อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 3 วันที่ 19 ก.ย. 56
ทนายความขอตัวกลับก่อน ส่วนเรื่องค่าเช่าที่ดินคงต้องไว้คราวหน้า ผู้ใหญ่เงาะพยักหน้ารับรู้ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นจดหมายมีตราครุฑประทับอยู่บนซอง รีบเปิดอ่าน ถึงกับตาโต หยิบไมโครโฟนขึ้นมาประกาศ“นายหรั่ง นาคำ มีจดหมายเรียกตัวจากทางการ ให้รีบมาที่บ้านผู้ใหญ่เงาะด่วน”
หรั่งได้ยินเสียงประกาศใจคอไม่ดี รีบวิ่งออกจากบ้าน เจอโบ้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารั้งตัวไว้ พลางบอกว่ามีจดหมายมาถึงเขา แจ้งว่าสอบผ่านจบปริญญาตรีแล้ว หรั่งดีใจสุดขีด โดดกอดโบ้ส่งเสียงเฮลั่น...
“ช่างเป็นพี่ชายที่แสนดีจริงๆ...งั้นก็ถ้ามีอะไรเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับน้องล่ะก็ บอกฉันทันทีเลย อย่าเกรงใจนะ” น้ำเสียงหนักแน่นของผู้จัดการทำให้หรั่งต้องรับคำ...
ทางด้านแพรวาถึงกับท้อแทบหมดแรงเมื่อเห็นแฟ้มข้อมูลมากมายที่อรทัยนำมาให้ศึกษารายละเอียด ทั้งบริษัทของคู่ค้าและบริษัทของคู่แข่ง เธออ่านอยู่ครึ่งค่อนวันยังไม่ไปถึงไหน จำต้องขนแฟ้มกลับไปอ่านต่อที่บ้าน ทันทีที่แพรวาเจอหน้าพ่อ บ่นยกใหญ่ว่าทำไมต้องให้ไปทำงานที่ไม่ถนัด เธอจบอักษรศาสตร์ไม่ได้เรียนด้านธุรกิจเผ่าลาภยกตัวเองเป็นตัวอย่าง ไม่ได้เรียนอะไรมาด้วยซ้ำยังต้องขึ้นมานั่งแท่นประธานบริหาร
“เอาอีกแล้วเอาเรื่องตัวเองมาเล่าอีกแล้ว ใครจะเก่งได้เท่าคุณป๋าล่ะ เกิดมาน้องแพรยังไม่เคยเห็นเลยสักคน นอกจากนายหรั่งที่พอจะใกล้เคียง” แพรวาพูดชื่อชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งได้อย่างลื่นปาก
เผ่าลาภพยายามโน้มน้าวให้แพรวาตระหนักว่าเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องล้มหายตายจาก ถ้าเธอไม่เตรียมตัวสืบทอดตำแหน่งแทนเขาตั้งแต่ตอนนี้แล้วใครจะทำแทน แพรวาไม่ยอมให้พ่อเป็นอะไรเด็ดขาด และขอให้ท่านเลิกคิดเสียทีว่าเธอจะทำได้อย่างที่ท่านทำ แล้วเดินหนีขึ้นห้อง เผ่าลาภรู้สึกเหนื่อยล้าไปหมดหันไปบ่นกับรำไพ
“ถ้าเฮียย้งอยู่ ผมก็คงไม่ต้องมารับภาระหนักอย่างนี้ ทั้งคุณและลูกแพรก็คงสบายใจ อย่างน้อยเด็กผู้ชายคนนั้น ก็คงจะแบ่งเบาภาระจากผมได้เยอะทีเดียว”
พลันภาพในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้วผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของเผ่าลาภ ตอนนั้นเฮียย้งพี่ชายเขาอุ้มลูกชายที่ยังแบเบาะของตัวเองขึ้นมาพิจารณา ก่อนจะหันมาบอกว่าเด็กคนนี้มีแววดี สักวันหนึ่งจะต้องมาช่วยกอบกู้กิจการของตระกูลให้เจริญก้าวหน้า เผ่าลาภจำทุกคำพูดนั้นได้ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ooooooo
หลังจากตรวจดวงตาให้ก้อยเสร็จ หมอแอบไปพบหรั่งตรงซอกตึกท่ีเดิม แล้วระเบิดอารมณ์ใส่อย่างเหลืออดว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะขอยาจากอาจารย์หมอมาให้ และมันอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของก้อยด้วย หรั่งถามเสียงเครียดว่ายังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ หมอตวาดใส่ว่าไม่เหลือแล้ว
“คุณถามมาตั้งแต่ก้อยยังมีเวลาเหลือเฟือจนตอนนี้มันหมดเกลี้ยงแล้ว ถามจริงๆเถอะคุณตามหาพ่อหรือตามหาอะไรกันแน่...ถ้าคุณคิดจะทำเพื่อก้อยล่ะก็ คุณมีทางเลือกแค่สองทาง หนึ่งผ่าตัดโดยเร็วที่สุด...สอง บอกความจริงกับก้อยให้เธอยอมรับสภาพตาบอดไปตลอดชีวิต ตั้งแต่เดี๋ยวนี้” คำพูดของหมอทำให้หรั่งถึงกับอึ้ง...
ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล หรั่งเอาแต่นั่งซึมไม่พูดไม่จา เท่ห์ชวนไปรับจ๊อบไล่ตีเด็กเทคนิคก็ไม่สนใจคิดถึงแต่คำต่อว่าของหมอเมื่อตอนเย็น คิดไปคิดมาอยู่หลายตลบ สุดท้ายตัดสินใจไปคุยกับก้อย
“ก้อย...หรั่งมีอะไรจะสารภาพ หรั่งคิดว่าหรั่งคงตามหาพ่อไม่เจอแล้วแหละ แต่ถึงหรั่งจะไม่เจอพ่อ ก้อยก็จะต้องได้ผ่าตัดตาแน่นอน หรั่งสัญญา”
“ไม่เอา อย่าสัญญาเลย เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก้อยก็เป็นภาระของหรั่งมากอยู่แล้ว หรั่งอย่าทำให้ตัวเองต้องลำบากเพราะคำสัญญาอีกเลย” ก้อยเหมือนจะทำใจรับสภาพได้
ooooooo
หรั่งตกลงใจจะขอความร่วมมือจากผู้จัดการธนาคารรัตนทรัพย์ ครั้นจะเข้าไปขอตรงๆก็ไม่กล้า จึงเอาน้ำสมุนไพรสารพัดชนิดไปให้เขาชิมบังหน้า แล้วยืนรีๆรอๆ ผู้จัดการอ่านสีหน้าท่าทางของหรั่งออก ถามว่ามีอะไรหรือเปล่าพูดได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ชายหนุ่มเท้าความว่าเมื่อวานนี้ผู้จัดการยังจำได้ไหมที่พูดถึงน้องสาวของเขา
“อ๋อ...ที่ตาเสีย ว่าไงจะให้ช่วยอะไรล่ะ ค่ารักษาไหม เท่าไหร่ว่ามา”
“หนึ่งแสนบาทก่อนครับ เธอต้องผ่าตัดใหญ่น่ะครับ ผ่าเสร็จแล้วมีค่าใช้จ่ายอีกประมาณสองแสนครับ”
ผู้จัดการนิ่งอึ้งไปห้าวินาที “เป็นน้ำสมุนไพรที่แพงมากๆ ผมแบ่งงวดจ่ายได้ไหม”...
ด้านกฤษฎายังแค้นใจหรั่งไม่หาย มาขอให้ตะวันฉายช่วยหาชายฉกรรจ์ให้สิบคนจะตามไปคิดบัญชีไอ้กระจอกนั่นให้หายแค้น ตะวันฉายยินดีจัดให้ตามที่เพื่อนต้องการ...
หรั่งทนเก็บความดีใจไว้คนเดียวไม่ไหว ขอลากิจช่วงพักเที่ยงมาบอกข่าวดีกับก้อยว่าผู้จัดการธนาคารรัตนทรัพย์ให้เขายืมเงินไว้เป็นค่าผ่าตัดตาให้เธอ มีเมื่อไหร่ค่อยใช้คืน หรือจะค่อยๆผ่อนชำระก็ได้ โบ้ซึ่งมาช่วยดูแลก้อยและหาข้าวกลางวันให้กิน พลอยดีใจไปด้วย...
