อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 4 วันที่ 10 มี.ค.62
ปัทม์เดินเข้าบ้าน ได้ยินเสียงแตรเรียก ปัทม์ออกไปเห็นเฮียเล้งกวักมือบอกให้ขึ้นรถมาเป็นเพื่อนหน่อยตนอยากเมา ปัทม์อึกอัก กริชเร่งให้ขึ้นมาเถอะพรุ่งนี้วันเสาร์ไม่มีเรียนที่ไหน ปัทม์จึงต้องขึ้นรถไปเมื่อปัทม์ขึ้นไปนั่งคู่กับเฮียเล้ง มีกริชนั่งเบาะหน้าคู่กับลูกน้องที่เป็นคนขับ เฮียเล้งถามปัทม์ว่าเคยกินเหล้ารึเปล่า ปัทม์บอกว่าไม่เคย
“ดีแล้ว เหล้ามันเป็นอะไรที่เฮียอยากเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างมาก วันไหนๆคนมันก็กินเหล้า เศรษฐกิจดี เศรษฐกิจแย่คนมันก็ยังกินกัน ขายเหล้ารวยแน่ๆ”
เฮียเล้งพูดไม่ทันขาดคำ เสียงปืนก็กัมปนาทขึ้น เศษกระจกแตกกระจายเข้ามาในรถ เลือดกระเด็นเต็มหน้าปัทม์ ปัทม์ก้มต่ำหลบ เฮียเล้งก็มุดลงข้างล่างหลบกระสุน
กริชโดนลูกหลง ลูกน้องพยายามประคองไม่ให้รถเสียหลัก
มือปืนยิงพลาดเป้าจึงวกมอเตอร์ไซค์กลับมาจ่อยิงรัวอีกครั้ง รถชนต้นไม้ตกข้างทาง กริชเปิดประตูรถคลานออกไปสิ้นใจข้างรถ
มือปืนไม่หนำใจ เดินมาจ่อยิงเฮียเล้งที่ค่อยๆโผล่หัวขึ้นมา มือปืนจ่อยิงเฮียเล้งอย่างเลือดเย็น แล้วเดินกลับไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปัทม์กลับบ้านในสภาพคราบเลือดเต็มหน้า น้ำตานอง แววตาตระหนก พอลินจงมาเปิดประตู ปัทม์ก็โผกอด
“แม่! เฮียเล้งตายแล้วครับแม่”
ลินจงตกตะลึง กอดปัทม์ไว้แน่น
กลางวันวันนี้ ปัทม์กับลินจงถูกสอบเครียดในห้องสอบสวนที่โรงพัก สมพรกับเดือนกนกนั่งอยู่ข้างนอกคอยชะเง้อมองเข้าไปเป็นระยะ
พอลินจงกับปัทม์เดินออกมา สมพรถามว่าตำรวจว่ายังไงบ้าง ลินจงบอกว่าปล่อยกลับบ้านและกันไว้เป็นพยาน สมพรกลัวว่าพวกที่ฆ่าเฮียเล้งจะย้อนกลับมา
เล่นงานปัทม์ ลินจงบอกว่าตำรวจรู้แล้วว่าคนร้ายเป็นกลุ่มไหน และรับปากว่าจะตามมาเฝ้าดูแลให้ 24 ชั่วโมง
“กลุ่มไหนเหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่แกรู้ไหม นอกจากเฮียเล้งแล้วสารวัตรภักดีก็โดนฆ่าไปด้วยอีกคน”
ลินจงถามสมพรว่าคิดยังไง พอจะเดาได้ไหมว่าใคร ที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ สมพรบอกว่าตนไม่รู้ เพราะทั้งเฮียเล้งทั้งสารวัตรก็ทำเรื่องไปทุกที่
“จริงครับ เป็นไปได้ทุกที่ ทุกคนแม้จะจ่ายเงินให้เฮียเล้งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเต็มใจจ่าย” สมพรถามว่าแล้วปัทม์บอกอะไรกับตำรวจ “ผมบอกในสิ่งที่ผมเห็น บอกในงานที่ผมทำกับตำรวจครับ”
