อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 5 วันที่ 13 มี.ค.62
เมื่อช่วยเดวิดปลอดภัยจากพวกปล้นแล้ว สมพรถามว่าเขาพักที่ไหนตนจะไปส่งแต่สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง สมพรจึงเอาเงินให้บอกให้นั่งแท็กซี่กลับเองก็แล้วกัน เดวิดซึ้งใจมากกอดขอบคุณจนสมพรเขินปัทม์เล่าเหตุการณ์เวลานั้น แล้วเล่าต่ออย่างปลื้มใจไปกับสมพรว่า
“ตั้งแต่นั้นมา ความสัมพันธ์ของน้าพรกับเดวิดก็ดีขึ้นเรื่อยๆ น้าพรโชคดีที่เจอฝรั่งที่รักเมืองไทย รักน้าพรรักอย่างหมดใจ”
แล้วเล่าถึงชีวิตตัวเองว่า
“ผมอยู่ห้องเช่านี้มาได้สักระยะหนึ่ง แล้วรู้สึกจริงๆ ว่าที่นี่ไม่เหมาะกับผมเลย แม้ว่าเดวิดกับน้าพรจะดีกับผมมากแค่ไหน...จริงๆแล้วเหตุผลหลักของผมที่ย้ายออกจากบ้านน้าพรคือ ผมรู้สึกว่าน้าพรกำลังสร้างครอบครัวของน้าพรเอง น้าพรได้สามีที่ดีและมีฐานะมั่นคง คงจะประคับ ประคองชีวิตผู้หญิงที่โดนเหยียดหยามดูถูกมาตลอดชีวิตได้”
ooooooo
ปัทม์ในวันนี้เล่าว่าตนตัดสินใจถือกระเป๋าเดินเข้าไปลาสมพรกับเดวิด เพราะอยากสร้างมันด้วยมือของตัวเองเหมือนกัน ตอนนั้นได้ให้เหตุผลกับน้าพรว่า ตนกับน้าพรไม่ได้มีสายเลือดอะไรกันเลย ตนตัวคนเดียวมาตั้งแต่เกิดแล้ว
วันนั้นน้าพรให้เงินมาบอกว่าเป็นเงินที่แม่เก็บเอาไว้ให้ปัทม์ใช้ในยามฉุกเฉิน และถ้ามีปัญหาอะไรอยากให้ปัทม์รู้ว่าที่นี่คือบ้านของปัทม์เหมือนกัน
ปัทม์ขอบคุณน้าพร เดินออกจากบ้านไปตามทางที่สองข้างทางเป็นทุ่งนา เดินมาหยุดหยิบเงินที่แม่ฝากน้าพรไว้ให้ออกมาดู และวันนี้ปัทม์บอกนักข่าวในห้องว่า
“ผมจะเก็บเงินก้อนนี้เป็นเครื่องเตือนใจในการดำเนินชีวิตของผม”
ปัทม์เล่าว่า พอออกจากบ้านน้าพร ก็มาอาศัยอยู่บ้านหลังเล็กในบริเวณบ้านครูอัญ ซึ่งได้คุยกันก่อนหน้านี้แล้วว่า ปัทม์มาอยู่ก็จะได้ช่วยครูอัญขายของและที่สำคัญครูอัญอยากให้ปัทม์ช่วยดูแลหนูตุ่นด้วย
พอหนูตุ่นรู้ก็ร้องเย้ๆๆๆๆ ดีใจจนกระโดดโลดเต้น จนครูอัญถามว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วย
“ก็ดีใจสิแม่ พี่ปัทม์จะได้มาอยู่ด้วยกัน ตอนเช้าก็ไปส่งหนูตุ่นที่โรงเรียน ตอนเย็นมาช่วยหนูตุ่นทำขนมด้วย” ปัทม์ติงว่าตนยังไม่ได้ตกลงเลย “ไม่รู้ละ พี่ปัทม์ต้องอยู่ที่นี่ หนูตุ่นกับแม่จะดูแลพี่แทนป้าจงเอง”
ปัทม์แกล้งพูดว่าถ้าดูแลต้องดูแลไปตลอดชีวิตเลยนะ หนูตุ่นตอบเสียงใสว่าแน่นอน จะดูแลพี่ปัทม์ไปจนแก่ตายเลย ปัทม์บอกเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะวันนึงหนูตุ่นก็ต้องแต่งงานกับคนที่หนูตุ่นรัก
“หนูตุ่นไม่แต่งหรอก หนูตุ่นจะดูแลพี่ปัทม์จะทำไม” หนูตุ่นทำเชิดอย่างท้าทาย จนครูอัญบอกปัทม์ว่า
“อย่าไปถือสาเด็กแก่แดดอย่างหนูตุ่นเลยนะปัทม์”
หนูตุ่นค้อนแม่อย่างขัดใจ ปัทม์หัวเราะขำกิริยาเด็กๆของหนูตุ่น
ปัทม์ในวันนี้ยังเล่าว่า นับแต่นั้น...
