อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 2 วันที่ 6 มี.ค.62
“ฉันเลิกทำแล้ว”สมพรตกใจถามว่าเลิกแล้วจะไปทำอะไร และป้าอบจะยอมให้เลิกเหรอ
“พี่คิดไว้แล้วว่าจะไปทำอะไร ส่วนป้าอบจะยอมหรือไม่ยอมฉันก็ไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว ฉันไม่อยากเป็นขี้ปากของใครๆอีกแล้ว”
สมพรถามว่าไปสนใจมันทำไมเราไม่ได้ขอมันกิน มันเป็นอาชีพของเรา ลินจงบอกว่าตนห่วงความรู้สึกของปัทม์ บอกสมพรว่า
“ตอนที่ฉันไม่มีใคร ฉันก็คิดอย่างเธอ หลายปีมานี้ปัทม์ทำให้ฉันรู้สึกว่าผู้ชายดีๆบนโลกยังมีอยู่”
ขณะนั้นเองปัทม์เข้ามาบอกน้าพรว่าตนทำเสร็จแล้ว สมพรกับลินจงออกไปดู เห็นสวนครัวและสวนสมุนไพรกลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิมแล้ว สมพรถามว่าทำคนเดียวเหรอ ปัทม์บอกว่าเห็นน้าพรกำลังคุยกับแม่
ตนเลยทำเอง สมพรบอกให้ไปอาบน้ำล้างตัวเสีย พอปัทม์เดินไป ลินจงพูดว่า
“เธอเข้าใจฉันมากขึ้นแล้วนะ...คำว่าผู้ชายดีๆ ไม่ได้หมายถึงคนที่จะมาเป็นผัว แต่เป็นลูกชายก็ได้นะ”
สมพรกับลินจงหัวเราะกันอย่างร่าเริง สมพรที่แต่งตัวเตรียมไปทำงานบอกปัทม์ว่า
“น้าดีใจที่ลินจงมีคนที่รักขนาดนี้”
“ผมก็ดีใจที่น้ารู้สึกกับแม่แบบนี้”
“ตอนน้ายังเด็ก คนที่ทำให้น้ายังเป็นน้าทุกวันนี้คือแม่ของปัทม์ เราดูแลกันมาตลอด บางทีเราก็ทะเลาะกัน งอนกันไม่คุยกัน แต่เราก็ตัดกันไม่ขาด”
“ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมน้าพรถึงเลือกแม่มากกว่าแฟน ผมก็เหมือนกัน...แม่ผมต้องมาก่อน”
“ใครทำพี่ลินจงเจ็บ”
“มันก็ต้องเจ็บหนักกว่า”
สมพรบอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ ถามปัทม์ว่าแล้วจะทำมาหากินอะไรกัน ปัทม์บอกว่าแม่จะทำขนมขาย สมพรจึงเล่าว่าเมื่อก่อนลินจงเคยมีแฟนเป็นคนทำขนมขายแล้วลินจงก็เอาขนมมาขายที่บ้านป้าอบ ปัทม์ถามว่าแล้วแฟนแม่คนนั้นเขาไปไหนเสียล่ะ สมพรบอกว่ากลับไปมุดกระโปรงเมียมันที่บ้านนอกแล้ว
“แม่ผิดหวังเรื่องผู้ชายมาหลายครั้งจริงๆ”
“ปัทม์เป็นผู้ชายคนเดียวที่แม่หวังได้” สมพรพูดแล้ว ขอไปทำงานก่อน ปัทม์ไม่อยากให้น้าพรทำงานนี้อีก สมพรบอกว่าไม่ต้องมาหว่านล้อมเพราะตนทำอย่างอื่นไม่เป็น ปัทม์ถามว่าทำไมน้าไม่ปลูกสมุนไพรขาย
