อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 6 วันที่ 14 มี.ค.62
ไปเจอบริษัทที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม ปัทม์เดินเข้าไปเห็นผู้สมัครหญิงกำลังถูกสัมภาษณ์ ปัทม์ไปต่อคิวจนมาถึงแต่เจ้าหน้าที่กลับเรียกหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มเข้าไป ปัทม์ถามว่าคิวตนไม่ใช่หรือ พนักงานบอกให้รอสักครู่ ให้ผู้หญิงสัมภาษณ์เสร็จก่อนปัทม์นั่งรอ มองไปเห็นผู้หญิงอีกหลายคน แต่...ไม่มีผู้ชายเลย
เมื่อเจอรสสุคนธ์ เธอถามว่าไปสมัครงานเป็นยังไงบ้าง ปัทม์บอกว่ามีแต่รอเขาเรียกอย่างเดียว ดูแล้วท่าจะชวด รสสุคนธ์ถามว่าจะลองไปสมัครงานบริษัทที่ตนสมัครไหม สมัครไว้ก่อนเผื่อโชคดีได้ทำงานด้วยกัน
รสสุคนธ์พาปัทม์ไปสมัครงานบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารที่เธอไปสมัครไว้ บอกว่าผู้จัดการเป็นเพื่อนพี่ชาย ถ้ามีความสามารถงานนี้ปัทม์ก็คงไม่พลาดแล้วชวนไปหาอะไรกินกัน ปัทม์บอกว่าเดี๋ยวเราเลี้ยงเอง
วันนี้หลังเลิกเรียนแล้วหนูตุ่นรีรอปัทม์เพื่อกลับด้วยกัน จนเพื่อนๆถามว่าหนูตุ่นกับปัทม์คิดกันแบบไหนแน่ ตัวติดกันตลอดเลย หนูตุ่นกระชากเสียงตอบว่า “พี่น้องกัน!!”
เพื่อนถามว่าจริงเหรอ เพื่อนผู้ชายต่างไม่กล้าจีบหนูตุ่นเพราะเรื่องนี้แหละ บอกหนูตุ่นให้กลับไปเถอะป่านนี้ปัทม์คงถึงบ้านแล้วล่ะ
คืนนี้ปัทม์กลับไปเจอหนูตุ่นนั่งรออยู่ หนูตุ่นถามว่าจะกลับก่อนทำไมไม่บอกปล่อยให้หนูตุ่นรอจนเย็น
ปัทม์บอกว่าตนมีธุระรีบไปคุยกับเพื่อนเลยลืมบอก หนูตุ่นถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพราะหลายวันมานี้พี่ปัทม์เปลี่ยนไปมากดูห่างเหินไป และไม่ใช่ห่างเหินหนูตุ่นคนเดียวแต่ห่างเหินกับคนในบ้านหลังนี้ หนูตุ่นขอโทษถ้าทำให้พี่อึดอัดใจ
ปัทม์เดินเลี่ยงไปไม่พูดอะไรเลย ทิ้งให้หนูตุ่นยืนเหวออยู่ตรงนั้น
เช้าวันต่อมาปัทม์ก็ได้รับจดหมายแจ้งรับเข้าทำงานจากบริษัทที่รสสุคนธ์พาไปสมัคร เขาดีใจมากเอาจดหมายไปให้รสสุคนธ์ดูที่มหาวิทยาลัยและขอบคุณที่เธอช่วยแนะนำ รสสุคนธ์โผกอดปัทม์แสดงความยินดี ปัทม์กอดตอบด้วยความดีใจโดยไม่สนใจสายตาใคร
เลิกเรียนแล้วปัทม์ไปส่งรสสุคนธ์พอถึงซอยเข้าบ้านรสสุคนธ์บอกส่งแค่นี้ก็พอแล้วโบกมือลากัน ยิ้มและมองปัทม์ด้วยแววตาที่มากกว่าเพื่อน
ปัทม์ส่งรสสุคนธ์แล้ววิ่งกลับบ้านเพื่อไปบอกข่าวดีนี้แก่ครูอัญ เจอสมพรที่หน้าเศร้าหมองอยู่กับครูอัญ ปัทม์ดีใจทักทายสมพรถามว่าจะมาทำไมไม่บอกก่อนแล้วเดวิดเป็นยังไงบ้าง
