อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 8 วันที่ 20 มี.ค.62
หัวหน้าแผนกคนหนึ่งบอกว่านี่เป็นทางที่ดีที่สุด อีกคนก็ว่าเชื่อว่าต้องมีคนดีๆอยากเข้ามาทำงานกับปัทม์แน่ แล้วทยุตและหัวหน้าแผนกทั้งสองก็เดินออกจากห้องประชุมไปทันที รสสุคนธ์หน้าเสีย ปัทม์พูดไม่ออก
ต่อมาปัทม์ถามรสสุคนธ์ว่าเธอจะลาออกด้วยหรือ รสสุคนธ์ตอบหน้านิ่งว่าบริษัทล้มแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะล้มตามไปด้วย ทยุตชวนปัทม์ไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันไหม ตนกับรสสุคนธ์ลงขันกันเปิดบริษัทใหม่ได้พักหนึ่งแล้ว ถามปัทม์ว่า
“จะสนใจทำไม อนาคตพี่ไม่ได้จบอยู่ที่นี่ซะหน่อย”
“ผมต้องอยู่ อยู่เพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่พวกคุณทำทิ้งไว้นั่นแหละ”
“ในเมื่อพี่อยากเป็นคนดีอยู่ที่นี่ ผมก็คงต้องตามใจพี่ล่ะครับ” แล้วทยุตก็เดินออกไป รสสุคนธ์ไม่กล้าสบตาปัทม์หันเดินตามทยุตออกไปเงียบๆ
ooooooo
ปัทม์ไปหารสสุคนธ์ที่บ้าน เขาหยุดที่หน้าบ้านจินตนาการว่ารสสุคนธ์กับทยุตกำลังดื่มฉลองกัน พอเห็นปัทม์รสสุคนธ์ก็ชวนเข้าไปดื่ม ปัทม์ถามอย่างรับไม่ได้ว่า
“คุณยังมีหน้ามาชวนผมดื่มอีกเหรอ”
ปัทม์ถามรสสุคนธ์กับทยุตว่ารวมหัวกันหลอกใช้ตนเป็นเครื่องมือโกงบริษัทมานานแค่ไหนแล้ว ทยุตรับหน้าแทนรสสุคนธ์ว่าพูดแบบนี้พวกตนฟ้องหมิ่นประมาทได้ ปัทม์ท้าว่าตนก็จะแจ้งความจับพวกเขาฐานฉ้อโกง แต่ปัทม์ก็ถูกทยุตชกเข้าเต็มหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว
ปัทม์สะบัดหัวจากจินตนาการ รวบรวมสติก้าวเข้าไปในห้องโถงบ้านรสสุคนธ์ เจอรสสุคนธ์จิบไวน์อยู่กับทยุตจริงๆ รสสุคนธ์ชวนปัทม์นั่ง ถามว่ามาหาถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่า
“คุณคิดดีแล้วใช่ไหมเรื่องที่จะลาออก”
รสสุคนธ์พยักหน้ารับ ปัทม์ตั้งคำถามต่อ
“แล้วทำไมคุณไม่บอกผมแต่แรกว่าคุณเปิดบริษัทใหม่รอไว้แล้ว”
รสสุคนธ์บอกว่าตนอธิบายได้ แล้วเล่านับแต่ก่อนปัทม์เข้ามาทำงานว่า
“ก่อนที่ปัทม์จะเข้ามาทำงานที่นี่ บริษัทก็ใกล้จะเจ๊งอยู่แล้ว รสกับทยุตก็เลยจำเป็นต้องหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน ด้วยการเจียดเงินเก็บลงขันกันเพื่อเปิดบริษัทใหม่ ...ช่วงแรกๆระหว่างที่เราเดินหาลูกค้าด้วยกันรสกับทยุตก็ได้โอกาสที่จะหาลูกค้าใหม่ให้กับบริษัทตัวเองด้วย”