“ใครเขาจะมาซื้อกัน ของพวกนี้เขาปลูกกันในบ้านได้เองทั้งนั้น” สมพรตัดบทแล้วไปทำงานเลย
ooooooo
เมื่อครูอัญรู้ว่าลินจงกับปัทม์ถูกไล่ออกจากบ้านเช่าคาดว่าสองแม่ลูกคงลำบากมาก จึงปรึกษาพฤกษ์ว่าเราชวนปัทม์มาทำงานพิเศษที่ร้านดีไหม
“ดีค่ะ” หนูตุ่นตอบก่อนลุงเสียอีก พฤกษ์บอกว่าก็ดี ตนกลัวเหมือนกันว่าสภาพแวดล้อมที่ปัทม์อยู่จะพาเขาไปผิดทาง
ลินจงกับปัทม์มาอยู่บ้านสมพรก็เริ่มทำขนมขายกัน สองแม่ลูกเปิดตำราทำขนมช่วยกันทำเงอะงะ สมพรที่เพิ่งตื่นนอนลงมาดูแม่ลูกทำขนมก็พูดให้กำลังใจว่า “ต้องอร่อยแน่เลยพี่จง” สองแม่ลูกยิ้มรับกำลังใจ
ทำขนมเสร็จจัดเรียงใส่ตะกร้ากระเดียดไปขายที่ตลาดเช้ากลางแจ้งด้วยความหวังว่าจะขายได้ แต่พอไปขายจริงๆกลับมีแต่คนที่เดินผ่านไปมาไม่มีใครแวะซื้อเลย
“แม่ว่าตลาดนี้อาจไม่ใช่ที่ทางของเราเสียละมั้ง” ลินจงพูดเบาๆกับปัทม์ที่ร้องขายขนมอย่างอดทน
ไม่นานลินจงก็ถูกแม่ค้าที่เดินผ่านและจงใจเดินมาด่าว่าเป็นผู้หญิงแพร่งสรรพศาสตร์ที่ผัวตนต่างเคยไปใช้บริการกันหมดทุกคน ไล่ให้ไปขายที่อื่นอย่ามาขายที่นี่เพราะอาจถูกเมียของผู้ชายในตลาดฉีกอกเธอแน่
ปัทม์ทนเห็นแม่โดนด่าและไล่ไม่ได้ บอกแม่ว่า “ไปขายที่อื่นกันเถอะแม่”
พอกลางวันย้ายไปขายในตลาดที่มีหลังคา ก็เจอพ่อค้าหมูที่เคยไปใช้บริการ พอลินจงยิ้มให้พ่อค้าหมูก็หัวหดบอกว่าทีหลังอย่าทำกับคนอื่นอย่างนี้ เพราะพวกเมียๆมันมีสัมผัสพิเศษ
ลินจงถูกบรรดาแม่ค้าด่าทอต่อต้านและไล่ให้ ไปขายที่อื่นอีก จนปัทม์ท้อชวนแม่กลับบ้านไปก่อนเถอะ
ขณะปัทม์กับลินจงเดินออกจากตลาดก็ยังถูกสายตาของพวกแม่ค้ามองอย่างเหยียดหยาม ปัทม์ถามว่าทำไมต้องเกลียดชังขนาดนี้ ถ้าแม่ตนเลือกเกิดได้คงเกิดเป็นเศรษฐีไปแล้ว
เมียพ่อค้าขายหมูที่ออกหน้ากว่าเพื่อนโต้ว่าตนไม่ได้รังเกียจอาชีพกะหรี่ แต่ตนมีปัญหากับกะหรี่ที่มายุ่งกับผัวตน ไม่มีเมียคนไหนที่จะอดทนใช้ผัวคนเดียวกับผู้หญิงอื่นได้หรอก
ปัทม์ขอโทษแทนแม่ บอกว่าแม่เลิกอาชีพนี้แล้ว แม่ค้าผักกับเมียพ่อค้าหมูไม่เชื่อเพราะอาชีพนี้เป็นแล้วมันเลิกไม่ได้
“ผมว่าเป็นกะหรี่ยังเลิกง่ายกว่าเลิกมองคนด้วยอคติ” ปัทม์ย้อนแล้วเดินออกจากตลาดท่ามกลางเสียงด่าของบรรดาแม่ค้า คนหนึ่งด่าและปรามส่งท้ายว่า
“อย่าให้เห็นว่าพวกมึงมาที่นี่อีกนะ”
ooooooo
