อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 1 วันที่ 18 ต.ค.60
ท่านชายโกรธจัดเงื้อมือจะตบลูกสาวอีก ณรังค์เข้าขวางขอร้องอย่าทำอะไรเธออีก แล้วพร้อมรับโทษเพียงคนเดียว แม้นเทพยิ่งโกรธประกาศกร้าวจะฆ่าเขาแทนแล้วพุ่งเข้าตบหน้าทุบตีไม่ยั้ง ด่าว่าเขาสถุลเนรคุณ หาว่าเป็นคนเสี้ยมให้ปฐวีเถียงตนแบบนี้ ประคองกับปฐวีร้องห้ามเสียงหลง พวกบ่าวกันคุณหญิงไว้ ประคองเข้ากัน ณรังค์ยกมือไหว้ขอร้อง“ท่านชายเพคะ ขอเถอะเพคะ เกิดเป็นอะไรกันขึ้นมา มีข่าวหลุดออกไปจะเสื่อมเสียพระเกียรติได้นะเพคะ...เห็นใจคุณหญิงด้วยเถอะนะเพคะ วัยรุ่นรักแรงหลงแรง อยู่ใกล้กันก็เหมือนมดใกล้น้ำตาล ถ้าไม่ทรงโปรดก็แค่จับแยก เดี๋ยวก็ลืมเพคะ”
“ไม่ต้องมาสาระแน อีประคอง...แกสะใจที่เห็นฉันเสียใจ เห็นหม่อมแม่เสียใจ แกมันอีคางคกขึ้นวอรอมาแทนที่หม่อมแม่ ไม่มีทาง อีคางคก” ปฐวีปราดจะเข้าทำร้ายประคอง แม้นเทพสั่งบ่าวให้จับเธอไว้และไล่ณรังค์ออกไปจากวัง คุณหญิงร้องโวยวาย “ถ้าท่านพ่อไล่ณะไป ท่านพ่อจะต้องเสียใจ...ณะอย่าไปนะ...ณะอย่าลืมหญิงนะ...ณะต้องรักหญิงตลอดไปนะ!”
เสียงคร่ำครวญของปฐวียิ่งทำให้แม้นเทพโกรธมากขึ้น ไล่ณรังค์ให้ออกไปโดยเร็ว ประคองรีบพาเขาออกไปพร้อมจูงละมุลลูกสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความตกใจกลัว...เสียงปฐวีทุบประตูปังๆให้ปล่อยเธอออกไป โวยวายว่าท่านพ่อใจร้ายใจดำ สักพักก็สงบลงยืนพิงประตูร้องไห้พึมพำ...คอยดูตนจะทำเหมือนท่านพ่อจากอดีตจนปัจจุบัน ปฐวีไม่เคยลืมเหตุการณ์ครั้งนั้น และกระทำตนเฉกเช่นที่ลั่นวาจาไว้
ooooooo
บ้านเช่าหลังเล็กๆที่สิริกันยามองหาจากคำแนะนำของเพื่อน...ศรีนวลพูดชื่นชมณรังค์ไม่หยุดปากว่าสมัยนี้หาคนดีมีน้ำใจแบบนี้ยาก ใครได้เป็นผัวเหมือนถูกหวย สิริกันยาไม่ได้สนใจคำพูดของยาย ก็โดนเอ็ดว่าถามต้องตอบ เธอโอดครวญ
“โอยย่า หนูกำลังใช้สมาธิหาบ้านอยู่...ไม่เบื่อหรือไงบรรยายสรรพคุณพ่อหนุ่มนั่นตั้งแต่ขึ้นรถยันถึงที่นี่เนี่ย”
“เอ๊า ก็ของเขาดีจริง นี่ๆถ้าแกมีแฟนหาให้ได้อย่างพ่อหนุ่มนั่นนะ”
“โอย...มีลูกกวนตัวมีผัวกวนใจ มีเงินสิ...นอนใจ”
ศรีนวลหมั่นไส้หาว่าหลานสาวงก เธอสวนกลับว่าที่งกให้ใคร หญิงสูงวัยหน้าเสียปัดขี้เกียจเถียงด้วยแล้วบ่นว่าเดินจนจะสุดซอยยังหาไม่เจอ สิริกันยาปลอบอยู่ลึกแหละดีไม่แพง พอเจอตัวบ้าน ศรีนวลก็เริ่มบ่นอีกว่าทั้งเล็กทั้งเก่า หญิงสาวถอนใจบ่นกลับ