นั่นคือการแจกนามบัตรส่วนตัวของทั้งสองให้แก่เจ้าของร้านค้าที่ไปติดต่อขณะนั้นบอกว่ามีอะไรให้ติดต่อตนโดยตรงได้เลย รสสุคนธ์บอกว่าตนทำเพื่อเป็นหลักประกันว่าถ้าบริษัทนี้เจ๊งเราก็ยังมีที่ไป
ปัทม์ถามว่า “แน่ใจหรือว่าที่เล่ามาคือความจริงทั้งหมด...บอกความจริงมาเถอะ พวกคุณสมศักดิ์เขาเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว”
สมศักดิ์ โตมร และญานีเป็นหัวหน้าแผนกที่ลาออก ปัทม์เป็นห่วงว่าให้รอได้งานใหม่ก่อนค่อยออกพวกเขาบอกว่ารับปากทยุตแล้วว่าจะไปทำงานกับบริษัทที่เขาตั้งมาได้สักพักแล้ว
เมื่อปัทม์รู้ความจริงและคาดคั้นกับรสสุคนธ์และทยุต ทยุตย้อนถามว่าแล้วมันผิดตรงไหน ตนแค่ชวน แต่ถ้าเขาไม่อยากมาใครจะไปฝืนใจเขาได้ ปัทม์ถามรสสุคนธ์ว่ามีอะไรจะสารภาพไหม รสสุคนธ์บอกว่าทั้งหมดนี้
ตนทำเพื่อปัทม์ เพื่อเรานะ
ปัทม์วกมาถามว่าที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายสูงขึ้นแต่ทำไมกำไรไม่สูงตามไปด้วย รสสุคนธ์แกล้งตกใจถามว่าปัทม์จะบอกว่ามีคนโกงบริษัทหรือ ปัทม์ถามว่าพวกคุณพอรู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร รสสุคนธ์ย้อนถามว่าแล้วตนจะรู้ได้ยังไง
ปัทม์จึงเปิดเผยความจริงว่าตนสงสัยจะมีการทุจริตในบริษัทเลยสั่งให้มีการตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง และเจอหลักฐานการทุจริตของเธอกับทยุต รสสุคนธ์ไม่เชื่อ ปัทม์จึงอ้างหลักฐานที่พบ รสสุคนธ์บอกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะเอกสารถูกไฟไหม้หมดแล้ว
“เป็นไปได้สิ เพราะเอกสารพวกนี้ผมได้มาก่อนที่ไฟจะไหม้”
ทั้งทยุตและรสสุคนธ์ตะลึงอึ้ง รสสุคนธ์พยายามแย่งเอกสาร ปัทม์ดึงมือหลบจ้องหน้าอย่างจับผิด ยื่นคำขาดว่า
“ถ้าคุณยอมสารภาพความจริงทั้งหมด ผมก็จะคืนหลักฐานพวกนี้ให้คุณ ว่าไง มีอะไรจะบอกผมอีกไหม”
รสสุคนธ์ปากแข็งว่าตนบอกความจริงไปหมดแล้วถ้าไม่เชื่อก็จนใจ ปัทม์ตัดบทว่างั้นเธอก็ไปพูดความจริงกับตำรวจก็แล้วกันแล้วหันหลังจะออกไป รสสุคนธ์ท้าว่าเอาเลย เพราะถ้าเรื่องถึงตำรวจคนแรกที่เดือดร้อนก็คือตัวเขาเองเพราะเอกสารทุกใบเขาเป็นคนเซ็นอนุมัติ
เขาต้องรับผิดชอบไม่ใช่ตน
“แล้วถ้าผมมีหลักฐานการทุจริตของคุณกับทยุตก่อนที่ผมจะเข้ามา มันพอจะทำให้คุณต้องรับผิดชอบไหม”
รสสุคนธ์อึ้ง ปัทม์จึงจะกลับ รสสุคนธ์รีบเรียกไว้