ครูอัญกับหนูตุ่นไปเห็นเหตุการณ์ที่ตลาด ครูอัญให้กำลังใจปัทม์ว่า
“เรื่องที่เกิดขึ้นช่างมันเถอะ เราห้ามคนคิดร้ายไม่ได้ แต่เราห้ามอารมณ์เราไม่ให้คล้อยตามความโกรธเกรี้ยวของพวกเขาได้”
ครูอัญถามว่าตอนนี้ปัทม์กับแม่กำลังหาที่อยู่ใหม่หรือ ปัทม์บอกว่าตอนนี้อาศัยอยู่บ้านน้าพรเพื่อนแม่ ครูอัญมอบเงินจำนวนหนึ่งให้บอกว่าครูอยากช่วย ปัทม์บอกว่าตนรับเงินก้อนนี้ไม่ได้ มันไม่ได้แลกมาด้วยการทำงานของตน ครูบอกว่ามันแลกกับความเป็นคนดีของปัทม์ ปัทม์ยืนยันว่าตนรับไว้ไม่ได้จริงๆ
“ถ้างั้นเธอมาทำงานที่ร้านขายของชำของครูไหม ครูจ่ายให้เป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนก็ได้”
“พี่ปัทม์มาเล่นกับหนูตุ่นนะคะ”
“แล้วอีกงานก็มาช่วยดูแลหนูตุ่นด้วย เธอจะได้ค่าจ้างถึงสองงานเลยนะ” พฤกษ์เสริม
ปัทม์ซึ้งใจ ถามว่าทำไมดีกับตนอย่างนี้ ครูอัญบอกว่าความดีของเธอไง ปัทม์บอกว่าตนอยากทำงานกับครู แต่ติดที่ต้องช่วยแม่ทำขนม ครูอัญบอกว่าคงไม่ต้องช่วย 24 ชั่วโมงมั้ง พฤกษ์ย้ำว่าเราอยากช่วยเธอนะ ปัทม์จึงขอกลับไปปรึกษาแม่ก่อน
“พี่ปัทม์ไปขี่จักรยานเล่นกันนะ...นะๆๆๆๆ”
หนูตุ่นอ้อนแล้วจูงมือปัทม์ไปเลย
ooooooo
ปัทม์ขี่จักรยานนำไปแล้วจู่ๆหนูตุ่นก็แซงขึ้นไปหัวเราะร่า ปัทม์เตือนระวังล้ม ไม่ทันขาดคำหนูตุ่นก็ขี่จักรยานพุ่งเข้ารกเข้าพงหายไปทั้งรถทั้งคน ปัทม์ลงจากรถรีบตามเข้าไปเจอหนูตุ่นทำหน้าเจ็บ
ปัทม์พาหนูตุ่นขึ้นมาและจะเข็นจักรยานไปให้ที่บ้าน
“ดีนะที่มีพี่ปัทม์อยู่ ไม่งั้นหนูตุ่นอายแย่ ไม่กล้ากลับบ้านแน่ๆ แล้วจักรยานของพี่ปัทม์ล่ะ” ปัทม์บอกว่าจอดทิ้งไว้นี่แหละเดี๋ยวพี่กลับมาเอาเอง
“พี่ปัทม์น่ารักจังเลย พี่ปัทม์รู้ไหม หนูตุ่นอยากมีพี่ชายมากๆเลย เพราะรู้สึกปลอดภัยเวลาไปไหนมาไหนจะตกท่อหรือรถคว่ำ ลุกขึ้นมาก็ไม่อายใครเลยเพราะมีพี่ชายอยู่ข้างๆ”
ปัทม์หยอกว่าแบบนี้พี่ชายคงไม่ต้องทำมาหากินเลยใช่ไหม หนูตุ่นอ้อนว่าอยากให้พี่ปัทม์มาดูแลตลอดเวลาเลย ปัทม์บอกว่าตนต้องทำงาน หนูตุ่นแนะให้ลาออกแล้วมารับจ้างแม่หนูตุ่นสิ
ปัทม์บอกว่าถ้ามีเวลาแล้วจะมาดูแลหนูตุ่นแล้วกันนะ หนูตุ่นก็รวบรัดว่าถ้าพี่ปัทม์ไม่มีเวลางั้นหนูตุ่นดูแลพี่ปัทม์เองก็ได้ แล้วคว้าจักรยานจากปัทม์มา บอกให้ปัทม์ซ้อนเดี๋ยวหนูตุ่นปั่นเอง ปัทม์ส่ายหัวยิ้มๆแล้วขึ้นซ้อนท้ายจักรยาน หนูตุ่นกดกระดิ่งรัวกริ๊งงงงง ร้องร่าเริง “ไปแล้วนะ” แล้วปั่นจักรยานฉิวออกไปเลย
