อ่านละคร แรงตะวัน ตอนที่ 8/3

อ่านละคร แรงตะวัน ตอนที่ 8/3

รถพาน้องพีทและทีมไปตามจุดต่างๆของไร่ปลายฟ้า ดูบึงน้ำที่ควายมูร่าห์แช่น้ำเล่น ดูการต้อนควาย การรีดนมควาย ไปดูไร่ข้าวโพดอ่อนที่เป็นอาหารสำหรับควาย น้องพีทตื่นเต้นดูมีความสุข เพ็ญสิริหมั่นไส้ที่วิสุทธิ์ดูจะเอาใจเคทมากๆ

สุริเยนทร์มองเคทที่หัวเราะมีความสุขไปกับน้องพีท รู้สึกอยากเข้าไปอยู่ร่วมด้วย สุพลนั่งข้างๆคอยสังเกตอาการเจ้านาย...พอมาแวะให้อาหารควาย น้องพีทชอบใจร้อง ว้าวๆๆสุดยอด วิสุทธิ์ เคท เพ็ญสิริและลออร้องตามอย่างสนุกสนาน สุริเยนทร์เหมือนเด็กชะเง้อมองอยากเข้าไปเล่นด้วย สุพลยุให้เข้าไป แต่พอเขาขยับ น้องพีทก็หนีไปหลบหลังลออ ทำให้เขาเซ็ง

วิสุทธิ์ถือขวดน้ำมาเปิดส่งให้น้องพีทและเคท เพ็ญสิริยืนรอเก้อน้อยใจเดินหนี ชั่งใจว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกแบบนี้ จึงตั้งสติรวบรวมความกล้าหันไปเผชิญหน้าใหม่ ให้มันรู้กันไปว่าไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด เผอิญวิสุทธิ์หันมาสบตาเข้าพอดี เธอผงะเดินจ้ำแยกออกมาหัวเราะกลบเกลื่อนตัวเอง “ก๊ากๆใครจะไปรู้สึกกับอีตาผู้ชายปากเราะร้ายควายมูร่าห์ได้ มีแต่คนบ้าเท่านั้น”



พลันหันกลับมาชนเข้ากับอกวิสุทธิ์ที่เดินตามมาอย่างจัง เธอโวยวายใส่แล้วจะเดินหนี แต่เขาคว้ามือไว้ ขอร้องให้ช่วยชวนเคทค้างคืนที่นี่ เพ็ญสิริปฏิเสธแต่เขาตามตื๊อจนเธอต้องยอม

ที่ไร่ปลายฟ้ามีห้องเวิร์กช็อปการทำไอศกรีมจากนมควาย น้องพีทกับเคทช่วยกันตีไข่กับน้ำตาลในกะละมัง เคทเรียกสุริเยนทร์ให้เอาวิปครีมมาเทใส่ น้องพีทหันไปกอดเคทกลัวๆ เคทดึงให้หนูน้อยช่วยกันตีต่อจนมันเริ่มแข็งตัวเป็นไอศกรีม น้องพีทตื่นเต้นร้อง ว้าวๆๆสุดยอด เคทตักป้อน น้องพีทหลับตาทำท่าห่อไหล่ร้อง “เย็นเจี๊ยบเลย บรื๋อ...”

เคทให้ป้อนตนบ้างแล้วทำท่าเดียวกัน หนูน้อยหัวเราะชอบใจเดินยื่นให้ทุกคนตักชิม ทุกคนก็ทำท่าหลับตาห่อไหล่ร้อง เย็นเจี๊ยบเลย บรื๋อ...แต่พอมาถึงสุริเยนทร์ น้องพีทชะงักถอยหนี เขาจึงตักชิมเองแล้วยืนนิ่ง เคทส่งซิกให้ทำท่าด้วย เขาจึงฝืนทำเก้ๆกังๆ เคททำหน้าเซ็งปนขำ

