อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 4 วันที่ 22 ก.ย. 56
หรั่งมั่นใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของตัวเองถูกต้อง ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะยอมรับผลจากการกระทำนั้น และในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องรอให้ครบเส้นตาย จึงโทร.บอกแพรวาว่าตกลงใจรับตำแหน่งผู้ช่วยของเธอ แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้เขาเบิกเงินเดือนล่วงหน้าสี่เดือน แพรวายินดีให้เบิกเงินได้“ทีนี้ฟังเงื่อนไขฉันบ้าง เย็นนี้นายต้องมาพบคุณป๋าของฉันที่บ้าน ฉันจะให้นายสยามไปรับที่ธนาคาร”
จาก นั้น หรั่งจึงไปยื่นใบลาออกต่อผู้จัดการธนาคารรัตนทรัพย์ พรุ่งนี้จะไม่มาทำงานที่นี่อีก เขาได้งานใหม่ที่บริษัทของเผ่าลาภ แล้วคืนเช็คเงินสดหนึ่งแสนบาทที่ยืมไปให้ผู้จัดการ
“ในฐานะหัวหน้า งาน ฉันเสียใจที่ต้องเสียลูกน้องดีๆ ไปหนึ่งคน แต่ในฐานะคนรู้จักกัน ฉันดีใจที่ได้เห็นเด็กหนุ่มที่ฉันชื่นชมออกไปเติบโตตามทางของเขาเอง ฉันเชื่อว่าคนอย่างนายจะต้องได้ดียิ่งขึ้นกว่านี้อีกแน่ๆ ขอให้โชคดี” ผู้จัดการอวยพรจบยื่นมือให้หรั่งจับ ทั้งจากกันด้วยมิตรภาพที่ดี...
เย็น วันเดียวกัน หรั่งมาถึงบ้านของเผ่าลาภตามนัด แพรวาแนะนำให้เขารู้จักกับพ่อและแม่ของเธอ เผ่าลาภมองว่าที่ผู้ช่วยของลูกสาวอย่างพิจารณา ขณะที่คนถูกมองนั่งนิ่ง พยายามข่มความตื่นเต้นเอาไว้ รำไพขอบใจหรั่งมากที่จะมาช่วยงานแพรวาซึ่งเอ่ยถึงเขาเสมอๆ ว่าเป็นฮีโร่ของเธอ
“คุณแพรวาคงจะพูดเกินความจริงไปหน่อยครับ” หรั่งถ่อมตัวตามนิสัย
“แปลว่าจริงๆ แล้วนายไม่ใช่ฮีโร่” เผ่าลาภจ้องหรั่งเขม็ง ราวกับจะให้ทะลุถึงหัวใจ
“คง เป็นเพราะจังหวะและโอกาสมากกว่า ที่ทำให้ผมได้ช่วยเหลือคุณแพรวา เช่นเดียวกับโอกาสที่คุณเผ่าลาภกรุณาหยิบยื่นให้ผมในครั้งนี้ ซึ่งผมก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระคุณแพรวาครับ”
เผ่า ลาภถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าหรั่งมาทำงานกับเขาเพราะเงินใช่หรือเปล่า ชายหนุ่มไม่เถียงว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญ และตนเองก็มีความจำเป็นต้องใช้ แต่สิ่งนั้นไม่สำคัญเท่ากับที่เขาจะสามารถช่วยให้ใครสักคนหลุดพ้นจากปัญหา การช่วยเหลือใครสักคนในยามที่คนๆนั้นต้องการ มีค่าสำหรับเขามากกว่าเงินทองเขาหลายเท่า
ท่านประธานบริษัทดูจะพอใจ กับความทะเยอทะยานที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในตัวหรั่ง หันไปบอกให้สองแม่ลูกออกไปก่อน ขอคุยกับว่าที่ผู้ช่วยตามลำพัง แพรวากระซิบข้างหูพ่อว่าอย่าเก๊กให้มากนัก เดี๋ยวหรั่งจะกลัวจนเผ่นหนีไปเสียก่อน แล้วจูงมือแม่ออกจากห้อง...
