อ่านละคร ปัทม์ ตอนที่ 3 วันที่ 8 มี.ค.62
“บางทีผมก็ไม่เข้าใจอารมณ์หนูตุ่นเหมือนกัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาใจไม่ถูก บางทีผมก็เริ่มรำคาญแล้วเหมือนกัน” ปัทม์บ่นพอเดือนกนกกลับไปก็ถามธนูว่ารู้ไหมทำไมปัทม์ไม่มาทำงาน ธนูบอกว่าคงป่วยหรือไม่ก็เบื่อ ถ้าไม่มาครบเจ็ดวันก็จะบอกให้เฮียไล่ออกไปเลย เดือนกนก
โพล่งว่าพี่ไปทำร้ายเขาจนเขาไม่กล้ามาทำงานแล้ว
ธนูถามว่าไปหามันหรือ ทำไมต้องสนิทสนมกับมันขนาดนี้ เดือนกนกถามว่าหึงหรือ ตนไม่ได้คิดอะไรกับปัทม์เลยแม้แต่นิดเดียว ธนูถามว่าเหมือนที่ไม่คิดกับตนใช่ไหม เดือนกนกบอกว่า “เดือนคิดว่าพี่จะเข้าใจ”
ก็พอดีมีเสียงเอะอะเพราะขาของคนงานเข้าไปในเครื่องตัดน้ำแข็ง ธนูบอกเดือนกนกว่าให้ไปคิดดูแล้วกันว่าสิ่งที่ตนทำกับปัทม์ผิดหรือ แล้วรีบวิ่งไปดูคนงาน อุ้มคนงานขึ้นรถกระบะพาส่งโรงพยาบาล
วันนี้ขณะปัทม์ช่วยแม่ขายของที่โรงเรียน เฮียเล้งก็ไปหาบอกให้ไปกับเฮียหน่อย บอกลินจงให้กลับบ้านไปก่อนตนมีธุระคุยกับปัทม์ พอเดินออกมา เฮียเล้งถามวัดใจปัทม์ว่า คิดว่าตนเป็นคนยังไง และอยากทำงานกับตนไปอีกนานแค่ไหน
ปัทม์บอกว่าเฮียใจนักเลงดี รักลูกน้องและรักความยุติธรรม ตนคิดว่าจะทำงานกับเฮียไปจนกว่าจะถูกเฮียไล่ออก เฮียเล้งบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องไปทำงานที่โรงน้ำแข็งแล้วแต่ให้ตามตนไปทุกที่ บอกว่า
“เฮียทำธุรกิจโรงน้ำแข็งนี่แค่บังหน้าเท่านั้น” ปัทม์ถามว่าตนช่วยอะไรเฮียได้ “ถึงเวลาแกจะรู้เอง ขึ้นรถ”
ปัทม์ในวัย 60 เศษเล่าถึงตอนนั้นแล้ว สรุปหน้านิ่งลึกว่า
“วินาทีนั้นที่ผมก้าวขึ้นรถของเฮียเล้ง ชีวิตของผมก็เข้าสู่อีกโลกหนึ่ง...เป็นโลกสีดำที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะถลำเข้าไปเพราะนับถือเฮียเล้ง ถลำเข้าไปเพราะผมเองที่เป็นคนดี”
แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นก็ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอย่างเจ็บปวด เมื่อเฮียเล้งพาปัทม์ไปที่ซ่องและมีตำรวจกำลังมาจับ เจ้าของซ่องมากระซิบกับเฮียเล้ง เฮียบอกว่าไม่เป็นไรมันมีวิธีซิกแซ็ก ตนสนิทกับวงในจะช่วยประสานงานดูแลให้ รับรองว่าจะไม่มีใครมาจุ้นจ้านกับซ่องเราอีก ปัทม์จึงรู้ว่าที่แท้เฮียเล้งเรียกค่าคุ้มครองจากทุกซ่องในย่านนี้ เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในกรุง คอยชี้เป็นชี้ตายธุรกิจมืดในอนาคต