พอวิสุทธิ์เอานมควายมาวางให้ทุกคนดื่ม เคทกับน้องพีทดื่มแล้วร้อง ว้าวๆๆๆสุดยอด...เคทให้น้องพีทเอาแก้วนมไปให้หมีภู หนูน้อยส่ายหน้ารัวๆ ลออกระตุ้นให้เอาไปยื่นแค่นั้น แต่หนูน้อยก็ไม่ยอมท่าเดียว สุริเยนทร์เซ็งถอดหมวกออกแล้วเดินหนี เคทวิ่งตามมาขอให้อดทน

“ทำไมกับผมถึงไว้ใจยากเย็น ทีกับคนอื่นหรือไอ้วิสุทธิ์ไม่เห็นจะกลัวมากขนาดนี้เลย”

“จะให้ฉันบอกไหมล่ะว่าคุณน่ากลัวแค่ไหน...” เคทชูแผลที่ข้อมือทั้งสองให้ดู

สุริเยนทร์ขัดใจรู้ว่าผิดแต่ก็ยอมทำติงต๊องขนาดนั้นแล้ว เคทติงคิดว่าแค่นั้นจะลบล้างความน่ากลัวที่เขาทำไว้ได้หรือ ถ้าอยากให้น้องพีทไว้ใจเขาต้องทำอีกเยอะเตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย และตนจะแนะนำให้อย่าง เล่นกับเด็กอย่าเก๊กมาก อย่าท่าเยอะ ทำตัวง่ายๆสบายๆบ้างก็ได้ สุริเยนทร์ฮึดฮัดแต่ก็แอบอมยิ้มมองความสดใสของเคท

วิสุทธิ์แอบมองเห็นเคทกำลังเดินมาก็ดันเพ็ญสิริออกไปหาเพื่อให้ชวนเคทค้างที่ไร่ โดยเขาแอบพากย์อยู่มุมตึก เพ็ญสิริจำต้องพูดตามที่วิสุทธิ์กระซิบอย่างตะกุกตะกัก บางประโยคยาวเกิน เธอจึงตัดบทพูดเองว่าให้เคทอยู่เม้าท์กันสักคืน ตนมีเรื่องเม้าท์มากมาย ทันใดสุริเยนทร์เดินเข้ามาข้างหลังวิสุทธิ์ เสียงกร้าวว่า “ฉันไม่ให้ค้าง ทานตะวันเป็นคนของไร่ภูทับดาว ก็ต้องนอนที่นั่นเท่านั้น เสียใจด้วยนะ”

เคทตกใจเดินเลยมาดูเห็นวิสุทธิ์อยู่กับสุริเยนทร์ แล้วสุริเยนทร์ก็มาดึงมือเธอออกไป...เขาต่อว่าเธอมาที่นี่ไม่ได้คิดช่วยเขากับน้องพีท เธอตั้งใจมาหาวิสุทธิ์ เคทโกรธที่หาว่าเธอบ้าผู้ชาย เขาสวนมันจริงใช่ไหม เคทจ้องหน้า

“อดทนเป็นคนปกติได้ไม่ทันข้ามวัน จะกลับมาป่าเถื่อนอีกแล้วใช่ไหม จะเป็นอย่างนี้ใช่ไหม ฉันจะได้ไม่ต้องช่วยอะไรอีก ช่วยไปก็เปล่าประโยชน์เพราะคุณจะทำลายมันด้วยนิสัยของคุณเอง” สุริเยนทร์สวนว่าประวัติเธอกับพี่ชาย งานไม่ทำเอาแต่เกาะสุรีย์กินแล้วจะให้เชื่อใจได้อย่างไร เคทโวย “ประวัติคุณดีตายล่ะ คุณตัดสินฉันได้ ฉันก็ตัดสินคุณได้เหมือนกัน” เคทอ่านความรู้สึกเขาออก “ฉันเข้าใจนะว่าการทำตัวดี อ่อนโยนน่ารัก มันเป็นเรื่องไม่คุ้นชินสำหรับคุณ แต่คุณก็ต้องพยายามมากกว่านี้ ถ้าไม่เปลี่ยนนิสัย ชีวิตก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

