อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 7 วันที่ 17 มี.ค.62

อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 7 วันที่ 17 มี.ค.62

ปัทม์ฟังแล้วอึ้ง แซวว่าหนูตุ่นเหมือนแม่ขึ้นทุกวันแล้วนะเนี่ย ทำเอาหนูตุ่นยิ้มเขิน แต่ปัทม์ยิ้มเหมือนได้พลังเพิ่มความมั่นใจให้ตน

คืนวันต่อมา ปัทม์บอกหนูตุ่นว่าตนจะกลับพรุ่งนี้แล้ว และยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาอีก หนูตุ่นจะไปส่งที่ท่ารถ ปัทม์บอกว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เพื่อนจะไปส่ง หนูตุ่นหน้าเจื่อนเมื่อนึกรู้ว่าต้องเป็นรสสุคนธ์แน่ๆ

รุ่งขึ้นครูอัญเอาน้ำสมุนไพรให้ปัทม์บอกว่าหนูตุ่นเตรียมไว้ให้กินระหว่างทาง ปัทม์ไหว้ขอบคุณครูอัญ และมองไปทางหนูตุ่นเอ่ย “ขอบคุณมากนะหนูตุ่น”



ขณะนั้นเองรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา ปัทม์เห็นรสสุคนธ์ลงจากรถจึงแนะนำแก่ครูอัญและพฤกษ์

“นี่รสสุคนธ์เพื่อนผมครับ”

รสสุคนธ์ไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วถามปัทม์ว่าจะไปกันหรือยัง ปัทม์พยักหน้าแล้วบอกหนูตุ่น “พี่ไปนะ” แล้วไหว้ลาครูอัญกับพฤกษ์ ครูอัญขอให้เดินทางปลอดภัย พอรสสุคนธ์ขับรถออกไป พฤกษ์มองตามพึมพำ

 “มีเพื่อนหน้าตาดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ขนาดไปอยู่ป่าอยู่ดอยมา ไม่เบาเลยเจ้าปัทม์ ดูๆไปก็เหมาะสมกันดีนะ”

 หนูตุ่นได้ยิน เดินหน้ามุ่ยเข้าบ้านไปทันที พฤกษ์ถามครูอัญว่า

“พี่พูดอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมหนูตุ่นมันหน้าบึ้งเป็นนมบูดขนาดนั้น”

ครูอัญไม่ตอบ เดินตามหนูตุ่นเข้าบ้านไป

ปัทม์เล่าให้นักข่าวฟังว่า กลับไปถึงไร่แล้ว ตนขุดความฝันที่อยากขายน้ำสมุนไพรขึ้นมาอีกครั้ง คิดว่าจะทำมันอย่างจริงจัง ลองผิดลองถูก ลองใส่เม็ดแมงลักกับวุ้นว่านหางจระเข้ในน้ำสมุนไพรขายในตลาดดู เอ้เชื่อว่าต้องมีคนซื้อ มิ่งก็ว่าต้องขายดีแน่ๆเพราะสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาไปต้มกินเอง

ooooooo

ปัทม์ เอ้ กับมิ่ง เอาน้ำสมุนไพรสูตรปรับปรุงใหม่ไปร้องขายในตลาด เห็นมีแต่คนเดินถือขวดน้ำอัดลมมองผ่านตู้แช่อย่างไม่สนใจ แต่เสียงร้องขายของปัทม์สะดุดหู ฟังแล้วงึมงำว่า

“ขายราคานี้ไปต้มที่บ้านดีกว่า ได้เยอะกว่าและเก็บได้หลายวันด้วย”

ปัทม์ร้องขายจนเสียงหมดบอกให้เอ้กับมิ่งช่วย พอทั้งสองช่วยปัทม์ร้องขายก็กลายเป็นเสียงตีกันจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง พอดีมียายคนหนึ่งเดินเข้ามาเอ้รีบส่งน้ำสมุนไพรให้ชิมทันที ยายหิวน้ำอยู่แล้วพอได้ดื่มน้ำสมุนไพรเย็นๆเข้าไปก็ชื่นใจ ทุกคนมองลุ้นว่ายายจะพูดอะไรไหม แล้วก็ยิ้มมีกำลังใจเมื่อยายบอกว่า

 “หากินยากเหลือเกิน พอแก่แล้วจะให้ไปต้มกินเองเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่สะดวก”

แต่วันต่อๆมาก็อยู่ในสภาพขายได้บ้างไม่ได้บ้าง บางวันขายไม่ได้เลย ตกเย็นปัทม์นั่งนับเงินแล้วก็ใจคอห่อเหี่ยว

ปัทม์สรุปให้นักข่าวที่มาสัมภาษณ์ฟังว่า...