“เดี๋ยว”
ooooooo
ที่แท้เหตุการณ์ทั้งหมดถูกวางแผนอย่างแยบยลมาแล้ว นับแต่ทยุตกับรสสุคนธ์วางแผนให้ไตรคุณเชื่อถือปัทม์และไว้วางใจให้ปัทม์มาบริหารบริษัทที่กำลังย่ำแย่ว่าจะช่วยให้บริษัทกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
เมื่อไตรคุณยกตำแหน่งผู้บริหารให้ปัทม์ทำแทนไตรภพ ทยุตกับรสสุคนธ์ก็ปิดห้องประชุมคุยกับทีมงานตัวหลักๆที่ตนดึงมาทำงาน โดยให้ทุกคนช่วยกันทำให้ผู้บริหารเชื่อมั่นว่าพวกเราสร้างกำไรได้อย่างง่ายๆ และรวดเร็ว เพื่อเขาจะได้อยู่ฝั่งเราแล้วโยกโมเดลการทำงานที่นี่ไปสร้างบริษัทของเราที่ตนเปิดรอไว้แล้ว
แต่พอปัทม์เริ่มสงสัยว่ามีการทุจริตในบริษัทและขอดูข้อมูลย้อนหลังจากฝ่ายบัญชี ทยุตก็แก้เกมด้วยการแจ้งเจ้าหน้าที่ สคบ.ให้มาตรวจสอบน้ำตาลในน้ำอัดลมว่าเกินค่ามาตรฐาน ดึงพี่หมอกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาให้ข้อมูลสื่อถึงผลร้ายของการกินน้ำตาลมากเกินไป เพื่อให้คนรู้สึกว่าน้ำอัดลมของเราคือยาพิษ
เวลานั้นรสสุคนธ์ติงว่าทำแบบนี้บริษัทจะไม่แย่หรือ ทยุตพูดอย่างเลือดเย็นว่า
“ก็คือเป็นการกำจัดคู่แข่งไงพี่ ในเมื่อบริษัทเราพร้อมแล้ว ที่นี่ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป”
หลังจากนั้นทยุตก็วางเพลิงที่ห้องเก็บเอกสารโดยมีรสสุคนธ์คอยดูต้นทางให้
ปัทม์บอกนักข่าวที่มาสัมภาษณ์อย่างเจ็บปวดว่า
“ทยุตจัดฉากให้ผมเข้าใจว่าติดสินบนเจ้าหน้าที่ไม่สำเร็จ แต่ที่จริงๆแล้วเขาไม่เพียงไม่ติดสินบนเจ้าหน้าที่แต่กลับสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ฟ้องบริษัท”
เวลานั้นเมื่อปัทม์ฟังรสสุคนธ์เล่าแล้วถามว่าทำไมต้องเป็นตน รสสุคนธ์บอกว่าเพราะเขาเป็นคนซื่อสัตย์ ขยัน อดทน เลยง่ายที่จะทำให้คุณไตรคุณเชื่อและไว้ใจ ที่สำคัญคือเขาเป็นคนดี แต่ก็ยังยืนยันว่าตนทำ
ทุกอย่างเพื่ออนาคตของเรา เพราะ “รสรักปัทม์”
“คนรักกันเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก” ปัทม์ยิ้มสมเพชตัวเอง “พวกคุณเก่งขนาดนี้แล้วผมจะเอาหลักฐานที่ไหนมาเอาผิดพวกคุณได้”
รสสุคนธ์กับทยุตงงๆ ปัทม์จึงเอาซองเอกสารยัดใส่มือรสสุคนธ์แล้วเดินเจ็บปวดออกไป รสสุคนธ์ยืนมองปัทม์เดินออกไปแล้วส่งซองเอกสารให้ทยุต ทยุตรับไปเปิดดู พลันก็ร้องเหมือนถูกผีหลอก
“กระดาษเปล่าพี่รส!”
“ว่าไงนะ!”