สุริเยนทร์หงุดหงิดใจรู้ว่าตัวเองผิดแต่ไม่ยอมรับ เคทเดินแยกไป

ooooooo

ค่ำนั้น วิสุทธิ์นั่งดื่มห่อเหี่ยวอยู่ที่โต๊ะซึ่งตั้งใจจัดสำหรับดินเนอร์กับเคท เพ็ญสิริออกมาเห็นตื่นตาเพราะดูโรแมนติกมาก อดแซวเขาไม่ได้ที่ผิดหวัง ให้ถือว่าเป็นการซ้อมใหญ่ไปก่อน

วิสุทธิ์บ่นปีนี้คงเป็นปีชง คนที่ชอบกลับพลาด ไอ้ที่ไม่ชอบถูกยัดเยียดให้มาเป็นเมีย เพ็ญสิริของขึ้นที่โดนพาดพิง เขาบอกให้เธอรีบไปหาสามีเสียที เธอสวนตนผิดหรือ เขาเมาจึงโพล่งออกไปว่าใช่...และเธอต้องแก้ตัวด้วยการทำให้เคทมารักตน เขาสั่งให้เธอนั่ง เพ็ญสิริไม่นั่ง

“จะให้ฉันซ้อมใหญ่ไม่ใช่เหรอ ฉันจะซ้อมกับเธอ... นั่ง! จะนั่งหรือจะให้ฟาดเหม่ง”

เพ็ญสิรินั่งลง วิสุทธิ์ให้เธอบอกว่ามีอะไรต้องแก้ไขบ้าง...วิสุทธิ์คุยเรื่องตลกสารพัดเพื่อให้เพ็ญสิริฟังว่าอันไหนสนุกน่าเอามาเล่าให้เคทฟังได้บ้าง หญิงสาวรู้สึกว่ามันฝืดฝืนไปหมด จึงบอกให้เขาเปลี่ยนมาคุยเรื่องทั่วไปหรือเรื่องตัวเอง เขาก็พูดไปเล่นมุกไปแล้วถามตลกไหม เพ็ญสิริเอาช้อนเคาะหัวเขาเรียกสติกลับมา แล้วแนะนำ

“อยากเอาชนะใจหญิงต้องมีความจริงใจ สุภาพบุรุษ ความเข้าอกเข้าใจรู้จักไหม เก่งแต่กับเรื่องควายๆเรื่องคนๆ ล่ะบื้อ...ชวนคุยมา เรื่องไหนผ่านฉันจะตอบ แต่ถ้าเรื่องไหนไม่ผ่านฉันจะตี” เพ็ญสิริดึงมือเขามาวางบนโต๊ะ แล้วตีลงบนหลังมือเขา

วิสุทธิ์ดึงมือเพ็ญสิริมาวางด้วยและว่า ตนจะถามคำถาม ถ้าคำถามไหนไม่ผ่านตนก็จะตีเธอ วิสุทธิ์เผลอมองเธอด้วยแววตาเคลิ้มๆ เธอเอ็ดมองอะไร เขาสะดุ้งตั้งคำถาม “ทำไม...เราเจอกันตั้งนานแล้ว ทำไมผมเพิ่งเคยเห็นว่าคุณสวยน่ารักจังเวลายิ้ม เวลาหัวเราะ มันสดใสมีชีวิตชีวา”

เพ็ญสิริอึ้งตาโพลง เขาถามอีกว่าเขาจีบเธอได้ไหม หญิงสาวถามหมายถึงตนหรือเพื่อนตน วิสุทธิ์บอกตนจับมือใครอยู่ก็หมายถึงคนนั้น “มือคุณเย็นมาก ตื่นเต้นเหรอ ตื่นเต้นเพราะคุณก็รู้สึกเหมือนผมใช่ไหม...คุณเสร็จผมแล้วเต็มๆ”

วิสุทธิ์เอาช้อนเคาะหลังมือเพ็ญสิริ เธอร้องโอ๊ย...