“หนูมีปัญญาดีกว่านี้หรือไง นี่ก็กลับไปทำงานที่เก่าไม่ได้ กลัวไอ้แก๊งทวงหนี้มันตาม เงินชดเชยอะไรก็เลยไม่ได้ เงินเก็บก็ต้องเอาไปมัดจำค่าบ้าน” ศรีนวลรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุแต่ไม่ยอมรับตัดบทบ่นว่าเมื่อย สิริกันยาเหน็บ “ไว้คุยต่อก็ได้ ปล่อยไปพักก่อน ยาวแน่คุณศรีนวล โทษฐานเป็นคนดีเกิน แหม...เลวบ้างก็ได้นะ ดีเกินไปตายเร็ว...บอกคนอื่นดีนัก”
“ไม่ต้องมาย้อน...ก็เห็นเป็นเพื่อนข้างแผงกันมานานเลยไว้ใจค้ำประกันให้ ที่ไหนได้...อย่าเจอนะกูจะด่าให้ลืมไปเลยว่าเป็นคนไทย หน็อยคนแบบนี้ไม่อยากอยู่ร่วมชาติกับมัน”
“จ้า เก่งจ้า...” สิริกันยาล้อก่อนจะเข้าไปช่วยบีบนวดขาให้ย่าด้วยความสงสารศรีนวลตัดบทเปรยขึ้นมา “ไม่ต้องใหญ่โตโอ่อ่าเหมือนปราสาทพระราชวังอะไรหรอกวะ ไม่ต้องนอนข้างถนนก็ดีแล้ว ขอแค่ปลอดภัยแล้วก็...มีแกนอนกับย่า”
“รักหนูขึ้นมาซะงั้น”
ศรีนวลอ้อมแอ้มว่านอนคนเดียวกลัวผี สิริกันยารู้ว่าย่าดีแต่ปาก รักตนแต่ไม่ยอมรับ จึงสัญญาว่าสักวันจะหาบ้านเป็นของเรา ศรีนวลลูบหัวอย่างเอ็นดูอวยพร ให้สมหวัง หญิงสาวกุมมือย่ามาแนบแก้มด้วยความรัก รู้สึกอบอุ่นใจแม้ไม่มีสมบัติอะไรก็มีความสุข...
ในขณะที่ประคองช่วยณรังค์จัดเสื้อผ้าเข้าตู้ เธอดีใจที่เขาเรียนจบกลับมา ภูมิใจที่เขาเอาตัวรอดใช้ชีวิตคนเดียวที่อเมริกาได้ ณรังค์เข้าไปกราบที่ตัก
“ขอบคุณนะครับแม่ ที่ช่วยพูดจนท่านชายยอมส่งผมไปเรียนเมืองนอก แทนที่จะตัดหางปล่อยวัดผม แม่เป็นคนเดียวที่รักและหวังดีกับผม เป็นเหมือนแม่อีกคน ของผม”
“ถ้าณะรักแม่อย่างที่พูดจริง ณะต้องเชื่อแม่ ถึงท่านจะโกรธแต่ท่านก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำกับณะ เห็นไหมว่า บุญคุณท่านมีมากขนาดไหน”
“แม่เชื่อจริงๆเหรอครับ ว่าท่านเมตตาและเห็นแก่อนาคตของผมจริงๆ ท่านอาจจะแค่ยอมลงทุนเพื่อจะส่งให้ผมไปให้ไกลที่สุด”
ประคองดุ ถ้าตนไม่เชื่อในตัวท่านชาย คงไม่อยู่รับใช้ท่านจนวันนี้ ณรังค์อึ้งในใจคิดค้าน ประคองเกลี้ยกล่อมให้เขาใช้ความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ท่านชาย โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เขาย้อนถามว่าจะต้องใช้หนี้บุญคุณไปถึงเมื่อไหร่ ผู้เป็นแม่พูดไม่ออก ณรังค์ถอนใจ
“ผมยอมรับว่าอยากมีชีวิตของผมเอง อยากมีบ้านของผมเองไม่ใช่ที่นี่ มันเจ็บปวดเกินไป”
“ไหนณะบอกว่าลืมไปหมดแล้ว”
“แต่ถ้าต้องอยู่ในที่เดิมๆก็อดคิดถึงมันไม่ได้ แต่ก็คงไร้ประโยชน์เพราะคุณหญิงเธอคงลืมผมไปแล้ว เราไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลยเป็นสิบปี”