“ตลอดเวลาที่ผมทำน้ำสมุนไพรขายที่ตลาด แม้จะปรับปรุงสูตรให้ดีแค่ไหน สร้างความแตกต่างให้กับ น้ำสมุนไพรให้ต่างจากที่ชาวบ้านต้มกินเอง แต่ก็ยังสู้น้ำอัดลมไม่ได้อยู่ดี ต่างกับหนูตุ่นที่กิจการขนมไทยกำลังไปได้ดี มีลูกค้าเจ้าประจำมากมาย จากการทำขนมขายเป็นงานอดิเรกก็แทบกลายเป็นงานประจำไปแล้ว”

ooooooo

เมื่อพยายามปรับปรุงน้ำสมุนไพรเพื่อให้ถูกใจตลาดแต่ก็ไม่สำเร็จเหมือนแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ปัทม์จึงหันกลับมาคิดอีกด้านว่าทำไมคนถึงชอบดื่มน้ำอัดลมกัน ถามคนใกล้ตัว ทั้งอ้ายคำ มิ่งและเอ้ ต่างก็วิเคราะห์ตามความคิดเห็นของตัวเอง

มิ่งบอกว่าเวลาร้อนๆดื่มน้ำอัดลมแล้วมันซู่ซ่าเหมือนขึ้นสวรรค์เลย เอ้ถามว่าแล้วน้ำสมุนไพรไม่ดีตรงไหน

“ก็มันไม่ซ่าไง!!”

อ้ายคำยอมรับว่าน้ำสมุนไพรคนต้มกินเองได้แต่ทำให้ซ่าไม่ได้ ปัทม์แย้งว่าแต่น้ำสมุนไพรมีประโยชน์

อ้ายคำพูดตามความคุ้นชินของคนว่า คนเราถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยก็ไม่รู้สึกหรอก ลองคิดดูว่าทำไมชาวบ้านถึงเดินเข้ามาที่ไร่เราแทนที่จะไปหาหมอ ปัทม์บอกว่ามันแพง เอ้ถามว่าแล้วแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ

“เอาจริงๆนะถ้าเอ็งยังอยากจะขายน้ำสมุนไพรก็ต้องอดทน อีกไม่กี่ปีหรอก พอคนเราเริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น คนก็จะหันมาหาน้ำสมุนไพร” อ้ายคำคาดอย่างผู้มีประสบการณ์

มิ่งคล้อยตาม แต่เห็นว่าไม่ใช่ง่าย ท่าทางจะนาน ถามว่าแล้วลุงจะอยู่ถึงวันนั้นไหม

“ปากเสียนะเอ็ง!!” อ้ายคำตบหัวมิ่งผัวะ แล้วด่าต่อ “คนไม่เรียนอย่างเอ็งมันก็ได้เท่านี้แหละวะ ไปเรียนรู้เพิ่มเติมเข้าสิจะได้คิดเป็นทำเป็นกับเขา แล้วเอามาใช้กับที่นี่ คนเราน่ะไม่รู้ก็ต้องเรียน!!”