เขากลับหัวเราะทำเอาเธองอนลุกหนี วิสุทธิ์ตามมาทายาที่หลังมือให้ เธอโวยว่าเขาทำร้ายผู้หญิง แบบนี้เพื่อนตนเกลียดที่สุด

“ผมจงใจทำที่ไหน ก็มันเป็นกติกา” เพ็ญสิริว่าเขาจงใจหลอก “ใครหลอก ผมคิดว่าพูดกับคุณเคทอยู่ คุณนั่นแหละคิดเข้าข้างตัวเอง ทำไมเหรอ ชอบผมเหรอ”

เพ็ญสิริชักมือกลับโกรธๆ เขายิ่งแหย่ว่าแบบนี้ชอบตนแน่ เธอโวยไม่ได้ชอบแล้วยื่นมือกลับให้เขาทายา เขาทาไปพูดไป “ดีแล้ว อย่ามาชอบผมเลย เดี๋ยวจะวุ่นวายไปกันใหญ่ เพราะคุณมีหน้าที่ต้องทำให้ผมรักกับคุณเคท เข้าใจไหม”

เพ็ญสิริบอกรู้แล้ว วิสุทธิ์ขอบคุณที่ช่วย ถึงคราวเธอตนจะช่วยเหมือนกัน เธอทำหน้าเซ็ง

เช้าวันใหม่ เคทจะกลับไปทำงานที่คอกม้าอย่างเดิม เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรให้สุริเยนทร์เปิดใจมามีความสุข ไม่ใช่เอาแต่จมกับความทุกข์ในอดีต ป้าอุ่นเห็นเคทแต่งชุดทำงานในไร่ก็ดีใจที่พวกตนไม่ต้องแต่งตัวเป็นคาวบอยแล้ว เคทหันไปบอกน้องพีทว่าตนจะไปทำงาน

จู่ๆก็มีรถบังคับแล่นมาตรงหน้า น้องพีทตื่นเต้นวิ่งตามดู เคทกับลออวิ่งตามเห็นน้องพีทยืนตะลึงเพราะคนที่บังคับรถคือสุริเยนทร์ เขาลอยหน้าถามอยากเล่นไหม น้องพีทถอยหนี เขายั่วถ้าอยากเล่นก็มาหยิบ ว่าแล้วก็วางรีโมตลงกับพื้นแล้วหยิบรีโมตเครื่องบินมาบังคับ น้องพีทตาโต เคทรู้ทันทีว่านี่คือวิธีของเขาจึงยิ้มขำๆ

ป้าอุ่นแอบโทร.ไปฟ้องแขไข ว่าตั้งแต่สุริเยนทร์ไปค้างอยู่ในป่ากับเคทกลับมาเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แล้วฟ้องว่าเคทปรับเปลี่ยนเครื่องแบบพนักงานในไร่...พอวางสายหันมาเจอเสือโคร่ง ผิว พิณและจ้อนมองอยู่ ป้าอุ่นแถว่าตนส่งเสริมอย่างสร้างสรรค์ไม่ได้ยุแยง

แขไขรีบแต่งตัวจะออกไปไร่ภูทับดาว เดชามาขวางไม่ให้ไป แขไขร้องไห้ว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องมากักขัง ตนเข้าใจแล้วจะไม่พูดถึงเรื่องความผิดคฑาวุธ เดชาใจอ่อนยอมปล่อยให้ลูกไป คฑาวุธเข้ามาโวยแน่ใจได้อย่างไรว่าแขไขจะไม่ปากโป้ง เดชาว่าน้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังตนมาตลอด ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคือไปหารุจิราที่กรุงเทพฯ

นพสิทธิ์อยากออกไปสูดอากาศแต่ลูกน้องเดชาขวางบอกเขาออกจากห้องนี้ไม่ได้ เขายื้อยุดจะออกไปให้ได้ คฑาวุธเข้ามาเสียงเข้ม “อย่าหาเรื่อง รู้สถานะตัวเองบ้าง...แกมันฆาตกรหลบหนี ตำรวจกำลังล่าตัวแกอยู่ อยากให้มีคนแถวนี้เห็นแล้วโทร.ไปแจ้งตำรวจหรือไง”