หลังจากได้คุยกันสองต่อสองกับหรั่งอยู่พักใหญ่ เผ่าลาภพอจะมองออกว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนมุ่งมั่นและตั้งใจจะทำงานตำแหน่งนี้จริงๆ
“เอา ล่ะ ฉันว่านายก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันแต่ยังมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับที่นี่ที่ นายยังไม่รู้ เช่นเดียวกับที่มีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับชีวิตนายที่ฉันควรรู้ เพราะฉะนั้นเจ็ดวันนับจากนี้ไป นายต้องมาพบฉัน...ฉันจะสอนทุกสิ่งที่ฉันคิดว่าเธอควรรู้ หลังจากนั้นค่อยมาดูว่าเราจะทำงานร่วมกันได้หรือไม่...โอเคไหม”
หรั่งรับคำ อย่างน้อยยังมีเวลาอีกตั้งเจ็ดวันที่จะแสดงให้เผ่าลาภเห็นว่าเขาเหมาะสมกับงานนี้
ooooooo
ขณะ แพรวากำลังโทรศัพท์เล่าเรื่องที่ได้ผู้ช่วยหนุ่มคนใหม่ให้อรจิราฟัง รำไพเปิดประตูห้องเข้ามาหา เธอรีบวางสาย แล้วดึงตัวแม่ลงมานอนบนเตียงด้วยกัน รำไพดิ้นหนี ก่อนจะสั่งให้แพรวาเล่าให้ฟังทีว่าไปถูกชะตากับหรั่งตอนไหน ถึงได้ตามให้มาทำงานด้วย เธออ้างว่าตะวันฉายไม่ยอมมาช่วยจึงต้องให้เขามาทำแทน
“ตั้งใจจะประชดพี่ตะวันเขาหรือเปล่า”
“อันนี้ต้องถือว่าเป็นผลพลอยได้ค่ะ”
“หนู โตแล้วนะลูก แม่ไม่อยากให้หนูตัดสินใจอะไรด้วยอารมณ์ ทำอะไรขอให้คิดเยอะๆ ถ้าหนูเจอคนดีก็ดีไป แต่ถ้าเจอคนที่คิดจะหลอกลวงเอาผลประโยชน์ คนที่จะเสียใจก็คือลูกเองนะ” รำไพสีหน้าจริงจัง แพรวาอยากรู้ว่าแม่ถูกชะตาหรั่งหรือเปล่า รำไพไม่ยอมตอบ ให้เธอไปถามพ่อเอาเองเห็นคุยกันอยู่ตั้งนานสองนาน...
ฝ่ายหรั่งกลับไปบ่น ให้ก้อยฟังระหว่างกินมื้อค่ำด้วยกันว่าเผ่าลาภเป็นคนเคี่ยวมาก ถามโน่นซักนี่อุตลุดเท่านั้นยังไม่พอ สั่งให้ตนไปเรียนงานกับเขาเจ็ดวันถ้าผ่านถึงจะได้ทำงานที่นั่น ก้อยหวั่นใจถ้าเกิดไม่ผ่านขึ้นมาจะทำอย่างไร หรั่งตอบอย่างมั่นใจว่าผ่านแน่นอน...