ooooooo
ค่ำนี้ลินจงกลับถึงบ้านก็เอาเงินที่ขายขนมได้ออกมานับอย่างหนักใจ สมพรยกข้าวมานั่งกินกัน สมพรซื้อทั้งข้าวและกับข้าวมาพร้อม ลินจงบ่นว่าซื้อมาอีกแล้ว เดี๋ยวตนออกไปหาซื้อมาทำกินเองก็ได้
สมพรบอกว่าพี่อย่าเกรงใจเลย วันนี้ขายแทบไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ ย้อนอดีตว่าพี่เคยช่วยตนมากกว่านี้อีกตอนตนลำบาก ตอนนี้ขอให้ตนได้ดูแลพี่บ้าง พอลินจงบ่นมากเข้าก็โวยว่าทำไมต้องทำให้มันยุ่งยาก ลินจงขู่ว่าถ้าสมพรไม่ฟัง ตนกับลูกจะออกไปอยู่ข้างนอก สมพรเสียงดังว่า “ฉันไม่ยอมให้พี่ไปหรอก”
ลินจงเดินออกมา พอดูว่าไม่มีใครเห็นก็ควักเอาขนมที่ขายไม่หมดวันนี้มากินจนอิ่ม โดยไม่รู้ว่าสมพรตามมาแอบดูด้วยความสะเทือนใจ
หัวค่ำพอปัทม์กลับมาก็เอาเงินที่ได้จากการทำงานส่วนหนึ่งเติมเข้าไปในกล่องเดียวกับที่แม่ใช้ สมพรที่กำลังจะออกไปทำงานก็เดินวกกลับมาเอาเงินจากซอกอกใส่ไปในกล่องเดียวกัน ปัทม์เอาเงินคืนให้บอกว่าแค่ได้มาอาศัยบ้านอยู่ก็พอแล้ว สมพรบอกว่าตนทำเพื่อทดแทนบุญคุณ ตนตั้งใจจะแอบใส่ในกล่องนี้ทุกวัน
สมพรเล่าว่าวันนี้ตนกับลินจงมีปากเสียงกันนิดหน่อย ลินจงงอนจนหลับไปแล้ว สมพรอยากให้ลินจงกับปัทม์ขายของได้เยอะๆ ปัทม์บอกว่าตนก็อยากขายให้ได้เยอะแต่เหมือนไม่มีโชค
“อย่าบอกว่าไม่มีโชค น้าว่าแกไม่มีหลักในการขายของที่กระตุ้นให้คนอยากซื้อของแก” ถามว่าขนมนี้อร่อยไหม ปัทม์บอกว่าอร่อย “ถ้าเราเชื่อว่าขนมเราอร่อย เราก็ต้องทำให้คนกินขนมเราให้ได้ ไม่ใช่แค่กินนะ ต้องซื้อกินในระยะยาว”
“แค่ให้ซื้อกินทุกวันนี้ก็ยังยากเลยน้า”
สมพรเล่าบทเรียนของตนให้ฟังว่า ตอนมาทำงานใหม่ๆ ทั้งที่ยังสดแต่ไม่มีใครเรียกขึ้นห้องเลย แต่หลังจากขายไม่ออกมาหลายวัน ตนเลยบอกป้าอบว่าตนจะให้ลูกค้าใช้บริการโดยไม่ต้องเสียสักแดงเดียว 3 วันบริการดี ฟรีค่าบริการ
“น้าพรทำผมเขินเลย” ปัทม์พูดแล้วหัวเราะกับสมพรขำๆอย่างมีความสุข
ooooooo
ปัทม์เอาบทเรียนของสมพรมาขายขนม วันนี้เห็นเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งเล่นกันอยู่ก็เอาตะกร้าขนมเข้าไป ลินจงบอกว่าขายลดราคาให้เด็กบ้างก็ได้ กำไรน้อยดีกว่าต้องแบกกลับบ้าน