ปัทม์จึงรู้ว่าเดวิดเสียไปแล้ว เสียไปทั้งครอบครัวจากพายุทอร์นาโดที่พัดถล่ม ปัทม์เสียใจสงสารสมพรมากแอบเก็บจดหมายที่ได้งานไว้ในกระเป๋า
คืนนี้เมื่อปลอบสมพรจนหลับไปแล้ว ครูอัญออกมาบอกปัทม์ว่าตอนนี้สมพรเหลือตัวคนเดียวจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไงต่อกับชีวิต ลูกก็ไม่มี เกริ่นว่า
“ครูว่าสมพรคงจะอยากให้ปัทม์ไปอยู่เป็นเพื่อนที่โน่น”
ปัทม์ตัดสินใจบอกครูอัญว่าตนสมัครงานไว้หลายที่ยังไม่รู้ว่าจะได้งานหรือเปล่า
“ดีแล้วล่ะ ถ้าปัทม์ได้งานก็คงไปอยู่โน่นไม่ได้แน่ๆ” ปัทม์บอกว่าตนเป็นห่วงน้าพร “สมพรเขาอาจจะอยู่ได้ก็ได้ เขาต้องดีใจแน่ถ้ารู้ว่าปัทม์ได้งาน รอให้เขาดีขึ้นแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ”
เมื่อครูอัญเข้าไปห้องนอนหนูตุ่นก็ถามว่า
“ลูกรู้หรือยังว่าพี่ปัทม์อาจจะต้องไปอยู่กับน้าพร”
หนูตุ่นตอบงอนๆว่าไปก็ดีตนจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับพี่เขาบ่อยๆ ครูอัญถามว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร หนูตุ่นบ่นว่าไม่รู้เหมือนกันแต่พี่เขาอารมณ์ขึ้นๆลงๆ
ครูอัญบอกว่าครั้งนี้พี่เขาอาจต้องไปอยู่นานเลย หนูตุ่นบอกว่าไปอยู่นานๆเลยก็ดีจะได้เลิกทำตัวงี่เง่า
“เรานี่ก็แปลกคน ลองพี่เขาไปจริงๆแม่อยากจะรู้ว่าจะเป็นยังไง”
“หนูตุ่นไม่เป็นไรหรอกค่ะ จะดีใจด้วยซ้ำ” ตอบงอนๆแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือทำเป็นไม่สนใจ
ooooooo
เช้าวันต่อมา หนูตุ่นกับครูอัญจะไปเรียนและไปสอนแล้ว ปัทม์บอกว่าวันนี้ตนจะอยู่ดูแลน้าพรเองไม่อยากให้แกอยู่คนเดียว
พอครูอัญกับหนูตุ่นไป ปัทม์เห็นสมพรนั่งกินข้าวเช้าเหงาๆก็รินน้ำไปให้ ถามว่าอร่อยไหม สมพรบอกว่าทำใจไม่ได้จริงๆกับการจากไปอย่างกะทันหันของเดวิด แต่พอเริ่มตั้งสติได้ก็มาหาปัทม์
ปัทม์ถามว่าน้าพรจะทำยังไงต่อไป สมพรถามว่าปัทม์อยากไปอยู่กับน้าที่เชียงรายไหม เพราะตอนนี้น้าก็ไม่มีใครแล้ว ถ้าปัทม์ไปอยู่ด้วยจะได้ช่วยน้าทำสวน
ปัทม์ลำบากใจมาก แต่ก็ตัดสินใจบอกว่าตนเพิ่งได้งานกำลังจะเริ่มเดือนหน้า สมพรผิดหวังแต่ก็ขอกอดแสดงความยินดีที่ปัทม์ได้งาน ชื่นชมจากหัวใจว่า
“คนเก่งของน้า ถ้าแม่รู้แม่ต้องดีใจมากๆแน่เลย”
ปัทม์กล้ำกลืน ทั้งที่รู้ว่าน้าพรไม่เหลือใครแล้ว แต่ตนก็ได้งาน ความหวังที่จะสร้างอนาคตของตนพอดี...
