อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนอวสาน วันที่ 8 ก.ย. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนอวสาน วันที่ 8 ก.ย. 56

“ใช่ เสื้อของเจ้ามิเชลล์ เราจะให้ช่างตัดชุดที่เจ้าจะใส่ในงานแต่งงานของชารีฟกับชาลิตา อ้อ...ช่าง เจ้าตัวมาแล้ว ช่างไม่ต้องวัดจากเสื้อหรอก วัดจากตัวเธอเลย”
มิเชลล์ทนเห็นชายที่ตัวเองรักแต่งงานกับหญิงอื่นไม่ได้ ขออนุญาตไม่ไปร่วมงาน พระชายาไม่อยากทำร้ายจิตใจมิเชลล์มากไปกว่านี้จึงบอกช่างให้วัดสัดส่วนจากเสื้อก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องรบกวนเจ้าตัว

“ได้เพคะพระชายา รูปร่างอย่างนี้ตัดเสื้อผ้าไม่ยากเพคะ เพียงแต่อาจจะไม่ฟิตพอดีทุกส่วน”


มิเชลล์ไม่อยากทำตัวให้ยุ่งยาก “วัดก็ได้เพคะ”

“ขอบใจเจ้ามากมิเชลล์ ขอให้รับรู้ด้วยนะว่าเราเห็นใจเจ้ามากที่สุด ถ้าเป็นเจ้า ความสุขใจของเราจะสมบูรณ์เต็มร้อย แต่นี่....เหลือเพียงครึ่งหรือไม่ยังไม่รู้เลย” คำพูดของพระชายาทำให้มิเชลล์ซาบซึ้งใจน้ำตาซึม....

หลังจากทราบแผนการทั้งหมดแล้ว ชารีฟเล่นไปตามบทบาทที่องค์อาหเม็ดกำหนดให้ ไม่มีฮึดฮัดขัดขืนใดๆอีก แม้รู้ดีว่าการสวมบทว่าที่เจ้าบ่าวของชาลิตาจะทำให้มิเชลล์ร้าวรานใจ แต่เพื่อให้แผนงานแต่งของเขากับหญิงคนรักสำเร็จลุล่วง ชารีฟจำต้องเก็บความสงสารเอาไว้....

ไม่ได้มีเพียงมิเชลล์เท่านั้นที่ถูกหลอกให้เข้าใจผิด ชารีฟ ชาลิตาและเจ้าชายอับดุลลาร่วมมือกันทำให้เจ้าหญิง สุไบดาเชื่อสนิทใจว่าลูกชายจะเข้าพิธีแต่งงานกับชาลิตาด้วยความเต็มใจ ทั้งที่ความจริงแล้ว ชาลิตากับเจ้าชายอับดุลลาต่างหากที่มีจิตผูกพันรักใคร่กันและมีกำหนดจะเข้าพิธีแต่งงานกันในภายหน้า ดังนั้น เวลาที่ชารีฟไปไหนมาไหนกับชาลิตาจึงมักจะมีเจ้าชายอับดุลลาอยู่ด้วยเสมอ เพื่อกันข้อครหาในภายหลัง

ooooooo

เจ้าของร้านตัดเสื้อนำชุดเเต่งงานลูกไม้สีขาว สวยงามมาส่งที่ตำหนักใน พระชายาถึงกับตะลึงในความงามเลิศของชุด ชมไม่หยุดปากว่าเจ้าของร้านเสื้อเป็นช่างตัดเย็บที่เก่งที่สุดในฮิลฟารา

“เราตัดสินใจไม่ผิดที่ไม่ส่งเสื้อไปตัดเย็บที่โอต์กูตูร์ของเเบรนด์ดังๆ ในปารีส” พระชายาตรัสจบ หันไปหยิบซองใส่เงินค่าชุดให้ช่างตัดเสื้อ เเล้วเหลือบมองซองอีกหนึ่งซองซึ่งมีตราสายการบินเเอร์ฟรานซ์ที่วางอยู่ นึกถึงมิเชลล์ขึ้นมาทันที...

คนที่องค์ชายานึกถึงกำลังดูเเลคนงานจัดสวนข้างตำหนักใน สำหรับงานเเต่งงานที่จะมีขึ้น มิเชลล์ยืนมองความงดงามของสถานที่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย อีกไม่กี่วันชายที่เธอรักหมดหัวใจจะเเต่งงานกับหญิงอิื่น ครู่ต่อมา มิเชลล์เข้ามารายงานพระชายาว่างานตกเเต่ง สวนเสร็จเรียบร้อยเเล้ว พระองค์ขอบใจเธอมากที่เป็นธุระเรื่องนี้แทนที่ฟาราห์ ทรงตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ เฉพาะเจ้าบ่าวเจ้าสาวเเละญาติสนิทในสวนเเห่งนี้