ครู่เดียวปัทม์ถือตะกร้าเปล่ากลับมา ลินจงดีใจทักว่าเกลี้ยงเลย ปัทม์ขายยังไง ปัทม์บอกว่าแจกครับ แจกฟรีไปเลย แล้วตะโกนบอกเด็กๆว่า
“พรุ่งนี้มาใหม่นะ ฝากบอกเพื่อนๆที่ไม่ได้มาวันนี้ด้วยนะ”
ลินจงทำใจไม่ได้ถามปัทม์ว่ารวยหรือไง ปัทม์บอกว่านี่คือวิธีการขายของแบบนึง แจกฟรีก่อนถ้าของเราดีเขาก็จะบอกต่อๆกัน ลินจงถามว่าเอาวิธีนี้มาจากไหน
“น้าพรครับ น้าบอกว่าเขาใช้วิธีแบบนี้ตอนทำงานแรกๆ”
“อีนังพร!!”
แล้วปัทม์เดินแจกขนมเป็นวันที่สอง แจกไปร้องบอกไปว่า
“แจกฟรีสองวัน ถ้าติดใจ มะรืนนี้มาซื้อกินนะป้า”
ooooooo
ขณะปัทม์เดินแจกขนมนั่นเอง เฮียเล้งเจ้าของโรงน้ำแข็งมาส่งน้ำแข็งกับลูกน้อง ทำกระเป๋าสตางค์ตกไม่รู้ตัว ปัทม์เจอมองหาเจ้าของไม่เห็นใครจึงเปิดดูเห็นเงินเป็นฟ่อน
ปัทม์เดินมาถึงร้านของครูอัญที่เฮียเล้งกำลังมาส่งน้ำแข็ง เจอเฮียเล้งเดินล้งเล้งออกมาถามธนูลูกน้องว่าเห็นกระเป๋าเงินตนไหม ธนูบอกว่าไม่เห็นตั้งแต่ในรถแล้ว เฮียเล้งสงสัยหล่นในตลาดแน่
“อันนี้ใช่ไหมครับ” ปัทม์ถือกระเป๋าเงินเข้ามาถาม เฮียเล้งตาเป็นประกายรับมารีบเปิดดูทันที ปัทม์บอกว่าตนเก็บได้ที่ตลาดเลยตามมาคืน เฮียเล้งขอบใจและให้เงินเป็นสินน้ำใจ ปัทม์ไม่รับบอกว่าตนช่วยเพราะใจอยากช่วย พอดีเด็กๆกรูกันเข้ามารับแจกขนม ปัทม์แจกให้ แต่บอกว่าพรุ่งนี้จะเริ่มขายแล้ว ถ้าจะกินต้องขอเงินพ่อแม่มาซื้อแล้วนะ
เฮียเล้งถามพฤกษ์ว่าคนทำดีไม่หวังผลตอบแทนแบบนี้มีด้วยเหรอ บอกว่าในกระเป๋านอกจากเงินแล้วยังมีพระสมเด็จราคาเป็นแสนเป็นล้านด้วย เฮียเล้งพูดอย่างชื่นชมว่า “ฉันชอบคนซื่อสัตย์แบบนี้จริงๆ”
ooooooo
ปัทม์แจกขนมอยู่สองวันจนลินจงมองเงินในกล่องบอกว่า นี่เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่จะทำขนมพรุ่งนี้แล้ว
“ครับแม่ มันจะเป็นก้อนสุดท้ายที่สำคัญแม่ เชื่อปัทม์สิ”
รุ่งขึ้นปัทม์กับลินจงช่วยกันเรียงขนมใส่ตะกร้าเสร็จ ลินจงจุดธูปที่หน้าบ้านทำปากขมุบขมิบ ปัทม์ถามว่าแม่อธิษฐานว่าอะไร ลินจงบอกว่าแม่ขอให้โชคเข้าข้างเรา พอลินจงกับปัทม์ยกตะกร้าออกไป สมพรก็งัวเงียออกมาอวยพร “โชคดีนะสองแม่ลูก” สองแม่ลูกสาธุรับพรแล้วโบกมือให้สมพรออกไปขายขนม