เย็นนี้สมพรเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้เต็มโต๊ะบอกว่าเลี้ยงที่ปัทม์ได้งาน หนูตุ่นจึงรู้ว่าปัทม์ได้งานแล้ว ตัดพ้อว่าไม่เห็นบอกกันเลย ปัทม์บอกว่าตนเพิ่งได้รับจดหมายเมื่อวานเอง เลยยังไม่ทันบอก
ครูอัญแสดงความยินดีด้วย ชมว่าเก่งมาก นี่ถือว่าได้งานเร็วมาก หนูตุ่นก็ดีใจด้วยถามว่าจะเริ่มงานเมื่อไหร่ เงินเดือนเท่าไหร่
“เหลือเข้าไปคุยรายละเอียด ต้นเดือนก็น่าจะเริ่มได้เลย เงินเดือนก็น่าจะประมาณ 2,000”
หนูตุ่นเผลอว่ากำลังงอนอยู่ ร้องตื่นเต้นว่าได้ตั้งเยอะแน่ะ รวยแล้วอย่าลืมเลี้ยงหนูตุ่นบ้างนะ ปัทม์มองถามขำๆว่าหายงอนแล้วเหรอ หนูตุ่นนึกได้เลยทำหน้าง้ำกลับมางอนตามเดิม
“มาๆ มากินข้าวกัน มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง เลี้ยงฉลองให้หลานรัก” สมพรตัดบทชวนทุกคนนั่งกินข้าวกันอย่างอบอุ่นเป็นครอบครัวเดียวกัน
ooooooo
แต่ปัทม์ยังคิดเครียดกับการตัดสินใจของตน ครูอัญถามขณะปัทม์ล้างจานอยู่ว่าเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมไม่ดีใจเท่าไหร่เลย
ปัทม์บอกว่าตนเครียด ถามว่าตนควรจะทำยังไงดี ควรอยู่ทำงานที่นี่หรือไปอยู่กับน้าพรที่เชียงรายดี
“ครูรู้ว่าปัทม์อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองและก็อยากจะดูแลน้าพรใช่ไหม...อันนี้ครูก็ช่วยตัดสินใจไม่ได้ จริงๆมันเป็นทางเลือกของปัทม์ ทางนึงก็คืออนาคตการงาน อีกทางก็คือคนที่ปัทม์ห่วง มีแค่ปัทม์เองเท่านั้นที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ต้องมีคนเจ็บ”
หนูตุ่นฟังอยู่ด้วยนึกสงสัยว่าหมายถึงใครที่ต้องเจ็บ?
ooooooo
คืนนี้ครูอัญกับหนูตุ่นเข้านอนแล้ว ปัทม์กำลังจะนอนเห็นสมพรนั่งเหงาอยู่จึงเข้าไปคุยด้วย สมพรบอกว่าน้ายังคิดถึงเดวิดอยู่เลย ปัทม์จึงขอนั่งเป็นเพื่อน เห็นสมพรไอถี่ๆถามว่าน้าพรไม่สบายหรือ
สมพรบอกว่าน้าไม่เป็นอะไร กลบเกลื่อนว่าคงเป็นเพราะแก่ขึ้นมั้ง เปลี่ยนเรื่องถามปัทม์ว่าได้งานแล้วจะทำยังไงต่อไป ปัทม์บอกว่าคงจะไปหาที่อยู่ใหม่เพราะรบกวนครูอัญมามากแล้ว แล้วถามสมพรว่า น้าพรจะทำยังไงต่อไป จะกลับไปอยู่เชียงรายคนเดียวหรือ
สมพรบอกว่าปัทม์ไม่ต้องเป็นห่วง ให้อยู่ที่นี่ เมื่อมีโอกาสก็คว้าไว้เพราะมันไม่ได้มีมาบ่อยๆ
ฝ่ายหนูตุ่นยังทำเป็นงอนอยู่ แต่แอบเขียนจดหมายไปวางไว้ที่โต๊ะหนังสือของปัทม์ว่า
“พี่ปัทม์ หนูตุ่นอยากให้พี่ปัทม์อยู่ทำงานที่กรุงเทพฯนี่แหละ อย่างน้อยเราจะได้อยู่ใกล้ๆกัน ถึงแม้เราจะทะเลาะกันโกรธกันบ้างงอนกันบ้าง แต่หนูก็อยากให้พี่ชายคนนี้อยู่กับหนูทุกวันค่ะ...หนูตุ่น”
ปัทม์พับจดหมายใส่ซองหน้าเครียดแต่เมื่อนึกถึงวันเวลาที่ได้อยู่และช่วยเหลือกันกับหนูตุ่นตลอดมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ปัทม์เองก็มีความสุข สีหน้าที่เครียดก็ค่อยผ่อนคลาย กลายเป็นยิ้ม...