คืนนี้เจ้าของซ่องเอาเงินเป็นมัดๆให้เฮียเล้ง เขาส่งเงินให้ปัทม์ถือ กระหนาบว่า
“ถ้ารักษาไอ้นี่ไว้ให้เฮียไม่ได้ แกก็รักษาชีวิตตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”
ปัทม์รับเงินมาถือไว้ทั้งงงและประหม่าจนเย็นวาบไปทั้งตัว
ooooooo
ปัทม์ในวัยชราเล่าเรื่องอดีตในวัย 17 ที่ทำให้ชีวิตตนพลิกผันว่า
“ทุกคืนที่ผมต้องติดตามเฮียเล้ง เฮียเล้งจะพูดดีกับทุกคนก่อน แต่เมื่อคุยแล้วไม่ได้รับความร่วมมือ คุยแล้วมีทีท่าจะเกรี้ยวกราด เฮียเล้งก็จะยิ้ม และเมื่อไหร่ก็ตามที่เฮียเล้งยิ้มแบบนั้น เป็นสัญญาณแล้วว่าเจ้าของซ่อง มึงซวยแน่”
แล้วบรรยากาศก็กลับไปสู่ยุคนั้นอีกครั้งจากการเล่าของปัทม์ในวัยชรา...
คืนนั้นเองเฮียเล้งนั่งสูบไปป์สบายใจในรถหรู ดูตำรวจที่วิ่งกรูกันเข้าไปในซ่อง เฮียแสยะยิ้มพึมพำสะใจ
“เดี๋ยวอีกสักพักมันจะมาก้มกราบเฮียให้ช่วย”
ปัทม์ได้แต่นั่งเกร็ง แอบมองเฮียเล้งอย่างไม่สบายใจ จากนั้นเฮียเล้งก็รับเงินจากเจ้าของซ่องเป็นปึกๆ
ปัทม์เล่าถึงหน้าที่ของตนในตอนนี้ว่า
“เฮียเล้งควบคุมซ่องได้อยู่หมัด เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับถึงมือเฮียอย่างนี้ทุกๆเดือน และผมมีหน้าที่รวบรวมมันเก็บมันไว้ในที่เดียวกัน”
เวลานั้นเจ้าของซ่องภิรมย์ถึงกับกราบเฮียเล้งอ้อนวอนเหมือนจะร้องไห้ว่า
“เฮียช่วยผมอีกครั้งเถอะ เด็กผมมันตกเขียว ตำรวจก็จะมาปิดซ่องท่าเดียว” เฮียเล้งถามว่าคุณก็รู้ว่าทำผิดกฎหมายไม่ใช่เหรอ “ผมรู้ว่ากฎหมายทำอะไรผมไม่ได้ ถ้าเฮียช่วยเหลือผม”
แล้วเจ้าของซ่องก็หยิบซองเงินในถุงให้ เฮียเล้งรับแล้วยื่นให้ปัทม์เก็บไว้ในกระเป๋าหนัง
วันต่อมาสารวัตรภักดีมาหาเฮียเล้งที่โรงน้ำแข็งคุยกันอย่างชื่นมื่นถึงผลประโยชน์ที่เอื้อแก่กัน แล้วเฮียเล้งก็บอกให้ปัทม์ออกไปข้างนอก เมื่อสารวัตรภักดีบอกว่าเราจะคุยเรื่องสำคัญกันหน่อย เฮียเล้งให้เงินปัทม์ไปหา อะไรกินข้างนอก กำชับว่าแล้วไม่ต้องบอกคนในโรงงานนะว่าตำรวจมาทำอะไรที่นี่
เฮียเล้งพูดอะไรบางอย่างกับปัทม์ ปัทม์พยักหน้าแล้วค่อยๆเดินออกไปหน้าตาเหมือนจะร้องไห้...