“แม่พูดถูกใช่ไหมณะ ตอนนั้นเป็นแค่รักของวัยรุ่น ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งฝังรากลึก รักง่ายก็ลืมง่าย” ณรังค์ยอมรับคำพูดของแม่ และยืนยันว่าตนต้องเดินหน้าต่อไป ประคองยิ้มอย่างเมตตา สีดาวิ่งหน้าตาตื่นมาตามประคอง ทั้งประคองและณรังค์ตกใจรีบตามสีดาไปที่หน้าตึก เห็นชายฉกรรจ์หลายคนกำลังขนเครื่องเรือนหลุยส์ออกไปใส่รถ ชื่นกับบรรจงยืนตัวสั่นไม่กล้าห้ามปราม สีดามาถึงโวยว่าถ้าท่านชายเป็นคนให้มาขนทำไมประคองไม่รู้เรื่อง ชื่นกับบรรจงเริ่มใจชื้นเสียงแข็งขึ้นบ้างว่าจะแจ้งตำรวจ ประคองตรงเข้ายื้อของไม่ให้ขนไป
ทันใดเสียงแม้นเทพดังมาให้พวกนั้นขนไป ประคองชะงักไม่เข้าใจ ท่านชายตวาดว่าของของตนไม่ใช่ ของเธอ แล้วสั่งให้พวกนั้นขนต่อไป
ประคองเสียดายไม่ยอมเข้ายื้อแย่งทุบตียกใหญ่ ณรังค์ต้องดึงเธอออกห่าง เกรงโดนทำร้ายกลับ เธอร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียดาย
แม้นเทพยืนนิ่งถือแก้วเหล้าอยู่ริมหน้าต่าง เจ็บปวดกับความเสื่อมถอยของตัวเอง ปฐวีเข้ามายืนข้างหลังอย่างไม่ยินดียินร้าย กล่าวน้ำเสียงเชือดเฉือนว่าสักวันคงมีเจ้าหนี้มายึดวังนี้
แม้นเทพหันขวับมาตอบโต้ “ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้วังจงสวัสดิ์ไปอยู่ในมือของใคร ถ้าเพียงแต่เราคิดจะทำมาหากินช่วยพ่อบ้าง”
“จะให้หญิงทำอะไรล่ะเพคะ จะไปทำงานให้คนอื่น ท่านพ่อก็ไม่ยอม กลัวจะถูกนินทาว่าเลี้ยงลูกตัวเองไม่ได้”
“ก็แต่งงานไปกับใครสักคนที่แกควงอยู่ แต่เลือกให้มันดีๆ”
“ดีๆของท่านพ่อ ที่มีดีแค่ยศแค่ศักดิ์แต่ไม่มีเงิน หญิงไม่เอาหรอก กลัวลำบาก”
“แล้วไอ้คนที่มีทั้งยศทั้งศักดิ์ทั้งเงิน ไม่มีเลยในประเทศนี้หรือไง”
“งั้นท่านพ่อก็ต้องอดทนและใจเย็นหน่อยสิเพคะ แต่บอกเลย ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร” ท่านชายสบถเสียงดัง “ท่านพ่อทรงสอนหญิงว่า เราต้องเลือกให้ดีที่สุด หญิงเป็นลูกที่เชื่อฟังท่านพ่อแล้วไงเพคะ อย่ากริ้วสิ...แล้วเจอกันที่งานนะเพคะ” ปฐวีเดินสง่าออกไป
แม้นเทพมองตามอย่างหงุดหงิด หญิงสาวเซ็กซี่สวมเสื้อคลุมออกมาตามให้ท่านชายกลับเข้าห้อง แต่ท่านหงุดหงิดปาแก้วเหล้าใส่ไล่ให้กลับไป หญิงสาวตกใจลนลานวิ่งหนี
ปฐวีเดินลงมามองเครื่องเรือนที่หายไปอย่างใจหาย หยิบมือถือออกมากดโทร.ออกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ถามอีกกี่นาทีจะมารับ ตนรออยู่นานแล้ว...พอวางสายฉุกคิดถึงณรังค์ขึ้นมาจึงมองไปทางเรือนหลังเล็ก