ooooooo
รสสุคนธ์ดีใจเมื่อทางบริษัทรับปัทม์เข้าทำงาน เย็นนี้ชวนปัทม์ไปฉลองที่เราจะได้ทำงานด้วยกัน ปัทม์ขอกลับไปอยู่เป็นเพื่อนน้าที่มาจากเชียงราย นัดวันหลังค่อยเจอกันและตนขอเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยตน
ทั้งรสสุคนธ์และปัทม์ต่างยิ้มมีความสุขที่จะได้ทำงานที่เดียวกัน
สองสามวันต่อมา สมพรจะกลับเชียงรายแล้ว บอกครูอัญว่าไม่ต้องห่วงตน แต่ฝากดูแลปัทม์ต่อด้วย ถ้าอยู่กับครูอัญตนก็สบายใจ ปัทม์ผ่านมาได้ยินจึงแอบฟัง
“ปัทม์ก็เหมือนเป็นลูกหลานคนเดียวของฉันพอเดวิดตายฉันก็ไม่เหลือใครแล้ว คนเรานะ...จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยังไงก็ฝากครูด้วยนะ”
วันต่อมาปัทม์ไปพบผู้บริหารบริษัท ผู้บริหารแสดงความยินดีที่ปัทม์จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทถามว่าปัทม์จะมาทำงานได้เมื่อไหร่ ปัทม์บอกว่าพอเรียนจบก็เริ่มได้เลย
วันนี้ที่บ้านครูอัญกินข้าวเลี้ยงส่งสมพรกลับเชียงรายกัน หนูตุ่นเลียบเคียงถามปัทม์เรื่องไปสัมภาษณ์งานว่าเป็นยังไงบ้าง ปัทม์บอกว่าเรียบร้อยดี หนูตุ่น ครูอัญและปัทม์คุยเรื่องปัทม์ได้งานอย่างมีความสุขกันจนสมพรรู้สึกว่าตนเป็นส่วนเกิน ยิ่งคิดยิ่งเศร้าเมื่อตัวเองต้องกลับไปอยู่เชียงรายอย่างโดดเดี่ยว
และคืนนี้เองปัทม์ที่ยังคิดเครียดเรื่องน้าพรต้องไปอยู่คนเดียวเดินออกจากห้อง ได้ยินเสียงร้องไห้จึงตามไปฟัง ได้ยินเสียงน้าพรร้องไห้จริงๆ ปัทม์หน้าเครียดและแล้วก็เหมือนตัดสินใจอะไรได้
รุ่งขึ้นปัทม์ไปที่บริษัทบอกกับผู้บริหารว่าตนขอสละสิทธิ์คิดว่าตนยังไม่พร้อมที่จะทำงานนี้ ผู้บริหารไม่พอใจว่าอยู่ๆก็ลังเลทำให้พวกตนเสียเวลาและคนอื่นเสียโอกาส
“ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ ถ้ามีโอกาสผมจะขอมาทำงานที่นี่นะครับ”
ปัทม์วันนี้...บอกกับนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ว่า...
