน้าซอง ส่งให้ถึงมือเธอนะ เอ้า...เอาเงินไปให้หมดนี่แหละ แล้วไม่ต้องกลับมาหาอั๊วอีก”

มอเตอร์ไซค์รับจ้างพยักหน้ารับคำ แล้วเร่งเครื่องออกไปสวนกับรถสปอร์ตหรูของตะวันฉายที่แล่นสวนเข้ามา บารมีเปิดประตูรั้วให้เข้าไปจอดรถในบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับแสงเทพเดินออกมาจากตัวบ้าน มีนายปื๊ดตามมาติดๆพร้อมอาวุธครบมือทั้งปืนสั้นปืนสารพัดชนิด

“โอ้โฮ...คุณอา ขนไปขนาดนี้เชียวหรือ” ตะวันฉายร้องเอะอะ

“นานๆไปที ต้องเอาไปให้ครบ กลับออกมาอย่างน้อยต้องได้เก้งได้กวางติดมาสักตัวสองตัว หลานชายไม่ต้องกลัว วันนี้เราจะยิงกันเป็นครั้งสุดท้ายแบบสั่งลา รับรองว่าไม่ให้รู้ถึงหูคุณพ่อแน่ๆ” แสงเทพหัวเราะชอบใจบารมีอดสงสัยไม่ได้ ป่าแถวไหนยังมีเก้งมีกวางให้ยิง นายปื๊ดตอบเสียงดังฟังชัดว่าป่าสงวน

ooooooo

ที่เหมือง M.S.ขณะชาติชายกำลังทำความสะอาดเรือนรับรองอยู่กับผ่อง แก้มเอามือถือของตัวเองเข้ามาให้ บอกว่าแม่ของเธอขอคุยด้วย ทันทีที่ชาติชายรับสาย ดวงใจแจ้งว่าแสงเทพกำลังวางแผนการใหญ่อะไรสักอย่างหนึ่งอยู่ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี แต่เขาไม่ยอมบอกรายละเอียด เธอเองก็ไม่กล้าซัก เกรงจะผิดสังเกต

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะลองหาข่าวจากทางอื่นดูด้วย”

“ช่วงนี้ฉันอาจจะเดินทางออกนอกประเทศนานหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกขุดคุ้ย อาจจะไม่มีโอกาสช่วยเหลืออะไรคุณชาติชายได้มากนัก”

“เข้าใจครับ...ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอกเลยนะครับ”

“ฉันอยากมีโอกาสได้อยู่กับลูกสาวบ้างน่ะค่ะ ช่วงสั้นๆช่วงหนึ่งก่อนไปเมืองนอกก็ยังดี”

ชาติชายอาสาจะพูดเรื่องนี้กับแก้มให้เอง...

ในเวลาต่อมา มอเตอร์ไซค์รับจ้างนำจดหมาย จากบารมีมาที่บริษัท M.S. JEWELRY แต่แพรวาไม่อยู่ รปภ.ซึ่งเฝ้าอยู่หน้าบริษัทรับเรื่องไว้แทน แล้วโทร.แจ้งให้หรั่งรับทราบ เขาสั่งให้เอาจดหมายมาวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเขา ค่ำๆจะเอาไปฝากที่บ้านของแพรวาให้เอง...

ขณะที่จดหมายแจ้งข่าวสำคัญจากบารมีไม่ถึงมือผู้รับ แพรวาเข้ามาลาพ่อกับแม่เพื่อเดินทางไปกาญจนบุรี รำไพกำชับลูกทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ เป็นลูกสาวคนเดียวของเผ่าลาภ และไม่ต้องห่วงทางนี้ แพรวากอดแม่เสร็จก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆพ่อที่อยู่บนรถเข็น

“น้องแพรไปนะคะ พรุ่งนี้จะรีบกลับแต่เช้าเลย แล้วจะซื้อขนมมาฝากด้วย คุณป๋าอย่าเพิ่งกินอะไรอิ่มเสียก่อนล่ะรอน้องแพรด้วยนะ สัญญาแล้วต้องรอจริงๆนะคุณป๋า”

แพรวาหอมแก้มพ่อแล้วลุกออกไป เผ่าลาภค่อยๆยกมือขึ้นมา รำไพดีใจมาก ร้องเรียกลูกไว้ แพรวาหันมาเห็นพ่อโบกมือให้ ยิ้มกว้างอย่างสุขใจ...