ละมุลโตเป็นสาวทำงานเป็นครูสอนหนังสือ กลับมารู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากชื่นก็รีบวิ่งมาหาประคองด้วยความเป็นห่วง พอเห็นณรังค์ก็ชะงักทักทายด้วยความคิดถึงแบบพี่ชาย แล้วบ่นว่าเขาจะกลับมาเป็นทาสอีกทำไม ประคองเอ็ดให้หยุดพูดแบบนั้น อย่างไรเสียท่านชายก็เป็นท่านพ่อ “แล้วท่านมองว่าหนูเป็นลูกหรือเปล่าล่ะ ก็แค่เด็กในบ้านเหมือนพี่ณะ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีแม่เป็นเมียอยู่อีกคน”
ประคองโกรธลืมตัวเงื้อมือจะตบหน้าลูก แต่ยั้งไว้ทัน ละมุลน้อยใจวิ่งร้องไห้ออกไป ณรังค์ตามมาปลอบ ละมุลพรั่งพรูความเจ็บปวดออกมาว่า แม่ไม่รู้บ้างเลยว่าเขาเลี้ยงเราเหมือนหมาเฝ้าบ้าน
ณรังค์ปราม แต่ละมุลสวนว่าท่านชายไม่เคยอุ้มตนสักครั้ง แม้แต่เรียกว่าพ่อก็ไม่ได้ ต้องเรียกว่าท่านชาย ถ้าไม่เห็นแก่แม่ ตนคงไม่อดทนอยู่ในสภาพนี้ ณรังค์ ยกคำว่าอกตัญญูมาเป็นเหตุผล หญิงสาวยิ่งสะเทือนใจทำไมต้องถูกกักขังด้วยคำคำนี้
เมื่อละมุลสงบอารมณ์ได้ก็กลับไปขอโทษประคองตามคำแนะนำของณรังค์ ส่วนณรังค์เดินเล่นอยู่ในสวน รู้สึกเหมือนมีคนมองจึงหันกลับไป เห็นปฐวียืนอยู่ เขาตะลึงหวั่นไหวนิดๆ สักพักก็หลบสายตา หญิงสาวรับรู้ถึงความห่างเหินเกิดความไม่พอใจ
“ดูห่างเหิน หรือเธอลืมฉันไปแล้ว...เธอผิดสัญญา ไหนเธอเคยบอกว่า ไม่ว่าจะยังไงเธอจะยังรักฉัน ไม่มีทางลืมฉัน”
“ผมจะรักและจดจำคุณหญิงต่อไปได้ยังไง ในเมื่อคุณหญิงไม่เคยรักผม...ถ้าคุณหญิงจะยังจำได้ คุณหญิงไม่เคยบอกรักผม มีแต่ผมที่บอกรักคุณหญิง ผมเพิ่งมาคิดได้หลังจากที่ได้อยู่กับตัวเองคนเดียวจริงๆที่โน่นว่าคุณหญิงทำให้ผมหลงรักเพียงเพื่อทำให้ท่านชายเสียใจ”
ปฐวียืดอกไม่ยอมแพ้ “ฉลาดดีนี่ เธอเปลี่ยนไปมากนะ ไม่ได้เป็นไอ้ทึ่มเซื่องๆให้ฉันจูงจมูกต่อไปได้อีกแล้วสินะ”
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ผมขอตัว” ณรังค์หันหลังกลับจะเดินไป
“ฉันยังพูดไม่จบ หยุดนะ!” ปฐวีกราดเกรี้ยว แต่ณรังค์ไม่สนใจเดินจากไป เธอโกรธอย่างถึงที่สุดที่เขาไม่เชื่อฟังอีก เกิดความอยากเอาชนะขึ้นในบัดดล
ooooooo
สิริกันยาได้รับการว่าจ้างจากป้านกให้ไปช่วยเสิร์ฟอาหารในงานเลี้ยงโรงแรม ศรีนวลเป็นห่วงไม่อยากให้ทำงานที่ต้องกลับดึก แต่สิริกันยาให้เหตุผลว่าต้องทำงานหาเงินระหว่างที่รอสมัครงานประจำ ศรีนวลบ่นว่าคนตกงานล้นประเทศจะได้งานเมื่อไหร่ สิริกันยาแอบย้อน
เพราะใครทำให้ตนต้องตกงาน หญิงสูงวัยค้อนขวับที่วกกลับมาเข้าตัวอีกจนได้ ผู้เป็นหลานรู้ว่าย่าเป็นห่วงจริงจึงบอกว่าพรุ่งนี้จะไปสมัครงานที่ใหม่ ไม่ต้องห่วง
ในขณะที่ปฐวีไม่เชื่อว่าณรังค์จะลืมตนจริง กลับเข้าไปหาแม้นเทพและบอกว่าคืนนี้จะไปงานพร้อมท่านแถม ยุแยง “ท่านพ่อไม่อยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจหน่อยเหรอคะ ว่าไอ้ขี้ครอกของท่านพ่อจะไม่บังอาจเผยอมายุ่งกับหญิงอีก”