“เราจะเชิญมาดามเดอลาโรนีส์มางานนี้ด้วย อย่าทำหน้าเเปลกใจอย่างนั้นสิมิเชลล์ มาดามญาติของเจ้าเป็นคุณหญิงทูตฝรั่งเศส ทำไมจะไม่เชิญเธอล่ะ เราจะจ่าหน้าซองด้วยลายมือของเรา เธอจะได้มาเห็นเจ้าด้วยตาเธอเอง” องค์ชายาว่าเเล้วมองมิเชลล์ยิ้มๆ เธอคิดว่าไม่จำเป็น เพราะเธอคงไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็นชัดๆ

“ไม่ได้ เจ้าต้องร่วมในขบวนอยู่เเล้ว ญาติของเจ้าจะได้เห็นว่าเจ้าน่ะสวยงามสมกับสกุลอันยิ่งใหญ่ของเธอเเค่ไหน เเล้วที่เธอมารังเกียจเจ้าน่ะ เธอคิดผิดอย่าง ไม่น่าอภัย มิเชลล์ เจ้าจะต้องสวยที่สุดในวันนั้น เเม้ชาลิตา ก็จะสวยไม่เท่าเจ้า เรารับรอง” พระชายาลูบหัวมิเชลล์ อย่างเอ็นดูรักใคร่

“ต่อไปนี้คงยุ่งอีกสองวันเท่านั้น หม่อมฉันคงไม่ได้พบพระชายาอีก ขอพระอนุญาตให้หม่อมฉันลาวันนี้ได้ไหมเพคะ” มิเชลล์สีหน้าหมองเศร้า พระชายาชะงักไปอึดใจ ก่อนจะอนุญาต

ooooooo

ในที่สุดวันงานเเต่งงานก็มาถึง ทุกอย่างถูกตระเตรียมไว้พร้อมสรรพ เช่นเดียวกับเเผนการขั้นสุดท้าย ซึ่งองค์อาหเม็ดต้องออกโรงเเสดงบทนี้เอง โดยเสด็จไปพบเจ้าหญิงสุไบดาที่ตำหนักของท่าน เจ้าหญิงทั้งตกใจทั้งประหลาดใจ เหตุใดพระองค์จึงเสด็จมาที่นี่ เเต่เเล้วก็คิดเหตุผลออก

“โอ...ไม่ใช่นะเพคะ ไม่ใช่”

“ใช่สิ ต้องใช่อย่างที่เจ้าน้าคิดไม่ผิดเลย ไม่อย่างนั้นหลานจะมาด้วยตัวเองหรือ เอาล่ะเจ้าหญิงสุไบดา ท่านยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสะใภ้ของท่านไม่ได้ เเต่เราอาหเม็ดที่ 3 ยอมรับมาดมัวเเซลล์เดอลาโรนีส์เป็นคุณหญิงของรัฐมนตรีต่างประเทศเเละนายพลชารีฟเเห่งกองทัพบกฮิลฟาราเเละเป็นภรรยาเพียงคนเดียวได้”

เจ้าหญิงสุไบดาถึงกับเข่าอ่อน ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวเเรง...

ในขณะเดียวกัน ที่ตำหนักใน ฟาราห์และนาง กำนัลเข็นหุ่นซึ่งสวมชุดเจ้าสาวไปยังห้องพักของมิเชลล์ ปรากฏว่าเจ้าของห้องหอบเสืิ้อผ้าข้าวของหนีไปเเล้ว

ฟาราห์ไม่รอช้า รายงานพระชายาทันที

ไม่นานนัก ชารีฟเเละการิมขับรถมาจอดหน้าสนามบินเเล้ววิ่งไปยังประตูทางออกที่จะนำไปยังเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ เเต่พนักงานที่ยืนเฝ้าไม่ยอมให้ผ่าน แม้จะเป็นถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ ก็ต้องมีคำสั่งอนุญาตอย่างเป็นทางการจากผู้อำนวยการท่าอากาศยานก่อน เเละต้องรีบๆ ด้วยเพราะเครื่องจะออกในอีก 15 นาทีการิมเกรง จะไม่ทันกาล ขอให้พนักงานอะลุ่มอล่วย แต่เธอยืนกรานต้องมีหนังสือจากท่านผู้อำนวยการฯ ชารีฟยอมรับสภาพ

“พอเถอะการิม เราจะไปซื้อตั๋วเครื่องบินไฟลท์หน้า จะวิตกไปทำไมการิม โลกเราแคบนิดเดียวเท่านั้น”...

