อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 4 วันที่ 28 ต.ค.60

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 4 วันที่ 28 ต.ค.60

ประคองรู้สึกถึงน้ำเสียงลูกสาวตื่นเต้นเวลาพูดถึงณรังค์ จึงแกล้งบอกให้โทร.หาณรังค์และบอกด้วยว่าแม่สั่งให้รีบกลับบ้าน ละมุลรับคำ หงุดหงิดตัวเองจะตื่นเต้นอะไรนักหนา...

ด้านณรังค์ขับรถมาส่งสิริกันยาที่บ้าน พอจะกลับ ศรีนวลออกมาเรียก “เดี๋ยวก่อน ไอ้คุณณะ! กินข้าวกันมาหรือยัง” พอเขาบอกว่ายัง เธอก็ชวน “มากินด้วยกันก่อน กว่าจะถึงบ้าน รถติด หิวไส้ขาดพอดี กำลังตั้งโต๊ะเลย”

สิริกันยาเห็นณรังค์อึกอัก ไม่อยากให้เขาอยู่แล้วจึงตัดบท “ย่า...เห็นป่ะ เขาลำบากใจ ไม่กินหรอก กับข้าวบ้านๆ ไม่ใช่ฝีมือชาววัง”
ณรังค์หมั่นไส้คิดแกล้งกลับ เดินมาหาศรีนวล “ขอบคุณมากครับ ผมหิวมากเลยครับ”



สิริกันยาอ้าปากหวอ ศรีนวลจูงณรังค์เข้าบ้านไม่สนใจหลานสาวตัวเอง บรรยายว่าวันนี้มีน้ำพริก ปลาทอดของชอบสิริกันยา ส่วนเจ้าตัวเจ็บใจร้องบอกให้ย่ารอด้วย ศรีนวลกลับหันมาเหน็บ เดินเร็วๆ อย่าสำออยชักช้า...

ณรังค์ขำความสัมพันธ์ของย่าหลานคู่นี้ รู้สึกช่างอบอุ่นจริงๆ

สุดท้ายละมุลก็ไม่กล้าโทร.หาณรังค์ ได้แต่ชะเง้อรอ ในคืนนั้นปฐวีนั่งหน้างออยู่ในผับหรู เกียรติศักดิ์นั่งมองจนหมดความอดทนที่จะง้อ ลุกขึ้นฉุดมือเธอจะพากลับแต่เธอยื้อมองตาแข็ง

“จะเงียบอยู่อีกนานไหม ผมอึดอัด ถามอะไรก็ไม่ตอบตั้งแต่ที่โรงพยาบาล”

“ยังไม่รู้ความหมายของมันอีกเหรอ”

“ผมไม่รู้หรอก ใจคุณหญิงเป็นยังไง ผมบอกตรงๆ... ผมไม่เคยอ่านออกเลย”

“หญิงโกรธคุณ”

เกียรติศักดิ์ถอนใจ “เรื่องที่ผมไปเล่นงานไอ้เด็กในบ้านนั่นเหรอ”

“เรื่องที่คุณไม่ยอมจัดการนังปากดีนั่นให้หญิง แล้วเป็นไง สุดท้ายหมามันก็เลียปาก แต่นั่น...ไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่ทำให้หญิงโกรธคุณ...คุณไม่รักษาสัญญาที่เคยบอกว่าจะทำให้หญิงมีความสุขที่สุด ยังไม่ทันไรคุณก็ลืม”

เกียรติศักดิ์เถียงไม่ออก ปฐวีลุกขึ้นจะเดินไป ชายหนุ่มหวั่นใจรีบถามจะไปไหน หญิงสาวยิ้มเหยียด บอกจะไปห้องน้ำ กลับมาเขาคงคิดอะไรได้บ้าง ชายหนุ่มเครียดกับการต้องรับมือผู้หญิงที่เอาแต่ใจคนนี้...ขณะเดินกลับมา จู่ๆกนกอรเมามายเดินเซมาชน จึงถามมาคนเดียวหรือ เพื่อนสาวเสียงป้อแป้ว่าคนอกหักจะให้ควงใคร ปฐวีถามน้ำเสียงแปลกใจ

