อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 8[อวสาน] วันที่ 22 มี.ค.62
วันต่อมาหนังสือพิมพ์ดังหลายฉบับก็ลงข่าวการแจกน้ำสมุนไพรตามสี่แยกไฟแดงกัน ไม่เพียงเท่านั้น ทีวีก็ออกข่าวพร้อมกับภาพการเดินแจกน้ำสมุนไพรผู้ประกาศสาวอ่านข่าวอย่างชื่นชมว่า
“เมื่อชายหนุ่มขับรถกระบะคันนี้ไปทั่วกรุงเทพฯในบริเวณที่มีรถติดแล้วลงไปแจกน้ำดื่มสมุนไพรท่ามกลางอากาศร้อนเป็นวันที่ 3 แล้ว เขาทำไปทำไม วันนี้ผู้สื่อข่าวของเราลงไปสัมภาษณ์ เชิญรับชมค่ะ”
ภาพปัทม์ หนูตุ่น เอ้และมิ่ง ปรากฏบนจอทีวี ปัทม์ถือขวดน้ำสมุนไพรให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตนว่า
“ผมไม่มีเงินมากพอที่จะทำการตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เคยทำขายมาแล้วแต่ก็ขายไม่ได้เพราะคนยังไม่ค่อยรู้จัก ถึงตอนนี้เลยอยากทำให้คนกรุงเทพฯรู้จักน้ำสมุนไพรของผมครับ ไร่ผมปลูกเอง เก็บเองแล้วก็คั้นน้ำเองกับมือ” หนูตุ่นเสริมว่าพรุ่งนี้เป็นต้นไปเราจะไปแจกที่สวนสาธารณะ “สวนลุม สวนจตุจักร ใครที่รักสุขภาพไปเจอกันนะครับ”
นอกจากนี้หนูตุ่นยังเอาน้ำสมุนไพรไปฝาก บก. แล้วอารักษ์ก็ขออนุญาตเอาบทความเรื่องน้ำสมุนไพรที่เพื่อนทำขายลงในนิตยสารของเราด้วย บก.ยิ้มใจดีบอกว่าเอาสิ...เรื่องราวดีๆมีประโยชน์อย่างนี้ตนสนับสนุนอยู่แล้ว ชิมน้ำสมุนไพรที่หนูตุ่นเอามาฝากแล้วชม
“จะว่าไปน้ำสมุนไพรนี่อร่อยดีนะ ไม่หวานมาก เหมาะกับคนเป็นเบาหวานอย่างผมเลย”
หนูตุ่นกับอารักษ์สบตากันยิ้มหน้าบานไปเลย
ooooooo
นอกจากแจกตามสี่แยกไฟแดงแล้ว ปัทม์ยังเอาไปให้ครูอัญดื่มและฝากไปแจกเด็กๆด้วย
ปัทม์สรุปผลการทำงานให้นักข่าวฟังว่า
“เวลานั้นเป็นที่ฮือฮามาก เพราะผมไปแทบทุกแยกที่รถติดหนักๆของกรุงเทพฯเป็นเวลา 4 วัน น้ำสมุนไพร 1,000 ขวดที่ผมตั้งเป้าไว้ก็หมด”
หลังจากนั้นน้ำสมุนไพร “Fight” ก็วางขายตามตู้แช่ทั่วไป ผู้คนซื้อดื่มกันหนาตา และยังแตกกลายเป็นสินค้าหลายอย่าง มีทั้งขนมไทย “จงรัก” และสินค้าเพื่อสุขภาพ “พรจงดี” ของหนูตุ่นด้วย ปัทม์สรุปว่า
“หลังจากที่ผมไปเดินแจก เดินขาย ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเลย ธุรกิจโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ผมค่อยเป็นค่อยไปแบบไม่เร่งรีบ ผมต้องขอบคุณจริงๆที่มีเพื่อนดีๆคอยช่วยเหลือผมตลอด รวมถึงคนนี้” ปัทม์หันไปโอบกอดหนูตุ่นอย่างชื่นชม “จากนั้นหนูตุ่นก็ลาออกจากงานมาช่วยผมเต็มตัว”
มิ่งที่ช่วยปัทม์ทำทุกอย่างเพื่อให้น้ำสมุนไพรติดตลาด คุยอวดกับอ้ายคำว่า พอรวยตนก็จะไปอยู่เมืองนอก แต่งงานอยู่ที่นู่น ซึ่งปัทม์ก็เล่าอย่างภูมิใจว่ามิ่งได้ทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จ ตอนนี้ไปเป็นคนดูแลเรื่องสินค้าส่งออกให้บริษัทของตนอยู่ที่เมืองนอก แต่งงานอยู่ที่นู่นเลย ส่วนเอ้กับอ้นก็ไม่รู้ปิ๊งกันตอนไหนตอนนี้ทั้งสองคนก็แต่งงานกัน เอ้ย้ายไปอยู่ที่บ้านอ้น
คงจะยุ่ง นานๆจะเจอกันที
“ส่วนเราสองคน...” ปัทม์เล่าเรื่องคนอื่นแล้ว พูดเรื่องตนกับหนูตุ่น “พี่อยากขอบคุณหนูตุ่น เป็นเพราะหนูตุ่นที่ทำให้พี่มีวันนี้” ปัทม์ถามว่าทำไมหนูตุ่นถึงอดทนอยู่กับตนตลอด หนูตุ่นย้อนถามว่าจำได้ไหมว่าหนูตุ่นเคยพูดอะไรกับพี่ปัทม์ตอนที่เรายังเด็กๆกันอยู่ เล่าความหลังเมื่อสิบกว่าปีก่อนว่า
“ตอนโน้นพี่เคยช่วยหนูไว้ หนูก็เลยบอกพี่ว่าหนูจะไม่ยอมให้พี่ปัทม์ตกระกำลำบาก...”