ทั้งสองดูกระดาษเปล่าในซองอึ้ง
ooooooo
ปัทม์เล่าความเจ็บปวดในอดีตให้นักข่าวฟังแล้วสรุปด้วยรอยยิ้มว่า
“ตลกดีนะ ที่สุดท้ายผมใช้แค่กระดาษเปล่า ก็หลอกให้เขาสารภาพความจริงทั้งหมดได้ อย่างหนึ่งที่ผมเสียดาย คือผมเสียดายเพื่อนคนนี้ ผมไว้ใจเขามาก ไม่น่าทำกับผมอย่างนี้เลย”
แต่ปัทม์ก็ยังมองรสสุคนธ์ว่าเธอเป็นคนดีแค่เห็นแก่ตัวมากเกินไปเท่านั้น
“แล้วยังไงต่อไปคะท่าน” นักข่าวถามอย่างติดลม
“หลังเกิดวิกฤติหนักของบริษัท ท่านประธานเครียดหนักจนทำให้อาการป่วยทรุดหนักลง ผมไปเยี่ยมท่านเพื่อจัดการกับอนาคตตัวเอง”
ปัทม์เล่าว่าตนไปขอโทษที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง แต่ไตรคุณบอกว่าไม่ต้อง เพราะตนจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ กิจการก็ไม่มีคนสืบทอดอยู่แล้ว ถ้ามันจะต้องจบแบบนี้ก็ปล่อยมันไปเถิด บอกให้ปัทม์ไปได้แล้วตนอยากพักผ่อน
เมื่อปัทม์เล่าความจริงทั้งหมดให้ไตรภพฟัง เขาขอโทษและยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง
“ไม่ต้องหรอก ถ้าอยากช่วยก็ช่วยลาออกซะ”
เมื่อปัทม์ไม่ยอมลาออก ไตรภพจึงออกคำสั่งไล่ออก และขอปัทม์อย่าโทษตัวเองเลย พูดอย่างรู้สึกผิดว่า
“ถ้าจะมีใครผิด คนคนนั้นก็คือผม...ถ้าผมเชื่อพ่อทุกอย่างมันคงไม่เป็นแบบนี้...เอาล่ะ คุณไปซะเถอะ
ต่อจากนี้ขอให้คุณโชคดีแล้วกัน”
ปัทม์เล่าด้วยสีหน้าเศร้าว่า หลังจากนั้นไม่นานท่านประธานก็เสียชีวิต ตนนั่งซึมอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหนหลายวัน ไม่กิน ไม่นอน ความเศร้าวนกลับมาในชีวิตอีกครั้ง...
“ผมนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดแล้วถามตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ แล้วจะไปทางไหนต่อ”
ฝ่ายหนูตุ่นอยู่ที่ทำงาน เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวบริษัทที่ปัทม์ทำงานอยู่ถูกสั่งปิดก็รีบโทร.หาปัทม์
แต่ปัทม์หมดสภาพกับความผิดหวังในชีวิตอยู่ในห้อง
ที่ข้าวของเรี่ยราดไม่มีใจที่จะรับโทรศัพท์
หนูตุ่นโทร.ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่มีคนรับสาย ร้อนใจ ทนไม่ได้ขอลางานกับ บก. หนึ่งวัน แล้วเดินอ้าวออกไปเลย