“ผมไม่มีโอกาสกลับไปทำงานที่นั่นตามที่พูด เพราะความคิดเรื่องกตัญญูที่แว่บเข้ามาในหัวได้สร้างโอกาสในชีวิตผมอีกรูปแบบหนึ่ง”
การตัดสินใจครั้งนี้ของปัทม์ทำให้ความสัมพันธ์กับรสสุคนธ์สะบั้นลง เธอไม่พอใจที่ปัทม์ทำให้เสียหน้า ปัทม์ขอโทษแต่ยืนยันว่าตนคิดดีแล้ว รสสุคนธ์ด่าว่า “ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆแบบนั้น ไม่ปรึกษากันก่อนเลย”
“เราอาจจะโง่ที่ทิ้งโอกาสในการทำงาน แต่เราเชื่อว่างานยังหาใหม่ได้ เราจำเป็นต้องไปช่วยน้าเราทำสวนที่ต่างจังหวัด”
หนูตุ่นดีใจที่ปัทม์จะอยู่กรุงเทพฯไม่ทันไรก็ต้องตกใจเมื่อครูอัญบอกว่าปัทม์ไม่อยู่แล้ว ปัทม์ตัดสินใจจะไปอยู่กับน้าพรที่เชียงราย หนูตุ่นวิ่งไปดูที่ห้อง ทุกอย่างเก็บไว้อย่างเรียบร้อย หนูตุ่นกอดครูอัญร้องไห้โฮ
แต่คืนก่อนที่ปัทม์จะไปกับสมพร ปัทม์ขอคุยกับครูอัญบอกครูว่าตนตัดสินใจจะไปอยู่กับน้าพร ครูอัญถามว่าแล้วงานที่สมัครไว้ล่ะ
“ผมปฏิเสธไปแล้วครับ ผมคิดดูดีๆแล้วผมทิ้งน้าพรให้อยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆ” ครูอัญถามว่าคิดดีแล้วใช่ไหม “ใช่ครับ...ครูครับ ผมยังไม่กล้าบอกหนูตุ่น ฝากครูบอกหน่อยนะครับ...ผมรู้ว่าหนูตุ่นไม่อยากให้ผมไป แต่มันจะดีกับตัวหนูตุ่นและผมครับ ผมเชื่ออย่างนั้น” ครูอัญถามว่ารู้ใช่ไหมว่าน้องจะเสียใจมาก
“ครับ แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะบอกน้องด้วยตัวเองจริงๆ วันนึงผมจะกลับมาขอโทษน้องนะครับ”
“เดี๋ยวครูจะจัดการให้ ไปนอนเถอะ เดี๋ยวต้องเดินทางแต่เช้ามืด”
ปัทม์รับคำ แต่พอจะไปก็เรียกครูอัญไว้ พอครูอัญหันกลับมา ปัทม์ก้มกราบอยู่ที่พื้น เอ่ยอย่างซาบซึ้ง
“ผมขอบคุณครูมากจริงๆนะครับ กราบขอบพระคุณครูมากจริงๆที่ดูแลผมเป็นอย่างดีตั้งแต่แม่เสียไป ขอบคุณที่ให้โอกาสผม ให้ผมมาอยู่ที่นี่ ทุกสิ่งที่ครูคอยสอน คอยช่วยเหลือผม ชาตินี้ผมไม่รู้จะทดแทนยังไงหมดจริงๆครับ”
ปัทม์กราบครูอัญพูดทั้งน้ำตาอย่างซาบซึ้งใจ
ครูอัญประคองปัทม์ขึ้นมากอด
“ครูขอให้ปัทม์โชคดีกับทางที่เลือกนะ แล้วครูจะรอตอนปัทม์กลับมารับปริญญา ไปอยู่ทางโน้นยังไงก็ส่งข่าวมาบ้างล่ะ”
“ครับครู ขอบคุณมากครับ”
ครูอัญกอดปัทม์ไว้เหมือนลูกอีกคนหนึ่งที่ได้เลี้ยงดูมาแต่เด็ก และตอนนี้เขากำลังจะไปมีอนาคตของตัวเองในที่ห่างไกล...