ในเวลาเดียวกัน แพรวานำงานมาให้กัมปนาทที่แผนกออกแบบ กลับเจอธนูชายหนุ่มรูปหล่อที่อ้างตัวว่าเป็นเลขาฯของเขานั่งอยู่ที่นั่นตามลำพัง แพรวาโวยวายลั่นว่าเลขาฯอาของเธอชื่อคุณนุชต่างหาก จังหวะนั้นกัมปนาทกลับเข้ามาพอดี ถามหลานสาวว่าอึดอัดอะไรมาจากไหน ถึงได้เก็บมาตะโกนที่นี่
“โกฮุ้งให้เอาแบบที่น่าจะเปิดตลาดใหม่ปีหน้ามาปรึกษาอาค่ะ”
“แล้วรู้จักกับธนูหรือยัง”
แพรวาเพิ่งรู้จักเมื่อครู่นี้เอง แต่ไม่รู้ว่ามีหน้าที่อะไร กัมปนาทจ้างธนูมาเป็นเลขาฯส่วนตัวของเขาดูแลทุกอย่างที่แตกต่างจากคุณนุช หญิงสาวมองหน้าธนูแล้วมองกัมปนาทยิ้มๆ...
ครู่ต่อมา แพรวากลับมาที่ห้องทำงานตัวเอง แทนที่จะเอาแฟ้มข้อมูลที่อรทัยให้มาศึกษารายละเอียดกลับเปิดโน้ตบุ๊กเล่น Skype เม้าท์เรื่องอากัมปนาทกับหนุ่มหล่อเลขาฯส่วนตัวของเขาให้เพื่อนๆฟังอย่างสนุกปาก พนักงานคนหนึ่งเดินถือแฟ้มเข้ามาหา แพรวารีบพักหน้าจอโน้ตบุ๊ก
“คุณอรทัยให้เอาเอกสารมาให้คุณแพรวาอ่านเพิ่มเติมค่ะ ถ้าคุณแพรวาอ่านจบแล้ว คุณอรทัยให้รีบเอาไปคืนด้วยค่ะ” พนักงานรายงานเสร็จปรายตามองโน้ตบุ๊กครู่หนึ่งก่อนจะออกไป แพรวายกหน้าจอโน้ตบุ๊กขึ้นอีกครั้ง ปรากฏว่าเพื่อนๆออกจากการสนทนาไปหมดแล้ว เหลือเพียงอรจิราคนเดียว
“นี่อร...แกว่าฉันจ้างใครสักคนมาอ่านไอ้แฟ้มเอกสารพวกนี้ให้ฟังจะดีไหม”
“ก็ต้องเป็นเสียงพี่ตะวันฉายเท่านั้นแหละ ถึงจะน่าฟังสำหรับแก ไม่อย่างนั้นแกก็ต้องจ้างใครสักคนมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวแบบอากัมปนาทของแกไง” อรจิราพูดจบหัวเราะคิกคัก พลอยทำให้แพรวาขำไปด้วย...
ที่หน้าธนาคารรัตนทรัพย์ หรั่งเลิกงานเป็นคนสุดท้าย กำลังจะกลับ เป็นจังหวะเดียวกับเท่ห์ โบ้และเช็งขี่มอเตอร์ไซค์พร้อมกับเหน็บไม้กระบองคนละท่อนเข้ามาจอดเทียบ เขากระเซ้าว่าจะไปรบที่ไหนกัน เท่ห์ไม่ได้ไปรบแต่จะไปรับจ้างตีเด็กเทคนิคอย่างที่เคยบอก สนใจจะไปด้วยกันไหม ตนขอขึ้นค่าแรงจากแปดร้อยบาทเป็นพันสามร้อยบาทแล้ว หรั่งขอผ่าน ไม่ชอบเรื่องชกต่อย ทั้งสามคนไม่เซ้าซี้อะไรอีก เร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์จากไป ทันทีที่ปลอดคน ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ซึ่งรอท่าอยู่ในความมืด ดาหน้าเข้ามาประเคนทั้งเข่าเขย่าทั้งศอกใส่หรั่งไม่ยั้ง...