“อกหัก! ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นคนถูกทิ้งไง” พอเห็นเพื่อนทำหน้าโกรธก็เริ่มยุ “ทำใจไม่ได้ว่างั้น...ก็น่าเห็นใจนะ แต่นายอ๋องคงไม่รู้หรอกว่าเธอเสียใจมากแค่ไหน และก็คงเลิกคิดเรื่องเธอไปแล้ว ไม่งั้นคงไม่หน้าบานควงยัยนั่นไปไหนต่อไหน”

“นังเลขาสลัม...อ๋องดูถูกฉันมาก”

“ถ้ายังรักยังเสียดาย ทำไมไม่ทวงเขาคืนมาล่ะ ของเคยเป็นของเรา น่าจะต่อติดไม่ยาก” กนกอรคิดตามแบบลังเล ปฐวีแกล้งยุหัวเราะเยาะ “หรือจะยอมแพ้ยัยสลัมนั่น เสียชื่อไฮโซอย่างเธอหมดนะ แพ้ใครไม่แพ้”

กนกอรตาวาวพาลโกรธปฐวี แทนที่จะให้กำลังใจ ประกาศกร้าวคอยดูตนจะไม่ยอมแพ้ แล้วเดินเซออกไป ปฐวียิ้มสมใจ

ooooooo

ระหว่างที่ณรังค์นั่งทานข้าวบ้านสิริกันยา ศรีนวลแอบมองทั้งสองใจตรงกัน จับช้อนกลางพร้อมกันแล้วชะงักสบตากันราวมีกระแสไฟฟ้าช็อต ก็แกล้งส่งเสียงถามอิ่มกันแล้วหรือ ทั้งสองอึกอักๆ ก็เปรยออกมาว่าไม่อยากฟันธงว่าทั้งสองกำลังชอบกัน สองหนุ่มสาวตาโต

“หรือไม่จริง ตักกับข้าวพร้อมกัน จู่ๆก็มาติดอ่างเหมือนกันอีก แสดงว่าใจตรงกัน”

สองหนุ่มสาวรีบทำทุกอย่างตรงข้ามกัน ณรังค์ พูดตะกุกตะกักว่าตนยังไม่อิ่ม สิริกันยาพูดปร๋อว่าตนอิ่มแล้วและไม่ได้พูดติดอ่าง ใจตรงกันตรงไหน เสียงสูงขึ้นว่าไม่ได้ชอบกันเสียหน่อย

ณรังค์เสริม “เขาเกลียดผมจะตายไปครับ”

“น้อยๆหน่อยค่ะเจ้านาย ถ้าเกลียดมากขนาดนั้น จะยอมให้กินข้าวด้วยเหรอคะ”

“เห็นไหม มันชอบคุณ” ศรีนวลสรุปชอบใจ

สิริกันยาโวยไม่ได้เกลียดไม่ได้แปลว่าชอบ ศรีนวลทำหน้าเหรอเพิ่งรู้ ณรังค์ขำที่สองย่าหลานเถียงกัน สิริกันยาเหวี่ยงว่าเขาหัวเราะเดี๋ยวข้าวติดคอตาย ขาดคำณรังค์

ก็สำลักไอโครก ศรีนวลรีบส่งน้ำให้และบอกให้หลานสาวตบหลังเขา สิริกันยาทุบอั่กๆจนณรังค์หลังแอ่น ผู้เป็นย่าโวยเขาจะตายเพราะโดนทุบจนหลังหัก ผู้เป็นหลานอดเถียงไม่ได้อีก

“โหย...แรงคนนะ ไม่ใช่แรงควาย”

“ก็ใกล้เคียง!”

ณรังค์อมยิ้มที่ย่าหลานเถียงกันตลอด แต่รู้สึกอบอุ่นมีความสุข...พอทานเสร็จ ณรังค์ช่วยสิริกันยา

ล้างจาน แม้เธอจะห้ามว่าเขาเป็นแขกให้ไปนั่ง แต่เขาคิดว่าไม่ควรกินฟรีอย่างเดียว สิริกันยามองท่าทางคล่องแคล่วของเขาจึงถามว่าเคยทำด้วยหรือ เขาตอบกลับ

“ทำชนิดที่คุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ...บอกแล้วไง คุณยังไม่รู้จักชีวิตผมดีพอ”