ปัทม์ฟังอ้ายคำอย่างสนใจ

ooooooo

จากประสบการณ์ที่ล้มเหลวและจากคำแนะนำของอ้ายคำ ปัทม์ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ไปพักที่บ้านครูอัญเพราะเกรงใจ รสสุคนธ์จึงเช่าบ้านญาติที่ไปอยู่ต่างประเทศให้ปัทม์ในราคาถูก

ปัทม์มาหารสสุคนธ์ตัดสินใจจะทำงานในบริษัทที่เธอชวนหลายครั้งแล้ว เพื่อหาประสบการณ์จากการปฏิบัติ แต่ปัทม์ไม่ได้บอกหรือปรึกษาหนูตุ่นกับครูอัญ รสสุคนธ์กระตุ้นให้เขาไปบอกครูอัญและหนูตุ่นเสีย

เมื่อปัทม์โทรศัพท์ไปบอกครูอัญ ครูถามว่าบอกหนูตุ่นหรือยัง ปัทม์บอกว่ายังแต่จะแวะมาเยี่ยมอีกที ปัทม์ยอมรับว่าคำถามของครูอัญวันนั้น เป็นสิ่งที่เขากังวลใจมากเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกหนูตุ่นยังไงดี

จนครูอัญบอกหนูตุ่นขณะนั่งกินข้าวกันว่าเมื่อกี๊ปัทม์โทร.มาบอกว่าลงมากรุงเทพฯแล้ว หนูตุ่นบ่นว่าไม่เห็นบอกกันเลย จะได้ไปรับ แล้วหนูตุ่นก็ยิ่งเสียความรู้สึกเมื่อแม่บอกว่าไม่ต้องไปรับหรอกเพราะปัทม์ไปเช่าบ้านอยู่เอง หนูตุ่นถามว่าแล้วพี่ปัทม์ไปเช่าบ้านอยู่ที่ไหน

“เห็นว่าเป็นบ้านของญาติเพื่อนน่ะ เลยได้เช่าราคาถูก”

“ใช่เพื่อนผู้หญิงสวยๆที่มารับวันนั้นหรือเปล่า” พฤกษ์ถาม หนูตุ่นรวบช้อนส้อมเอาจานไปเก็บทันที

“หนูตุ่นขอไปเตรียมของก่อนนะคะ เดี๋ยวอารักษ์มารับแล้วจะสาย”

ทั้งครูอัญและพฤกษ์มองหน้ากัน พฤกษ์เปรยกับน้องสาวว่านี่ก็อีกคู่ ตกลงหนูตุ่นกับอารักษ์เป็นแฟนกันหรือเปล่า ครูอัญบอกว่าตนก็ไม่รู้ ตัดบทด้วยสีหน้ากังวลว่าเรื่องของเด็กๆเขา เรามากินข้าวกันดีกว่า

ooooooo

รสสุคนธ์วิ่งเต้นช่วยปัทม์เต็มที่ นอกจากหาบ้านเช่าให้แล้วยังพาไปสมัครงานที่บริษัทบอกปัทม์ว่าพรุ่งนี้เข้าไปสัมภาษณ์ได้เลยเพราะตนเกริ่นกับเจ้านายไว้แล้ว และตอนนี้บริษัทก็กำลังต้องการพนักงานขายอยู่พอดี

ปัทม์กังวลว่าตนอายุไม่น้อยแล้วและไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลย เขาจะรับเหรอ

“ปัทม์ก็เคยช่วยแม่ขายขนมไม่ใช่เหรอ อีกอย่างตำแหน่งนี้เขาไม่เน้นประสบการณ์ ขอแค่ขยัน อดทน ตั้งใจทำงานก็พอ แล้วคุณสมบัติทั้งสามข้อนี้ปัทม์ก็มีครบ รับรองปัทม์ทำได้แน่ ที่สำคัญปัทม์ยังมีรส รสซะอย่าง ไม่มีคำว่าไม่ได้อยู่แล้ว จริงไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้รสมารับนะ”

รสสุคนธ์กลับไปแล้ว ปัทม์ยิ้มอย่างมีความหวังมาก

ooooooo

รุ่งขึ้นรสสุคนธ์รับปัทม์ไปถึงบริษัแต่เช้า ปัทม์เปรยว่าเจ้านายมาทำงานเช้าเหมือนกันนี่ รสสุคนธ์บอกว่ามาเร็วกลับเร็ว เห็นปัทม์งงก็บอกว่าเดี๋ยวเจอเขาแล้วปัทม์จะเข้าใจเอง

ปัทม์เดินเข้ามาในบริษัท สังเกตเห็นสภาพค่อนข้างทรุดโทรม มีคนนั่งทำงานอยู่โหรงเหรง เดินมาจนใกล้ห้องทำงานของไตรคุณเจ้าของบริษัท ก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันรุนแรงแว่วออกมา ทั้งสองหยุดที่หน้าห้อง