ในที่สุดชาติชายก็เกลี้ยกล่อมแก้มกลับกรุงเทพฯไปพบกับแม่ของเธอสำเร็จ ถึงกับลงทุนขับรถมาส่งด้วยตัวเอง แต่เด็กสาวกลับคิดว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะต้องการไล่เธอไปให้พ้นๆหน้า

“อยากให้เรานึกถึงแม่ต่างหาก แม่เขาเป็นห่วงเรามากแค่ไหนเราก็รู้ แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ไม่ยอมรับ ความจริง” ชาติชายดักคอ แก้มสวนทันที เขาเองก็รู้ว่ากันทิมาเป็นห่วง แต่ชอบเก๊กไม่ยอมรับความจริงเหมือนกัน เขาด่าว่าทะลึ่ง แล้วยกมือจะเขกหัว แก้มเอี้ยวตัวหลบทัน

“เย็นนี้กินข้าวกับแม่แก้มได้ไหม แม่จะได้รู้จักอากู๋มากขึ้น”

“รู้จักมากขึ้นแล้วไง”

“แม่จะได้สบายใจและก็ไว้ใจเมื่อรู้ว่าแก้มอยู่กับอากู๋” แก้มอธิบายสีหน้ายิ้มแย้ม...

ทางด้านหรั่งพยายามโทร.กล่อมพ่อค้าพลอยหลายรายเพื่อจะขายพลอยดิบและจิวเวลรี่ในสต๊อกตั้งแต่บ่ายยันเย็น แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ ตัดสินใจเก็บเอกสารและข้าวของบนโต๊ะตัวเอง มัวแต่เป็นกังวลเรื่องขายพลอยจึงลืมจดหมายด่วนที่จ่าหน้าซองถึงแพรวาเสียสนิท ครู่ต่อมา หรั่งขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากที่จอดรถใต้ถุนบริษัท พอถึงประตูรั้วหยุดแจ้ง รปภ.ว่าคืนนี้คุณเผ่าลาภจะขึ้นดาดฟ้าเหมือนเดิม คอยเปิดประตูให้ด้วย

“เดี๋ยวผมจะบอกยามกะกลางคืนให้ครับ”

ooooooo

ขณะที่ตะวันฉายกับแสงเทพกำลังล่าสัตว์กลางป่าสงวนอย่างสนุกสนาน โดยมีบารมีนั่งสีหน้าเป็นกังวลอยู่ไม่ห่าง หรั่งมารับเผ่าลาภที่บ้านเตรียมเดินทางไปดูดาวบนดาดฟ้าของอาคาร M.S. รำไพตามมาส่งถึงรถ

“ขอบใจมากๆเลยนะนายหรั่ง ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”

หรั่งได้แต่ยิ้มรับ ก่อนจะขับรถออกไป...

แม้เผ่าลาภจะไม่ได้มาร่วมงานด้วยตัวเอง แต่การส่งแพรวามาแทนที่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใหญ่เต้รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เขาประกาศเชิญเธอขึ้นมากล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวบนเวทีแทนผู้เป็นพ่อ แขกเหรื่อในงานต่างตบมือดังสนั่น แพรวาหนีไม่ออก เดินตรงไปยังเวทีผ่านหน้าเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังเล่นซนอยู่ใกล้ๆกับพวงลูกโป่งสวรรค์ที่ผูกอยู่กับโต๊ะหนึ่ง พวกเด็กคว้ากลักไม้ขีดไฟขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับแพรวาขึ้นไปยืนบนเวที