“พี่ขอบคุณหนูมากจริงๆนะ หนูทำให้พี่รู้ว่าพี่ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ...” ปัทม์หยิบแหวนออกมาพูดอย่างตื่นเต้น หนูตุ่นเองเห็นแหวนแล้วก็ตกใจทำตัวไม่ถูก “หนูทำให้พี่มีความกล้าทำในหลายๆสิ่งที่พี่ไม่เคยทำ หนูทำให้พี่รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มีหนูอยู่ข้างๆ หนูทำให้พี่รู้สึกว่าพี่มีค่าทุกเวลาพี่รู้สึกไร้ค่า หนูทำให้พี่รู้สึกว่าพี่อยู่ไม่ได้โดยไม่มีหนู”
หนูตุ่นนิ่งอึ้งพูดไม่ออก
“พี่เคยสงสัยว่าทำไมเวลาผู้ชายจะขอผู้หญิงแต่งงานถึงต้องนั่งคุกเข่าลง จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ แต่พี่รู้แค่อย่างนึงว่าถ้าเป็นหนู ถึงพี่ไม่รู้พี่ก็จะทำ...” ปัทม์คุกเข่าลงตรงหน้าหนูตุ่น “แต่งงานกับพี่นะ”
หนูตุ่นตื่นเต้นตื้นตัน จากที่เคยพูดเป็นต่อยหอยกลายเป็นพูดไม่ออก ไม่ว่าปัทม์จะพูดอะไรก็ตอบได้คำเดียว
“ค่ะ...ค่ะ...ค่ะ”
เมื่อสวมแหวนแล้ว ปัทม์กุมมือหนูตุ่นที่สวมแหวน พูดต่อจากหัวใจ...
“ผมต้องขอบคุณผู้หญิงคนนี้จริงๆ ผมบอกได้เลยว่าถ้าไม่มีเขา ผมคงไม่มีวันนี้ เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างในชีวิต คอยเตือน อยู่ข้างๆผมในวันที่ผม
ไม่เหลือใคร ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
ปัทม์เล่าว่า ตนล้มหลายครั้งกว่าจะถึงวันนี้ ตนไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้...
“แต่มันก็เป็นการสอนผมนะว่า ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องขยัน อดทน ท้อได้แต่อย่าถอย ไม่ใช่ว่าขายไม่ดีก็เลิก ขายไม่ดีก็ต้องกลับมาดูที่ตัวเองว่าทำไมถึงไม่ดี แล้วปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น”
“แต่ก็มีหลายคนนะคะที่ทำธุรกิจล้มแล้วล้มอีกจนเลิกพยายามไปเลย แล้วก็มักจะถามว่าแล้วจะต้องอดทนไปถึงเมื่อไหร่คะ” นักข่าวซัก
“มันคือคำถามเดียวกับที่ผมเคยถามแม่...ผมถามแม่ว่าเราต้องอดทนไปถึงเมื่อไร แม่บอกว่าไม่รู้ รู้แต่ว่าเราต้องอดทนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น...แม่ตอบผมว่าอย่างนั้นนะ”
เมื่อสัมภาษณ์จบแล้ว นักข่าวถามว่าแล้วเพื่อนที่เคยทำธุรกิจน้ำอัดลมกับคุณปัทม์เป็นยังไงบ้าง?
ปัทม์บอกว่าตนไม่ค่อยทราบเรื่องของพวกเขานัก แต่ความจริงคือ กลางปี 2540 บริษัทเขาล้มละลายตอนที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 เขากู้เงินมาทำธุรกิจเกินตัว
พอฟองสบู่แตกธุรกิจก็เลยพังครืนกลายเป็นหนี้ใน
ชั่วข้ามคืน แล้วทั้งสองก็ทะเลาะกัน ทยุตโทษว่าเพราะรสสุคนธ์เอาแต่กู้เงินมาทำโน่นทำนี่ แล้วตอนนี้ล่ะเป็นไงเพราะคำแนะนำโง่ๆของเธอนั่นแหละเราถึงเจ๊งไง!