ปัทม์ในวัยชราพูดถึงความรู้สึกตอนนั้นว่า
“ความอึดอัดของผมกับเรื่องนี้มีเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะเฮียเล้งกำชับไม่ให้บอกใครในโรงน้ำแข็งและคนที่บ้าน ถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมเลือกเดินทางผิด”
ooooooo
ความเป็นห่วงปัทม์ ทำให้คืนนี้ลินจงนอนฝันร้ายว่าปัทม์ข้ามถนนถูกรถใหญ่ชนแล้วหนี ทิ้งร่างปัทม์นอนหมดสติอยู่กลางถนน ลินจงร้องกรี๊ดจนตัวเองตกใจตื่นเหงื่อท่วมหน้า ดูนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
กลางดึก ปัทม์เดินแหวกความมืดเข้าบ้าน สมพรถามว่าเพิ่งกลับหรือทำไมกลับดึกจัง ปัทม์บอกว่างานเยอะ สมพรถามว่าเขาผลิตน้ำแข็งทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอ ปัทม์อ้ำอึ้งคิดหาคำตอบไม่ทัน สมพรพูดเองเออเองว่า
“น้าเข้าใจ อากาศมันร้อน คนก็ต้องกินน้ำแข็งกันเยอะ”
“น้าพร ทำงานเป็นไงบ้าง”
“ก็เรื่อยๆ แต่ช่วงนี้รู้สึกแปลกๆ มีคนแปลกหน้าท่าทางไม่น่าไว้วางใจมาบ่อย” ปัทม์ถามว่าใครหรือ “ไม่รู้ แต่เห็นเขาบอกกันช่วงนี้ตำรวจกวดขันทุกที่เลย ของป้าอบนี่ยังไม่โดน”
“อ๋อครับ ดีแล้วครับ” ปัทม์พูดเหมือนรู้อะไร ก็พอดีลินจงออกมาทัก ปัทม์ถามว่าแม่ยังไม่นอนหรือ ลินจงบอกว่านอนไม่หลับ สมพรเลยบอกทั้งแม่ทั้งลูกให้ไปนอนเสีย ปัทม์จึงพาแม่เข้าห้องนอน
เช้าวันต่อมาลินจงตื่นมาทำขนมเสร็จก็จัดเรียงเตรียมเอาไปขาย ปัทม์งัวเงียจะมาช่วย ลินจงบอกให้ไปนอนต่อแม่ทำเองได้ เดี๋ยวค่อยมาช่วยแม่ขนไปโรงเรียนก็แล้วกัน ปัทม์บอกว่าไม่เป็นไรตนไม่ง่วง
“แน่ใจนะ ปัทม์นอนดึกแล้วยังออกนอกบ้านไปทำอะไรตอนตีสองตีสามอีก”
“แม่รู้เหรอว่าผมเดินออกไปข้างนอก” ลินจงพยักหน้า ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า “อ๋อ ไม่มีครับแม่
ผมนอนไม่หลับเลยออกไปเดินเล่นหน้าบ้าน”
ลินจงบอกว่าก็นี่ไงแม่ถึงอยากให้ปัทม์นอนอีก ปัทม์ยืนยันว่าสบายมากแล้วเข้าช่วยแม่อย่างขันแข็ง
แต่พอเข้าห้องเรียน ปัทม์ง่วงเหงาหาวนอนจนครูอัญถามว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา ไม่ได้นอนหรือ บรรจบคู่ปรับเก่าพูดแทรกขึ้นลอยๆว่า “สงสัยรอน้ามันเลิกงานครับ”
ปัทม์ลุกพรวดขึ้นทั้งที่ยังง่วงจนเพื่อนต้องช่วยกันรั้งไว้ บรรจบถามกวนๆว่าเป็นอะไรตนยังไม่ได้พูดดูถูกอะไรเลย
ครูอัญสั่งให้นั่งลงทั้งสองคนก่อนที่ครูจะส่งไปห้องปกครอง แล้วครูก็เดินไปพูดเบาๆกับปัทม์...