“ชีวิตใหม่ บ้านใหม่ของผม เริ่มขึ้นเช้าวันนั้น และทำต่อเนื่องมาถึง 3 ปี”
ooooooo
3 ปีต่อมา ปัทม์เรียนมหาวิทยาลัยปี 4 และหนูตุ่นเรียนปี 3 ทั้งสองเดินไปมาบนถนนสายเดิมจนเพื่อนๆ แซวว่าพี่ชายมาส่งทุกวัน บางคนบ่นอยากมีพี่ชายบ้าง บางคนก็ว่าบอกมาตรงๆดีกว่าว่าพี่ชายหรือแฟน
ปัทม์ฟังแล้วตะขิดตะขวงใจ จึงเดินเลี่ยงไป
“ปากพวกแกก็นี่นะ ดูสิพี่เขาเดินม้วนไปแล้ว ขอโทษแทนอีพวกนี้ด้วยนะหนูตุ่น” เพื่อนอีกคนบ่น แต่หนูตุ่นไม่สนใจ
ooooooo
วันนี้ปัทม์เจอรสสุคนธ์สาวสวยเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันจึงชวนให้ซ้อนท้ายจักรยานไปด้วยกัน รสสุคนธ์ถามปัทม์ว่าจบแล้วจะไปทำงานที่ไหน ทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอมาจนถึงตึกเรียนของหนูตุ่น
หนูตุ่นลงมาเห็นพอดีปรี่เข้าขวางรถจักรยานของปัทม์จนรสสุคนธ์ตกใจ หนูตุ่นสีหน้าไม่พอใจต่อว่าปัทม์ที่มารับช้า ปัทม์บอกแค่ 5 นาทีเอง แล้วแนะนำให้รู้จักกับรสสุคนธ์ หนูตุ่นเอ่ยสวัสดี ปัทม์บอกให้ไหว้พี่เขาด้วย หนูตุ่นไหว้อย่างเสียไม่ได้
“ได้ยินเรื่องหนูตุ่นมานาน วันนี้เพิ่งมาเจอตัวเป็นๆ” รสสุคนธ์ทักมองอย่างเอ็นดู
“เรื่องอะไรคะพี่”
“เรื่องที่ปัทม์มีน้องสาวสวยน่ะสิ...ไปก่อนนะปัทม์ พรุ่งนี้เจอกัน”
ปัทม์มองตามรสสุคนธ์ไปจนหนูตุ่นแกล้งเอามือมาโบกตรงหน้าถามว่า
“ชอบเขาเหรอ”
“ก็น่ารักดี คนนี้ไงที่พี่เคยเล่าให้ฟังว่าสนิทที่สุด”
“สนิทที่สุด” หนูตุ่นทำเสียงล้อเลียน “เชอะ! เป็นแฟนกับเขาเมื่อไหร่คงได้ลืมน้องสาวคนนี้”
“ไปเหอะ...กลับบ้าน” ปัทม์ตัดบทอย่างไม่ถือเป็นอารมณ์
วันนี้...ปัทม์ช่วยครูอัญขายของอยู่หน้าร้านก็ได้รับโทรเลขจากสมพรว่า
“เดวิดกลับกะทันหัน น้าอยู่คนเดียว ว่างแล้วมาหาน้าหน่อย...น้าพร”
ปัทม์บอกนักข่าวในห้องที่กำลังติดตามเรื่องราวอยู่อย่างติดพันว่า
“หลังจากที่ผมย้ายมาอยู่บ้านครูอัญไม่นาน น้าพรก็ย้ายไปอยู่กับเดวิดที่เชียงราย บ้านเกิดของน้าพร...