หลังจากแจกขนมไปสองวัน พอมาเดินขายวันต่อมาก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สองแม่ลูกหยิบขนมขายและรับเงินมือเป็นระวิง ไม่นานขนมก็หมด ต่อมาทำเพิ่มก็ขายหมดอีก
เมื่อทำเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ลินจงจึงคิดจะหาคนมาช่วยทำขนม พอดีสมพรเอาน้ำตะไคร้มาให้คนละแก้ว ปัทม์บอกว่าอร่อยดีทำไมน้าพรไม่ทำขาย สมพรถามว่าใครจะซื้อเพราะใครๆก็ต้มกินเองได้ ง่ายจะตายว่าแล้วเดินเข้าห้องครัวไป
ปัทม์คุยกับแม่อย่างมีความสุขว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราสองคน ทุกอย่างมันเริ่ม จะดีขึ้น สมพรยกถาดอาหารเข้ามาบอกว่าตนดีใจที่เห็นพี่กับหลานมีความสุขแล้วชวนกินข้าวกันบอกว่า
“มื้อนี้ฉันคิดเงินพี่” ลินจงบอกว่าฉันไม่ให้เธอจ่าย “นี่มันบ้านฉันนะพี่ ถ้าไม่ให้จ่ายเดี๋ยวฉันออกไปอยู่นอกบ้านนะ”
“เชิญ ฉันกับลูกจะยึดบ้านเธอ!”
พอเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งสองก็หยอกล้อกันอย่างร่าเริง ผิดกับคราวก่อนที่เครียดจนมีปากเสียงกัน
ooooooo
เฮียเล้งในวัย 45 เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็ง วันนี้เจอลูกน้องแอบงีบกรนเสียงดังก็ด่าว่าและไล่ออกเลย เดือนกนกบอกป๊าให้หาคนมาแทนไอ้ตุ๊ได้แล้ว เฮียเล้งถามว่าใครล่ะ
เดือนกนกบอกว่าธนู เฮียเล้งถามว่าทำไมต้องเป็นมัน ชอบมันใช่ไหม เดือนกนกย้อนถามว่าถ้าชอบล่ะ
“แกควรคบกับคนมีฐานะ มีชาติตระกูล ไม่ใช่ไอ้กระจอกโรงน้ำแข็ง” เดือนกนกบอกว่าพี่เขาเป็นคนดีนะ “เป็นคนดีแต่ชาติตระกูลไม่มีหัวนอนปลายตีน ป๊าก็รับไม่ได้นะ...อย่าบอกนะว่าชอบมันแล้ว”
เดือนกนกไม่ตอบ เดินหนีไปงอนๆ พอไปป้อนข้าวให้เดือนฉาย แม่ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจหนักก็บ่นกับแม่ว่า เบื่อป๊า ตนอยากพูดเรื่องจริงกว่านี้แต่ไม่กล้ากลัวหม่าม้าโรคหัวใจกำเริบ บ่นว่าตนอยากกลับไปเรียนหนังสือแต่ป๊าคิดว่าตนต้องแต่งงานไม่จำเป็นต้องเรียน เดือนฉายติงว่าเขาเป็นผู้นำครอบครัวเราต้องเชื่อเขา
เดือนกนกถามว่าผู้นำคนในบ้านไม่ดีเราต้องเชื่อทำไม เดือนฉายตกใจตำหนิว่าไปว่าป๊าทำไม เดือนฉายบอกว่าตนไม่ได้ว่าป๊าแต่ถามเฉยๆ ไม่เกี่ยวกับป๊าเลย
“ป๊าก็อย่างนึง ลูกก็อย่างนึง ฉันว่าพบสาเหตุที่ทำให้ฉันเป็นโรคหัวใจแล้ว” เดือนฉายพูดอย่างอ่อนล้า...