ในเวลาต่อมา หรั่งพาหน้าตายับเยินของตัวเองไปให้ผู้ใหญ่เงาะกับน้าเบิ้มพ่อของโบ้ช่วยใส่ยาทำแผลให้ผู้ใหญ่เงาะสงสัยว่าเขาไปทำอะไรใครไว้ถึงได้ถูกยำเละขนาดนี้ หรั่งเองไม่รู้เหมือนกัน ขอร้องผู้อาวุโสทั้งสองคนอย่าบอกเรื่องนี้ให้ก้อยรู้
“เออ ห่วงแต่ยายก้อยนะมึง อะไรๆก็ก้อย ยังกะว่ามันเป็นน้องแท้ๆงั้นแหละ หรือว่ามีแผนจะเปลี่ยนจากน้องเป็นอย่างอื่น” น้าเบิ้มปากพล่อยพูดไม่ทันคิด หรั่งขอร้อง ถ้ารักกันจริงอย่าพูดแบบนี้อีก จังหวะนั้น เท่ห์ โบ้ และเช็งกลับเข้ามาในสภาพไม่ต่างจากหรั่ง เนื่องจากผิดแผน เลยหนีไม่ทันโดนเด็กเทคนิคยำหมดสภาพ...
ณ บ่อนเถื่อนอันใหญ่โตโอ่อ่าของตะวันฉาย ขณะกฤษฎากำลังชนแก้วเครื่องดื่มกับตะวันฉายฉลองความสำเร็จที่หรั่งโดนนักเลงที่พวกตนส่งไปอัดสะบักสะบอม ต้องตกใจที่เห็นบารมีเข้ามาเล่นการพนัน บารมีเองก็ตกใจไม่แพ้หลานชายเช่นกัน ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องเจอกันที่นี่ไว้เป็นความลับ...
ฝ่ายเผ่าลาภโกรธจัดเมื่อได้รับรายงานจากอรทัยและชาติชายว่าแพรวากับกฤษฎาทำงานไม่ได้เรื่อง ตำหนิลูกสาวที่เอาแต่เล่น Skype กับเพื่อนทั้งวันงานการไม่ทำและเล่นงานกฤษฎาที่แอบหนีกลับกรุงเทพฯบ่อยๆ ดื่มเหล้าเมามายแล้วมาหลับที่โรงงาน จากนี้ไป เขาสั่งห้ามหลานชายทำแบบนั้นอีก ต้องกินนอนอยู่ที่เหมือง
“พ่อเราก็อยู่ที่เหมืองอยู่แล้ว ถ้าแม่เขาคิดถึงก็ให้ไปเยี่ยมที่นั่นเอง นี่เป็นคำสั่งนะ ไปได้แล้วทั้งสองคน”
กฤษฎาเดินคอตกออกไป แพรวาขยับจะตามแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ หันมาบอกเผ่าลาภว่าจะขอผู้ช่วยส่วนตัวหนึ่งคน ถ้าบริษัทไม่จ้างให้ เธอจะจ้างเอง เวลาเธอมีปัญหาจะได้มีใครคอยให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลา และยืนยันเสียงแข็ง ถ้าพ่ออยากให้เธอเป็นงาน ก็ต้องอนุญาตให้เธอจ้างผู้ช่วย เผ่าลาภถอนใจ หนักใจ
ooooooo
เผ่าลาภเครียดหนักทั้งเรื่องงานและเรื่องลูกที่ไม่เอาไหน เกิดเป็นลมล้มพับในห้องน้ำ ทำให้แตกตื่นกันทั้งบ้าน แพรวาต้องเป็นคนพาพ่อไปส่งโรงพยาบาลเองเนื่องจากนายสยามไม่อยู่ไปเหมืองที่กาญจนบุรียังไม่กลับ
ประมุขของบ้านมหาโชคตั้งศิริถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน โชคยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่เพื่อความปลอดภัย หมอเอาตัวเขาไว้ตรวจร่างกายให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่งก่อน ทั้งแพรวา รำไพและลินจงซึ่งรอฟังอาการอยู่หน้าห้องฉุกเฉินต่างโล่งอก ลินจงเชิญหมอตรวจพี่ชายของเธอตามสบาย เอาให้เต็มที่ไปเลย ไหนๆก็มาถึงที่แล้ว จากนั้นเธอขยับเข้าไปใกล้ๆรำไพ กระซิบถามว่าน้องๆคนอื่นไม่มากันเลยหรือ
“เขาคงอยากให้คุณเผ่าลาภตายล่ะมั้ง” รำไพน้ำตาคลอเบ้า ลินจงจับมือเธอไว้อย่างให้กำลังใจ
“เจ๊จำไว้นะ ถ้าเฮียเป็นอะไรไป อย่างน้อยจะมีฉันคนหนึ่งที่อยู่ข้างเจ๊ อยู่ข้างเฮีย คนที่หวังดีกับเจ๊จริงๆคือ คนที่มาหาเจ๊วันนี้เท่านั้น เชื่อฉันเถอะ” สิ้นเสียงลินจงกันทิมาเดินเลี้ยวมุมตึก ตรงเข้ามาหากลุ่มของรำไพ...