ลินจงถามว่าป้าอบไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยใช่ไหม สมพรบอกว่าไม่ ตนกับป้าอบอยากจะเอาธูปเทียนใส่พานไปถวายคนจ้างวานฆ่าสองคนนี้ ขอบคุณที่ทำให้ซ่องกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง
“รวมทั้งปัทม์ก็หมดเวรหมดกรรมกับเฮียเล้งไปเสียทีนะลูก”
“ผมไม่รู้ว่าผมจะดีใจหรือเสียใจดีครับแม่” ปัทม์ตอบเครียด
ปัทม์ในวัยชราวันนี้ เข้าไปล้างมือที่ห้องน้ำ พูดกับตัวเองในกระจกว่า
“ผมเสียใจที่เฮียเล้งจากไป แต่ก็ดีใจที่ชีวิตไม่ต้องผูกติดกับเขาอีกต่อไป ล้างมือจากวงการโสมมเสียที” และเมื่อกลับมาที่ห้องสัมภาษณ์ ปัทม์เอ่ยกับนักข่าวในห้องว่า
“การตายของเฮียเล้งกับสารวัตรภักดีดูเหมือนจะทำให้กิจการค้าประเวณีดีขึ้น แต่จริงๆแล้วกลับลำบากกว่าเดิม...เพราะตำรวจไล่ปิดซ่องหลายแห่งที่ทำผิดกฎหมายจริงๆโดยไม่มีข้อยกเว้น ผมมารู้ภายหลังว่าจริงๆแล้วการตายของเฮียเล้งคือการฆ่าปิดปาก เพราะการหักหลังกันเองจากนายตำรวจนอกแถว”
ปัทม์ถามตรีชวาที่นั่งเคียงข้างว่า “ถ้าตอนนี้เฮียเล้ง ยังอยู่ ลองคิดดูสิว่าเวลานี้ผมจะเป็นยังไง”
“พี่ปัทม์ก็จะไม่ต่างจากทุกวันนี้หรอกค่ะ” ปัทม์ถามว่าทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ “พี่ปัทม์คงจะทำทุกวิถีทางให้ตัวเองออกมาจากวงจรโสมมนั้นได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง”
นักข่าวถามว่าท่านจะทำวิธีไหนลองยกตัวอย่างได้ไหม ปัทม์มองตรีชวาเชิงให้ตอบแทน
“เขาเป็นคนตรงๆ ถ้ามันถึงเวลาที่เขาสมควรต้องพูดเขาก็จะเดินเข้าไปบอกเฮียเล้งว่า เขาจะไม่ทำต่อไปแล้ว”
“คิดว่าเฮียเล้งเขาจะยอมปล่อยผมเหรอ” ปัทม์ดักคอ ตรีชวายืนยันอย่างมั่นใจว่า
“เฮียเขารักพี่ปัทม์ยิ่งกว่าลูกเขาอีก พี่ปัทม์ขออะไรเขาก็จะให้ ทั้งสองคนนี้เขาเป็นคนจริงทั้งคู่ไง”
“จริงไหมคะท่าน”
“นี่แหละ ผู้หญิงคนที่ 3 ต่อจากแม่ น้าสมพร ที่ผมจะต้องรักษาเขาไว้ด้วยชีวิตของผม”
ปัทม์กอดตรีชวาไว้อย่างรักใคร่ทะนุถนอมเธอเป็นทั้งคู่ชีวิตและคู่ใจ
ooooooo
พักกลางวันแล้ว หนูตุ่นไปที่โรงอาหารเห็นปัทม์กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน ถามว่าพี่ปัทม์ไม่ต้องไปทำงานกับเฮียเล้งแล้วสินะ ดีจะได้มีคนช่วยป้าจงทำขนมเพิ่มอีกคน