“ครูเข้าใจเธอนะ แต่เธอต้องอดทนกว่านี้ ถ้าวันนี้ยังทำไม่ได้ อนาคตข้างหน้าเธอลำบากแน่” ปัทม์รับคำเบาๆ “ครูรู้ว่าเธอทำงานช่วยแม่ แต่ถ้าแบ่งเวลาไม่ได้ ทุกอย่างที่เธอทำอยู่มันก็พังลงได้นะ”
เตือนแล้วครูอัญเดินไป ปัทม์ยังคงนั่งง่วง หาวหวอดๆ อย่างบังคับตัวเองไม่ได้
ooooooo
พักเที่ยงปัทม์ไปช่วยแม่ที่โรงอาหารก็ลงไปนอนใต้โต๊ะตรงช่องขายของ จนหนูตุ่นบอกลินจงว่าพี่ปัทม์ เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว ลินจงบอกว่าป้าก็บอกเขา เขาบอกว่าช่วงนี้งานเยอะต้องเร่งทำ
หนูตุ่นบอกว่าวันหลังต้องไปแอบดูหน่อย ทำไมเขาใช้งานพี่ปัทม์เยอะอย่างนี้ บ่นว่าช่วงหลังนี้พี่ปัทม์ปากคอเราะร้ายเหลือเกินจนหนูตุ่นเองก็ไม่พอใจ ฝากป้า
บอกเขาด้วยว่าให้พักผ่อนเยอะๆแต่อย่าบอกว่าตนบอกเดี๋ยวพี่เขาจะอารมณ์เสีย
“ป้าเองก็คงต้องคุยกับเขาจริงจังแล้วล่ะ ไม่งั้นการเรียนก็เสีย ครูอัญก็เพิ่งมาฟ้องป้าเหมือนกัน”
หนูตุ่นมองปัทม์ที่นอนหลับสนิทอยู่ใต้โต๊ะอย่างเป็นห่วง
ooooooo
คืนนี้ลินจงฝันร้ายอีก ฝันว่าปัทม์ถูกธนูใช้ให้เข็นน้ำแข็งไปไว้ในห้องเย็นแล้วปิดประตูขังปัทม์ไว้ ในฝัน ปัทม์ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหวาดกลัว แต่ไม่มีใครได้ยินเลย
พอสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ลินจงก็วิ่งเข้าห้องน้ำอ้วกจนเลอะพื้นไปหมด สมพรกลับจากทำงานได้ยินเสียงอ้วกเข้าไปดูถามว่าเป็นอะไร ลินจงบอกว่าสงสัยเครียดเพราะเป็นห่วงปัทม์มาก ทำงานกลับบ้านดึก หนังสือก็ต้องเรียน ฝันไม่ดีมาสองสามคืนแล้ว สมพรจะพาไปหาหมอก็ไม่ไปบอกว่าตนไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง
คืนนี้ 5 ทุ่มแล้ว เฮียเล้งพาปัทม์มาที่ซ่องปิติ เจ้าของซ่องมาส่งที่รถด้วยท่าทีนอบน้อมมาก บอกว่าถ้าขาดเหลืออะไรให้บอก หรือจะเอาน้องๆไปนั่งรถเล่นด้วยก็ได้ เมื่อเฮียเล้งปฏิเสธก็ปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อมและยืนส่ง พอรถหายไปในความมืด เจ้าของซ่องก็ชูนิ้วกลางตะโกนด่าอย่างรุนแรง หยาบคาย
ฝ่ายเฮียเล้งเมื่อขึ้นรถก็บอกปัทม์ว่าคืนนี้เหลืออีกสามที่ เห็นปัทม์มีท่าทีกระสับกระส่ายก็ถามว่ามีอะไร ปัทม์บอกว่าเป็นห่วงแม่อยู่บ้านคนเดียวตนอยากกลับก่อนได้ไหม เฮียเล้งถามว่ามีเหตุผลอื่นอีกไหม
“เอ่อ...ช่วงนี้ผมหลับในห้องเรียนทุกวันจนครูเตือนแล้วครับ”