รสสุคนธ์จำได้ว่าเป็นเสียงของไตรคุณกับไตรภพ พ่อกับลูกทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆที่ไตรคุณต้องการวางมือจากงานและให้ไตรภพมารับช่วงบริหารบริษัทต่อแต่ไตรภพไม่ชอบงานที่พ่อส่งต่อให้และไม่อยากทำ

“แล้วไง แกจะปล่อยให้บริษัทที่ฉันสร้างมาพังไปต่อหน้าโดยไม่คิดทำอะไรเลยงั้นเหรอ”

“แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง แทนที่พ่อจะมาบังคับผม พ่อเอาเวลาไปหาคนเก่งๆมาบริหารงานแทนไม่ดีกว่าเหรอ” ไตรภพตอบโต้พ่ออย่างไม่เกรงใจแล้วเดินออกจากห้อง มาเจอรสสุคนธ์กับปัทม์ทั้งสองยกมือไหว้ เขายักคิ้วรับไหว้ลวกๆ มองปัทม์เหยียดๆแล้วเดินผ่านไป

ปัทม์ถามว่านั่นเจ้านายรสหรือ รสสุคนธ์บอกว่าไม่ใช่ เจ้านายตนคือคุณไตรคุณท่านอยู่ข้างใน บอกว่าแล้วจะเล่าให้ฟัง

พอรสสุคนธ์พาปัทม์เข้าพบไตรคุณ เขาบอกปัทม์ว่าคุณรสเล่าเรื่องเขาให้ฟ้งแล้ว ตอนนี้บริษัทกำลังต้องการคนพอดี ถามว่า “คุณขายเก่งไหม”

“ครับ ถ้าไม่ผิดกฎหมายผมขายได้หมดครับ”

“ดี ผมจะให้คุณทดลองงานฝ่ายขายเป็นเวลาสามเดือน ถ้าผ่านก็จะได้เป็นพนักงาน แล้วทำให้ได้อย่างที่พูดนะ...ฝากคุณจัดการต่อด้วยนะรส”

รสสุคนธ์รับคำ แต่ปัทม์ยังอึ้งๆงงๆ

ปัทม์บอกนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ว่า เป็นการรับเข้าทำงานที่ง่ายที่สุดในชีวิต นักข่าวถามว่าทำไมหรือ

“คุณไตรภพลูกชายคุณไตรคุณเขาไม่ได้อยากบริหาร เลยทำไม่ได้จริงๆ ก็เป็นปัญหาเรื่องธุรกิจครอบครัวนั่นแหละ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก แต่รุ่นลูกไม่อยากสืบทอดก็เลยต้องหาคนมาทำแทน... เพื่อนผมเขาให้ผมไปทำฝ่ายขาย ซึ่งเขารับผิดชอบอยู่ เขาไม่เหลือใครที่ไว้ใจได้แล้วในแผนกของเขา”

ระหว่างที่รสสุคนธ์พาปัทม์ไปแนะนำเรื่องงาน ทยุตหนุ่มท่าทางฉลาดปราดเปรื่องก็เข้ามาเครียดๆ พอเห็นรสสุคนธ์ก็บ่นระบายทันที

“เจริญ! ที่บริษัทมันจะเจ๊งก็เพราะอย่างนี้แหละ คนพ่อก็ยึดติดแต่ความสำเร็จแบบเดิมๆ ทำเหมือนเดิม แต่จะเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง อยากได้ยอดขายสูงๆ แต่ไม่พัฒนา แล้วจะไปสู้ใครเขาได้ คู่แข่งเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คนลูกนี่ก็คิดว่าเป็นคนรุ่นใหม่เหมือนกันน่าจะเข้าใจกันคุยกันง่ายกว่า ที่ไหนได้ไม่เคยเห็นหัว สายหน่อยก็ไปตีกอล์ฟ ตกดึกก็ไปเฝ้าไนต์คลับ ให้มันได้อย่างนี้สิ!!”