น้าพรโชคดีมากที่เดวิดซื้อที่ให้น้าพรทำไร่ทำสวนอยู่บ้านเกิดของน้าพร นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาเยี่ยมน้าพรที่นี่”
สมพรทักว่าปัทม์ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก หล่อและดูดีมากเลย
สมพรขอบใจปัทม์ที่มาอยู่เป็นเพื่อน พาปัทม์ชมสวนสมุนไพรบอกว่าน้าปลูกเอง เอาไปขายที่ตลาดบ้าง มีคนมาซื้อถึงที่บ้าง แม้รายได้ไม่เยอะ แต่ก็สบายใจดี
สมพรเอาน้ำต้มอัญชันให้ปัทม์ดื่มแก้กระหาย บรรยายสรรพคุณทั้งดอก ใบ และรากของอัญชันมากมายจนปัทม์บอกว่า สรรพคุณเยอะขนาดนี้ตนเชื่อแล้วว่าทำไมน้าพรถึงต้องกินน้ำพวกนี้
“กลับไปคราวนี้น้าจะให้สูตรไปต้มกินเองที่บ้านครูนะ”
ปัทม์ถามสมพรว่าทำไมไม่ไปอยู่เมืองนอกกับเดวิด สมพรบอกว่ายังไม่อยากไปเพราะยังมีอะไรที่ต้องทำอยู่ที่นี่ ปัทม์ถามว่าสมุนไพรหรือ แล้วเดวิดเข้าใจน้าหรือเปล่า
“เขาเข้าใจน้ามากๆเลย เขาทำให้ความฝันของน้าเป็นจริง เขาบอกว่าถ้าเขาเกษียณจากการทำงานแล้วมีเงินพอแล้ว เขาก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เขารัก”
ปัทม์บอกว่าน้าพรโชคดีมากเลย สมพรก็ดีใจที่ปัทม์เรียนใกล้จบแล้ว
“ขอบคุณน้ามากเลยครับที่ดูแลผมเป็นอย่างดีมาตลอดหลังจากแม่เสียไป”
“น้าเต็มใจที่ได้ทำแบบนี้ และเต็มใจที่จะทำต่อไปจนกว่าจะเห็นความสำเร็จของปัทม์”
ปัทม์ถามว่าแม่บอกให้น้าพรดูแลตนถึงขนาดนี้เลยหรือ สมพรไม่ตอบแต่ถามว่า
“แล้วปัทม์ล่ะ อยู่กับครูอัญเป็นยังไงบ้าง”
ปัทม์วันนี้เล่าชีวิตในช่วงนั้นให้นักข่าวฟังว่า
“3 ปีที่ผมมาอาศัยครูอัญอยู่ ผมช่วยครูอัญ
ทำงานทุกอย่างในร้านเป็นการตอบแทนการให้ที่อยู่ ที่กินช่วยดูแลหนูตุ่น ช่วยหนูตุ่นทำขนม ทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนความหวังดีที่ทุกคนมอบให้ชีวิตผม ส่วนน้าพร กลายเป็นคนที่ช่วยเหลือผม ไปๆมาๆน้าพรก็มาช่วยผมในเรื่องทุนการศึกษาจนผมเรียนจบและก็เป็นจุดเริ่มต้นของการที่เป็นผมในทุกวันนี้...”