“ถ้ามันฉลาด มันจะไม่ทำอย่างนั้น อยู่ที่เราต่างหาก หญิงวี”
ปฐวีฝืนยิ้มให้ สั่งณรังค์มาเป็นคนขับรถพาไปงานคืนนี้ ตนจะทำให้เขาจำใส่ใจว่าตนกับเขามันคนละระดับกัน แม้นเทพหลงเชื่อทำตามความคิดของลูกสาว
เมื่อมาถึงโรงแรม แม้นเทพเดินเคียงคู่ปฐวี มีณรังค์เดินตามห่างๆ เขาได้ยินเสียงแขกในงานซุบซิบถึงสองพ่อลูกว่ายังมีหน้ามาออกงานสังคม ทั้งที่มีหนี้การพนันท่วมหัวยังวางท่าเป็นพญาหงส์ ลูกสาวคงมาหาเหยื่อช่วยท่านพ่อ ใครหลงเป็นเหยื่อคงได้ลูกสาวพร้อมหนี้กองโต
งานนี้เป็นงานฉลองเปิดตัวคอนโดของหม่อมราชวงศ์แขไข พอแม้นเทพเข้ามาแสดงความยินดีก็ถูกถามกลับถึงโรงแรมเดอะแกรนด์รอยัลของเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี โรงแรมอื่นๆปิดตัวกันไปมากมาย แม้นเทพทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“อย่างนั้นเหรอ แต่เดอะแกรนด์รอยัลก็ยังดีอยู่นะ สงสัยจะยังมีบารมีดีอยู่ อย่างว่าจะทำธุรกิจมันก็ต้องมีแบ็กอัพที่ดี เออ ถ้าคุณหญิงมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”
“ขอบพระทัยเพคะ ถ้าอย่างนั้นข่าวที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเดอะแกรนด์รอยัลที่ว่ากำลังจะไม่รอดคงจะไม่จริงนะเพคะ” แขไขแอบยิ้มเยาะ แม้นเทพฝืนยิ้มรับหน้างาน สุนันทาเดินเข้ามาพร้อมยิ่งยศสามีที่หน้าตาเซ็งๆไม่เต็มใจมา แต่พอเห็นพริตตี้สาวๆสวยๆ ก็ตื่นตาขึ้นฉับพลัน สิริกันยาถือถาดเครื่องดื่มผ่านมา สุนันทาเรียกไว้ หยิบเครื่องดื่มของตนและสามี
ปฐวีแกล้งใช้ณรังค์ให้ไปเอาเครื่องดื่ม เขาเดินไปหยิบน้ำหวานมาส่งให้ เธอโวยเบาๆว่าจะเอาไวน์อย่าแกล้งโง่ แม้นเทพคอยจับตามองทั้งสอง เริ่มหงุดหงิดที่เห็นคนในงานดูไม่มีระดับ เปรยกับลูกว่า เบื่องานที่ไม่คัดคน แค่มีเงินก็ให้เข้ามาลอยหน้าลอยตาสลอน
ไม่มีคำว่าสังคมชั้นสูงแบบแท้ๆอีกแล้ว ปฐวีอธิบายว่า
“เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้นับถือกันที่ยศศักดิ์แล้วนะเพคะ เขาดูที่ยอดตัวเลขในบัญชีมากกว่า”
ไม่ทันไรเห็นสุนันทาเดินตรงเข้ามา “นี่ก็แร้งอีกตัว ไม่รู้มางานนี้จะมากัดทึ้งอะไร”
สุนันทายิ้มแย้มทักทายไม่คิดว่ามางานนี้ด้วย แม้นเทพแขวะกลับว่าตนมีศักดิ์เป็นญาติเจ้าของงาน
