อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 7 วันที่ 24 ธ.ค. 56

อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 7 วันที่ 24 ธ.ค. 56

หลังจากวันที่ยศหลอกพาจิตราไปตามหาจีรณะจนมืดค่ำและพาเข้าพักในรีสอร์ตแล้ว ต่อมายศก็พาจิตราไปสมัครทำงานที่โพลี่คลินิกแห่งหนึ่งที่ห่างไกลจากบ้านพัก สัญญาว่าจะมารับส่งเธอทุกวัน...

กลับถึงบ้านจิตราขออนุญาตจีรณะไปทำงานหว่านล้อมจนพี่ชายตามใจ เธอขอบคุณเข้ากอดพี่ชายด้วยความดีใจ

ส่วนที่คุ้มแม่เลี้ยง...หลังจากชีพจัดการโอนเงินเข้าบัญชีโสภิตแล้วก็เอาสมุดเงินฝากมาให้ ปรากฏว่าโสภิตกำลังดูแลบ็อบบี้ให้กินข้าวอยู่ พิมพรดึงสมุดบัญชีไปบอกว่าเดี๋ยวตนจะให้น้องเอง พอเปิดสมุดดู พิมพรตาลุกพองเมื่อเห็นตัวเลขในบัญชีมีเงินถึง 50 ล้านบาท เอาสมุดบัญชีไปโยนลงตรงหน้าโสภิต พูดอย่างเจ็บใจ


“ฉันรู้แล้วว่าทำไมแกถึงเกาะติดแม่ไม่ยอมไปไหน ไม่ใช่ว่าเสียสละอะไรหรอก แต่ผลมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม รู้อย่างนี้ฉันก็คงกลับมานานแล้ว”

โสภิตดูตัวเลขในสมุดเงินฝากแล้วงง ปฏิเสธว่านี่ไม่ใช่เงินของตน และตนก็ไม่เคยอยากได้ด้วย พิมพรยิ้มเยาะบอกว่างั้นก็โอนให้ตนสักสิบล้าน

“เงินใคร อะไรตั้งสิบล้าน” ยศตาโตเข้ามาถาม พิมพรพูดให้ยศหูผึ่งเพื่อหาพวกทันทีว่า

“บอกมาซิยัยภิต ต่อหน้าเจ้ายศมัน ว่าแม่ให้เงินแกห้าสิบล้านทำไม”

พอได้ยินตัวเลข 50 ล้านยศยิ่งตาลุกหันมาคาดคั้นโสภิต เธอบอกว่าตนไม่รู้และจะไม่พูดไม่ตอบอะไรทั้งนั้น พูดแล้วเดินออกไป ยศจิกตามองตามอย่างหมายมาด

ooooooo

โสภิตขับรถออกจากคุ้มพลางพยายามโทร.ติดต่อแม่เลี้ยง ระหว่างเข้าโค้งทางเปลี่ยวถูกบุญมีพาดุ่ยกับไทรมาดักจับตัวไป จากนั้นบุญมีโทร.ให้จีรณะไปพบที่จุดนัด

จีรณะแปลกใจที่ไปถึงเห็นโสภิตอยู่ที่นั่นด้วย เขาเดาออกทันทีว่าบุญมีไปทำอะไรมา เมื่อติติง บุญมีชี้แจงว่า “ในเมื่อกฎหมายทำอะไรไม่ได้ เราต้องทำกันเอง” ส่วนโสภิตเห็นจีรณะก็ตะโกนด่าทั้งที่ปากยังถูกมัดอยู่ จีรณะถามบุญมีว่าจะทำอะไรโสภิต

“เอามันเป็นเมีย แม่เลี้ยงจะได้รู้จักคำว่าเจ็บปวดซะบ้าง” บุญมีพูดอย่างสาแก่ใจ ดุ่ยเลียปากแผล็บพูดอย่างกระหยิ่มว่า พวกตนเตรียมเหล้ายาปลาปิ้งมาพร้อมแล้ว

“ผมเสี่ยงชีวิตเข้าไปเอาหลักฐานในคุ้มอมรา ยังเอาผิดแม่เลี้ยงไม่ได้ ถูกไล่ยิงอย่างกับหมูกับหมา ไหนๆก็รอดมาได้ ผมขอแก้แค้นเป็นคนแรก” พูดแล้วเข้าไปดึงกระเป๋าสตางค์ของโสภิตล้วงเงินออกมาได้เจ็ดพันบาท เขายื่นให้บุญมีแล้วเอากระเป๋าสตางค์เสียบคืนที่เดิม