“ดิฉันเชื่อว่าถ้าคุณป๋าของดิฉันมีโอกาสมายืนอยู่ท่ามกลางพ่อแม่พี่น้องอย่างที่ดิฉันยืนอยู่ตอนนี้ สิ่งแรกที่ท่านจะทำก็คือ ขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่เต้ และพ่อแม่พี่น้องบ้านหินขาวทุกคนที่กรุณาให้การสนับสนุนกิจกรรมเหมือง M.S. มาโดยตลอด คุณป๋าของดิฉันมั่นใจเสมอว่า ด้วยพลังที่พร้อมเพรียงของพวกเราทั้งหลายนั้นจะเป็นแรงผลักดันให้ M.S.ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและจะเป็นแหล่งงานถาวรของพี่น้องบ้านหินขาวสืบไปตราบนานแสนนาน ไม่ว่าวันนั้นเราจะยังมีท่านอยู่หรือไม่ก็ตาม”

แพรวากล่าวมาถึงตรงนี้ มีลูกโป่งสวรรค์พวงใหญ่ค่อยๆลอยผ่านเหนือเวทีขึ้นไปบนท้องฟ้า ตรงปลายเชือกเห็นเปลวไฟค่อยๆลามขึ้นไปยังลูกโป่งเหล่านั้น...

ระหว่างที่ไฟลามไปใกล้ลูกโป่งทุกขณะ ที่อาคาร M.S. หรั่งเข็นรถเข็นพาเผ่าลาภเข้าไปในลิฟต์ ทันทีที่กดปุ่มลิฟต์ไปยังชั้นเป้าหมาย ตัวจุดระเบิดอัตโนมัติเริ่มทำงาน ตัวเลขบนระเบิดเดินถอยหลังจนถึงเลขศูนย์ เกิดระเบิดดังกึกก้อง ชิ้นส่วนของลิฟต์ปลิวกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ เกือบจะในเวลาเดียวกัน ไฟลามติดลูกโป่งที่อยู่ในงานแต่งงานลูกชายผู้ใหญ่เต้จนเกิดระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แขกเหรื่อรวมทั้งแพรวาต่างสะดุ้งตกใจ

ooooooo

เจ้าหน้าที่ อบต.บ่อพลอย รีบมาที่บ้านรับรองในเหมือง M.S. เพื่อแจ้งข่าวร้ายของเผ่าลาภให้นายสยามกับส้มรับรู้ นายสยามทั้งตกใจและแปลกใจ ข่าวดังขนาดนี้ไม่เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าว เจ้าหน้าที่ อบต.ว่ามีลงอยู่หนึ่งฉบับ แต่แค่พาดหัวข่าวไม่มีรูป เขาเพิ่งอ่านเมื่อครู่นี้เอง ส้มถามนายสยามเสียงสั่นว่าจะทำอย่างไรกันดี

“ฉันก็ไม่รู้ว่ะ งงจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว”

“คุณแพรวารู้เข้าจะว่าอย่างไร”

นายสยามไม่ยอม ให้คุณหนูรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ส้มถึงกับบ่นอุบจะปิดได้นานแค่ไหน เจ้าหน้าที่ อบต.รีบบอกให้เธอไปเก็บหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงข่าวเผ่าลาภโดยด่วน แต่สายเกินไป แพรวาตื่นขึ้นมาเห็นเสียก่อน ถึงกับหน้าซีดเผือด เป็นลมล้มพับทันที ทั้งนายสยาม ส้มและเจ้าหน้าที่ อบต.ต่างวิ่งมาปฐมพยาบาลกันให้วุ่น...