นพสิทธิ์บ่นคนมันเบื่อ แล้วเปลี่ยนมาขอยืมมือถือโทร.หาน้องสาวเพื่อบอกว่าตนปลอดภัยดี คฑาวุธสั่งไม่ต้องโทร.แล้วกำชับลูกน้องเฝ้าไว้ให้ดีๆ นพสิทธิ์งงอะไรกันนักหนา

ooooooo

เมื่อต้องการหลักฐาน เอกณัติจึงกลับมาหารุจิรา ตื๊อขอทำงานด้วยอีก อ้างว่าเพื่อปกป้องเธอจากแฟนเก่าไม่ให้มาทำอะไรรุนแรงกับเธอ และตนก็เป็นแฟนคลับที่ชื่นชอบเธอมานาน

“ครับ ผมชื่นชอบผลงานของคุณ ความคิดและการใช้ชีวิตแบบคุณมากครับ...”

รุจิราหยั่งเชิงถามงานตนเป็นอย่างไร เอกณัติตอบว่า มีเสน่ห์น่าค้นหา เต็มไปด้วยความลับ...นิยามของแฟชั่นสไตล์รุจิรา เขายังรู้อีกว่าเธอหนีออกจากบ้าน ทำงานส่งตัวเองเรียนแฟชั่น ไม่จบปริญญาแต่ขวนขวายจนเป็นที่ยอมรับในแวดวงแฟชั่นของยุโรป ก่อนจะมาดังในเมืองไทย และกลายเป็นแฟชั่นไอดอลของยังดีไซเนอร์รุ่นใหม่

รุจิราทึ่งถามเขาสนใจแฟชั่นจริงหรือมีเจตนาอะไร เอกณัติเล่าว่าเธอเคยให้สัมภาษณ์เคล็ดลับที่ทำให้งานของเธอโดดเด่นคือความลับ แต่คนที่มีความลับเยอะๆไม่มีความสุขหรอก หญิงสาวถามเขามีเจตนาอะไรกันแน่

เขาสบตาเธอนิ่งก่อนจะบอกว่าเขาสนใจเธอ

รุจิรามองหัวจรดเท้าถาม “คุณจะจีบฉัน” เอกณัติถามได้ไหม เธอประชด “เอาสิกำลังหิวอยู่พอดี...รอตรงนี้นะ เลิกงานแล้วค่อยไปกินกัน” รุจิราเดินไป เอกณัติมองตามรู้สึกสยอง

เอกณัติกลับมานั่งรอในรถที่จ่าเล็กรออยู่ เล่าให้จ่าเล็กฟังว่าไม่รู้จะเริ่มจีบรุจิราอย่างไรดี

ด้านวิสุทธิ์หลบมาท้ายไร่เพื่อเจอกับเหน่งนักสืบที่เอาคลิปสัมภาษณ์ลุงคนที่เป็นคนเก็บแหวนของอาทิตย์ได้...แกเล่าว่าแกแอบเข้าไปหาของป่า เจอเจ้าหน้าที่เลยหนีแล้วหลงป่าไปจนเจอแหวนตกอยู่ ไม่กล้าเอาไปขายจนผ่านมาเป็นปี เมียป่วยไม่มีเงินรักษาจึงเอาออกมาขาย

วิสุทธิ์ถอนใจได้แหวนของอาทิตย์มาแต่ไม่ได้เบาะแสอะไร เหน่งบอกว่าได้ “ได้รู้ว่านายอาทิตย์หนีเข้าป่า และเส้นทางนั้นมันก็เป็นทางที่หนีไปประเทศเพื่อนบ้านได้”

“นายอาทิตย์หนีออกไปแล้วเหรอ...ไม่จริง มันต้องยังซ่อนอยู่ที่นี่!” วิสุทธิ์เครียด

เพ็ญสิริโผล่เข้ามาถามอาทิตย์หนีไปไหน แอบมาคุยอะไรกัน อย่าปิดบังตน วิสุทธิ์กำลังเครียดเดินหนี เพ็ญสิริวิ่งตามแย่งแหวนมาดู เขาระเบิดอารมณ์ “เอ้า เอาไปเลย แหวนนายอาทิตย์ ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว มันหนีออกนอกประเทศไปแล้ว...สุดท้ายคนชั่วก็ลอยนวล คนผิดไม่เคยถูกลงโทษ กี่คนๆก็หนีออกนอกประเทศไปได้หมด ไม่ยุติธรรม!”