ปัทม์เล่าถึงการที่สมพรสอนให้ต้มสมุนไพรขายเพราะลงทุนน้อย ปัทม์เห็นว่าต้มตะไคร้ อัญชัน เก๊กฮวย ขายก่อนน่าจะดีเพราะคนคุ้นเคย สมพรบอกว่าที่นี่มีสมุนไพรหลายชนิด เอาไปเถอะมันแลกเป็นเงินกลับมาทั้งนั้น
“ทำไมน้าถึงมั่นใจว่าต่อไปคนจะมาซื้อกิน”
“ตอนนี้สุขภาพต้องมาก่อน การกินการอยู่นี่สำคัญมากแล้วบ้านเมืองมันก็เจริญขึ้นทุกวัน ผู้คนไม่มีเวลามาต้มกินเองกันหรอก”
ปัทม์อยู่เป็นเพื่อนสมพรจนกระทั่งวันกลับ สมพรออกมาส่งเป็นเพื่อนรอรถรับจ้าง ปัทม์เล่าว่า
“ผมอยู่เป็นเพื่อนน้าพรได้อาทิตย์นึง เดวิดก็กลับมา ผมกลับกรุงเทพฯพร้อมกับสมุนไพรหลายชนิดที่น้าพรใส่กล่องให้ผมลองใช้มันทำมาหากิน”
กลับมาถึงกรุงเทพฯ ปัทม์ต้มน้ำสมุนไพรแช่ในตู้แช่เป็นแก้วๆ ทั้งน้ำตะไคร้ อัญชัน และเก๊กฮวย คนที่ผ่านไปมาซื้อแต่น้ำเก๊กฮวยดื่ม ปัทม์ถามว่ารสชาติเป็นไงบ้าง บางคนก็ว่าหวานไป บางคนก็ว่าจืดไป ปัทม์ฟัง แล้วกระซิบถามหนูตุ่นว่า “จะตามใจลูกค้าคนไหนดีเนี่ย” แล้วหัวเราะกันเอง
พอกลางคืนมาสรุปยอดขาย ปัทม์บอกว่าขายวันแรกก็เหลือบานเลย ครูอัญบอกว่าคนส่วนมากเขาต้มกินเองที่บ้านมากกว่า เป็นครูก็ต้มกินเอง ไม่เปลืองเงิน คุ้มกว่ากันเยอะ
“ทำไมพี่ปัทม์ถึงคิดมาขายน้ำสมุนไพร” หนูตุ่นสงสัย
“ทุกวันนี้เมืองขยาย และจะขยายไปเรื่อยๆ ต่อไปจะไม่มีใครต้มสมุนไพรกินกันเองแล้ว เพราะเขาต้องการความสะดวก”
“จริงหรือ” ครูอัญถาม
“ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ แล้วคนเริ่มห่วงสุขภาพกันมากขึ้น น้ำสมุนไพรจะเข้ามาแทนที่น้ำอัดลม คนจะกินน้ำสมุนไพรมากขึ้น”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าพี่ปัทม์จะคิดไปไกลมาก หนูตุ่นคิดไม่ออกเลยนะเนี่ย”
“แต่วันนี้มันก็ขายไม่หมดอยู่ดี” ปัทม์พูดขำๆขื่นๆ
“วันนี้ไม่สำเร็จ มันก็ต้องสำเร็จเข้าสักวันแหละ เชื่อลุง” พฤกษ์ให้กำลังใจ
ปัทม์เล่าถึงการขายน้ำสมุนไพรให้นักข่าวฟังว่า
“วันแรกขายได้แค่สองแก้ว ขายทั้งอาทิตย์ไม่ได้เลย ไม่มีคนกิน ขายมาครบเดือนต้องเททิ้งแล้วดื่มที่ขายไม่หมด ผมควรจะไปขายอะไรที่ง่ายกว่านี้หรือเปล่า??”