“วันนี้พี่จะลองไปคุยกับลูกสาวเฮียเล้งดูว่าเขายังอยากให้พี่ทำงานที่โรงน้ำแข็งต่อไปไหม” หนูตุ่นบอกว่า ไม่ต้องทำแล้วมั้ง “บ้านพี่ไม่ได้มีกินมีใช้ทุกเดือนเหมือนบ้านตุ่นนี่” หนูตุ่นเดินงอนๆออกไปหาว่าปัทม์พูดประชด ปัทม์บอกว่าตนไม่ได้ประชด หนูตุ่นถามว่านี่ขนาดไม่ได้ประชดนะถ้าประชดจะขนาดไหน ปัทม์ตัดบทว่าตามใจ จะคิดอะไรก็คิดไปเถอะ
พอไปช่วยลินจงทำขนมที่บ้าน หนูตุ่นบ่นว่าตนไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ปัทม์เขาไม่มาช่วยเราทำขนม มัวแต่ไปเดินหางานอยู่ ลินจงบอกว่าถ้าว่างเขาก็มาช่วยทำ เขายังอยากหางานอื่นๆทำ เขาคงเสียดายเงินรายได้ที่มากกระมัง ปลอบใจหนูตุ่นที่คิดไม่ตกว่า
“ปล่อยพี่เขาไปเถอะ ป้าคิดว่าเขากำลังทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาบางอย่างอยู่”
“หนูตุ่นช่วยป้าจงจนจะออกไปทำขายเองได้แล้วนะเนี่ย”
หนูตุ่นทำขนมอย่างคล่องแคล่ว ทำไปบ่นขำๆไปจนลินจงก็มองขำไปด้วย
ปัทม์เดินออกจากห้องทำงานของเฮียเล้งที่ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม เจอเดือนกนกเข้าโดยบังเอิญ เธอบอกปัทม์ว่าช็อกมากเมื่อรู้ความจริงว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อตัวเองเลย ต่อว่าปัทม์ที่ไม่เคยบอกอะไรตนเลย
“มันเป็นความต้องการของเฮียครับ”
“ป๊าไว้ใจปัทม์มากนะ เขาพูดกับฉันเสมอ ปัทม์ยังอยากทำงานที่นี่ต่อไปหรือเปล่า”
ปัทม์บอกว่าถ้าให้ทำแบบเดิมคงไม่ทำแล้ว เดือนกนก บอกว่าให้มาทำโรงน้ำแข็งที่นี่แหละ
“ไม่ต้องให้มันมาทำหรอก” เสียงธนูแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจ
เดือนกนกถามว่าทำไม ก็ปัทม์เขาทำงานกับป๊ามาตลอด ธนูบอกว่าถ้าตอนนั้นปัทม์กับกริชช่วยเฮีย เฮียก็อาจจะไม่ต้องตายแบบนี้ก็ได้ เดือนกนกติงว่าอคติกับปัทม์เกินไป
“พี่คิดของพี่แบบนี้ใครจะทำไม พี่ทำงานกับคนแบบนี้ไม่ได้หรอก ไอ้ปัทม์...อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก!”
ปัทม์หน้าชา เดือนกนกเสียงอ่อนลงบอกว่าตนเป็นเจ้าของก็จริงแต่ธนูเป็นสามีและดูแลที่นี่ทั้งหมด
ตนต้องฟังเขา ขอให้ปัทม์เข้าใจด้วย ปัทม์บอกว่าตนเข้าใจ เดือนกนกบอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอก
“ขอบคุณมากครับ” แล้วปัทม์ก็เดินหน้าเศร้าออกจากโรงน้ำแข็ง...
ooooooo
ปัทม์เดินไปที่หลังโรงน้ำแข็งมือถือดอกกุญแจที่เฮียเล้งให้ ที่หลังโรงน้ำแข็งที่รกรุงรัง มีของชิ้นโตๆวางระเกะระกะ ปัทม์แหวกหาอะไรบางอย่าง เห็นหนังสือภาพเป็นบ้านสวยอยู่กลางทุ่งเหมือนฟาร์มจึงฉีกรูปไว้
ปัทม์แหวกรื้ออยู่พักหนึ่ง ก็เห็นตู้เซฟเก่าๆที่ไม่น่ามีใครสนใจ จึงเอาดอกกุญแจเสียบ ตรงร่องเป๊ะ!