เฮียเล้งบอกว่างั้นก็กลับส่วนอีกสามที่พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็ได้ ตนอยากให้ปัทม์ทำงานอย่างสบายใจ
ปัทม์ขอบคุณและผ่อนคลายขึ้น
เฮียเล้งขับรถมาส่งปัทม์ที่หน้าบ้าน สมพรกับลินจงนั่งรออยู่หน้าบ้าน ปัทม์บอกว่าตนขอเฮียเล้งกลับมาก่อนไม่อยากให้แม่คอย ลินจงเข้ากอดปัทม์น้ำตาไหล ปัทม์ถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น สมพรจะบอกเรื่องลินจงอ้วกแต่ถูกลินจงขยิบตาจึงบอกแค่ว่า
“เขาเป็นห่วงไม่ยอมนอน อยากให้ปัทม์กลับบ้าน เร็วๆ”
“จริงๆแล้วถ้าไม่ติดเรื่องงานเรื่องเงินนะ แม่อยากให้ลูกเลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลย”
“ผมก็พยายามจะกลับให้เร็วทุกวันนะแม่...ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากไปทำงาน”
สมพรเอะใจว่าปกติปัทม์ไม่เคยบ่นเรื่องงาน สงสัยว่างานคงหนักมาก ปัทม์ยืนยันว่าหนักจริงๆหนักจนตนอธิบายไม่ได้ แต่ก็พูดให้น้าพรกับแม่สบายใจว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไป แล้วชวนไปนอนดีกว่า
ooooooo
รุ่งขึ้นปัทม์ตื่นมาทำขนมเสร็จบอกลินจงที่เพิ่งตื่นว่าตนทำเสร็จหมดแล้ว ลินจงบอกเพลียๆว่าวันนี้ไม่ค่อยสบายสงสัยจะไปขายไม่ไหว ปัทม์บอกว่าตนไปขายเอง ให้แม่นอนพักดีกว่าน้าพรก็อยู่ดูแลแม่ได้อยู่แล้ว
ปัทม์เอาขนมใส่รถเข็นเข็นออกไป ลินจงมองตามรู้สึกมึนหัวเหมือนโลกหมุน
พักกลางวัน หนูตุ่นไปดูที่โรงอาหารเห็นปัทม์ขายอยู่คนเดียวถามว่าป้าจงไปไหน พอรู้ว่าไม่สบายก็บอก
“ป้าจงดูแกเหนื่อยนะพี่ ดูแลแกด้วย”
“คิดว่าพี่ไม่ดูแลแกเหรอ...พี่ทำงานทั้งวัน เลิกงานก็ดึก ตื่นเช้า กลางวันขายของ พี่ทำเพื่อแม่เลย ทำไมคิดว่าไม่ดูแล” หนูตุ่นบ่นว่าไปกันใหญ่แล้วตนแค่จะบอกว่าป้าจงแกดูเหนื่อยเท่านั้น
ปัทม์ขอบใจที่หนูตุ่นดูแลทุกคนที่อยู่บ้านตน หนูตุ่นถามว่าง่วงไหม ปัทม์บอกว่านิดหน่อย
“นอนไหม หนูตุ่นขายของให้...อยากให้พี่นอนนะ พี่จะได้ไม่หลับในห้องเรียน จะได้มีแรงดูแลป้าจงตอนกลับไปถึงบ้าน เท่านี้แหละที่หนูตุ่นอยากจะพูด ถ้าหนูตุ่นทำอะไรให้พี่ปัทม์ไม่พอใจ ก็ขอโทษแล้วกันนะ”
ปัทม์อึ้ง พยักหน้าแล้วเดินไปนอนที่โต๊ะอย่างว่าง่าย หนูตุ่นมองปัทม์น้ำตาคลอน้อยใจแล้วขายของต่อ