เมื่อขายไม่ออก ปัทม์กับหนูตุ่นก็ดื่มเองบ้าง รดต้นไม้บ้าง
วันนี้ปัทม์เทน้ำเก๊กฮวยจากหม้อต้มใส่แก้วให้ตัวเองและหนูตุ่น ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าจนต้องเอามือลูบท้อง ปัทม์ยกแก้วสุดท้ายขึ้น บอกหนูตุ่นอย่างมุ่งมั่นว่า
“พี่ขอให้การดื่มน้ำจากการขายไม่ออกพวกนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
“หมดแก้ว!”
ปัทม์กับหนูตุ่นยกแก้วกระดกรวดเดียว แล้วทำท่าคว่ำแก้วให้เห็นว่าหมดแก้วแล้ว
ooooooo
เพราะน้ำสมุนไพรขายไม่หมด ขายไม่ได้มาเป็นอาทิตย์ ปัทม์กับหนูตุ่นจึงต้องทั้งกินกันเองและรดต้นไม้
คืนนี้ปัทม์กับหนูตุ่นจึงเปลี่ยนกลยุทธ์การขายใหม่เป็นแจกฟรี
“น้ำกระเจี๊ยบครับ แจกฟรีครับ”
“แจกฟรีค่ะพี่”
ทั้งสองส่งเสียงเจื้อยแจ้ว กระนั้นก็ยังไม่มีใครสนใจ พอลุงคนหนึ่งรับไปดื่มก็ดีใจ ปัทม์ถามนอบน้อมว่ารสชาติใช้ได้ไหมครับ ลุงบอกว่าแก้วนี้รสเปรี้ยวมากเสียหรือเปล่า ปัทม์รีบเอามาชิม
“เอ่อ...สงสัยจะเสียครับ ขอโทษครับ”
“จำไว้นะไอ้หนู ทำการค้าต่อให้แจกฟรี เอ็งก็ไม่ควรเอาของที่กำลังจะเน่าเสียมาแจกให้คนกิน เพราะคนเขาจะจำน้ำร้านเอ็งรสชาติแบบนี้”
ปัทม์ไหว้ทั้งขอโทษและขอบคุณลูกค้าอย่างจริงใจ
ชาวบ้านมารับแจกน้ำกระเจี๊ยบดื่มมากขึ้น บางคนก็กระเซ้าเย้าแหย่ประสาคนคุ้นเคย แต่บางคนก็ถามแรงหยอกแรงว่า สองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่า พอปัทม์บอกว่าเปล่าก็เหน็บว่าดีแล้ว อย่าเป็นคนกินบนเรือนขี้รดหลังคา มันไม่ควร ปัทม์บอกว่าตนไม่เคยคิดอย่างนั้นกับน้อง
แต่พอเช้านี้ พอปัทม์กับหนูตุ่นเดินผ่านร้านกาแฟ ได้ยินลูกค้าในร้านกาแฟพูดมาเข้าหูว่า
“โรแมนติกจังเลยนะโว้ย เป็นลูกกะหรี่อยู่ดีๆ ข้ามขั้นไปเป็นลูกเขยครูซะแล้ว ฮ่าๆๆ” อีกคนถามว่าใคร คนนั้นตอบเสียงดัง “ลินจงไง!” แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะกันครื้นเครง