ไม่แปลกที่มางานนี้ ส่วนเธอเกี่ยวข้องอะไรด้วย สุนันทาผงะเล็กน้อยเหน็บเล็กๆว่าเดี๋ยวนี้นักธุรกิจเขาพบปะพูดคุยกันในงานแบบนี้ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป อะไรๆก็เปลี่ยนไป ไม่ควรยึดติดกับกรอบเก่าๆ ปฐวีเห็นบรรยากาศไม่ดีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“สามีคุณคงไม่ไปสนุกอยู่กับคนอื่น จนปล่อยภรรยามาออกงานคนเดียวอีกแล้วนะคะ”
“อ๋อ มาด้วยกันค่ะ งานนี้จำเป็นต้องมาเพราะดิฉันบังคับ”
ปฐวีทำทีประหลาดใจ สุนันทาถามกลับวันนี้เธอไม่มีคู่ควงที่ค่อนข้างไม่ซ้ำหน้ามาด้วย น่าแปลกกว่า ปฐวีหน้าตึง ณรังค์ได้ยินอึ้งๆ มองหน้าสุนันทารู้สึกคุ้นเคยแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน...สุนันทากับปฐวีและแม้นเทพยังคงพูดจาข่มกันไปมาอย่างสุภาพ
ไม่นานเกียรติศักดิ์ คู่ควงคนปัจจุบันของปฐวีมาถึง ปฐวียิ้มอย่างมีเลศนัย กระซิบท่านพ่อว่า แร้งบางตัวไม่ได้น่ารังเกียจ แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้...เกียรติศักดิ์เข้ามาทักทาย แม้นเทพไม่ชอบขี้หน้าขอตัวเดินไปทางอื่น เกียรติศักดิ์รู้ทันแต่ไม่ใส่ใจเพราะตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
ปฐวีเริ่มลองใจณรังค์ ทำทีใกล้ชิดกับเกียรติศักดิ์ และพูดจาเหยียดเขาว่าเป็นแค่เด็กในบ้าน แนะนำว่านี่คือเกียรติศักดิ์ ทรัพย์ธนสารไพบูลย์ เจ้าของบริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่ ณรังค์หน้าชาขอตัวเลี่ยงออกไป...
สุนันทากลับมายืนกับยิ่งยศ เห็นท่าทีเกียรติศักดิ์แล้วรู้สึกรังเกียจ กระซิบกับสามี ระหว่างนั้นสิริกันยาถือถาดยืนอยู่ใกล้ๆจึงได้ยิน
“คนเราสมัยนี้ทำธุรกิจกันด้วยวิธีสกปรก ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วใช้เต้าไต่ก็พอจะนึกออก แต่นี่เป็นผู้ชายซะเปล่า” ยิ่งยศงงว่าใคร สุนันทาบุ้ยใบ้ไปที่เกียรติศักดิ์ที่กำลังจะรวบหัวรวบหางปฐวี
“กับคุณหญิงปฐวี ธิดาท่านชายแม้นเทพเนี่ยนะ ไม่หรอกมั้ง ใครๆเขาก็รู้ว่าตอนนี้ท่านชายบ่อมีไก๊ มีแต่หนี้ แล้วมันจะทำไปเพื่ออะไร”
“หึ...ไม่มีเงินแต่มียศศักดิ์ ส่วนเกียรติศักดิ์มีเงินแต่ไม่มีเกียรติ ถ้ารวมกันได้อะไรๆก็ง่ายขึ้น แค่เอาสองอย่างนี้ง้างเข้าหน่อย เข้าไปที่ไหนก็คุยง่ายนิดเดียว คุณก็รู้นี่ว่าวงการราชการบ้านเรามันเป็นยังไง”
สิริกันยาได้ยินแบบนั้นก็อึ้งกับความรู้ใหม่นี้
ยิ่งยศเบื่อจะฟังเดินเลี่ยงออกไปคุยกับสาวๆสนุกกว่า
สุนันทาหันมาหยิบเครื่องดื่มจากถาดของสิริกันยา เธอพลั้งปากว่าสังคมสมัยนี้อยู่ยากเหลือเกิน แล้วนึกขึ้นได้รีบก้มหัวขอโทษที่บังเอิญได้ยิน สุนันทากลับขำท่าทีของเด็กเสิร์ฟผู้นี้
ปฐวีเริ่มหงุดหงิดที่ณรังค์หายไปจึงขอตัวจากเกียรติศักดิ์ อ้างจะไปห้องน้ำ แต่พอเดินมาพลาดเหยียบกระโปรงตัวเองเซไปชนสิริกันยาที่ถือถาดเครื่องดื่ม