พอเปิดประตูตู้เซฟ ปัทม์เห็นทองคำ เงินสด และพินัยกรรมอยู่ด้านใน ปัทม์หยิบพินัยกรรมอ่านทันที
เย็นนี้ปัทม์กลับบ้านพร้อมของกินเต็มสองมือ ร้องเรียกแม่กับน้าพรให้มากินกัน พอลินจงออกมา
ปัทม์ถามว่าหนูตุ่นกลับไปแล้วหรือ
ลินจงบอกว่ากลับไปแล้ว ถามปัทม์ว่าวันนี้พูดอะไรให้น้องเขาไม่พอใจหรือ ปัทม์ร้องอ้าว ถามว่าจริงหรือ สมพรบ่นว่าไม่รู้ตัวเลยสิท่า ลินจงเตือนให้คุยดีๆกับน้องเขาบ้าง เขาช่วยเหลือบ้านเรามาเยอะ
“บางทีผมก็ว่าหนูตุ่นเยอะไป”
ปัทม์ตัดบทเรียกแม่กับน้าพรมากินข้าวกัน วันนี้ซื้อของมาเยอะเลย สมพรถามว่าเลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร
“เอ่อ...โอกาสที่ผมไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานของเฮียเล้งแล้วครับ”
“ดีมาก น้ากับป้าอบรวมถึงมิตรสหายร่วมวงการก็สบายใจขึ้น ที่ไม่มีพวกอิทธิพลมายุ่มย่ามในชีวิต”
“แล้วลูกจะไปยังไงต่อ”
“ช่วยแม่ทำขนมขาย แล้วเรียนให้จบ”
“ดีมาก” ลินจงกับสมพรยิ้มพอใจ แล้วช่วยกันแกะห่ออาหารใส่จานนั่งล้อมวงกินกันอย่างมีความสุข
ooooooo
ดึกแล้วแต่ปัทม์ยังนั่งถือกุญแจเซฟหมุนเล่นไปมา ตามองภาพกระดาษมีรูปบ้านอยู่กลางทุ่งที่ฉีกมา เหมือนคิดอะไรอยู่ ลินจงออกมาทัก ปัทม์บอกแม่ว่า อยากให้เราไปอยู่บ้านแบบนี้กัน
“แม่รู้ไหม ก่อนเฮียเล้งจะเสียเขาให้เงินผมไว้ เหมือนเขารู้ว่าวันนึงเขาจะต้องไป”
ลินจงถามว่าจริงเหรอ ฝ่ายสมพรถามว่าเท่าไหร่ ปัทม์บอกว่าเยอะมากเป็นเศรษฐีได้เลยล่ะ แต่ตนจะไม่เก็บเงินนี้ไว้ เพราะมันไม่ใช่เงินสุจริต มันเป็นเงินที่ได้มาจากซ่องทุกซ่องในย่านนี้และเงินจากค่าอะไรต่างๆ ที่เฮียเล้งไปขูดรีดเขามา
ลินจงเห็นด้วย สมพรถามว่าพี่จงไม่อยากสบายหรือ
“พรต้องไม่ลืมนะว่าพี่ต่อสู้กับคำพูดของคนมาตลอดเรื่องเงินที่พี่ได้จากการขายตัว พอตอนนี้พี่มาขายขนม ต่อให้มันใช้เวลาที่จะทำให้เราสบาย พี่ก็ทนได้เพราะเงินที่เราได้มามันเป็นเงินสุจริต”
“แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเงินนี้มีที่มายังไง”
“ต่อให้ใครเขาไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้มาได้ยังไง เราก็รู้อยู่ดีว่าเงินมาจากไหน”