ทั้งสองเถียงกันเพลินจนน้ำที่เปิดไว้ล้นอ่าง ทั้งสองพุ่งเข้าปิดก๊อกพร้อมกัน มือจับกันหันมองหน้ากันอึ้งๆ ศรีนวลโผล่มาเห็น อมยิ้มชอบใจไม่อยากขัดจังหวะ กลับเข้ามาเอามือถือเปิดไลน์ มีตัวหนังสือตัวใหญ่มาก พิมพ์ข้อความได้สบายเล่าเรื่องให้เจ๊หวานฟัง เท่านั้นไม่พอยังแอบถ่ายรูปส่งไปยืนยันว่าไม่ได้เม้าท์

ด้านสองหนุ่มสาวที่กำลังโดนเม้าท์ถึงล้างจานเสร็จ สิริกันยากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ณรังค์บอกตนก็ต้องขอบคุณที่ยอมให้ร่วมโต๊ะ หญิงสาวปัดว่าย่าเป็นคนชวน

“คุณก็ไม่ได้ขัด”

“จะขัดได้ไง คุณเป็นเจ้านาย เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีเจ้านายตะกละ...เอ่อ ขอโทษ”

“ผมว่าผมชินแล้วล่ะ แต่ขอแก้ตัวหน่อยนะว่าไม่ได้ตะกละ”

“ไม่ต้องแก้หรอก ไม่ได้อยากรู้” เขายื้อว่าอยากบอก สิริกันยาจึงเชิญตามสบาย

“ผมชอบ...” หญิงสาวร้องเฮ้ย! ณรังค์รีบบอก “ไม่ใช่อย่างนั้น อย่าเข้าใจผิด”

“แล้วอะไรล่ะคะ”

“ผมชอบบรรยากาศที่บ้านคุณ รู้สึกดี...” ณรังค์ยิ้มอย่างจริงใจแล้วเหมือนนึกได้หุบยิ้ม

ศรีนวลแอบฟังแว่วๆ ก็มาพิมพ์เล่าให้เจ๊หวานฟังว่าณรังค์บอกชอบ...พอณรังค์มาลา ศรีนวลรับไหว้ ณรังค์ชมว่าอาหารอร่อยมาก ศรีนวลออกตัวว่าแค่อาหารพื้นๆ สู้อาหารชาววังที่เขากินประจำไม่ได้

“สู้ได้สิครับ ฝีมือทำกับข้าวของย่ารสชาติเดียวกับแม่คองเลยครับ”

“ฮู้ย...ปากหวาน ทีหลังก็หัดชมข้าอย่างนี้บ้างนะ” ศรีนวลหันไปแขวะสิริกันยา

“ย่าทำให้หนูรู้สึกว่ากำลังเป็นหมาหัวเน่า”

“ใกล้แล้วล่ะว่ะ”

สิริกันยาหน้าบึ้งหันไปโวยณรังค์ไม่ต้องมาบ่อย ศรีนวลสวนต้องมาบ่อยๆ แล้วหลุดปากเรียกไอ้ณะ หลานสาวท้วงเรียกเขาแบบนั้นได้อย่างไร ศรีนวลนึกได้เรียกใหม่ว่าคุณณะ ณรังค์ขำบอกเรียกแบบไหนก็ได้ที่สะดวก

หญิงชราจึงเรียกอีกครั้งว่า...ไอ้คุณณะ เห็นทั้งสองยิ้มให้กัน

“ลืมๆ นังหวานมันให้โทร.กลับ ไม่รู้นอนไปหรือยัง นังกันยาไปส่งคุณณะก่อนไป ขับรถดีๆนะ ระวังตัวด้วย อยากกินไรบอก จะทำไว้รอนะพ่อ”

ณรังค์ยกมือไหว้ขอบคุณ ศรีนวลมองสองหนุ่มสาวเดินไปอย่างชอบใจ รีบนั่งพิมพ์ไลน์เม้าท์กับเจ๊หวานต่อ... ก่อนจะขึ้นรถ ณรังค์บอกสิริกันยาไม่ต้องห่วง ตนไม่มาบ่อยให้เธออึดอัด หญิงสาวรีบบอกว่าไม่ได้อึดอัด เขาจะมีเวลาว่างมาหรือ ให้ความหวังคนแก่แล้วไม่มา...บาป

“นั่นสิ ผมลืมไปเลย”

“นั่นไง...”