“พี่พูดแบบเมื่อกี๊อีกทีซิ” ปัทม์หยุดกึกแล้วเดินเข้าไปพูด หนูตุ่นพยายามดึงแขนปัทม์ไม่ให้เข้าไป แต่ชายสามคนยังคะนองปากพูดถึงลินจงอย่างดูถูกว่าทุกคนเคยมากันทั้งนั้น ซ้ำยังถามหยอกกันเองว่า “แกคงไม่ใช่พ่อมันใช่ไหม” แค่นั้นปัทม์ก็เกือบทนไม่ได้แล้ว ซ้ำอีกคนยังดูถูกว่า
“ลูกกะหรี่ ต่อให้แต่งตัวดียังไงมันก็เป็นได้แค่ลูกกะหรี่ ไม่ข้ามไปเป็นอย่างอื่นได้หรอก”
ปัทม์ทำท่าเหมือนจะเดินเลี่ยงไป ฉับพลันก็หันกลับต่อยเปรี้ยงเดียวคนปากเสียก็ร่วงไปวัดพื้น เพื่อนอีกสองคนพยายามแยกปัทม์ออก คนในร้านกาแฟตกใจเอะอะกันโวยวาย
เรื่องถึงโรงพัก คนปากเสียที่โดนต่อยให้การว่า ตนแค่แซวเล่นๆมันดันจริงจัง หนูตุ่นโต้ว่าตนรู้สึกว่าไม่ใช่แค่แซว ร้อยเวรถามว่าจะเอายังไง ชายปากเสียบอกว่า เห็นว่ายังเด็กแค่ไหว้ขอโทษตนก็จบ
“ว่าไง...ยอมไหม” ร้อยเวรถามปัทม์
“พี่ปัทม์ อย่าทำอย่างนั้น คนมันตั้งใจจะหาเรื่องมาด่าเราแล้วยังต้องไปขอโทษอีกเหรอ”
“ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบสิ” ชายปากเสียยืนยัน
“ครูไม่รู้ว่าใครเริ่มอะไรก่อน แต่เราทำให้เขาเจ็บยังไงเราเป็นฝ่ายผิด ขอโทษเขาซะ” เสียงครูอัญแทรกขึ้น ปัทม์ยืนนิ่งอย่างตัดสินใจ ครูอัญจึงยกมือไหว้ชายปากเสีย “ฉันขอโทษแทนเด็กๆแล้วกัน ขอโทษด้วย ฉันผิดเองที่สั่งสอนเขาไม่ดี”
ทั้งหนูตุ่นและปัทม์ตกตะลึง หนูตุ่นถามว่าทำไมแม่ต้องทำอย่างนี้ด้วย ครูอัญไม่ตอบแต่พูดเชิงปราม
ชายปากเสียว่า “แล้วอย่ามายุ่งกับเด็กพวกนี้อีก”
เวลานั้นปัทม์ไม่เข้าใจ แต่วันนี้ปัทม์พูดกับนักข่าวในห้องสัมภาษณ์ว่า
“ผมมารู้ภายหลังว่าจริงๆแล้วครูอัญปกป้องผม ปกป้องจากประวัติไม่ดี ผมรู้สึกผิดมากๆที่ไม่ยอมแต่แรก ...ผมละอายใจตัวเองที่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องจนกลายเป็นเรื่องใหญ่...ผมกลัวว่าคนจะมองผมคิดกับหนูตุ่นไปไกลกว่าพี่น้อง ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมกับหนูตุ่นห่างกันไปเรื่อยๆ...”