จากนั้นไม่นาน หมออนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมเผ่าลาภได้ คนไข้อารมณ์ดีกระเซ้าแพรวาว่าโรคของเขา มีน้อยคนนักที่เป็น หมอบอกว่ามันเป็นโรคของคนที่มีลูกสาวขี้เกียจถ้าลูกสาวของเขาขยันเอางานเอาการเมื่อไหร่โรคนี้ก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง แพรวาอายที่ถูกอำต่อหน้าลินจงกับกันทิมา ทุบแขนพ่อตัวเองหนึ่งทีแก้เขิน...
แพรวาตั้งใจจะไม่ทำให้พ่อต้องผิดหวังในตัวเธออีก คิดจะหาคนมาช่วยงาน โทร.ขอแรงตะวันฉายมาทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเธอ คอยให้คำปรึกษาเรื่องงาน เขาบอกปัดทันทีว่าไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น แพรวาแปลกใจในเมื่องานการก็ไม่ได้ทำ ทำไมถึงไม่ว่าง ตะวันฉายยังไม่ทันจะตอบ เพื่อนที่รอเล่นสนุ้กเกอร์ด้วยกันเร่งให้เขารีบๆ แทงลูก แทนที่ตะวันฉายจะตอบคำถามเธอก่อน กลับขอตัววางสายอ้างว่ากำลังยุ่งเสร็จธุระแล้วจะโทร.กลับ แล้วกดสายทิ้ง แพรวางอนเหวี่ยงผ้าห่มที่อุตส่าห์ประดิษฐ์ประดอยปักเป็นหน้าตะวันฉายทิ้งลงพื้น...
อาการป่วยครั้งนี้ ทำให้เผ่าลาภรู้ตัวว่าเวลาของเขาเหลือไม่มาก บ่นให้รำไพฟัง ถ้าเขาเป็นอะไรไปตอนนี้กิจการของตระกูลคงไม่เหลือ น้องๆ ของเขาแต่ละคนจ้องจะผลาญสมบัติราวกับอีแร้งทึ้งเหยื่อ มีเพียงแพรวาเท่านั้นที่พอจะเป็นตัวแทนของเขาได้ แล้วต้องรีบทำให้เธอแกร่งขึ้นมาให้เร็วที่สุด
“คุณจะทำอย่างไรคะ”
“ลูกขอผู้ช่วยสงสัยว่าผมต้องยอมแก” แม้เผ่าลาภจะดูอิดโรยแต่แววตาของเขากลับเปี่ยมด้วยความหวัง...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน เท่ห์วิ่งหางานมาให้เพื่อนๆ ทำอีกจนได้ คราวนี้รับจ้างติดโปสเตอร์ทั่วกรุงเทพฯ เช็งเห็นห่อกระดาษโปสเตอร์หลายสิบห่อกองอยู่ตรงหน้าเกิดคิดไม่ซื่อ แนะให้ติดแค่สี่ห้าแผ่นก็พอ ที่เหลือเอาไปเผาทิ้ง จะได้รับเงินแบบไม่ต้องเหนื่อย เท่ห์ทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาต่อไปใครจะจ้างพวกเราอีก
“พรุ่งนี้เช้าเขาต้องเห็นโปสเตอร์นี้เต็มย่านชุมชนก่อน ถึงจะจ่ายเงิน”
“ถ้าเราติดไป แล้วมีคนมาปิดทับจะทำอย่างไร” โบ้อดสงสัยไม่ได้ เท่ห์แนะให้ติดโปสเตอร์ในเวลากลางดึกยิ่งใกล้เช้ายิ่งดีจะได้ไม่มีใครมาติดโปสเตอร์อื่นทับ งานนี้หรั่งขอทำด้วย อะไรที่ได้เงินเขาเอาหมดทุกอย่าง...
อ่านละคร สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ตอนที่ 3 วันที่ 19 ก.ย. 56
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายบทประพันธ์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่างสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย บทโทรทัศน์โดย เมจิก อีฟ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายกำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผลิตโดย บริษัท คลิกเทเลวิชั่น จำกัด
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายแนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายวันเวลาออกอากาศ ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น.
ติดตามชมละครเรื่องสุภาพบุรุษลูกผู้ชายได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