สมพรดูแลลินจงอยู่ที่บ้าน ลินจงลุกขึ้นบอกว่ารู้สึกเหมือนบ้านหมุนให้สมพรช่วยไปหยิบยาที่ซื้อจากหมอตี๋ให้ที สมพรติงว่าไม่น่าจะใช่ยาที่พี่ควรกิน หว่านล้อมว่าตนเลิกกินยาหมอไปนานแล้ว กินแต่ยาสมุนไพรทุกวัน ลินจงถามว่า “แกเป็นอะไร”
“เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเราจะเป็นอะไร แต่เราเลือกได้ว่าเราจะกินอะไร ใช้ชีวิตอยู่ยังไงให้สุขภาพดีไปจนแก่” ตัดบทว่า “เอางี้ ฉันหาสมุนไพรให้พี่กินดีกว่า แล้วพี่จะดีขึ้น เชื่อฉันสิ”
ลินจงย้ำกับสมพรว่าอย่าบอกปัทม์ว่าตนเป็นอะไร ตนไม่อยากให้งานกับการเรียนของเขาเสีย สมพรรับปากแล้วเดินไปเก็บสมุนไพรที่หลังบ้าน
ooooooo
ปัทม์ทำงานกับเฮียเล้ง นับวันก็ทั้งกลัวและไม่สบายใจ วันนี้เฮียเล้งพาไปดูโรงน้ำแข็งเปิดใหม่สองสามแห่งที่ใหญ่โตและทันสมัย บอกปัทม์ว่านี่จะทำให้ธุรกิจของเราได้กำไรน้อยลง
ปัทม์ถามว่าเราปรับปรุงโรงน้ำแข็งของเราให้ทันสมัยดีกว่าเขาไม่ได้เหรอ
“ได้ แต่เสียเวลา เสียเงิน การจะค้าขายให้สำเร็จและรวยสิ่งสำคัญคือการผูกขาด ผูกขาดผู้ซื้อ ซึ่งเฮียเริ่มไม่ชอบมันเพราะมันแย่งลูกค้าเราไป”
ปัทม์ถามซื่อๆว่ายังไงเราก็ต้องแข่งขันกันไม่ใช่หรือ เฮียเล้งบอกว่าตนไม่ชอบแข่งแต่ชอบผูกขาด ปัทม์ถามว่าเฮียมีวิธีทำอย่างนั้นเหรอ
เฮียเล้งยืมมือสารวัตรภักดีที่ร่วมมือกันเรื่องเรียกค่าคุ้มครองซ่องมาทำงานนี้ โดยให้ตำรวจหาสิ่งผิดกฎหมายในโรงน้ำแข็ง แล้วใช้กฎหมายเล่นงานอีกที
ต่อมาภักดีในชุดนอกเครื่องแบบก็ไปนั่งกินเบียร์กับเฮียเล้งในห้องทำงาน เฮียเล้งถามว่าโรงน้ำแข็งโดนคดีอะไร ภักดีบอกว่าค้ายาเสพติด เฮียเล้งถามทำยังไงถึงจับได้ ภักดีบอกว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย มันมีวิธี เฮียเล้งไม่ถามต่อแต่หัวเราะร่าอย่างถูกใจ
ปัทม์นั่งแอบฟังอยู่ถึงกับตัวสั่น ปัทม์แอบดูสมุดรายชื่อซ่องที่เฮียจะไปหาแล้วยิ่งตกใจเมื่อเห็นชื่อของป้าอบอยู่ด้วย
คืนนี้เฮียเล้งพาปัทม์ไปซ่องป้าอบ สมพรเห็นถามว่าปัทม์มาทำอะไรที่นี่ ปัทม์บอกว่าตนลำบากใจมากแต่คุยกับใครไม่ได้จริงๆ สมพรบอกว่าถ้าไว้ใจน้าก็เล่าให้ฟัง น้าไม่บอกใครหรอก
ทีแรกปัทม์บอกเพียงว่าตนอยากเลิกทำงานกับเฮียเล้ง บอกว่าเฮียเขาเป็นมาเฟีย เรียกค่าคุ้มครองจากทุกซ่องโดยอาศัยมือตำรวจ สมพรตกใจถามว่าตำรวจร่วมมือด้วยหรือแล้วปัทม์อยู่ในแก๊งนี้ด้วยหรือเปล่า
ปัทม์บอกว่าตนต้องไปทุกที่รวมทั้งที่นี่ด้วย สมพรถามว่าถ้าไม่จ่ายแล้วจะมีอะไร