จึงหกราดเท้าเธอ ปฐวีโวยวายจิกด่าว่าสิริกันยายกใหญ่ เธอจะเอาผ้าเช็ดให้กลับโดนดึงผ้ามาปาใส่หน้า
“ปัญญาอ่อนหรือเปล่า แกจะเอาผ้าแบบนั้นมาเช็ดรองเท้าฉัน รู้ไหมหน้าอย่างแกทำงานทั้งชาติยังซื้อรองเท้าคู่นี้ไม่ได้”
ทุกคนหันมองรวมทั้งสุนันทา สิริกันยาพยายามอธิบายว่าเธอล้มมาชนเอง ปฐวียิ่งกราดเกรี้ยวไม่ยอมรับ โวยวายให้เจ้าของงานไล่ออก ป้านกรีบวิ่งมาขอโทษกลับโดนปฐวีผลักล้ม และบอกให้สิริกันยาก้มกราบเท้าถึงจะพอใจ ทุกคนตกใจกับการกระทำของเธอ
สิริกันยามองอย่างไม่อยากเชื่อ “แล้วทำไมฉันต้องทำ ในเมื่อฉันไม่ใช่คนผิด ถ้าจะผิดก็ผิดตรงที่ดันมายืนตรงนี้ตอนที่คุณเซล้มมาพอดี”
“อย่ามาปากดีใส่ฉัน เธอมันก็แค่พนักงานเสิร์ฟ อย่ามาสะเออะต่อปากต่อคำกับคนอย่างฉัน หม่อมราชวงศ์หญิงปฐวี จงสวัสดิ์”
“แล้วยังไงคะ คนที่มีศักดิ์ ทำผิดแล้วยอมรับผิดไม่เป็นเหรอคะ มันจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอย่างนั้นเหรอคะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันเป็นคนธรรมดาๆแบบนี้ดีแล้ว”
สุนันทาชอบใจกับคำพูดของสิริกันยา ป้านกรีบขอชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่าง ปฐวีแหวกลับว่าหน้าอย่างนี้จะมีปัญญาอะไรมาชดใช้ ตนจะให้เจ้าของงานไล่ออกให้หมด สิริกันยาโพล่งขึ้นว่าไม่ต้อง ตนขอลาออกเองและไม่ขอรับเงินค่าจ้าง ปฐวีสะใจยิ้มเยาะ
สิริกันยาหันมาพูดก่อนจะเดินไป “อ้อ จะบอกอะไรให้อย่างนะคะ คำนำหน้าชื่อยาวๆของคุณน่ะ มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าไม่รู้ว่าถูกผิด ชั่วดีมันต่างกันยังไง”
ปฐวีแทบกรี๊ดแต่ไม่กล้า สุนันทายิ้มสะใจ ตามมาพูดกับสิริกันยาในห้องน้ำว่าช่างกล้าต่อปากต่อคำกับคนอย่างนั้น สิริกันยาเสียงอ่อยว่าตนไม่ผิดจะให้ขอโทษได้อย่างไร
“เอาเป็นว่าฉันประทับใจในสิ่งที่เธอทำนะ คนที่ยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ถ้ามีคนแบบเธอมากๆ ฉันเชื่อว่าสังคมจะน่าอยู่ขึ้น” สุนันทาพูดอย่างจริงใจ
“ขอบคุณค่ะ อย่างน้อยก็ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่บ้าง” สิริกันยามีกำลังใจขึ้น
ooooooo
เกียรติศักดิ์เห็นแม้นเทพยืนอยู่คนเดียวก็เข้ามาถากถางเรื่องที่คนของเขาไปยกเฟอร์นิเจอร์ที่วัง แต่ของแค่นั้นลดยอดหนี้ในบัญชีได้ไม่เท่าไหร่ แม้นเทพหน้าตึงถามอยากจะพูดอะไรก็พูดมา ตอนนี้ลูกสาวตน ไม่อยู่ ไม่ต้องสร้างภาพ