ขณะที่ชารีฟหมดหวังที่จะตามตัวมิเชลล์กลับมา พระชายา ชาลิตาและเจ้าชายอับดุลลาต่างนั่งคอตกอยู่ต่อหน้าองค์อาหเม็ด เพราะแผนการล้มเหลวไม่เป็นท่า เจ้าสาวชิงหนีไปเสียก่อน พระชายาขออภัยองค์อาหเม็ดที่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พระองค์ไม่ถือสาแต่ขอให้จำบทเรียนครั้งนี้ไว้ว่า

“คนเราทุกคนมีโอกาสจะทำผิดพลาดได้ ไม่เว้นแม้แต่กษัตริย์ แต่ความผิดพลาดของกษัตริย์นั้นยิ่งใหญ่นัก ฉะนั้นใครก็ตาม เมื่ออยู่ ณ ตรงนี้ ตรงที่ที่เรายืนจึงต้องระมัดระวังตัวและคิดอยู่เสมอว่าความผิดพลาดแม้เพียงน้อยนิดจะส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก” องค์อาหเม็ดตรัสจบ สั่งให้มหาดเล็กต่อโทรศัพท์สายตรงให้...

ระหว่างมิเชลล์กำลังรอให้เครื่องบินขึ้น กัปตันประจำเครื่องบินเดินมาหา แล้วกระซิบบางอย่างด้วย...

ในเวลาต่อมา ชารีฟมาเข้าเฝ้าองค์อาหเม็ดรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง พระองค์ตบไหล่เขาเบาๆเพื่อปลอบโยน ก่อนจะหันไปพยักพเยิดให้มหาดเล็กอย่างรู้กัน แล้วโอบไหล่ชารีฟเดินไปที่ประตูห้อง

“เรามีแขกพิเศษ เขาตั้งใจมางานแต่งงานของเจ้ากับมิเชลล์ เสียดาย เจ้าสาวหนีไปเสียแล้ว บอกกับแขกพิเศษของเรานะว่าเจ้าจะไปตามเจ้าสาวที่ฝรั่งเศสในวันรุ่งขึ้น” องค์อาหเม็ดพาชารีฟมาหยุดตรงประตูห้อง เป็นจังหวะเดียวกับบานประตูเปิดออกเผยให้เห็นมิเชลล์ยืนอยู่ ชารีฟตะลึง ขณะที่องค์อาหเม็ดยิ้มพอใจ

“แต่เราใจร้อนกว่าเจ้า เราตามให้วันนี้และไม่ต้องไปถึงฝรั่งเศสด้วย” องค์อาหเม็ดตบไหล่ชารีฟอีกครั้งแล้วผละจากไป ชารีฟกับมิเชลล์มองสบตากันนิ่งงัน ก่อนจะโผกอดกันแน่น

“ฉันขอโทษนะมิเชลล์ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะไม่มีโอกาสเตรียมงานแต่งงาน เพราะเธอไม่ยอมแต่งกับฉันแม้ว่าฉันจะสัญญาว่าเธอจะเป็นภรรยาคนแรกและคนสุดท้ายของฉัน”

“แต่เจ้าหญิงพระมารดาของท่าน....” มิเชลล์พูดยังไม่ทันจบ ชารีฟใช้นิ้วแตะปากให้หยุด

“เชื่อฉันนะ เธอจะเป็นภรรยาคนเดียวของฉันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ชารีฟกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น...

พิธีแต่งงานซึ่งตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรักก็ถูกจัดขึ้นตามกำหนด ในงานเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ ทั้งองค์อาหเม็ดและพระชายา เจ้าชายอับดุลลาพร้อมด้วยชาลิตา เจ้าหญิงสุไบดารวมทั้งพระญาติ และบรรดาทูตานุทูต งานจัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานแต่งงานของวีรบุรุษแห่งฮิลฟารา มิเชลล์งามสง่าในชุดเจ้าสาวผ้าลูกไม้สีขาวปักเลื่อมมีผ้าลูกไม้โปร่งสีเดียวกันคลุมหน้าไว้ ส่วนชารีฟอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสุดหล่อ

พอเสร็จพิธี เจ้าบ่าวเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวแล้วจุมพิตหน้าผากตามธรรมเนียม จากนั้นทั้งคู่นั่งลงบนตั่งซึ่งประดับไปดอกไม้สวยงาม เจ้าหญิงสุไบดาซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายเดินนำบรรดาพระญาติมาจุมพิตหน้าผากเจ้าสาวและเจ้าบ่าว ปิดท้ายด้วยแขกคนสำคัญของมิเชลล์ คือคุณหญิงของท่านทูตฝรั่งเศสเข้ามาจุมพิตหน้าผากเจ้าสาว พร้อมกับอวยพรให้

“มิเชลล์ โชคดีนะหลานรัก ป้ามาแทนปิแอร์และแม่ที่หาชีวิตไม่ของหลาน”

มิเชลล์ปลื้มใจน้ำตาคลอเบ้า หลังผ่านการผจญภัยมาสารพัด ในที่สุดชีวิตของเธอก็เข้าที่เข้าทางเสียที

********อวสาน*******

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนอวสาน วันที่ 8 ก.ย. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