ที่อาคาร M.S. ก็วุ่นวายไม่แพ้กัน ตำรวจกันคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากที่เกิดเหตุ โดยมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาตรวจสถานที่ด้วยตัวเอง สักพัก รถแท็กซี่ที่บารมีนั่ง แล่นเข้ามาในซอยไม่ห่างจากที่เกิดเหตุนัก คนขับรถแท็กซี่คุยให้ฟังว่าเสียงระเบิดดังตูมตามไปถึงอู่รถเถ้าแก่ของเขาที่ตั้งอยู่ซอยถัดไป

“เมื่อคืนผมมาส่งรถตอนเกือบห้าทุ่ม กำลังเงียบสนิทเลยลูกพี่ อยู่ๆดังตูมขึ้นมา แหม ผมเหยียบเบรกแทบไม่ทัน ก็มันไม่รู้ว่าอะไรนี่ลูกพี่ ใจหนึ่งก็นึกว่าพวกเจ้าพ่อเขานัดมายิงกันหรือเปล่า มารู้อีกทีตอนเช้าว่าลิฟต์ระเบิด ค่อยสบายใจหน่อย แต่พูดก็พูดเถอะนะลูกพี่ อยู่เฉยๆลิฟต์มันจะระเบิดขึ้นมาได้อย่างไร ผมว่าต้องมีคนวางระเบิดแหงๆ ลูกพี่ว่าไหม เขาว่ามีคนตายด้วยนะ แต่ปิดข่าวไว้...โอ๊ยปิดอย่างไรก็ไม่มิดหรอก เรื่องแบบนี้”

จังหวะที่รถแท็กซี่แล่นผ่านหน้าอาคารที่เกิดเหตุ บารมีเห็นความวุ่นวายของผู้คนและตำรวจในบริเวณนั้นจึงสั่งให้คนขับรถแท็กซี่จอดเลยไปอีกหน่อย ระหว่างนั้น รถของแพรวาแล่นเข้ามาจอดหน้าทางเข้าตัวอาคาร รปภ.ของบริษัทก้มลงมาพูดอะไรบางอย่างกับนายสยามซึ่งมีแพรวานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่เบาะหลัง บารมีมองอย่างสนใจแต่ไม่ยอมลง สั่งให้คนขับแท็กซี่ออกรถ

“ตกลงจะไปที่ไหนครับ ตั้งแต่นั่งมานี่พี่ยังไม่ได้บอกผมเลย มิเตอร์เดินไปเยอะแล้วนะครับลูกพี่” คนขับรถแท็กซี่ยังเห็นผู้โดยสารนั่งนิ่ง หันไปมองพบว่าเขาตาแดงๆ ร้องทักว่าทำไมทำหน้าเหมือนร้องไห้แบบนั้น

ooooooo

ส่วนอาคารอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท M.S.JEWELRY ไม่ได้รับความเสียหาย ตำรวจไม่ได้ปิดอาคารด้านนี้ พนักงานทั้งหมดจึงมารวมตัวกันที่ห้องประชุมของบริษัท แพรวาเดินเข้ามาในสภาพตาแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักท่ามกลาง พนักงานที่พากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

จากนั้นไม่นานนัก กันทิมาพาตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งเข้ามาหาแพรวา “น้องแพรจ๋า นี่ พ.ต.อ.ยุทธ ท่านคุ้นเคยกับคุณป๋าน้องแพรมานาน ท่านจะเข้ามาดูแลรับผิดชอบคดีนี้ด้วยตัวเอง”

“เราจะเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ หลานไม่ต้องกังวลนะ”

“ขอบคุณค่ะ แต่น้องแพรแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาต้องทำกับคุณป๋าอย่างนี้ด้วยเท่านั้นเอง”

พ.ต.อ.ยุทธตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าคนร้ายตั้งใจทำให้เป็นเหมือนอุบัติเหตุ ดังนั้นทางเราจึงต้องทำเฉยๆเหมือนเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ อาจจะช่วยให้การสืบหาผู้ร้ายรายนี้ง่ายขึ้น และขอให้แพรวาใจเย็นๆก่อน

“ใครอยากทำอะไรก็เชิญค่ะ คุณอาไม่ต้องมาบอกไม่ต้องมาขอน้องแพรหรอก ถ้ามีใครทำให้คุณป้าฟื้นขึ้นมาได้เมื่อไหร่ ค่อยมาบอกน้องแพรดีกว่า” แพรวาคร่ำครวญน้ำตานองหน้า