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรายกให้คุณจีจัดการแทนก็แล้วกัน” บุญมีพาพรรคพวกออกไปเตรียมฉลองกัน

จีรณะปิดประตูลงกลอน ทำทีย่างสามขุมเข้าหาทำหน้าหื่น โสภิตตกใจตะโกนด่าขู่จะฆ่าเขา ถูกจีรณะปราบพยศจนหมดฤทธิ์ เห็นเธอพยายามจะแก้เชือกที่มือ เขาไปช่วยก็ถูกปฏิเสธซ้ำยังยกเท้าถีบจนหงายหลัง

ส่วนบุญมีกับพรรคพวก พากันฉลองส่งเสียงเฮฮากันครื้นเครงอยู่ข้างนอก

แกล้งโสภิตพอสมควรแล้ว จีรณะเปลี่ยนท่าที ถามเธอเป็นการเป็นงานว่าเห็นหรือยังว่าตนตั้งใจช่วยเธอจริงๆ

แล้วประคองเธอลุกขึ้นแก้เชือกให้ถามว่าเจ็บตรงไหนไหม เธอตอบอย่างหมดฤทธิ์ว่า นิดหน่อย ทนได้

ooooooo

แม่เลี้ยงอยู่ที่คุ้ม พยายามติดต่อโสภิตแต่ติดต่อไม่ได้ ร้อนใจถามพีรพงษ์ว่ารู้ไหมโสภิตไปไหน พีรพงษ์เดาว่าเธอคงโกรธตนเรื่องเงินนั่น

“ฮู้ยยย...ไม่เกี่ยว ป้าไม่ได้บอกเขาหรอกว่าพ่อพงษ์

มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย” แล้วลดเสียงถาม “แล้วทางตำรวจเคลื่อนไหวอะไรบ้าง”

“เงียบครับ เมื่อไม่มีหลักฐานไม่มีพยาน ไอ้จีรณะก็ทำอะไรเราไม่ได้” พอดูนาฬิกาก็ขอตัว “ผมว่าผมมารับน้องภิตไปกินข้าววันหลังก็แล้วกันครับ ป่านนี้น้องเขาคงกินที่ไหนมาแล้ว”

พอพีรพงษ์ไป แม่เลี้ยงถามพวงว่าโสภิตบอกหรือเปล่าว่าวันนี้จะไปไหน พวงบอกว่าไม่รู้แม่เลี้ยงก็ยิ่งแปลกใจ

เย็นแล้ว จีรณะเปิดประตูออกไปดู ปรากฏว่าพวกบุญมีหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ซากเศษทั้งถุงอาหารจานชามขวดระเกะระกะกับฝาชีเก่าๆครอบอาหารที่เหลือไว้

เขากลับมาบอกโสภิตว่า พวกบุญมีกลับไปหมดแล้ว เธอถามว่าจะทำอย่างไรดี เพราะมือถือตนอยู่ในกระเป๋าที่รถ จีรณะจึงเอาของตัวเองออกมา ปรากฏว่าแบตหมด!

โสภิตจะออกไป จีรณะติงว่าตอนนี้ค่ำแล้วเธอจะจำทางได้หรือ เข็มทิศก็ไม่มีไฟฉายก็ไม่มี เธอถามเสียงอ่อยว่าแล้วจะทำอย่างไร จีรณะเปิดฝาชีดูมีข้าวกล่องและกับข้าวอยู่สองสามถุง เขาบอกเธอว่า

“ใจเย็นๆคุณ ตอนนี้มากินข้าวกันก่อน ผมให้สัญญา พรุ่งนี้คุณได้กลับบ้านแน่นอน”

จีรณะไปจัดอาหารและน้ำดื่มมากินกัน ทีแรกโสภิตก็กินไม่ลงแต่ความหิวทำให้เธอต้องกิน

ไม่เพียงจีรณะไม่คุกคามฉวยโอกาสกับเธอ หากเขายังดูแลเธออย่างดี สุภาพและเสียสละ กลางคืนหนาวก็ถอดเสื้อตัวเองไปคลุมให้