สมพรขอบคุณที่ลินจงเตือนสติ บอกว่าวันนึงตนจะเลิกทำอาชีพนี้ ลินจงถามว่าวันไหน
“วันที่ฉันเจอผัวดีๆไงพี่”
ลินจงหันไปถามปัทม์ว่าแล้วเงินก้อนนี้ปัทม์จะเอาไปทำอะไร ปัทม์นิ่งไม่ตอบ แต่หลังจากนั้นปัทม์ก็พาเดือนกนกไปที่หลังโรงน้ำแข็ง เอากุญแจตู้เซฟให้ บอกว่าเฮียเล้งเก็บเงินไว้ในนี้ เดือนกนกถามว่าทำไมปัทม์ไม่เก็บไว้เองล่ะ
“ผมคงรับไม่ได้หรอกครับ...ผมทำแบบนี้เพราะผมไม่ต้องการมีอะไรยุ่งเกี่ยวกับที่นี่อีกต่อไป”
พอปัทม์เปิดตู้เซฟให้ดู เดือนกนกเห็นทรัพย์สินในนั้นถึงกับอุทานว่าทำไมมันเยอะอย่างนี้ เราต้องเอาเงินไปคืนใครหรือเปล่า ธนูขัดขึ้นทันทีว่าเราควรเก็บเงินก้อนนี้ไว้ลงทุน เดือนกนกถามว่าจะทำโรงน้ำแข็งต่อหรือ ธนูบอกว่าใช่ เฮียสร้างมาขนาดนี้แล้วเราต้องทำต่อ
ปัทม์เสร็จธุระแล้วเดินออกไป เดือนกนกขอบใจปัทม์ และธนูก็เรียกปัทม์ไว้บอกว่า
“อยากทำงานที่นี่เมื่อไหร่ก็กลับมาแล้วกัน”
“ขอบคุณครับพี่ แต่ผมขอกลับไปช่วยแม่ขายขนมแล้วเรียนต่อให้จบดีกว่า สวัสดีครับ”
ปัทม์วันนี้ในวัยชรา สรุปให้นักข่าวที่มาสัมภาษณ์ฟังว่า...
“ผมค้นพบบทเรียนที่เพิ่งผ่านมาระหว่างนั่งห่อขนมกล้วยกับแม่ว่า ‘ถ้าจะทำอะไรที่สุจริต ไม่ควรใกล้ชิดผู้มีอิทธิพล’ คำนี้เตือนใจผมมาตลอดชีวิต ผมกลับมาตั้งใจช่วยงานแม่อีกครั้งและคราวนี้คิดว่าจะทำมันให้ดีที่สุด ให้ขนมของแม่คืออาชีพหลักที่เลี้ยงเราได้”
จากนั้นมาปัทม์ก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดช่วยแม่ทำขนมและช่วยขายเต็มที่ เต็มเวลา
ooooooo
ครูอัญดีใจที่ปัทม์กลับมาช่วยแม่ขายขนมจริงจังและรายได้ก็พออยู่ได้ ครูถามว่าอยากขายได้มากกว่านี้หรือเปล่า ปัทม์อยากแต่จะไปขายที่ตลาดก็กลัวถูกเจ้าถิ่นดูถูก ทำร้ายอีก
หนูตุ่นที่มากับครูอัญติงว่าเราไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ แค่ทำยังไงให้คนซื้อเพิ่มขึ้น อย่างผู้ปกครองหรือคนในครอบครัวนักเรียน ปัทม์ถามว่าใครเขาจะมาซื้อกินทุกวัน
“ลองคิดดูสิพี่ปัทม์ ทำยังไงให้คนในครอบครัวเด็กๆต้องมาซื้อขนมของพี่ล่ะ”
“อืม...น่าคิด น่าสนใจมาก หนูตุ่นนี่เจ้าความคิดจริงๆ” ปัทม์ชม ทำเอาหนูตุ่นตัวลอย คุยเขื่องทันทีว่า
“ให้มันรู้บ้างว่าลูกใคร ฮ่าๆๆ”