เพ็ญสิริสลดลงเมื่อเห็นวิสุทธิ์เครียดขนาดนี้ พยายามปลอบใจ เขากลับบอกให้เธออยู่เฉยๆ เธอจึงนั่งลงข้างๆเขาอย่างห่วงๆ...

ผ่านไปพักใหญ่ เพ็ญสิริถามจะเฉยอีกนานไหม คนเราควรจะเครียดอย่างมีลิมิต เครียดพอเป็นสีสันของชีวิต แต่ไม่ใช่เครียดทั้งชีวิต เอาเวลาไปทำเรื่องมีประโยชน์ ได้แล้ว...วิสุทธิ์บอกไม่ต้องมายุ่ง เธอบอกไม่อยากเจอเคทก็ช่าง เพราะตอนนี้เคทพาน้องพีทมาถึงที่นี่แล้ว ถ้าเคทเห็นหน้าเครียดของเขาคงกลัว ถ้าอยากไปเจอเพื่อนตนก็ต้องยิ้มหรือพูดคำว่าชีส...เมื่อวิสุทธิ์ไม่ทำ เพ็ญสิริก็หมดความอดทนลุกหนี เขารีบลุกตามอ้างที่ลุกเพราะรำคาญ หญิงสาวหมั่นไส้...

แล้วเอกณัติก็แอบกลับเข้ามาในร้าน เห็นรุจิรากำลังดูแบบสเกตช์ที่ดีไซเนอร์เอามาให้ดู แล้วปัดทีละแผ่นๆลงพื้นบอกไม่ผ่านๆๆจนหมด โวยไม่มีความคิดสร้างสรรค์ หมดแล้วใช่ไหมจะได้รับดีไซเนอร์ใหม่ พนักงานจ๋อยรวบงานที่พื้นรีบออกไปทำให้ใหม่...รุจิราดูหงุดหงิดมาก แล้วเธอก็หันมาเจอหน้าเอกณัติ เขาอึกอักอ้างขอมาเข้าห้องน้ำแต่ไม่เข้าแล้ว เขาถอยออกไป

เอกณัติกลับมาหาจ่าเล็ก บ่นว่ารุจิราเป็นเจ๊โหดน่าดู จ่าเล็กรายงานว่าคนของเราทราบแล้วว่าจะเจอตัวเสี่ยทะนงได้ที่ไหน เขาจะจีบหญิงหรือจะจับเสี่ยแก่ๆ เอกณัติถลึงตาถามเสี่ยอยู่ไหน

เสี่ยทะนงมาหาอีหนูที่คอนโดแห่งหนึ่ง พอเข้ามาในห้องอีหนูก็กล่าวขอโทษ เขาคิดว่าเธอไปทำอะไรผิดมา ไม่ทันไร เอกณัติกับตำรวจนอกเครื่องแบบก็โผล่มารวบตัวเสี่ยทะนง

ooooooo

ที่โถงรับรองไร่ปลายฟ้า สุริเยนทร์เล่นรถบังคับแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ยั่วน้องพีทอยู่ เพราะหนูน้อยได้แต่มองไม่กล้าเข้ามา เคทถามไม่อยากเล่นหุ่นแปลงร่างหรือ สายตาน้องพีทอยากแต่ปากบอกว่าไม่ ไม่เล่นหุ่นปีศาจ สุริเยนทร์ฉุนติงเมื่อไหร่จะเลิกเรียกตนว่าปีศาจ