ดึกคืนเดียวกันที่บ้านพัวพงศ์ ไพศาลอันใหญ่โตโอ่อ่า สุริยะสอบถามลูกชายที่เพิ่งกลับเข้ามาว่ายังคบหากับแพรวาอยู่หรือเปล่า และคิดจะจริงจังกันแค่ไหน เขาเองก็ตอบไม่ได้ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน สุริยะพอใจที่ลูกไม่ได้คิดจริงจังกับเธอเพราะตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตน กับเผ่าลาภอาจจะไม่ราบรื่นเท่าใดนัก
“มันมีเงินถุงเงินถังใหม่เสนอ ตัวมาที่พรรค ถุงนี้ใหญ่กว่าถุงเก่าของเผ่าลาภมาก ที่สำคัญคือ เป็นคู่แข่งกับ M.S.JEWELRY ของเผ่าลาภเสียด้วย บางทีถึงจุดหนึ่งพ่ออาจจะต้องเลือกไว้เพียงแค่ถุงเดียว ซึ่งถึงตอนนั้นถุงใหม่อาจจะดูน่าสนใจกว่า”
“อย่างนั้นพ่อต้องการให้โอ๊ตชิ่งจากแพรวาเมื่อไหร่ก็บอกมาได้เลยครับ”
สุริยะ สั่งลูกว่าอย่าเพิ่งไปตัดรอนหรือแตกหักกับแพรวาตอนนี้ เพราะอะไรๆ ยังไม่แน่นอนทั้งนั้น และที่สำคัญถุงใบใหม่ที่ว่าไม่มีลูกสาว สองพ่อลูกพากันหัวเราะชอบใจ
ooooooo
หมอจักษุนัดก้อยให้ไปพบอาจารย์หมอของเขาแต่เช้า เพื่อตรวจดวงตาของเธออีกรอบให้แน่ใจก่อนจะทำการผ่าตัด หลังจากตรวจความดันลูกตาและจอประสาทตาของก้อยเรียบร้อย อาจารย์หมอนัดให้ผ่าตัดในอีก 7วันข้างหน้าห้ามเกินเด็ดขาด แล้วขอตัวไปตรวจคนไข้คนอื่นต่อไป
หรั่งมองหมอจักษุเป็นเชิงฝากก้อยสักครู่ แล้วรีบตามอาจารย์หมอจนทัน ถามอาการก้อยว่าหนักหนาสาหัสอย่างไรบ้าง เขาตอบแบบตรงไปตรงมาว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่คนป่วยจะมองเห็น เพราะหรั่งปล่อยทิ้งไว้นานเกินกว่าจะทำอะไรได้ แล้วถามว่าคนไข้ไปโดนอะไรมาถึงเป็นแบบนี้
“ผมรู้แต่ว่าเธอทะเลาะกับพ่อเลี้ยงแล้วโดนอะไรบางอย่างสาดเข้าตา”
อาจารย์หมอตั้งข้อสังเกตว่ากระจกตาของก้อยคงเสียเพราะโดนสารเคมี ทำให้การมองเห็นพร่ามัว ถ้าผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาตั้งแต่ตอนนั้น จะควบคุมไม่ให้สารเคมีเข้าไปทำลายจอประสาทตาได้ โชคร้ายของคนป่วยที่ไม่สามารถรับบริจาคกระจกตาได้ มาถึงวันนี้ก็สายเกินไป สารพิษกินไปถึงจอประสาทตาแล้ว
“แม้คุณจะโชคดีหาเงินค่ากระจกตาเทียมได้ แต่มันก็ดีไม่พอเพราะมันช้าไป การผ่าตัดครั้งนี้ทำได้แค่ไม่ให้ประสาทตาเสียมากขึ้นเท่านั้น ก็เหลือแต่สภาพจิตใจเท่านั้นแหละ ที่คุณจะต้องเยียวยาให้น้องสาวคุณมีกำลังใจพอที่จะสู้ชีวิตต่อไป ผมหวังว่าคุณจะเป็นโชคดีครั้งเดียวที่เธอมี” อาจารย์หมอมองหรั่งอย่างเป็นกำลังใจให้...
ทางด้านรำไพแวะเอาคุกกี้ทำเองมาฝากกันทิมาถึงคอนโดฯที่พัก เห็นกรอบผ้าสำหรับวาดรูปตั้งอยู่บนขาตั้งพร้อมสีและอุปกรณ์ ร้องทักว่าวาดรูปด้วยหรือ กันทิมาเกรงว่าอยู่ว่างๆจะฟุ้งซ่านก็เลยไปเข้าคอร์สเรียนวาดรูปสำหรับผู้ใหญ่ที่ ม.ศิลปากร รำไพไม่เห็นบารมีอยู่แถวนั้นก็ถามหา ได้ความว่าไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว รำไพเห็นใจเธอมากที่ถูกทิ้งให้อยู่ลำพังคนเดียว กันทิมานึกถึงชาติชายขึ้นมาทันที
“มีผู้ชายอีกคนที่น่าเห็นใจยิ่งกว่า เขาต้องรับผลจากการตัดสินใจของหนู ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด”...