ooooooo
พ.ศ.2519 ปัทม์เดินทางไปเชียงรายกับสมพร พอถึงเชียงราย อ้ายคำชายชาวเหนือวัย 50 เอารถกระบะมารับเดินทางต่อไปไร่ ซึ่งต้องผ่านถนนลูกรังเป็นหลุมบ่อขรุขระ ปัทม์สวมแว่นดำนั่งอยู่หลังรถกระบะ
“ลูกชายเหรอ” อ้ายคำถาม สมพรบอกว่าหลาน “เคยอยู่แต่ในเมือง จะมาอยู่ป่าอยู่เขากับเขาได้เหรอ”
สมพรบอกว่าหลานตนเป็นคนสู้ชีวิต อ้ายคำบอกว่าตนรู้เพราะสมพรเองก็เป็นคนสู้ชีวิตเหมือนกัน สมพรบอกอ้ายคำต้องช่วยตนดูไร่ด้วย
อ้ายคำบอกว่าทางข้างหน้าถนนมันเริ่มจะไม่ดีแล้วบอกหลานด้วย สมพรจึงหันไปบอกปัทม์ว่าถนนมันแย่มาก หาที่จับให้ดีๆด้วย
ถนนแย่จริงๆ ขนาดปัทม์จับรถไว้แน่นก็ยังถูกรถเหวี่ยงไปมาจนหัวสั่นหัวคลอน อ้ายคำมองกระจกหลังแล้วหัวเราะขำปัทม์ที่นั่งทำหน้าเหมือนตุ๊กตาเสียกบาล
กว่าจะมาถึงไร่ ทั้งรถและคนก็เขรอะไปด้วยฝุ่น สมพรลงจากรถแล้วถามปัทม์ว่าเป็นยังไงบ้าง ปัทม์บอกว่าคราวก่อนไม่ได้มาทางนี้ สมพรบอกว่าอ้ายคำพามาอีกทาง ปัทม์ถามว่าทำไมไม่มาทางเดิม
“ไหนๆนายก็จะมาอยู่ที่นี่แล้ว จะได้รู้จักที่นี่ให้ครบทุกซอกทุกมุม” อ้ายคำตอบยิ้มๆแล้วขนของลงจากรถ สมพรบอกปัทม์ว่าตั้งแต่ตนมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเดวิดที่นี่ก็ได้อ้ายคำนี่แหละที่คอยช่วยเหลือ บอกให้ปัทม์คุยกับอ้ายคำไปก่อนตนจะเอาของไปเก็บแล้วจะพาไปเดินดูสวนสมุนไพร
พอสมพรเอาของเข้าบ้าน อ้ายคำก็ถามปัทม์ว่าที่นี่ไม่เหมือนเมืองหลวง มีแต่สวนจะอยู่ได้เหรอ ปัทม์ยืนยันว่าอยู่ได้และตนชอบอากาศที่นี่
อ้ายคำพูดให้เตรียมความคิดว่าแรกๆก็ดีอยู่หรอก เดี๋ยวพอลงมือทำไร่ทำสวนจริงๆอาจจะเปลี่ยนใจ
“แล้วนี่เอ็งปลูกต้นไม้ต้นไร่เป็นหรือเปล่า” ปัทม์บอกว่าเคยช่วยน้าพรปลูกในกระถาง “จากนี้ไปเอ็งจะไม่ได้ปลูกแค่ในกระถางแล้วนะ ฮ่าๆๆ” อ้ายคำหัวเราะร่าอารมณ์ดี
สมพรตามมาสมทบ พาปัทม์เดินชมและแนะนำสมุนไพรชนิดต่างๆ ปัทม์ดูและศึกษาอย่างจริงจัง
ปัทม์ในวันนี้เล่าชีวิตที่เริ่มต้นในไร่สมุนไพรให้นักข่าวฟังอย่างรู้สึกดีมากว่า
“ผมเพิ่งเห็นสีหน้าและแววตาที่มีความสุขจริงๆ ของน้าพร เสียดายที่แม่ไม่ได้อยู่ด้วย ผมเชื่อว่าน้าพรกับแม่ก็อยากใช้ชีวิตแบบนี้มาทั้งชีวิต”
ooooooo
อ้ายคำจัดห้องให้ปัทม์อยู่ ปัทม์ประคองรูปแม่เข้าไปในห้องวางบนหิ้ง ที่ด้านบนมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ร.9 แขวนอยู่ สมพรมองรูปลินจงยิ้มปลื้มที่ปัทม์เอารูปแม่มาด้วยความรักและระลึกถึงเสมอ
สมพรเล่าที่มาของไร่ผืนนี้ให้ปัทม์ฟังว่า ตนซื้อที่ดินแถวนี้ไว้ไม่น้อยคิดจะปลูกแต่ต้นไม้กับสมุนไพรที่อยากปลูก ปัทม์ถามว่าแน่ใจหรือว่าการปลูกพืชสมุนไพรที่น้าว่าจะเป็นอาชีพได้