รุ่งขึ้น โสภิตได้นอนเต็มอิ่มทำให้สดชื่นขึ้น จีรณะทำอาหารให้กิน คราวนี้เธอกินแล้วชมว่าอร่อยดีนะ

“ชีวิตคนเรา จริงๆแล้วไม่ได้ต้องการอะไรมากมายนักหรอกครับ แค่มีกินพออิ่ม มีบ้านให้ซุกหัวนอน ขาดอะไรก็ช่วยเหลือแบ่งปันกัน”

คำพูดนี้ของจีรณะทำให้โสภิตเล่าชีวิตในอดีตของเธอที่ผ่านความลำบากยากเข็ญแทบเลือดตากระเด็นให้ฟังว่า...

เวลานั้นเธอยังเด็กมาก พ่อติดการพนัน เป็นหนี้จนนายบ่อนมาขนของในบ้านไปชำระหนี้แทนแม่พยายามขอร้องขัดขวาง ก็ถูกลูกสมุนนายบ่อนตบกระเด็น สมุนนายบ่อนขนของมีค่าออกไป พิมพรวิ่งไปยื้อแย่งก็ถูกผลักหัวทิ่มกระแทกเก้าอี้เลือดอาบหน้า แม่ทนไม่ได้วิ่งเข้าไปตบหน้านายบ่อนตะโกนอย่างแค้นใจ

“อยากได้อะไรก็เอาไป อย่ามาแตะต้องลูกฉัน!” นายบ่อนชักปืนจะตบหน้าแม่อีก ตนวิ่งเข้าไปยกมือไหว้อ้อนวอนอย่าตีแม่เลย แม่เจ็บแล้ว นายบ่อนจึงเก็บปืนกลับไป

เวลานั้นทั้งพิมพรและยศร้องไห้กระจองอแง มีแต่ตนคนเดียวที่ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว!

ร้ายกว่านั้นคือ พ่อเอาคุ้มไปจำนองจนถูกธนาคารยึด แม่เก็บกระเป๋าพาลูกออกไปขออาศัยเพื่อนบ้านอยู่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะบ้านคับแคบแต่ก็ยังมีแก่ใจให้เงินแม่มาห้าร้อยบาท เวลานั้นแม่ลูกจึงต้องอาศัยความเมตตาของพระที่แบ่งข้าวปลาอาหารให้กินกัน แม่ก็แบ่งให้ลูกๆกินจนอิ่ม ถ้าเหลือแม่จึงกิน ถ้าไม่เหลือแม่ก็ยอมอดเพื่อให้ลูกอิ่ม

เวลานั้นลำบากยากแค้นสาหัส แม่นั่งร้องไห้ทุกวัน ตนกอดเช็ดน้ำตาให้แม่ ปลอบแม่อย่าร้องไห้ แม่ดึงตนเข้าไปกอด พูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่า

“เราจะไม่เป็นแบบนี้ แม่สัญญาเราจะเอาของเราคืน เราจะมีให้มากกว่าเดิม!”

ooooooo

เช้านี้แม่เลี้ยงสะดุ้งตื่นเพราะบ็อบบี้มาเคาะประตูปลุกให้กินยาตามเวลา เมื่อแม่เลี้ยงลงมาที่โต๊ะอาหารไม่เห็นโสภิตก็ถามหา

พวงจะไปดูที่ห้อง แม่เลี้ยงบอกว่าตนดูแล้วโสภิตไม่อยู่ที่ห้อง บ็อบบี้บอกว่ารถน้าภิตก็ไม่อยู่ แม่เลี้ยงสงสัยว่าคงออกไปแต่เช้าแล้ว ถูกพิมพรประชดว่า ไม่ได้กลับมามากกว่า?