“ใจเย็น นี่ยังไม่ชินอีกเหรอ”

“มันเย็นไม่ไหวแล้วพี่ เสนออะไรไปโดนแม่งยิงทิ้งหมด โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว”

ทยุตพ่นอารมณ์ออกมาจนผ่อนคลายแล้วจึงเห็นปัทม์ เขาขอโทษรสสุคนธ์ไม่รู้ว่ามีแขก รสสุคนธ์จึงแนะนำให้รู้จักกัน บอกปัทม์ว่า

“ทยุตเป็นเหมือนมันสมองของที่นี่ ดูแลเรื่องฝ่ายผลิตทั้งหมด” แล้วถามทยุตว่าคราวนี้เสนออะไรไป

ทยุตบอกว่าที่เราคิดกันเรื่องกระตุ้นยอดขาย ถ้าใครซื้อ TK พอเปิดฝาแล้วเจอข้อความว่าทองคำก็ให้เอาฝานั้นมาแลกรับของรางวัลที่บริษัทได้เลย รสสุคนธ์ชมว่าเป็นความคิดที่ดี

“แต่ท่านบอกว่าไม่มีงบของรางวัล”

ปัทม์เสนอว่าถ้าเราเริ่มจากอะไรเล็กๆก่อน เช่นซื้อ TK แล้วเปิดใต้ฝาเจอคำว่า ‘ฟรี’ ก็รับน้ำอัดลมเพิ่มอีกขวดเลย หรือสะสมฝาครบ 10 ฝาแลก TK ได้ 1 ขวด รสสุคนธ์เสริมว่าหรือใจถึงหน่อยก็แลกของที่คนอยากได้เช่น ปากกา ดินสอ สมุด เสื้อ หรือซาวด์อะเบาต์

ปัทม์กับรสสุคนธ์เสริมกันไอเดียกระฉูด ทยุตชมว่าเจ๋ง รางวัลก็ไม่สูงเกินไป บอกรสสุคนธ์ว่าคราวนี้ให้พี่ไปคุยเองเพราะพี่คุยทีไรผ่านตลอด รสสุคนธ์รับปากทันที ทั้งสามยิ้มให้กันอย่างเข้ากันและมีความหวัง

ooooooo

เมื่อกลับมาที่บ้านเช่า ปัทม์บอกรสสุคนธ์ว่าตนชอบทยุตดูเขาเป็นคนตรงดี รสสุคนธ์บอกว่าเขาเก่งจริงๆ บริษัทอยู่ได้ก็เพราะเขานั่นแหละแต่ก็มาพังเพราะคนคนเดียว

ปัทม์ถามว่าทำไมรสไม่เป็นแบบคนอื่น ทิ้งที่นี่เสียแล้วไปหางานที่อื่นทำ

“คุณไตรคุณเขามีบุญคุณกับรสมาก รสต้องทำให้บริษัทนี้ฟื้นตัวให้ได้”

ปัทม์ถามว่าทำไมลูกชายแท้ๆถึงไม่อยากรักษาไว้

“รสคิดว่าที่นี่พ่อเขาสร้าง คุณไตรภพเขาก็คงไม่อยากทำ...เขาชอบปาร์ตี้ท่ามกลางสาวๆมากกว่า แต่ต้องมาทำน้ำอัดลมเขาก็เลยไม่รู้สึกว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านของเขา อีกอย่างเขาก็เปิดไนต์คลับเป็นของตัวเอง เลยทุ่มเทเวลาไปดูแลธุรกิจตัวเองแทน”

“ผมเข้าใจละ...ถ้าจะทำอะไรสักอย่างเราต้องสนุกกับมัน แม้ว่าเราจะไม่ชอบเราก็ต้องหาจุดที่สร้างความสุขให้กับเรา”

“นี่กำลังปลอบใจตัวเองเหรอ”

รสสุคนธ์แซว ปัทม์ได้แต่ยิ้มๆ

เมื่อรสสุคนธ์กับปัทม์นำแนวคิดไปเสนอไตรคุณ เขาถามว่าคุณแน่ใจหรือ ทั้งปัทม์และรสสุคนธ์ตอบหนักแน่นว่ามั่นใจ

