อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 11 วันที่ 4 ก.ย. 56
“เขา ทำยิ่งกว่าถวายงานให้ราชบัลลังก์ ชารีฟยอมตายเพื่อราชบัลลังก์ ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรที่เป็นความสุขของชารีฟหลานจะทำทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน ขอบพระทัยมากที่มีน้องชายคนนี้ให้หลาน”เจ้าหญิงสุไบดายืนส่งเสด็จจนลับสายตาแล้วรีบไปหาลูกชาย เห็นนอนหลับตามือแตะอยู่ที่แหวนเปียรุสของมิเชลล์ พระองค์ถึงกับส่ายหน้า บ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ จะไม่มีวันยอมให้ลูกแต่งงานกับมิเชลล์เด็ดขาด คนร่อนเร่พเนจรอย่างเธอจะมาเป็นคุณหญิงของราช– องครักษ์หรืออนาคตของรัฐมนตรีของฮิลฟาราไม่ได้
ooooooo
หลังจากชารีฟกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง องค์อาหเม็ดจัดพิธีปูนบำเหน็จให้ทหารที่ทำคุณให้กับบ้านเมืองขึ้นภายในท้องพระโรง มีเหล่าทหารน้อยใหญ่อยู่กันเต็มห้อง องค์อาหเม็ดนั่งเป็นประธานอยู่บนบัลลังก์คอยประดับยศและสายสะพายให้ผู้ได้เลื่อนตำแหน่ง โดยมีเสนาบดีวังยืนอ่านประกาศเลื่อนยศอยู่ด้านหน้า
อันดับแรก เจ้าชายอับดุลลาได้เลื่อนขึ้นเป็นองค์รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากองค์อาหเม็ด
ถัดมาคือนายพลมุสกัตได้เลื่อนตำแหน่งเป็นจอมพล และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
“ราชองครักษ์ พันเอกนายแพทย์ ชารีฟ อัลฟา–รัช ผู้ซึ่งเกือบจะต้องพลีชีพเพื่อนำราชบัลลังก์และความสงบสุขกลับคืนมายังชาวฮิลฟารา มีพระบรมราชโองการเลื่อนยศเป็นนายพลตรี พร้อมกับให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ” สิ้นเสียงประกาศ ชารีฟเข้าไปรับเครื่องหมายประดับยศและสายสะพายจากองค์อาหเม็ดระหว่างนั้น เขาไม่ลืมแตะแหวนเปียรุสบนนิ้วมือเหมือนจะให้เจ้าของแหวนรับรู้ถึงช่วงเวลาน่ายินดีนี้ด้วย
“ประกาศให้รู้ทั่วกันว่า พลตรีนายแพทย์ ชารีฟ อัลฟารัช คือวีรบุรุษคนแรกของฮิลฟารา ฮีโร่คนแรกของบัลลังก์เรา” องค์อาหเม็ดประกาศจบ ผายมือมาทางชารีฟ จากนั้นเสียงตบมือให้เกียรติก็ดังกึกก้อง...
งานเลี้ยงฉลองถูกจัดขึ้นในค่ำวันเดียวกัน นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการระดับสูงรวมทั้งทูตและภริยาต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง องค์อาหเม็ดมางานเลี้ยงพร้อมกับพระชายา ตามด้วยสนมอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนชารีฟเข้าไปคุยทักทายจอมพลมุสกัต พลางกวาดตามองไปรอบงานที่เต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ
“คนมากมายเหลือเกิน”
“ทุกคนมายินดีกับรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งนั้น” จอมพลมุสกัตกระเซ้า ชารีฟชะเง้อคอมองมิเชลล์ บ่นว่าอยากให้คนทั้งงานนี้หายไปให้หมด ด้วยความคิดถึงหญิงคนรักใจจะขาดตั้งแต่มาที่นี่ยังไม่ได้เจอกันเลย ทำให้เขาจินตนาการไปว่าได้อยู่เพียงลำพังกับมิเชลล์ในงานเลี้ยง ได้เต้นรำด้วยกันอย่างมีความสุข ขณะชารีฟจะก้มลงจุมพิตหญิงคนรักให้หายคิดถึง เสียงจอมพล มุสกัตเรียกทำให้เขาตื่นจากภวังค์
“ท่านชารีฟ...เจ้าหญิงพระชายา”
ชารีฟรู้สึกตัวอีกที พระชายามายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว กระซิบเบาๆว่าอ่านใจเขาออกว่ากำลังคิดถึงใครอยู่ ชารีฟขอพระราชทานอภัยที่ไม่ทันเห็นพระองค์
“ไม่อภัยหรอก ในฐานะผู้หญิงฉันโกรธนะ ยืนตรง หน้าฉันแต่ใจคิดถึงผู้หญิงคนอื่น...ว่างๆก็ไปเยี่ยมฉันบ้างสิ เราจะได้คุยกันถึงวันเวลาที่ทุกข์ยากอยู่ด้วยกัน กลางทะเลทราย” สายตาของพระชายาบ่งบอกความนัย
“พระเจ้าข้า ขอพระราชทานอนุญาตไปเฝ้าวัน พรุ่งนี้เลยพระเจ้าข้า” ชารีฟสบตาพระองค์อย่างรู้กัน
ooooooo
พระชายาถึงกับกุมขมับ อุตส่าห์นัดแนะกับฟาราห์ดิบดีให้หาทางพามิเชลล์ไปที่ศาลาพักร้อนบ่ายวันนี้หวังจะเซอร์ไพรส์ให้ได้เจอกับชารีฟ เธอกลับมาขออนุญาตไปเที่ยวตลาดกับนางกำนัล เวลาเดียวกัน พระองค์ทักท้วงว่าที่นั่นร้อนจะตาย มิเชลล์บอกว่าทนร้อนได้ แล้วขอตัวออกไปเลย พระชายาหน้าเหรอไม่รู้จะทำอย่างไร
“ทรงคิดสิเพคะ เร็วๆเพคะ” ฟาราห์เร่งรัด
“คิดอย่างเดียวยังคิดไม่ออก ยังจะให้คิดเร็วๆ อีก” พระชายาค้อนขวับ...
ด้านมิเชลล์เดินหน้าตายิ้มแย้มมาตามทางในตำหนัก ได้ยินหัวหน้านางกำนัลคุยกับซาร่านางกำนัล อีกคนหนึ่งว่ารู้เรื่องมิเชลล์หรือยัง เจ้าตัวหยุดกึก รีบหลบมุมแอบฟัง
“เจ้าหญิงสุไบดาพระมารดาของท่านราชองครักษ์ เอ๊ยไม่ใช่ ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ วีรบุรุษของฮิลฟารา จะเป็นตัวขัดขวางอย่างแน่นอนกับความรักที่เกิดขึ้นกลางทะเลทราย เจ้าหญิงพระมารดา...พวกเธอก็รู้อยู่แล้วว่าท่านทรงเคร่งครัด ยึดมั่นประเพณีแค่ไหน มีรึจะยอมมีลูกสะใภ้เป็นคนต่างชาติ หรือถ้าทรงยอม ก็ไม่ใช่เมียเอก เมียสอง...สาม...สี่ ล่ะพอได้” หัวหน้านางกำนัลนินทาเป็นชุด
ซาร่าสงสารมิเชลล์จะรับได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ พวกฝรั่งมีผัวเดียวเมียเดียวเสียด้วย มิเชลล์ถึงกับอึ้ง เดินหน้าเศร้าออกมาเจอฟาราห์ซึ่งกำลังตามหาเธออยู่พอดี แจ้งว่าพระชายามีรับสั่งว่าอย่าเพิ่งไปตลาดตอนนี้ให้ไปคอยที่ศาลาพักร้อนในสวน มิเชลล์ขอไปยกเลิกนัดกับพวกนางกำนัลก่อน ฟาราห์อาสาจะไปบอกให้เอง...
ในขณะเดียวกัน เจ้าหญิงสุไบดาเห็นชารีฟรีบร้อนจะออกไปข้างนอก ร้องถามว่าจะรีบไปไหน เขาอ้างว่ามีธุระสำคัญจะต้องไปเฝ้าพระชายา เจ้าหญิงสุไบดาพยายามจะรั้งลูกชายไว้เพราะเดาออกว่าเรื่องสำคัญที่ว่าคงไม่พ้นเรื่องของมิเชลล์ แต่ไม่สำเร็จ พระองค์ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนจะสายเกินไป...