ooooooo
เพื่อหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกันให้เป็นที่ครหา จากที่เคยไปเรียนและกลับพร้อมกันทุกวัน วันนี้ปัทม์ก็ให้หนูตุ่นไปเองอ้างว่าไม่สบาย แต่พอตกเย็นหนูตุ่นเห็นปัทม์ที่ทางกลับบ้านก็วิ่งตามไปเรียก แต่ปัทม์รีบเดินหนี
หนูตุ่นวิ่งตามไปจนทันเอามือแตะไหล่อย่างสนิทสนมปัทม์ก็ปัดมือทิ้ง หนูตุ่นถามว่ากลัวใครเขาเข้าใจว่าเราเป็นแฟนกันหรือ ปัทม์ตอบห้วนๆว่าเปล่า พอถามว่าไม่สบายหายแล้วหรือ ก็บอกว่าหายแล้ว แล้วรีบเดินห่างออกไป หนูตุ่นตามเซ้าซี้ก็ถามว่า
“ทำไมต้องทำเหมือนกับว่า...เราเป็นแฟนกันเลย...หรือเป็นความต้องการของหนูตุ่น เราเป็นเพื่อนกันนะเข้าใจไหม” ปัทม์เสียงดังจนหนูตุ่นหน้าเสียแล้วยังเดินสวนทางกับหนูตุ่นไป
“พี่ปัทม์เป็นอะไร ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย”
หนูตุ่นน้ำตาซึม มองตามปัทม์ไปอย่างไม่เข้าใจ
แต่พอปัทม์ไปเจอรสสุคนธ์ เธอถามว่าเป็นอะไรเดินใจลอย ตนเรียกหลายทีก็ไม่ได้ยิน เล่าให้ฟังได้ไหม
เมื่อเจอคนสนิท ปัทม์เล่าความอึดอัดให้ฟังว่า คนแถวนั้นนินทากันว่าตนอยู่บ้านครูอัญเพราะหวัง
ลูกสาวเขา ทั้งที่ตนไม่เคยคิดอะไรเลย ตนกับหนูตุ่นรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ตนมองหนูตุ่นเป็นน้องสาวมาตลอด มีเสียงอย่างนี้ตนกลัวน้องกับครูอัญจะเสียหาย
ปัทม์ยังเล่าความไม่สบายใจที่ครูอัญไหว้ขอโทษคนที่มีเรื่องด้วยแทนตน ตำหนิตัวเองว่าแย่จริงๆ
รสสุคนธ์ถามว่าปัทม์อึดอัดที่จะอยู่บ้านนั้นต่อไปใช่ไหม ปัทม์ถามว่า “เราควรทำยังไงดี”
“ง่ายๆ มันก็มีสองทาง อดทนอยู่ต่อไปหรือย้ายออก ถ้าปัทม์ย้ายออกครูอัญเขาจะว่าอะไรไหม”
ปัทม์บอกว่าครูอัญมีบุญคุณกับตนมาก แต่ถ้าอยู่ต่อไปคนก็จะหาว่าตนเกาะบ้านนี้กิน รสสุคนธ์ถามว่าปัทม์อยากมีชีวิตของตัวเองใช่ไหม แนะนำว่าถ้าปัทม์ได้งานทำเมื่อไหร่ก็ออกมาหาที่อยู่ของตัวเอง
“แล้วครูอัญเขาจะไม่โกรธเราใช่ไหม เพราะตั้งแต่แม่เราเสียไปครูอัญเขาก็ดูแลเรามาตลอด”
“โกรธทำไมล่ะ ในเมื่อปัทม์โตแล้ว”
“ขอบคุณมากนะรส เรารู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” ปัทม์คลายกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ooooooo
วันต่อมาปัทม์กว้านซื้อหนังสือพิมพ์เพื่อหางานโดยเฉพาะที่ระบุว่า “จบ ป.ตรี” และ “ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์” แล้วสุ่มไปสมัคร 5-6 ที่ ล้วนแต่ตอบกลับมาว่า “แล้วจะติดต่อกลับไป”
ไปเจอบริษัทที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม ปัทม์เดินเข้าไปเห็นผู้สมัครหญิงกำลังถูกสัมภาษณ์ ปัทม์ไปต่อคิวจนมาถึงแต่เจ้าหน้าที่กลับเรียกหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มเข้าไป ปัทม์ถามว่าคิวตนไม่ใช่หรือ พนักงานบอกให้รอสักครู่ ให้ผู้หญิงสัมภาษณ์เสร็จก่อน
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ปัทม์ ตอนที่ 5 วันที่ 13 มี.ค.62
บทประพันธ์โดย บุรีวาดบทโทรทัศน์โดย ณัฐ นวลแพง
กำกับการแสดงโดย ศุภฌา ครุฑนาค
ผลิตโดย บริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