“ดี ถ้ากิจกรรมนี้สามารถเพิ่มยอดขายให้บริษัทสัก 5-10 % ผมจะตกรางวัลให้คุณอย่างงาม แล้วผมจะพิจารณากิจกรรมเปิดฝาแลกทองด้วย”

“ขอบคุณครับ ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

“รสสัญญาค่ะ รสจะทำให้ทุกอย่างกลับมาดีขึ้น”

แม้ไตรคุณจะเห็นชอบกับกิจกรรมนี้ แต่สีหน้าก็ยังไม่มั่นใจนัก

ooooooo

ปัทม์เล่าถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตที่เขามาเป็นพนักงานของบริษัทเพื่อหาประสบการณ์ให้นักข่าวฟังว่า

“ผมเข้ามาทำงานที่นี่เพื่อที่จะเรียนรู้เรื่องการตลาด โดยเริ่มจากการลงไปลุยตลาดเอง โชคดีที่เพื่อนผมเขาให้คำแนะนำที่ดีกับผมว่า วิธีที่ดีที่สุดของการขายของคือการเคาะประตูบ้าน...ผมใช้เวลาเดินเพื่อหาลูกค้าอยู่ 1 อาทิตย์ เชื่อไหมว่าไม่มีร้านไหนสนใจอยากเข้าร่วมโปรโมชันนี้เลย”

เมื่อมานั่งสรุปกันที่ห้องทำงานฝ่ายการตลาด ปัทม์นั่งกลุ้มจนรสสุคนธ์ต้องปลอบให้กำลังใจว่าไม่เป็นไร ปัทม์ต้องเชื่อมั่นในสินค้าที่เราจะขายถ้าเรายังไม่เชื่อมั่นแล้วจะขายให้ใครล่ะ ทยุตบอกว่าคราวหน้าตนจะไปช่วย จะได้อธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ รสสุคนธ์ก็จะไปด้วยถ้าเราทุกคนช่วยกันรับรองต้องขายได้แน่

ปัทม์เล่าว่า “เพื่อนๆพยายามปลอบใจผมว่าอาทิตย์นี้ทำไม่ได้ อาทิตย์หน้าก็ต้องทำได้”

วันต่อมาทั้งสามไปด้วยกัน เข้าร้านนั้นออกร้านนี้แต่ก็ยังขายไม่ได้ จนกระทั่งเข้าร้านขายก๋วยเตี๋ยว รสสุคนธ์ออดอ้อนและตื๊อจนลูกค้าใจอ่อน รสสุคนธ์ยังพูดคุยกับลูกค้าอย่างคล่องแคล่วให้ปัทม์ดูเป็นตัวอย่าง แม้จะได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ทุกที่ที่เข้าไป ทั้งรสสุคนธ์และทยุตจะยื่นนามบัตรส่วนตัวให้ลูกค้า

ปัทม์เข้าร้านขายของชำอีกครั้งเจ้าของมีท่าทีต้อนรับปัทม์ที่ดูเฟรนด์ลี่

ปัทม์สรุปบทเรียนที่ได้รับการต้อนรับจากร้านชำให้นักข่าวฟังว่า

“รสสุคนธ์บอกผมว่าให้ผมคุยกับเจ้าของร้านให้เหมือนเพื่อน ให้เหมือนพี่น้องคุยกัน และผมประสบความสำเร็จในการเข้าถึงร้านหลายๆร้านโดยที่ผมไม่ได้พูดถึงน้ำอัดลม TK เลยสักคำ”

มีอยู่ร้านหนึ่ง อาแปะเจ้าของร้านพยายามยกเก็บสินค้าที่เพิ่งซื้อมาแต่ยกไม่ไหวทำหล่น ปัทม์พุ่งเข้าไปช่วยเก็บ อาแปะขอบใจบอกปัทม์ว่าพรุ่งนี้เอานมมาลงหลายๆโหลเลย อั๊วจะขายนมของลื้อให้ ปัทม์ขอบคุณแต่พอนึกได้ก็รีบบอกว่าตนไม่ได้ขายนมแต่ขายน้ำอัดลม

“จะน้ำนมหรือน้ำอัดลม ลื้อก็เอามาเลย”

ปัทม์จึงโฆษณาโปรโมชันของน้ำอัดลม TK ในช่วงนี้อย่างกระตือรือร้น อาแปะไม่สนใจบอกปัทม์ว่า

“เออๆ มีอะไรก็เอามานั่นแหละ”

ปัทม์เล่าถึงความสำเร็จในเวลานั้นให้นักข่าวฟังด้วยสีหน้าอิ่มเอิบว่า...