คนที่กันทิมาพูดถึงกำลังทำงานอยู่ที่เหมืองอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เมื่อขับรถสิบล้อมาถึงท้ายเหมืองชาติชายตะโกนสั่งลูกน้องว่าอาทิตย์หน้าต้องทำรายงานความคืบหน้าส่งท่านประธานบริษัท ช่วยกันเร่งมือด้วย กฤษฎาผ่านมาได้ยินพอดี อาสาจะเอารายงานไปให้ เผ่าลาภเอง อ้างว่าคิดถึงบ้านใจจะขาดแล้ว...
หรั่งมารอเผ่าลาภที่บ้านก่อนเวลานัด ทำให้แพรวามีโอกาสได้ซักถามเขาว่าเมื่อวานนี้คุยอะไรกับพ่อของเธอตั้งนานสองนาน เขาสรุปให้ฟังคร่าวๆว่าท่านให้เขามาเรียนงานกับท่าน 7 วันแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะรับเป็นพนักงานหรือไม่ แพรวากำชับว่าต้องทำให้พ่อของเธอยอมรับเขาให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอต้องแย่แน่ๆ
“สิ่งที่นายต้องรู้เกี่ยวกับคุณป๋าของฉันมีดังนี้...คุณป๋าชอบคนจริง คนทำงานไม่เหลาะแหละและก็ไม่ชอบให้ใครมาเออออไปกับคุณป๋าเสียทุกเรื่อง เพราะฉะนั้น อย่าไปยอมท่านง่ายๆเถียงบ้างก็ได้ คุณป๋าอยากได้ลูกชายมากเลยรู้ไหม ถ้านายทำให้คุณป๋าฉันรักนายได้ล่ะก็ นายจะเป็นลูกชายคนหนึ่งของท่านแน่นอน ฉันรับรอง”
“ถ้าผมเป็นลูกชายและคุณแพรวาจะเป็นอะไรล่ะครับ”
“ก็เป็นพี่สาวนายน่ะสิ ถามได้...มีสมุดจดหรือยัง ใครทำงานกับคุณป๋าต้องมีสมุดโน้ตทุกคน เดี๋ยวนายเอาของฉันไปก่อนก็ได้ คำถามที่นายจะต้องถูกถาม ก็คือ...นายคิดอย่างไรกับ M.S. Group. นายตอบไปเลยว่าเป็นบริษัทที่มั่นคง อบอุ่น เหมือนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน บริษัทนี้สร้างคนมามากมายและให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้เติบโตในแวดวงธุรกิจไม่น้อย การเข้ามาทำงานที่นี่จึงถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี”...
แพรวาอุตส่าห์ติวเข้มให้หรั่งเสียดิบดี พอถึงเวลาต้องตอบคำถามของเผ่าลาภ เขาไม่ได้ทำอย่างที่เธอสอน กลับวิพากษ์วิจารณ์บริษัทตามความคิดเห็นของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เผ่าลาภประทับใจมากและจะ คอยตามดูว่าหรั่งจะรักษาความประทับใจนี้ไว้ได้นานแค่ไหน
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักต้นตระกูลของฉันก่อน”
ooooooo
สามวันแล้วที่หรั่งมาเรียนรู้งานกับเผ่าลาภ ทุกวันก่อนเลิกเรียน เขาจะเล่าความเป็นมาเป็นไปเกี่ยวกับตระกูลของเขาให้ฟัง วันนี้ก็เช่นกัน เผ่าลาภเล่าว่าเขาเป็นลูกคนที่สามจากสิบสองคน
พี่ทั้งสองคนของเขาอายุสั้น ภาระทั้งหมดของตระกูลจึงตกอยู่กับเขา แต่ที่น่าใจหายก็คือน้องๆของเขาไม่มีใครมีวี่แววว่าจะเป็นหัวเรือใหญ่ได้สักคน เขาจึงต้องการให้แพรวาขึ้นมาแทนที่เขา