ปัทม์มองหน้าครูอัญกับหนูตุ่นเชิงถามว่าจะเริ่มต้นยังไงดี หนูตุ่นทำท่าแอ็กว่า...ไม่บอก
กลับถึงบ้านเจอสมพรเตรียมตัวจะออกจากบ้านบอกว่าวันนี้มีงานพิเศษ ลินจงแซวว่าลูกค้ากระเป๋าหนักสิถึงได้รับงานนอก
“ก็ต้องมีบ้างค่ะพี่” สมพรอวดๆ แล้วหันไปเลือกชุด ลินจงจึงถามปัทม์ว่าเมื่อกลางวันคุยอะไรกับครูอัญหรือ ปัทม์บอกว่าครูอัญกับหนูตุ่นเสนอแนวคิดให้เพิ่มยอดขายขนม ลินจงมองไม่เห็นทางเพราะทั้งครูและนักเรียนก็มีเท่าที่เห็น ปัทม์เลยเล่าว่า...
“เขาเลยให้ลองคิดดูว่า ทำยังไงให้ผู้ปกครองหรือพี่ๆน้องๆของนักเรียนในโรงเรียนอยากซื้อกินบ้าง”
“ยากนะ”
“ไม่เห็นยากเลย” สมพรเดินเข้ามาสมทบ “เขามาซื้อในโรงเรียนไม่ได้ก็ต้องเพิ่มช่องทางให้เขาสั่งซื้อสิ” ปัทม์ยังงง สมพรอธิบายว่า “ก็อย่างน้านี่ไง...ใครที่เขาไม่สะดวก ไม่อยากเปิดเผยตัว เขาก็เรียกน้าออกไปข้างนอก อย่างตอนนี้ไง”
ปัทม์ฟังแล้วเหมือนได้จุดประกายความคิดในการขาย เขาลุกขึ้นบอกแม่อย่างมีความหวังว่า
“ผมคิดว่าผมเข้าใจในสิ่งที่น้าพรพูดนะครับแม่”
ooooooo
เร็วเท่าความคิด เมื่อเห็นช่องทางปัทม์ลงมือทำทันที เขาไปซื้อกระดาษมาเขียนข้อความ
“ขนมไทยแม่ลินจง อร่อยถูกหลักอนามัย ส่งตรงจากโรงเรียนถึงบ้านคุณ”
หนูตุ่นกับเพื่อนๆมาเห็นจึงช่วยกันเขียนเป็นที่สนุกสนานเพลิดเพลิน ครู่เดียวกระดาษที่ปัทม์ซื้อมาก็หมด รุ่งขึ้นเมื่อมีเด็กมาซื้อขนม ปัทม์ก็แจกใบปลิวให้เอาไปให้คนที่บ้าน ฝากบอกด้วยว่าที่นี่ขายขนมและส่งตามบ้านด้วย เดินบอกเด็กๆที่นั่งกินในโรงอาหารว่า
“กินขนมพี่แล้วฝากบอกคนที่บ้านด้วยนะว่าพี่ส่งถึงบ้านเลย”
แต่พอกลางวันปัทม์ก็ใจแป้วเมื่อเห็นใบปลิวที่แจกเด็กๆถูกทิ้งเหมือนขยะเกลื่อนถนน หนูตุ่นกับปัทม์ช่วยกันเดินเก็บ หนูตุ่นให้กำลังใจปัทม์ว่าวันแรกก็อย่างนี้แหละแต่เราจะเขียนและแจกกันต่อไป
แต่พอกลับถึงบ้าน ปัทม์เห็นมีคนแปลกหน้าสองสามคน ลินจงบอกปัทม์ให้ช่วยสั่งมะพร้าวให้หน่อย เราต้องทำขนมเพิ่มเพราะมีคนมาสั่ง ปัทม์มองไปเห็นนักเรียนที่ตนคุยด้วยเมื่อกลางวัน เด็กคนนั้นบอกปัทม์ว่า
“พี่กับน้องหนูชิมแล้วชอบ เลยมาสั่งเองถึงบ้านเลยค่ะพี่”
ปัทม์ดีใจจนบอกไม่ถูกเมื่อเห็นผลจากความพยายามที่ทำมา
เล่าถึงตอนนี้แล้ว ปัทม์ในวัยชราพูดอย่างเข้าใจชีวิตที่ผ่านมาว่า