“งั้นผมต้องมา”

“ก็อย่าให้มันกลายเป็นภาระเลย คุณงานยุ่ง บ้านฉันก็อยู่ไกล”

“อะไรของคุณ เดี๋ยวให้มาเดี๋ยวไม่ให้มา สับสนอะไรรึเปล่า”

สิริกันยารีบแก้ตัว “เอาเป็นว่ามาเมื่อว่างก็แล้วกันค่ะ อ้อ พรุ่งนี้ฉันไปทำงานเองนะคะ”

ณรังค์ถามแน่ใจหรือว่าหายเจ็บขา สิริกันยารับว่าแน่ใจ เขาจึงตามใจแล้วแย็บถามไม่คิดจะย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ออฟฟิศบ้างหรือ หญิงสาวส่ายหน้า

“ยังไม่คิดค่ะ ฉันเดินทางไกลไม่ใช่ปัญหา ไม่มีใครช่วยเป็นหูเป็นตาดูย่าให้ เป็นปัญหามากกว่า ที่นี่มีเจ๊หวานอยู่ข้างๆช่วยดูให้ ฉันอุ่นใจ”

ณรังค์ประทับใจกับความคิดของสาวผู้นี้ เผลอยิ้มอย่างอ่อนโยนจนหญิงสาวถามมีอะไร จึงรีบเปลี่ยนท่าทีบอกไม่มีอะไร สิริกันยาขอบคุณเขาอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือ ไม่ได้ประชด

“ผมรู้...ผมว่าผมน่าจะรู้จักคุณดีขึ้นแล้วล่ะ คุณเป็นคนจริงใจ ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมาก”

“ซึ่งบางครั้งก็ไม่ดี คุณเคยบอกฉัน” สิริกันยาเสริม ณรังค์ขอบคุณที่จำได้ “บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้งี่เง่าจนไม่คิดจะใช้วิจารณญาณแยกแยะ อะไรที่เป็นความจริงฉันก็ยอมรับและพยายามจะปรับปรุงตัว”

“ดีแล้ว แล้วคุณจะไปได้ไกล” ณรังค์ประทับใจในตัวเธอมากขึ้น

“แต่ฉันยังไม่รู้จักคุณดีเลย รู้สึกไม่ยุติธรรมยังไงไม่รู้”

“เอาน่ะ ยังมีเวลาถ้าคุณยังทำงานอยู่กับผม”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ งานยากยิ่งท้าทาย ไม่ตาย...ไม่เลิก”

ณรังค์หลุดขำอย่างเอ็นดูแล้วนึกได้พยายาม

ดึงตัวเองออกจากความรู้สึกที่มีแก่เธอ...

สิริกันยากลับเข้าบ้าน ศรีนวลกำลังหัวเราะคิกคักกับภาพที่เจ๊หวานแอบถ่ายณรังค์กับหลานที่หน้าบ้านส่ง

มาให้ เสียงสิริกันยาทักย่าทำไมไม่นอน ศรีนวลสะดุ้งเก็บมือถือบอกคุยกับเจ๊หวานเรื่องขนมที่ฝากขาย หลานสาวแซวเดี๋ยวนี้ติดโซเชียล หญิงชราเปลี่ยนมาพูดถึงณรังค์

“ไม่ต้องชง เขาเป็นเจ้านายที่...ก็...จิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นกันเอง ไม่ถือตัว แค่นั้น”

“ไม่อคติแล้ว?” ศรีนวลดักคอ สิริกันยาพยักหน้านิดๆ “ข้าว่าเขาดูเหงาๆนะ เองเคยบอกว่าเขากำพร้าพ่อแม่ไม่ใช่รึ แล้วทำไมเรียกใครนะว่าแม่”

“หนูก็ไม่รู้ ไว้ย่าถามเขาเองแล้วกัน สนิทกันแล้วนี่ มาถามอะไรหมาหัวเน่าอย่างหนูล่ะ ไปนอนละ ปิดไฟๆ”

ศรีนวลแอบขำที่หลานสาวมีประชดประชัน ท่าทางไม่ธรรมดามีลุ้น

ooooooo

ค่ำคืนนั้นประคองนั่งมองแม้นเทพที่กำลังหลับ ในห้องมีไฟสลัว แม้นเทพลืมตามาเห็นไม่รู้ว่าเธอมานานแค่ไหนแต่ดูสีหน้าหมองๆ ก็เดาได้ว่าโกรธจึงเอ่ยถาม ประคองพูดอย่างน้อยใจ