“หนู...รีบไปไหนของเขา”
อารักษ์เรียก แต่หนูตุ่นเดินอ้าวไปแล้ว
ooooooo
หนูตุ่นลิ่วไปที่บ้านเช่า เจอปัทม์นั่งหมดอาลัย ตายอยากอยู่ในห้องมืดๆ หนูตุ่นรีบไปเปิดหน้าต่างให้แสงเข้า โผเข้าให้กำลังใจ ปัทม์บอกว่าตนไม่เหลืออะไรแล้ว หนูตุ่นไปเถอะ ไปอยู่กับคนที่หนูตุ่นรักแล้วทำให้ชีวิตของหนูตุ่นดีขึ้น
ในเวลาอย่างนี้ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอ้อมค้อมกันอีกแล้ว หนูตุ่นถามปัทม์ว่า
“จะให้หนูตุ่นไปจากพี่ได้ยังไงคะ ในเมื่อพี่ปัทม์คือคนที่หนูตุ่นรัก”
ปัทม์อึ้ง ถามว่าแล้วอ้นล่ะ
“อ้นคือเพื่อนที่ดีที่สุดของหนู แต่คนที่หนูรักคือพี่ปัทม์”
ปัทม์บอกหนูตุ่นว่าอย่าเสียเวลากับตนเลย ตนไม่เหลืออะไรแล้ว
“ใครว่า...พี่ยังมีไร่ มีบ้านที่เชียงราย ยังมีคนที่เขารักและใส่ใจพี่อยู่อีกตั้งเยอะ แล้วที่สำคัญพี่ก็ยังมีหนู พี่ปัทม์เคยบอกหนูเองนะว่าเวลาที่เราจะดูใจคนก็ต้องดูตอนที่เราลำบาก แล้วอย่างนี้พี่ปัทม์จะให้หนูทิ้งพี่ไปได้ยังไง”
“ขอบคุณหนูตุ่นที่ไม่ทิ้งกันไปไหน พี่รักหนูตุ่นนะ” ปัทม์โผกอดหนูตุ่นไว้แนบแน่น
“หนูตุ่นก็รักพี่ค่ะ เราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะคะ”
ทั้งสองกอดกันแน่น ไม่มีคำพูดใดๆ มีแต่สัมผัสที่มอบแก่กันอย่างอบอุ่นลึกซึ้ง
ปัทม์สรุปกับนักข่าวในห้องว่าเป็นอีกครั้งที่หนูตุ่นได้เข้ามาเตือนสติตน ครั้งแรกตอนที่แม่เสีย ครั้งที่สองตอนเสียน้าพร และครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว นักข่าวถามว่าแล้วความสัมพันธ์ของคุณตรีชวากับคุณอ้นล่ะ
“เราตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ”
นักข่าวถามปัทม์ว่าหลังจากนั้นท่านทำอะไรต่อ
“กลับบ้านครับ”
ooooooo
ปัทม์พาหนูตุ่นกลับไปที่ไร่เงียบๆ แนะนำกับทุกคนที่ไร่ว่า “นี่หนูตุ่น เป็นแฟนผมครับ”
อ้ายคำถามมิ่งขณะออกไปเอาน้ำดื่มมาให้ปัทม์กับหนูตุ่นว่าแฟนใหม่หรือ หน้าคุ้นๆ มิ่งจำได้บอกว่าเป็นคนที่เคยมางานศพน้าพรกับแม่พี่ปัทม์ไง
เอ้ถามเสียงอ่อยว่าตกลงเขาเป็นแฟนกันจริงเหรอ อ้ายคำยืนยันว่าได้ยินเต็มสองหูเลย บ่นเอ้ว่า
“เอ็งมันปากหนักเอง ชอบเขาแต่ไม่กล้าพูด ในเมื่อเขามีแฟนแล้วเอ็งก็ตัดใจเสียเถอะวะนังเอ้”