“อาเข้าใจว่ามันเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงขนาดไหน อาเพียงแต่อยากให้หลานมั่นใจว่าหลานจะไม่เสียคุณป๋าไปฟรีๆแน่” พ.ต.อ.ยุทธให้คำมั่นเสร็จ หันไปพูดคุยกับนายสยามที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันทิมาสงสารแพรวาจับใจเข้ามาโอบกอด พยายามปลอบให้คลายความเศร้า แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เธอท้อแท้ไปหมด คิดจะทิ้งทุกอย่างแล้วพาแม่ไปให้ไกลจากที่นี่ ไปอยู่ลำพังตามประสาแม่ลูก
“จะได้ไม่ต้องสูญเสียคนที่น้องแพรรักให้อีกต่อไป ฝากคุณกันช่วยส่งข่าวนายหรั่งให้พวกเพื่อนๆเขาที ให้น้าหยามจัดการให้ก็ได้ บอกเขาว่า
น้องแพรจะจัดงานศพให้เขาพร้อมกันกับคุณป๋านี่แหละ”

“แต่นายหรั่งไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ...ท่านยุทธคะ ตกลงเราพบใครอยู่ในลิฟต์นั่นบ้างคะ”

พ.ต.อ.ยุทธทราบว่ามีเพียงเผ่าลาภเท่านั้น แพรวาแปลกใจ หรั่งหายไปไหน ปกติเขาจะเป็นคนพาพ่อของเธอมาดูดาวที่นี่ พ.ต.อ.ยุทธสอบถามจาก รปภ.แล้วได้ความว่าหรั่งรีบร้อนออกไปก่อนที่ลิฟต์จะระเบิด...

ในเวลาเดียวกัน ขณะแสงเทพกำลังบ่นกับตะวันฉายว่าเหตุใดการตายของเผ่าลาภถึงไม่เป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ นายปี๊ดเข้ามารายงานว่าหรั่งรอดตายอย่างหวุดหวิดเพราะไม่ได้เข้าไปในลิฟต์กับเผ่าลาภ

“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการให้มันเป็นแพะเสียเลย ท่าจะไม่เลว” แสงเทพหัวเราะชอบใจ พลอยทำให้ตะวันฉายยิ้มตามไปด้วย ทั้งสามคนมัวแต่สุมหัวกันวางแผนโยนบาปให้หรั่ง โดยไม่ล่วงรู้ว่าชาติชายมาจอดรถซุ่มดูความเคลื่อนไหวไม่ห่างจากบ้านของแสงเทพนัก พลางนึกถึงคำพูดของดวงใจที่คุยกับเขาเมื่อเย็นวานนี้

“เขากำลังพยายามทำอะไรบางอย่างกับครอบครัวของคุณ เพื่อเป็นการล้างแค้น”

“คุณแน่ใจหรือครับ”

“ดิฉันไม่มีหลักฐานหรอกค่ะ และก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเกี่ยวกับความแค้นเคืองของเขาด้วย แต่มีความรู้สึกว่าเขาคงจะทำอย่างนั้น”

ความคิดของชาติชายหยุดลงเมื่อมีรถคันหนึ่งแล่นออกจากบ้านของแสงเทพ เขาค่อยๆขับรถตามไปห่างๆพอไม่ให้เป็นที่สงสัย แต่ไม่อาจรอดสายตาเหยี่ยวของนายปื๊ดซึ่งขับรถให้แสงเทพไปได้ เขาทำทีเลี้ยวเข้าซอยแห่งหนึ่ง ชาติชายเลี้ยวรถตามไปจนสุดซอยพบว่าเป็นซอยตัน รถของแสงเทพหายไป เขารีบลงมากวาดตามองหา

รถเป้าหมายแล่นออกมาจากซอยแยกใกล้ๆพุ่งตรงมาหยุดห่างจากร่างของชาติชายแค่คืบ นายปื๊ดชักปืนขึ้นมาเล็งใส่ ขณะที่แสงเทพยื่นหน้าออกมาจากกระจกหลังรถ