“ชีวิตผมมันเป็นแบบนี้ เหมือนจะตกแล้วมันก็ขึ้นมาโดยไม่คาดฝันเสมอ ความสำเร็จในเรื่องการเพิ่มยอดขายให้แม่มาพร้อมๆกับความสำเร็จในชีวิตที่พาให้ผมเรียนจบ ม.ศ.5...ผมมีทางเลือกว่าจะทำงานเลย หรือจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่เมื่อแม่พูดคำเดียวว่า ‘เรียนหนังสือต่อเถอะลูก เรียนให้สูงๆไว้ ถ้าตกยากลูกยังมีวิชาความรู้ติดตัว’ ผมก็เลยตัดสินใจเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย”
ooooooo
ในขณะที่ชีวิตของลินจงกับปัทม์กำลังไปได้ดี จู่ๆสถิตย์แมงดาขี้เมาที่เกาะลินจงกินจนลินจงทนไม่ไหวก็โผล่มาพร้อมเด็กหญิงขี้มูกกรังวัย 5 ขวบในสภาพที่สถิตย์ดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก
สถิตย์บอกว่าตนแต่งงานแล้วมีลูก 5 คนกับเมีย 3 คน แต่ตนอยู่กับเมียคนที่ 3 ที่เป็นแม่ของลูกคนนี้
สถิตย์บอกว่าตนมีปัญหาเรื่องเงิน ค้าขายหมุนเงินไม่ทันจะมาขอยืมถ้าได้เงินจะรีบใช้คืน ลินจงถามว่าทำไมต้องมายืมตน สถิตย์บอกว่าเพราะรู้ว่าเธอไม่ใจไม้ ไส้ระกำกับตนและลูก ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง สถิตย์น้ำตาซึมทำท่าจะเดินกลับบอกลูกว่าไปหาเพื่อนพ่ออีกที่หนึ่ง เด็กงอแง และลินจงก็ได้ยินเด็กบอกว่าหิว จึงตัดสินใจเรียกสถิตย์ สถิตย์หันมายิ้มดีใจ
ปัทม์ในชุดนักศึกษากลับมาสวนกับสถิตย์ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป เข้ามาถามแม่ว่าใครมาหรือ ลินจงตอบโดยไม่มองหน้าว่าเปล่านี่ ปัทม์หันมองรถมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง เห็นแค่หลังไวๆ
ปัทม์ในวัยชรานิ่งไปเมื่อคิดถึงวันนั้น บอกกับนักข่าวที่นั่งอยู่ว่า
“ผมรู้ทันทีว่าคนที่สวนผมไป คือแฟนเก่าที่เคยทำร้ายแม่ คำโกหกของแม่วันนั้นเป็นการเริ่มต้นนับเวลาถอยหลังในการที่ผมกับแม่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน...”
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ปัทม์ ตอนที่ 4 วันที่ 10 มี.ค.62
บทประพันธ์โดย บุรีวาดบทโทรทัศน์โดย ณัฐ นวลแพง
กำกับการแสดงโดย ศุภฌา ครุฑนาค
ผลิตโดย บริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