ฝ่ายหนูตุ่นพออยู่กันลำพังก็ถามปัทม์ว่า “นี่หนูไปตกลงเป็นแฟนกับพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเลยได้ไหม” แล้วทำท่าจะกอดหนูตุ่น
พลันก็ชะงักเขินเมื่อมิ่งเอาน้ำดื่มมาให้เลยเฉไฉถามว่าตอนที่ตนไม่อยู่ไร่เป็นยังไงบ้าง มิ่งเลยชวนไปเที่ยวไร่กัน ปัทม์ชวนหนูตุ่นไปด้วย
อ้ายคำ มิ่ง และเอ้พาปัทม์กับหนูตุ่นชมไร่ ปัทม์ขอบคุณที่ทุกคนดูแลไร่ให้อย่างดี
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ที่นี่มันคือบ้านของพวกเรานะปัทม์ อีกอย่างเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน”
เป็นคำพูดที่ปัทม์ฟังแล้วซึ้งใจ อบอุ่นมาก
เมื่อไปชมไร่อีกด้านหนึ่งอ้ายคำชี้ให้ดูสมุนไพรหลายชนิดบอกว่าปลูกไว้จะได้มีผลผลิตให้เก็บตลอดทั้งปี มิ่งเสริมว่าลุงเขาเน้นความพออยู่พอกิน นอกจากปลูกไว้กินเองแล้วก็แบ่งขายตลาดด้วย ปลูกได้มากก็ขายมาก ปลูกน้อยก็ขายน้อย ซึ่งก็พอขายได้
“อีกหน่อยสมุนไพรจะมีความต้องการสูง เพราะคนสุขภาพไม่ดีเยอะขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าในอนาคตตามโรงพยาบาล ตามบริษัทที่ผลิตยาจากสมุนไพรจะเป็นลูกค้าของเราเพราะเขาจะเอาไปสกัดทำยา”
“ก็ดีสิวะ ถ้านังพรยังอยู่มันคงดีใจนะ ที่สิ่งที่มันรักที่มันสร้างมากับมือจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น”
“ครับ” ปัทม์รับคำแววตามุ่งมั่น
ปัทม์บอกหนูตุ่นว่าตนจะทำไร่ทำสวนอยู่ที่นี่คงไม่กลับกรุงเทพฯอีกแล้ว หนูตุ่นติงว่าอย่าลืมว่าพี่ฝันจะทำน้ำสมุนไพรอยู่ไม่ใช่หรือ ปัทม์บอกว่าเป็นฝันที่เลือนราง
“ฝันที่กำลังจะกลายเป็นจริงต่างหาก...” หนูตุ่น
กุมมือปัทม์ให้กำลังใจว่าอย่าเพิ่งท้อ เพราะ “ตอนนี้
พี่มีพร้อมทั้งความรู้และประสบการณ์ หนูมั่นใจว่าพี่ต้องทำได้แน่ เรามาลองสู้กันดูอีกสักตั้งนะคะ หนูจะคอยช่วยพี่อีกแรง”
เป็นอีกครั้งที่หนูตุ่นเป็นกำลังใจและผลักดันให้ปัทม์เริ่มความฝันของตัวเองอีกครั้ง ปัทม์ขอบคุณที่หนูตุ่นยืนเคียงข้างเสมอไม่เคยทิ้งกันเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเต็มใจ”
“พี่รักหนูตุ่นนะ”
“หนูตุ่นก็รักพี่ค่ะ”
ปัทม์ดึงหนูตุ่นเข้าไปกอด บรรจงหอมหน้าผากอย่างทะนุถนอม...