“ถ้าไม่อยากตายก่อนถึงวัยอันควร อย่าขับรถใกล้อั๊วนัก” แสงเทพขู่จบ ส่งสัญญาณให้นายปื๊ดถอยรถออกไป ชาติชายได้แต่กัดฟันกรอดๆ เตะดินแถวนั้นระบายอารมณ์

ooooooo

งานศพของเผ่าลาภถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆที่วัดแห่งหนึ่งชานเมือง รำไพเอาแต่นั่งจ้องโลงศพของผู้เป็นสามีไม่พูดไม่จากับใคร แพรวานั่งน้ำตาซึมอยู่ไม่ห่าง โดยมีกันทิมารับหน้าที่ดูแลแขกเหรื่อที่มาในงาน

สักพัก นายสยามขับรถเข้าจอดหน้าศาลาตั้งศพ แล้ววิ่งลงมาเปิดประตูรถให้กัมปนาทในสภาพมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ที่แขน หน้าตาอิดโรยลงจากรถ มีพยาบาลคนหนึ่งช่วยประคอง กันทิมาเข้ามาต้อนรับพาไปข้างใน

“นั่งตรงนี้ค่ะ อยากได้อะไรบอกได้เลยนะคะคุณฮุย”

“อยากได้ตัวคนทำร้ายเฮียตง มันเป็นใคร...ใครทำกับเฮียตงอย่างนี้” พูดได้แค่นั้น กัมปนาทปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น ลินจงขยับเข้ามาช่วยปลอบ ระหว่างนั้น อรทัย เดินกร่างเข้ามาหยุดมองไปรอบๆศาลาสวดศพ ก่อนจะตรงไปนั่งข้างๆรำไพ ต่อว่าว่าทำไมมาจัดงานศพไกลนัก อีกทั้งงานยังเงียบเชียบไร้ผู้คน รำไพนิ่งไม่ตอบ

“ถามจริงๆเถอะ ใส่อะไรลงไปในโลงน่ะ เห็นตำรวจเขาว่ามันระเบิดเสียเละจนหาซากแทบไม่เจอนี่นา”

รำไพเศร้าเกินจะพูดอะไรได้ ลินจงจึงตอบคำถามแทนว่าใส่เสื้อผ้า เครื่องใช้และรูปภาพของเฮีย อรทัยยังปากเสียไม่เลิกบอกว่าถ้าลำบากนักก็ไม่น่าต้องจัดงานศพให้เสียเวล่ำเวลา ลินจงไม่พอใจเสียงแข็งใส่ทันที

“ทำอย่างนั้นได้อย่างไรเจ๊...เฮียตงไม่ใช่คนไม่มีสกุลรุนชาตินี่ ชื่อแซ่เฮียก็มี เป็นหน้าของลูกหลานของน้องๆอย่างพวกเรา ต้องแสดงความอาลัยรัก ความเคารพตามธรรมเนียมที่ทำๆกันมา”

“ตามใจ” อรทัยพูดจบ หันไปถามแพรวาว่าจะเอาอย่างไรกับบริษัทและกิจการของตระกูล ถ้าทำไม่ไหวก็น่าจะขายให้รู้แล้วรู้รอด ตนเคยเตือนแล้วก็ไม่เชื่อ เห็นหรือไม่ว่าผู้ช่วยรูปหล่อที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าของเธอไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้หายหัวไปอยู่ที่ไหน ขโมยอะไรไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แพรวาพยายามข่มอารมณ์สุดๆ

“อาโกคะ...อาโกจะไม่ไหว้คุณป๋าสักหน่อยหรือคะ มาตั้งนานแล้ว”

อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 13 วันที่ 23 ต.ค. 56

สุภาพบุรุษลูกผู้ชายบทประพันธ์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย บทโทรทัศน์โดย เมจิก อีฟ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายกำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผลิตโดย บริษัท คลิกเทเลวิชั่น จำกัด
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายแนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายวันเวลาออกอากาศ ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น.
ติดตามชมละครเรื่องสุภาพบุรุษลูกผู้ชายได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