“พอมีครั้งแรก ครั้งต่อๆมาแค่ผมพูดคุยเรื่องที่ลูกค้าสนใจไม่ต้องโอ้อวดว่าน้ำอัดลมของผมดีกว่ายี่ห้ออื่นยังไงผมก็ขายของได้ ผมรู้สึกดีจริงๆ”

ooooooo

เมื่อมาสรุปกัน ทุกคนคุยกันอย่างมีความสุขกับความสำเร็จในการตลาด ต่างยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มแด่ความสำเร็จกัน ทยุตบอกว่าแบบนี้ต้องฉลองถามปัทม์ว่าจะเอาที่ไหนดี ปัทม์ยกให้รสสุคนธ์เป็นคนเลือก

“น่ารักที่สุด” รสสุคนธ์ยิ้มปลื้ม

ปัทม์เล่าว่าตนทำงานแบบนี้ได้ 3 เดือน ใช้เวลาทั้งวันเดินหาร้านในกรุงเทพฯและปริมณฑล เล่าเสร็จถามนักข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม

ปรากฏว่ายอดขายพุ่งขึ้นถึง 33% จนไตรภพอุทานว่าฝีมือไม่เลวนี่ ทำได้ยังไง รสสุคนธ์บอกว่าปัทม์เขาหาลูกค้าทุกวันตั้งแต่เช้าจนมืด ไตรคุณชมว่า

“ผลงานของคุณถือว่าเกินเป้า” แล้วบอกทยุตว่า “เพราะฉะนั้นกิจกรรมที่คุณเสนอมาผมอนุมัติให้พวกคุณจัดการต่อได้เลย ผมมีโบนัสพิเศษให้ด้วยนะยังไงก็ขอให้ทุกคนรักษามาตรฐานนี้เอาไว้ด้วย”

ปัทม์กับทยุตไหว้ขอบคุณไตรคุณ เขาบอกมีอะไรให้ไปทำได้แล้วแต่ให้ทยุตกับรสสุคนธ์อยู่คุยกันต่อ

ปัทม์ไปบ้านครูอัญเล่าการทำงานประจำที่ครบ 3 เดือนให้ฟังว่าช่วงแรกเหนื่อยหน่อยแต่ก็พยายามปรับตัว แล้วถามถึงหนูตุ่นว่าเป็นยังไงบ้าง

“ช่วงนี้ยุ่งมาก นิตยสารใกล้ปิดเล่ม กลับบ้านดึกๆดื่นๆทุกวัน พอหายยุ่งก็ทำขนมขาย แล้วยังมีลูกค้าประจำที่คอยสั่งอยู่เรื่อยๆอีก หนูตุ่นจริงจังมาก นี่ได้เพื่อนเขาออกแบบชื่อร้านให้ ดูสิสวยไหม”

ครูอัญหยิบชื่อร้านให้ดูปัทม์เห็นคนออกแบบชื่อ ‘อารักษ์’ ชมว่าน่ารักดีตนเคยดูรายละเอียดบางจุดที่เปลี่ยนไป ครูอัญบอกว่าแก้ไขถี่มาก ก็พอดีมีรถเก๋งมาจอดหน้าบ้านครูอัญบอกว่าสงสัยกลับมาแล้ว

หนูตุ่นเข้าบ้านเห็นปัทม์นั่งอยู่ร้องทักร่าเริงว่า มาที่นี่ได้ด้วยเหรอนึกว่าแฟนพี่ไม่ปล่อยให้มาเสียอีก

อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ปัทม์ ตอนที่ 7 วันที่ 17 มี.ค.62

บทประพันธ์โดย บุรีวาด
บทโทรทัศน์โดย ณัฐ นวลแพง
กำกับการแสดงโดย ศุภฌา ครุฑนาค
ผลิตโดย บริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