ooooooo
หลังจากนั้นปัทม์เรียกทุกคนในบ้านมาประชุมปรึกษากันเรื่องทำน้ำสมุนไพร ทุกคนเห็นด้วย และหนูตุ่นก็ช่วยทำให้ทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำน้ำสมุนไพร ช่วยกันชิม ติเติมเสริมปรุงจนรสกลมกล่อม จากนั้นก็ช่วยกันคิดเรื่องขวดว่าต้องออกแบบให้พกพาง่ายและช่วยให้น้ำสมุนไพรดูน่ากินมากขึ้น หนูตุ่นอาสาจะให้อ้นช่วยออกแบบให้
หนูตุ่นเดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อให้อ้นช่วย
ออกแบบทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนปัทม์อยู่ที่ไร่ก็จะพัฒนาสูตรจนกว่าจะได้รสที่ใช่จริงๆ
พอหนูตุ่นกลับไปเจออารักษ์ เขาต่อว่าที่หายไปไม่บอกกันทำให้เป็นห่วงแทบแย่ หนูตุ่นเอาน้ำสมุนไพรให้ชิมและขอให้ช่วยออกแบบขวดให้ด้วย อ้นยินดีแต่ขอแบบบ้านที่เคยออกแบบให้หนูตุ่นคืน พอหนูตุ่นเอามาคืน อ้นก็หายไปจนอีกวันจึงมาพร้อมแบบบ้านใหม่สำหรับหนูตุ่นกับพี่ปัทม์ สารภาพว่าหลังเก่าที่เคยออกแบบให้นั้นตนแอบซ่อนความรู้สึกอยู่ในนั้นด้วย เลยตัดสินใจออกแบบให้ใหม่
อ้นยังเอาแบบร่างขวดน้ำสมุนไพร 3-4 แบบให้ดู หนูตุ่นชมว่าสุดยอดจริงๆ บอกว่าขาดแต่ยี่ห้อ อ้นแนะว่าไม่ลองถามเจ้าของเขาดูล่ะ
เพียงกลางวันวันนี้ปัทม์ก็โทร.ทางไกลมา หนูตุ่นอวดว่าอ้นออกแบบขวดให้แล้ว สวยดีพี่ปัทม์น่าจะชอบเสียแต่ยังไม่มีชื่อ ปัทม์รับปากว่า
“แล้วพี่จะคิดชื่อส่งไปนะ”
แล้วปัทม์ก็ให้ทุกคนในไร่ช่วยกันคิด ทั้งอ้ายคำ มิ่ง และเอ้ช่วยกันคิดแต่ไม่ถูกใจ
ปัทม์โทร.ไปหาหนูตุ่นเสนอชื่อสมุนไพรไทย หนูตุ่นแซวว่าตกลงขายยาหรือขายน้ำกันแน่ ปัทม์เสนอ
ชื่ออื่นอีกแต่ก็ไม่ถูกใจ หนูตุ่นเสนอให้ตั้งชื่อที่ติดปากง่ายหรือไม่ก็มีเรื่องราวอยู่ในชื่อหน่อย ในที่สุดปัทม์ตั้งชื่อว่า
“Fight”
อ้นรับชื่อไปออกแบบ หนูตุ่นยังให้อ้นช่วยทำใบปลิวเพื่อจะได้เอาไปแจกเวลาไปส่งขนมด้วย อ้นถามว่าแล้วจะเอาน้ำสมุนไพรพวกนี้ไปขายยังไง ปัทม์บอกว่าต้องหารถสักคัน อ้นเสนอว่าที่บ้านมีรถกระบะให้พี่ปัทม์เอาไปใช้ก่อนจะมีประโยชน์กว่าจอดทิ้งไว้มีแต่นับวันจะพัง
ปัทม์เกรงใจที่จะเอารถอ้นมาใช้ฟรีๆ หนูตุ่นบอกว่าไม่ต้องคิดมากเพราะอ้นเขาเสนอมาเองแบบนี้แสดงว่าเขาเต็มใจ
ทั้งสองเข้าไปในร้านอาหารตามสั่ง ปัทม์บ่นเสียดายที่อ้นรีบกลับไปก่อนเลยไม่ได้เลี้ยงข้าวที่อุตส่าห์ช่วย
ในร้านอาหารนี้เอง ปัทม์กับหนูตุ่นเห็นตู้แช่
ในร้านเต็มไปด้วยน้ำอัดลมยี่ห้อ “ซีซ่า” ซึ่งเป็นยี่ห้อใหม่
ปัทม์มองอย่างสะเทือนใจที่ครั้งหนึ่งน้ำอัดลม TK เคยครองตลาดแบบนี้มาก่อน
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ปัทม์ ตอนที่ 8 วันที่ 20 มี.ค.62
บทประพันธ์โดย บุรีวาดบทโทรทัศน์โดย ณัฐ นวลแพง
กำกับการแสดงโดย ศุภฌา ครุฑนาค
ผลิตโดย บริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