“เมื่อเลิกเป็นปีศาจนั่นแหละ แล้วหัวหมีอยู่ไหน” เคทจ้องหน้าเชิงบังคับ

สุริเยนทร์จำต้องสวมหมวกหูหมี เอ็ดน้องพีทเล็กๆ “จะบอกให้ว่าหุ่นที่ถืออยู่นั่นก็ของฉัน สุรีย์ให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิด ถ้ากลัวนักก็เอาคืนมา” น้องพีทกอดแน่นไม่คืน

เคทปรามถ้าสุรีย์ให้เขาก็ไม่ต้องคืน เพราะเท่ากับหุ่นนี้เป็นของน้องพีท สุริเยนทร์โวย “ไม่ใช่! สุรีย์ให้ฉันแล้วก็ต้องเป็นของฉัน เอาคืนมา...งั้นเอาหุ่นนี้ไป เอาหุ่นนั้นมาสิ”

เสือโคร่งตะลึงกระซิบกับลออว่า เจ้าพ่อภูทับดาวแย่งหุ่นยนต์กับหลานตัวเอง ลออกระซิบตอบว่า เป็นเจ้าพ่อที่โนเนะมาก วิสุทธิ์เข้ามาสมทบ ต้องเป็นเจ้าพ่อตัวปลอมแน่ๆ เพ็ญสิริแทรก “หรือนายภูจะมีสองบุคลิกแบบพระเอกซีรีส์เกาหลี กลางคืนชั่ว กลางวันชิว”

บ่ายวันนั้น กิจกรรมที่ไร่ปลายฟ้าให้ทำการปั้นดิน เคทชวนน้องพีทปั้นจาน เริ่มด้วยการกดดินแบนๆ สองอาหลานช่วยกันกดเท่าไหร่ดินก็ไม่แบน สุริเยนทร์รำคาญลุกขึ้นมาดึงก้อนดินไปทิ้งลงบนโต๊ะเสียงดังปัง...แล้วกดด้วยฝ่ามือทีเดียวแบนแต๊ดแต๋ สองอาหลานมองตะลึง ทึ่ง สุริเยนทร์เห็นสายตาน้องพีทก็วางมาดขรึมเก๊กอวด

ระหว่างนั้นมีพนักงานมากระซิบเคท เธอลุกเดินออกไป ปรากฏว่าวิสุทธิ์มีเรื่องอยากคุยกับเธอ เขาส่งแหวนให้ เคทปฏิเสธรับไม่ได้ เขารีบบอกไม่ได้ให้ แค่ให้ดู เพ็ญสิริหัวเราะที่เพื่อนหน้าแตก วิสุทธิ์กลับบอกว่า ไม่เป็นไร โก๊ะนิดๆน่ารักดี เคทปัดเปลี่ยนเรื่องอยากรู้ว่าแหวนอะไร วิสุทธิ์เล่ารายละเอียดให้ฟัง เคทไม่อยากเชื่อ แค่เจอแหวนในป่าจะถือว่าอาทิตย์หนีออกนอกประเทศไปแล้ว วิสุทธิ์ก็ไม่อยากเชื่อแต่มันเป็นทางที่เป็นไปได้ที่สุด ฉะนั้นเธอไม่ต้องสืบเรื่องอาทิตย์อยู่ที่ไร่ภูทับดาวแล้ว ไม่ต้องทำอะไรเสี่ยงๆอีกตนเป็นห่วง

อ่านละคร แรงตะวัน ตอนที่ 8/3

ละคร แรงตะวัน บทประพันธ์โดย: เบญจามินทร์
ละคร แรงตะวัน บทโทรทัศน์โดย:ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส
ละคร แรงตะวัน กำกับการแสดงโดย:พี่นาย สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร
ละคร แรงตะวัน ผลิตโดย:บริษัท เลิฟ ดราม่า จำกัด By ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา
ละคร แรงตะวัน ออกอากาศ ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. เริ่ม 15 มิถุนายน 2559
ละคร แรงตะวัน ติดตามชมได้ทาง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