“แต่ลูกแพรยังขาดความตั้งใจ ขาดความรับผิดชอบ ขาดความอดทนต่อแรงกดดันและยังไม่มีหัวใจของนักสู้ที่จะต้องดุดันเมื่อถึงคราวจำเป็น ลูกแพรเป็นเด็กรักดี ถ้าได้ผ่านการเจียระไนน่าจะเติบโตเป็นเพชรเนื้อดีได้ ถ้านายได้เป็นผู้ช่วยลูกแพร นายคิดว่านายจะเป็นผู้ช่วยแบบไหน ที่จะทำให้เธอเป็นเพชรเม็ดงามอย่างที่ฉันต้องการ...คิดให้ดีก่อนที่จะให้คำตอบฉัน” เผ่าลาภมองหรั่งอย่างรอคำตอบ เขานิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง
“คนเป็นผู้ช่วยจะได้เปรียบเจ้านายตรงความรับผิดชอบ เขาสามารถเลือกทำเฉพาะที่ถูกสั่งให้ทำหรือแอบตัดสินใจทำโดยพลการก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วผู้เป็นเจ้านายเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบการตัดสินใจนั้นๆ แต่สำหรับผม ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจของผู้ช่วยหรือเจ้านาย ผมขอรับผิดชอบในทุกกรณี และถ้าลูกสาวของคุณไม่สามารถเป็นเพชรเนื้อดีได้ ผมก็ไม่สมควรที่จะ ทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปครับผม”
“พรุ่งนี้เช้า นายไปกรอกประวัติที่ฝ่ายบุคคลนะ นายหรั่ง นาคำ” เผ่าลาภยิ้มพอใจขณะที่หรั่งหัวใจพองคับอก อย่างมีความสุข
ooooooo
หรั่งแต่งตัวด้วยชุดหล่อที่สุดเท่าที่จะมีปัญญาหามาได้เพื่อไปทำงานวันแรก ก้อยมีของขวัญฉลองตำแหน่งใหม่ของเขา โดยซื้อผ้าเช็ดหน้าให้ คุยอวดว่ามีอักษร “R” ชื่อย่อของเขาปักอยู่ตรงมุมด้วย
“อือหือ...อย่าบอกนะว่าปักเอง”
ก้อยไม่ได้ปักเอง ฝากคนอื่นซื้อแล้วจ้างเขาปัก หรั่งไม่อยากให้เธอต้องลำบากอย่างนี้อีก ก้อยคงลำบากอีกไม่นานเพราะหลังผ่าตัดเธอคงมองเห็นจะได้ปักผ้าเองได้ไม่ต้องไปจ้างคนอื่น หรั่งฟังแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้...
หลังออกจากบ้านเช่า หรั่งแวะเอาน้ำสมุนไพรไปฝากน้าแอ๊ดให้ช่วยเป็นธุระจ้างเด็กแถวนี้เอาไปส่งที่ธนาคารรัตนทรัพย์ให้ด้วย เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาคงไปส่งไม่ทัน
“แล้วนี่คือวิธีทำน้ำผัก น้ำสมุนไพร ช่วงนี้คนหันมาสั่งกันเยอะ น้าแอ๊ดน่าจะลองทำดูนะ เพราะผมคงไม่มีเวลาทำแล้ว ได้แค่รับไปส่งที่ทำงานเท่านั้นแหละ” หรั่งส่งของทั้งหมดให้น้าแอ๊ด แล้วขี่รถออกไป...
ไม่ได้มีแต่ก้อยเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการทำงานวันแรกของหรั่ง ผู้ใหญ่เงาะกับน้าเบิ้มซึ่งนั่งดื่มเหล้ากันตั้งแต่เมื่อคืนมาดักรอเขาอยู่ ผู้ใหญ่เงาะลงคาถาพร้อมกับเป่ากะหม่อมให้หรั่งเพื่อเป็นสิริมงคลในการทำงานขณะที่น้าเบิ้มมอบตะกรุดเก่าแก่ที่ผูกติดตัวอยู่ตลอดให้ อ้างว่าตะกรุดนี้ผ่านพิธีปลุกเสก มีพุทธคุณสูง ใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็หลง หรั่งขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองมากที่เมตตา...