“ฝ่าบาททรงเป็นเจ้าของทุกอย่างของจงสวัสดิ์ มีสิทธิ์จะยกอะไรให้ใครก็ได้ และหม่อมฉันก็เข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างดีเพคะ ฝ่าบาทจำเป็นต้องยอมคุณหญิง”

“หญิงวียังคอยหาเรื่องนังละมุลอยู่อีกหรือเปล่า” ในใจแม้นเทพรู้สึกผิด พอประคองรับว่ายังหาเรื่องอยู่ หวังว่าท่านชายจะจัดการปฐวีบ้าง ท่านกลับบอกว่าจะหาบ้านใหม่หลังเล็กๆให้ประคองผิดหวัง “ฝ่าบาท! คิดจะขับไล่ไสส่งหม่อมฉันกับลูก แทนที่จะ...”

“ไม่ต้องสะเออะมาสอนฉัน! ไม่งั้นฉันไล่แกออกไปจริงๆแน่”

“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาสอนอะไรฝ่าบาทเลย แต่ช่วยตอบคำถามหม่อมฉันสักข้อได้ไหมเพคะ” ท่านชายถามเสียงห้วนว่าอะไร “ไม่ทรงรักและเมตตาละมุลบ้างเลยเหรอเพคะ...สักนิดก็ไม่เลยเหรอเพคะ”

“แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดมาด้วยซ้ำ จะมาถามเอาอะไรอีก ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยบอกแก”

ประคองบีบมือแน่นสะอื้นออกมา “หม่อมฉันแค่อยาก...จะได้ยินเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง หม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่ถามฝ่าบาทอีกแล้ว”

“แต่ฉันไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำกับแกกับนังละมุล ถึงได้บอกว่าจะหาบ้านใหม่ให้ จะเอาหรือไม่เอา”

ประคองเชิดหน้าตอบอย่างมั่นใจ “หม่อมฉันยึดมั่นในคำพูดที่เคยทูลไว้ว่าจะไม่ไปไหน จะอยู่รับใช้ฝ่าบาทไปจนกว่าจะตายเพคะ”

แม้นเทพถือว่าได้ถามแล้วและเธอเลือกเอง ทรงหลับตาหันหลังให้อย่างรำคาญ ประคองรับคำยิ้มแฝงความขมขื่นสุดคาดเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่

คืนเดียวกัน ณรังค์กลับมาบ้านเห็นละมุลฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะอาหารจึงเข้าไปปลุก เธอสะดุ้งร้องอย่างหวาดกลัวว่าคุณหญิงอย่าทำ ณรังค์สงสารถามทำไมยังไม่กินข้าว หญิงสาวบอกว่ารอกินพร้อมเขา แม่ทำอาหารไว้ให้ ณรังค์ไม่อยากให้น้องผิดหวังจึงบอกว่ามีงานดึกและยังไม่ได้กินข้าว ละมุลสังเกตเห็นหน้าเขามีรอยช้ำก็ตกใจโดนอะไรมา เขากลบเกลื่อน

“อ๋อ...ก็...ไม่มีอะไร พอดีเจอลูกหลงคนทะเลาะกันนิดหน่อย”

ละมุลกุลีกุจอจะไปเอายามาทาให้ ณรังค์ปรามและให้รีบทานข้าวเกรงจะปวดท้องที่กินข้าวผิดเวลา พลางต้องฝืนกินข้าวอีกทั้งที่อิ่มแสนอิ่ม
แม้จะดึกดื่นแต่ละมุลยังปลื้มปริ่ม อดใจไม่ไหวโทร.เล่าให้สวัสดิ์ฟัง “ฉันเป็นอย่างที่ครูบอกจริงๆ ฉัน...ชอบพี่ณะ...จริงๆ”

“ดีแล้วครับที่คุณรู้ใจตัวเอง” สวัสดิ์กล้ำกลืนความชอกช้ำยินดีด้วย

“แล้ว...ฉันควรทำไงต่อดีคะ เอ่อ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรถามครูเลย ครูคง...อึดอัดใจ”

“ถามได้ครับ ผมยินดีตอบ แต่คำตอบของผม จะถูกใจหรือเปล่าแค่นั้น”

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 4 วันที่ 28 ต.ค.60

ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทประพันธ์โดย วาสนา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทโทรทัศน์โดย คนเขียนเงา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ กำกับการแสดงโดย ชนะ คราประยูร
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ควบคุมการผลิตโดย ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 33 HD
ที่มา ไทยรัฐ