“กระหม่อมไม่ได้สร้างภาพ กระหม่อมรักคุณหญิงจริงๆและจะยินดีมากถ้าท่านชายจะวางพระทัยให้กระหม่อมได้ดูแลคุณหญิง ยังไงๆเรามันก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น”
“ฉันไม่เคยเอาตัวไปวางไว้เป็นพวกเดียวกันกับคนอย่างแก พวกที่รวยมาได้จากเงินสกปรก ทำธุรกิจสกปรกๆ ไอ้พวกที่คิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้”
“แต่ไอ้ธุรกิจสกปรกที่ท่านว่า กระหม่อมก็เห็นท่านมาใช้บริการจนเป็นลูกค้าประจำ แปลว่าท่านเองก็ไม่ได้รังเกียจเงินสกปรกเลยนี่กระหม่อม”
แม้นเทพโดนย้อนหน้าหงาย โต้กลับว่ารู้สันดาน เขาไม่ได้รักลูกสาวตนจริง ต้องการใช้จงสวัสดิ์เป็นใบเบิกทางต่อยอดธุรกิจ เกียรติศักดิ์หัวเราะเหยียดเพราะรู้ไส้รู้พุงกันดี
สะใจจากการถากถางแม้นเทพ เกียรติศักดิ์ก็มาคุยกับแขไขเจ้าของงาน สุนันทาเห็นเข้าไปร่วมวง แขไขหันมาคุยด้วยอย่างสนิทสนมและดูท่าจะเอื้องานให้ สุนันทาหันมาข่มเกียรติศักดิ์ ถ้าคิดจะเปลี่ยนมาสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆเรียนรู้ มีอะไรไม่เข้าใจปรึกษารุ่นพี่อย่างตนได้ ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้ามากแต่เก็บอาการฝืนยิ้มรับ
ณรังค์เดินกลับเข้างาน ได้ยินแขกในงานคุยกันเรื่องปฐวีทะเลาะกับเด็กเสิร์ฟก็ตกใจรีบเข้าไปตามหาด้วยความเป็นห่วง เจอปฐวียืนหงุดหงิดอยู่ก็ปรี่เข้าถามว่าเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า จากที่หงุดหงิดเปลี่ยนเป็นสมใจที่เห็นเขาเป็นห่วง แสดงว่ายังรักและคิดถึงตนอยู่ ณรังค์ได้สติถอยห่างแต่เธอดึงแขนเขาไว้ ชายหนุ่มตัดสินใจพูดตามตรง
“ผมก็ทำตามหน้าที่ ถ้าคุณหญิงเป็นอะไร ท่านชายจะตำหนิผมได้”
ปฐวีกำลังจะรุกต่อ เผอิญเกียรติศักดิ์เดินเข้ามา ก็รีบเปลี่ยนท่าทีหันไปคล้องแขนเขา ออดอ้อนว่าหายไปนาน ปล่อยตนเหงา เกียรติศักดิ์หัวใจฟูรวบมือเธอมาจูบ หญิงสาว ปรายตามองณรังค์หวังให้เขาหึง แต่เขาไม่แสดงอาการใดๆ จึงทำเสียงหวานขอให้เกียรติศักดิ์หาเครื่องดื่มให้ เขาโบ้ยให้ใช้เด็กในบ้านอย่างณรังค์ ปฐวียั่วยวนอยากรู้ว่าเขาจะเดาใจตนถูกหรือไม่
อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 1 วันที่ 18 ต.ค.60
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทประพันธ์โดย วาสนาละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทโทรทัศน์โดย คนเขียนเงา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ กำกับการแสดงโดย ชนะ คราประยูร
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ควบคุมการผลิตโดย ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 33 HD
ที่มา ไทยรัฐ