ไม่นานนัก หรั่งมาถึงบริษัท M.S. Group. เลขาฯหน้าห้องพาเขาไปเขียนใบสมัครที่ฝ่ายบุคคล แนะนำกับเจ้าหน้าที่ที่นั่นว่าเขาเป็นผู้ช่วยคุณแพรวา ตำแหน่งนี้ท่านประธานเพิ่งแต่งตั้งขึ้นมาใหม่
“รับเงินเดือนโดยตรงจากท่านประธานไม่เกี่ยวกับบัญชีบริษัท คุณเก็บไว้แต่เอกสารสำคัญและประวัติส่วนตัวของเขา...คุณผู้ช่วยตามดิฉันมาค่ะ ดิฉันจะพาไปที่โต๊ะทำงาน”
ระหว่างทาง เลขาฯสาธยายว่าออฟฟิศของเราเข้าทำงานแปดโมงเช้า โดยปกติแล้วคุณแพรวามักจะมาสาย แต่เขาในฐานะผู้ช่วยต้องมาถึงก่อน เราจึงมีที่นั่งสำหรับเขาแล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆตรงสุดทางเดิน หรั่งเดินไปที่โต๊ะตัวนั้นลูบคลำด้วยความอิ่มเอิบหัวใจ เลขาฯตามมาอธิบายเพิ่มเติมว่า
“คุณสามารถนั่งรอคุณแพรวาที่นี่ได้ โต๊ะคุณแพรวานั้นจะตั้งรวมอยู่ในห้องคุณอรทัย เพื่อจะได้เรียนงานได้สะดวก ชั้นล่างจะเป็นโชว์รูม ตรงที่คุณเคยเอานํ้าเขียวๆมาส่งนั่นแหละ ชั้นสองนี่เป็นส่วนของพนักงานทั้งหมด ผู้บริหารใหญ่ๆจะอยู่ชั้นสาม”
ขณะที่หรั่งกำลังฟังเลขาฯอธิบายอย่างตั้งใจ กฤษฎา ซึ่งนำเอกสารจากเหมืองมาส่ง เหลือบเห็นพอดี จึงถามพนักงานที่รับเอกสารว่าไอ้หมอนั่นมาทำอะไรที่นี่ ได้ความว่ามาทำงานเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของคุณแพรวา กฤษฎาปรี่เข้าไปหาเรื่องหรั่งทันที ทั้งคู่กวนกันไปกวนกันมาก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เผ่าลาภเข้ามาห้ามไว้ทัน
“พอได้แล้วทั้งสองคนนั่นน่ะ...เอ้ารู้จักกันไว้ซะ นี่นายต้น กฤษฎา หลานชายฉัน...นี่หรั่ง ผู้ช่วยลูกแพร”
กฤษฎาแสยะยิ้ม แล้วกลับออกไป เผ่าลาภหันไปบอกแพรวาว่าจะให้หรั่งช่วยทำอะไรก็สั่งได้เลย แล้วตรงไปยังห้องทำงานตัวเอง หรั่งเห็นแพรวาเอาแต่ยืนครุ่นคิด เป็นฝ่ายถามเสียเองว่า วันนี้จะให้เขาช่วยทำอะไรบ้าง เธอเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แล้วเดินหนีไปหน้าตาเฉย ผู้ช่วยคนใหม่ไม่ยอมแพ้ หันไปถามเลขาฯหน้าห้องอรทัยว่า วันนี้คุณแพรวามีกำหนดการไปไหนทำอะไรบ้าง ได้ความว่าเธอมีนัดกับช่างเสื้อและนัดกับคุณอรทัยไว้เท่านั้น
อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 4 วันที่ 22 ก.ย. 56
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายบทประพันธ์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่างสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย บทโทรทัศน์โดย เมจิก อีฟ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายกำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผลิตโดย บริษัท คลิกเทเลวิชั่น จำกัด
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายแนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายวันเวลาออกอากาศ ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น.
ติดตามชมละครเรื่องสุภาพบุรุษลูกผู้ชายได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