“ก็มึงไม่ใช่หรือที่เห็นด้วย ไหนล่ะ ไปคุยกับ
คนนั้นคนนี้ไว้จะให้ช่วย หายหัวไปไหนหมด!”
ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรงต่างโทษกันไปมา
จนทยุตไล่ตะเพิดรสสุคนธ์ออกไป รสสุคนธ์เดินออกไปนั่งพักหนึ่งก็หยิบปืนออกจากกระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ มองที่ปืนนิ่งแล้วหยิบขึ้นมา ครู่เดียวก็มีเสียงปืนดังปัง!
ooooooo
ปัทม์สวมสูทเตรียมไปอีกงานหนึ่ง มาที่ห้องสัมภาษณ์เห็นกระเช้าแสดงความยินดีจากธนูกับเดือนกนกที่ยังทำโรงน้ำแข็ง กระเช้าจากอารักษ์กับเอ้ และเลขาก็เอากระเช้าของไตรภพมาแสดงความยินดี
ที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรู ปัทม์ขึ้นไปรับรางวัลผลิตภัณฑ์น้ำสมุนไพรกลุ่มบริษัทพรจงดีที่ทำ
คุณประโยชน์แก่สังคม ปัทม์แสดงความยินดีกับทั้งคุณภูผาและคุณเพชร และคณะกรรมการกับทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันนี้ด้วย แล้วเล่าถึงความสำเร็จที่ได้มาวันนี้ด้วยความสำนึกว่า
“กว่าผมจะมาถึงวันนี้ได้ ผมโตขึ้นมาพร้อมกับคำด่าว่าผมเป็นลูกกะหรี่ครับ...ผมเป็นเด็กที่ถูก
เก็บมาเลี้ยง ไม่รู้จักพ่อแม่ที่แท้จริง แม่ที่เก็บผมมาเลี้ยงทำงานขายบริการครับ ผมเลยโตขึ้นมาในซ่อง ในสลัม แต่แม่ผู้ที่มีพระคุณที่สุดในชีวิตผมสอนผมว่า ไม่ว่าผมจะเกิดมายังไง แต่ผมเลือกที่จะเป็นได้ครับ ถ้าไม่มีแม่คนนี้ผมคงนอนตายอยู่ในบึงบัวแล้วล่ะครับ ผมต้องขอบคุณแม่ที่เลี้ยงผมมา ให้โอกาสผมมีชีวิต สั่งสอนผม”
ปัทม์ยังขอบคุณน้าพรที่ทำงานขายบริการเหมือนแม่ น้าเป็นแรงบันดาลใจทุกอย่างของสินค้าพรจงดี น้าเป็นคนสอนสมุนไพรและการทำตลาด ชีวิตผมมาจากความคิดและเรื่องราวของน้ากับแม่ผมครับ
ปัทม์ยังขอบคุณครูอัญที่ให้โอกาสตนเสมอ
ไม่ว่าตอนที่ตนเกเร เลือกทางผิด เหลวแหลกแค่ไหน ท่านก็ไม่เคยทอดทิ้งตน
อีกคนคือภรรยา เขาไม่เคยทอดทิ้งตนไปไหน ทำให้เวลาเจออุปสรรคตนไม่เคยกลัว ถือว่านั่นคือประสบการณ์ชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลาน เป็นบทเรียน
“สุดท้ายผมขอขอบคุณพ่อครับ...พ่อสอนให้ผมรู้จักคำว่า ‘พอเพียง’ นั่นคือคำสอนของพ่อครับ พ่อของพวกเรา ในหลวงรัชกาลที่ 9 สอนพวกเราเสมอว่าให้รู้จักพอเพียง เมื่อพอเพียงแล้วก็ให้แบ่งปันให้
ผู้อื่นด้วย...จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งชีวิตของผม ผมบอกได้เลยว่าคนเราต้องรู้จักพอ พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี อย่าโลภ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น แล้วเมื่อวันนึงที่เรารู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีคุณค่าแล้ว ก็อย่าลืมทำให้ชีวิตคนอื่นมีค่าด้วย”
เสียงปรบมือกึกก้องทั้งห้องประชุม ทุกคนมองไปที่ภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 บนบอร์ดด้วยความซาบซึ้ง
*********อวสาน********
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ปัทม์ ตอนที่ 8[อวสาน] วันที่ 22 มี.ค.62
บทประพันธ์โดย บุรีวาดบทโทรทัศน์โดย ณัฐ นวลแพง
กำกับการแสดงโดย ศุภฌา ครุฑนาค
ผลิตโดย บริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