เฮียเล้งไปถามธนูว่าชอบเดือนกนกหรือเปล่า ธนูกลัวบอกว่าเปล่าก็ถูกหาว่าโกหก พอธนูรับว่าใช่ ก็ตบปืนที่เอวตะคอกถาม “มึงมีฐานะอะไรจะมาโอบอุ้มโรงน้ำแข็งนี้ได้ ...มึงกล้าดียังไงมาจีบลูกสาวกู!”
ooooooo
พอปัทม์กับลินจงขายขนมได้ดีก็ถูกวัยรุ่นในตลาดมาคุกคามที่ทำให้แม่ค้าเจ้าเก่าที่ขายขนมอยู่ขายไม่ออกและรุมทำร้ายปัทม์จนบาดเจ็บ โชคดีที่เฮียเล้งมาเจอ เฮียชักปืนออกมาช่วยปัทม์พวกวัยรุ่นจึงหนีไป
ปัทม์ในสภาพสะบักสะบอมพยายามเก็บขนมที่หกเรี่ยราดใส่ตะกร้าแต่เก็บไม่ทันหมดก็หมดสติไป
เฮียเล้งพาปัทม์ส่งโรงพยาบาลและช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเพราะความดีที่ปัทม์เคยช่วยตน เมื่อพาปัทม์กลับถึงบ้าน เฮียเล้งถามว่ายังจะไปขายขนม ที่นั่นอีกหรือ ปัทม์บอกยังไม่รู้ เฮียเล้งเสนอให้ไปทำงานกับตนจะจ่ายเป็นเดือนให้ ปัทม์ถามว่าแล้วใครจะช่วยแม่ขายขนม
“เอ็งก็ทำต่อไปสิวะ วิธีขายมีตั้งเยอะแยะ ฉันทำน้ำแข็ง ต้องไปตั้งร้านขายที่ไหนแข่งกับใครล่ะ”
“เฮียพูดถูก” สมพรเห็นด้วย แต่ลินจงกับปัทม์มองหน้ากันลังเลว่าจะเอายังไงดี
ooooooo
ที่ห้องรับรองโรงแรมหรูที่จัดเป็นห้องให้สัมภาษณ์ของปัทม์ในปัจจุบัน ปัทม์ในวัย 60 กว่าพูดอย่างเศร้าใจถึงสภาพขณะนั้นว่า
“ผมมีทางเลือกน้อยมาก ตอนนั้นผมตัดสินใจแบบไม่ต้องคิดมากรับข้อเสนอของเฮียเล้งที่ดูภายนอกนักเลงดี แต่ถ้าตอนนั้นผมคิดไตร่ตรองมากกว่านั้นนิดนึง ชีวิตของผมคงไม่มีรอยด่างเพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืดที่เฮียเล้งทำอยู่”
“ท่านบอกว่าเจ้าของโรงงานน้ำแข็งชวนท่านไปทำงาน แล้วทำให้ท่านไม่สบายใจ มันคือยังไงคะ”
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ปัทม์ ตอนที่ 2 วันที่ 6 มี.ค.62
บทประพันธ์โดย บุรีวาดบทโทรทัศน์โดย ณัฐ นวลแพง
กำกับการแสดงโดย ศุภฌา ครุฑนาค
ผลิตโดย บริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