“สมุนไพรพวกนี้มีประโยชน์นะ อีกสิบยี่สิบปี ข้างหน้าคนจะแห่มาสนใจของพวกนี้” ปัทม์ถามว่าทำไมหรือ “ของพวกนี้วันนึงมันจะมีค่ามากกว่าทอง โลกมันเจริญแค่ไหน คนก็ต้องกลับมากินกลับมารักษาด้วยวิถีธรรมชาติ สมุนไพรพวกนี้คือคำตอบของวันนี้และอนาคตข้างหน้า จำคำพูดของน้าไว้”
ปัทม์รับคำอย่างจดจำ พอดีอ้ายคำบอกว่าจัดห้องเสร็จแล้วคืนนี้หลับสบายแน่ กำชับว่าดูแลห้องให้ดี ห้องตนยังไม่สะอาดเท่านี้เลย อ้ายคำเรียกปัทม์ว่าไอ้หนุ่ม บอกว่าขี้เกียจเรียกชื่อ อ้ายคำกระซิบปัทม์ว่า “เอ็งต้องดูแลนังพรให้ดีนะเว้ย มันไม่เหลือใครแล้ว”
สมพรถามว่ากระซิบอะไรกัน อ้ายคำอุบอิบว่า “เรื่องของผู้ชายเขา เอ็งอย่ารู้เลย” ปัทม์มองอ้ายคำที่คุยกับน้าพรดูสนิทสนมกันมาก
ปัทม์บอกกับพวกนักข่าวที่ฟังเรื่องราวในอดีตที่กำลังถึงจุดเปลี่ยนสำคัญว่า
“จริงอย่างที่อ้ายคำว่า ตอนน้าพรมาเริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่ที่นี่ก็มีเดวิดอยู่เคียงข้างมาตลอด แต่ตอนนี้น้าพรไม่เหลือใครแล้ว ผมเลยตั้งใจว่าจะดูแลน้าพรให้ดีที่สุด”
ปัทม์ก็ยังเขียนจดหมายถึงหนูตุ่นสม่ำเสมอ บอกเหตุผลที่ตนต้องมาอยู่เชียงรายอย่างละเอียดและลงท้ายว่า
“นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่พี่ต้องมาอยู่เชียงราย ขอโทษด้วย”
แต่จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าของปัทม์ที่ส่งมา หนูตุ่นรับแล้วใส่กล่องไว้ไม่เคยอ่านแม้แต่ฉบับเดียว
วันนี้ก็เช่นกัน มีจดหมายมา พอพฤกษ์เอาไปให้ หนูตุ่นดูหน้าซองแล้วเก็บใส่กล่องเลย พฤกษ์เอาจดหมายให้หลานแล้วก็ไม่ได้สนใจเพราะต้องสาละวนกับเจ้าหน้าที่ที่มาติดตั้งโทรศัพท์ที่บ้าน
แล้ววันหนึ่งปัทม์ก็ได้รับจดหมายจากบุรุษไปรษณีย์ ปัทม์ดีใจมากเมื่อพลิกดูหลังซองเป็นจดหมายที่มาจากกรุงเทพฯ รีบเข้าบ้านกรีดซองอย่างประณีตดึงจดหมายออกอ่าน แต่แล้วสีหน้าที่ตื่นเต้นดีใจก็ค่อยๆนิ่งไป
ปัทม์ในวัยชราวันนี้เฉลยกับนักข่าวที่มองตนอย่างตื่นเต้นว่า
“เป็นจดหมายฉบับแรกที่ผมได้รับการตอบกลับ แต่ไม่ใช่หนูตุ่นหรอกนะที่เป็นคนเขียนจดหมายฉบับนี้ ครูอัญเขียนตอบกลับมาเพื่อบอกว่าหนูตุ่นไม่เคยอ่านจดหมายของผมเลยสักฉบับ ครูอัญบอกกับผมว่าถ้ามีเวลาให้โทร.ทางไกลไปที่บ้าน ซึ่งตอนนี้มีโทรศัพท์ใช้แล้ว”
ปัทม์ไม่รอช้า เขาถามน้าพรว่าถ้าตนจะใช้โทรศัพท์ทางไกลไปกรุงเทพฯต้องไปที่ไหน สมพรบอกว่าต้องเข้าเมือง ปัทม์บอกน้าพรว่าที่บ้านครูอัญมีโทรศัพท์แล้วตนอยากโทร.ไปหา สมพรบอกว่าเดี๋ยวน้าพาไป
ooooooo
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ปัทม์ ตอนที่ 6 วันที่ 14 มี.ค.62
บทประพันธ์โดย บุรีวาดบทโทรทัศน์โดย ณัฐ นวลแพง
กำกับการแสดงโดย ศุภฌา ครุฑนาค
ผลิตโดย บริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