ระหว่างนั่งรอพระชายาอยู่ที่ศาลาพักร้อนกลางสวน มิเชลล์ฉุกคิดถึงคำพูดของหัวหน้านางกำนัลเมื่อครู่ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนเดินขึ้นมาบนศาลา รีบเช็ดน้ำตา หันมาดูต้องตกใจที่เห็น ชารีฟจ้องมองด้วยสายตาเปี่ยมรัก ต่างยืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโผเข้าหากันเหมือนมีแม่เหล็กดึงดูด
“คิดถึงเธอแทบจะขาดใจ ฉันเห็นเธอแต่ในฝัน... ฝันแล้วฝันเล่า กว่าจะถึงวันนี้คิดถึงฉันบ้างไหมมิเชลล์”
“ฉันก็คิดถึงท่าน คิดถึงว่าท่านน่าจะถูกตามล่า เราหนีกันไปกลางทะเลทราย ไปอยู่ด้วยกันที่นั่น”
ชารีฟหัวเราะชอบใจ จะได้ไปฮันนีมูนและให้กำเนิดลูก 6 คนกลางทะเลทรายสมกับคำทำนายของโหรหลวง มิเชลล์ทักท้วงว่าถ้าเขามีเมีย 4 คน คงต้องมีลูกมากกว่านั้น เขาสงสัยเธอไปเอาความคิดนี้มาจากไหน
“คนพูดกันค่ะว่าท่านจำเป็นต้องมีผู้หญิงเผ่าพันธุ์เดียวกันเป็นเมีย พอท่านมีตำแหน่งใหญ่ขึ้น ท่านก็ต้องมีเมียให้ครบ 4 คน ปลูกตึกทาสีเหมือนกันอีกสามหลัง”
“ไม่อยากเป็นเมียหลวงนั่งว่าราชการบนตึกใหญ่หรือ” ชารีฟแกล้งกระเซ้า แต่มิเชลล์ไม่สนุกด้วย เพราะได้ยินมาว่าเมียหลวงของท่านรัฐมนตรีต่างประเทศต้องไม่ใช่คนต่างชาติ และแม่ของเขาจะเป็นคนหาเมียหลวงให้เขาเอง ชารีฟเห็นเป็นแค่เรื่องขำๆ แหย่เล่นว่าเธอจะทำอย่างไร จะสู้กับแม่ของเขาอย่างไร
“ใครว่าฉันจะสู้ ฉันจะกลับฝรั่งเศส ไปตั้งโรงเรียนเล็กๆในชนบท ฉันตัดสินใจผิดที่ไม่กลับปารีส เพราะฉันรักท่าน ตั้งแต่เราอยู่ด้วยกันกลางทะเลทราย ฉันมีความสุขที่สุด แต่ฉันยังไม่คุ้นกับประเพณีหลายบ้าน แชร์สามีคนเดียวกัน ถ้าท่านจำเป็นต้องทำอย่างนั้น ส่งฉันกลับปารีสเถิด ฉันยินดี เพราะฉันก็รู้แล้วว่ารักท่านเป็นอย่างไร มีความสุขแค่ไหน ถึงจะเป็นความสุขระยะสั้นๆ ของชีวิต ฉันก็ขอบคุณท่านมากที่นำความสุขนั้นมาให้”
ชารีฟหน้าเครียด เตือนมิเชลล์อย่าลืมว่าเธอเปลี่ยนศาสนามานับถือพระเจ้าของเขาแล้ว เธอไม่ลืม และจำได้ว่าทำด้วยความเต็มใจ แต่เรื่องเมียสี่คนเธอรับไม่ได้จริงๆ ชารีฟหงุดหงิดที่เธอพูดเรื่องนี้ซ้ำซากอยู่ได้ เขาให้สัญญาไว้แล้วว่าจะมีเมียคนเดียว มิเชลล์ไม่เชื่อ ชารีฟโกรธออกจากศาลาไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเสียงเรียกให้กลับมาคุยกันก่อน เธอรีบวิ่งไปดักหน้า ตำหนิเขาว่าไม่ควรโกรธที่เธอพูดความจริงตามที่ได้ยินมา
“ฉันโกรธที่เธอไม่เชื่อฉัน โกรธที่คำพูดของคนอื่นทำให้เธอเชื่อมากกว่าคำพูดของฉัน”
“พวกนั้นไม่ได้พูดเอง แต่พูดถึงคำพูดของเจ้าหญิงพระมารดาของท่านและฉันก็เข้าใจว่าพระองค์เป็นพระมารดาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นคนในราชวงศ์ เป็นชนชั้นปกครองจะให้คนคนนั้นละเมิดประเพณีย่อมมิบังควร ฉันเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ค่ะ”
“เธอไม่เคยเป็นแม่” ชารีฟโต้ไม่ยอมแพ้
“แม่ของลูกมองทุกสิ่งที่ล้อมรอบตัวลูก แต่ลูกมองจากตัวเอง เห็นไม่เหมือนกันหรอกค่ะ ฉันเชื่อพระมารดาของท่านผิดตรงไหนหรือคะ” มิเชลล์มองชารีฟด้วยสายตาวิงวอน เขาเดินจากไปไม่ตอบโต้อะไรอีก...
อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 11 วันที่ 4 ก.ย. 56
ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