“ตำรวจจะเล่นงานซ่องโดยใช้กฎหมาย ซ่องจึงต้องจ่ายเงินให้เฮียเล้งเพื่อเคลียร์กับตำรวจ ถ้ายังไม่ยอมอีกก็ปิดซ่อง จับเข้าคุก”
“เลวทั้งคู่เลย”
ปัทม์ระบายความอัดอั้นว่าตนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตนอยากมีเงินอยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากดูแลแม่ดูแลน้า ปัทม์เล่าเครียดว่า
“แต่ที่ทำอยู่มันมาไกลจากสิ่งที่ผมคิดไว้มากเลย แล้วก็ไม่รู้จะจบที่ตรงไหน ผมจะโดนจับหรือโดนฆ่าตายไหม...น้าพร ผมไม่อยากทำแล้ว ผมจะทำยังไงดี”
สมพรโผกอดปัทม์ปลอบโยนหลานรักทั้งที่ตัวเองก็หวั่นใจมาก
ooooooo
เดือนกนกเห็นตำรวจมาที่โรงน้ำแข็งบ่อย ปรารภกับธนูว่าพ่ออาจจะกำลังทำอะไรบางอย่างถึงได้เรียกตำรวจมาปรึกษา ธนูพูดอย่างหมั่นไส้ว่า ถามลูกน้องคนสนิทของพ่อเดือนดูน่าจะรู้ เห็นไปไหนด้วยกันตลอด
เดือนกนกจึงเดินไปถามปัทม์โดยธนูตามไปด้วย พอปัทม์บอกเดือนกนกว่าเฮียกำลังทำธุรกิจอย่างหนึ่งอยู่ส่วนตนก็แค่ช่วยถือของให้ ตนคงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เพราะเฮียสั่งไม่ให้พูด
ธนูโพล่งว่าเป็นความลับด้วย ตนตกกระป๋องแล้ว เดือนกนกบอกว่าก็พี่ได้เป็นหัวหน้าคนงานที่นี่แล้วไง
ยังอยากจะเป็นอะไรอีกหรือ ธนูบอกว่าตนอยากได้ความไว้วางใจจากเฮียมากกว่านี้และมากกว่าที่ไอ้ปัทม์ได้รับ ปัทม์เลยรีบตัดบทขอไปพบเฮียก่อน แล้วเดินผ่านทั้งสองไปอย่างนอบน้อม
“เราควรจะต้องรู้ใช่ไหมว่าพ่อกำลังทำอะไร” เดือนกนกเปรย ธนูนิ่งแล้วผละไปทำงาน
ฝ่ายหนูตุ่นเห็นลินจงไม่ได้มาขายขนมสองวันแล้วจึงเล่าให้แม่ฟัง ครูอัญบอกว่าวันนี้ปัทม์ก็ไม่ได้มาเรียน คาดว่าอาจต้องดูแลป้าจง หนูตุ่นบ่นว่าป่วยอย่างนี้จะทำขนมขายได้ยังไง บอกแม่ว่าเย็นนี้ตนจะไปเยี่ยมป้าจง ครูอัญบอกว่าแม่ไปด้วยไม่ได้เพราะต้องเฝ้าบ้านแต่ฝากของเยี่ยมไปด้วย
ลินจงขอบคุณครูอัญกับหนูตุ่นที่ดูแลตนเป็นอย่างดี หนูตุ่นถามว่าไม่ทำขนมขายแล้วใช่ไหม ลินจงบอกว่ายังไม่รู้ว่าจะทำขนมได้อีกเมื่อไหร่ หนูตุ่นอาสาจะทำให้ ลินจงจึงพาไปสอนบางอย่างที่หนูตุ่นยังไม่รู้ในครัว
ooooooo
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ปัทม์ ตอนที่ 3 วันที่ 8 มี.ค.62
บทประพันธ์โดย บุรีวาดบทโทรทัศน์โดย ณัฐ นวลแพง
กำกับการแสดงโดย ศุภฌา ครุฑนาค
ผลิตโดย บริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