พิมพรเจตนาลากให้การสนทนาเข้าเรื่องเงิน 50 ล้าน ในบัญชีของโสภิตให้เป็นเรื่อง ยศประสานเสียง ต่อว่าแม่ว่าลำเอียง เวลาตนขอแค่หมื่นสองหมื่นแม่ยังบ่น

“พวกแกไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องเงินกับฉัน เพราะแกไม่เคยช่วยฉันหา ฉันจะโอนให้ใครแกไม่เกี่ยว” แล้วแม่เลี้ยงก็กดมือถือถามชีพ “ชีพ...ยัยภิตไม่กลับบ้าน ไม่รู้เกิดเรื่องอะไร แกระดมลูกน้องออกตามหาเดี๋ยวนี้เลย”

ชีพรับคำสั่งแล้วตรงดิ่งไปที่กลุ่มหนานเทือง ถามว่ามีใครเห็นอัปสรโสภิตบ้าง พวกผู้หญิงบอกว่าไม่มีใครเห็นเลย บุญมีพูดเป็นนัยว่า ป่านนี้โสภิตขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดไปแล้ว พอถูกชีพตะคอกว่าแช่งคุณภิตหรือ บุญมีก็แถไปว่าตนพูดผิดตรงไหน นางฟ้าก็ต้องอยู่บนสวรรค์ไม่ใช่หรือ ทำท่าจะมีเรื่องกันจนหนานเทืองต้องเข้ามาหย่าศึก ชีพย้ำอีกครั้งก่อนไปว่า

“ฟังนะ ถ้าใครได้ข่าวคุณภิต แม่เลี้ยงจะมีรางวัลให้ แต่ถ้าฉันรู้ว่าพวกแกทำอะไรคุณภิตละก็ แม้แต่กระดูกแกก็ไม่เหลือ!”

พอชีพไป บัวหอมกับสายพิณก็ซุบซิบกันว่าสงสัยโสภิตจะถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ เวรกรรมขายาวจริงๆ แม่เพิ่งทำร้ายจีรณะ ลูกก็ถูกฉุดเลย

“กรรมน่ะมันไม่มีขาเดินมาเองหรอก มันต้องมีเจ้ากรรมนายเวรจัดการโว้ย แล้วรู้เอาไว้นะว่าต่อไปนี้แม่เลี้ยงจะไม่มีวันมารังแกไอ้จีกับพวกเราได้อีก ฮ่ะๆๆ” บุญมีหัวเราะมีเลศนัยอย่างสะใจจริงๆ

ooooooo

เช้านี้ หลังจากจีรณะทำอาหารกินกันแล้ว โสภิตนั่งชมนกชมไม้อย่างสบายใจ เห็นกล้วยไม้ช่อสวยก็พยายามเขย่งเก็บแต่ไม่ถึง จีรณะเอื้อมเก็บให้ แล้วจะพากันออกเดินทาง

โสภิตถือดอกกล้วยไม้อย่างทะนุถนอม จีรณะดึงกล้วยไม้จากมือเธอเสียบผมที่รวบไว้ให้ บอกว่าจะได้ไม่ต้องเดินถือให้เมื่อย โสภิตรู้สึกอบอุ่นกับท่าทีอ่อนโยนของเขา อีกทั้งตลอดทางที่เดินออกมา จีรณะคอยดูแลช่วยเหลือทุกครั้งที่เป็นทางลาดชันหรือเสี่ยง ทำให้โสภิตรู้สึกปลอดภัยในทุกย่างก้าวที่เดินไปกับเขา

แต่แล้วก็มีเรื่องให้ตึงเครียด เมื่อจีรณะบอกว่าได้ยินเสียงคนเดิน เขาบอกให้เธอรีบหลบไป ตนจะลวงทิศต้านพวกนั้นไว้ โสภิตไม่ยอมไป บอกเขาว่า “ไม่...ฉันไม่หนี ฉันไม่ทิ้งคุณหรอก”

แต่เหมือนคนดีผีคุ้ม เพราะเสียงที่ได้ยินนั้น เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของจีรณะจอดอยู่จึงออกตามหา จีรณะบอกว่าตนกับโสภิตมาเที่ยวแล้วหลงป่า จีรณะวานพจน์เจ้าหน้าที่ป่าไม้รุ่นพี่ให้พาโสภิตไปส่งบ้านด้วย

“หมายความว่าฉันต้องปล่อยพวกนายบุญมีลอยนวลงั้นเหรอ” โสภิตไม่พอใจ

“คุณจะแจ้งความก็ได้ แล้วก็อย่าลืมบอกนะว่าผมมาช่วยเลยต้องค้างคืนอยู่ด้วยกัน” โสภิตนิ่งอึ้งกังวลขึ้นมา จีรณะพูดจริงจังว่า “น้าบุญมีทำผิด แต่ผมก็อยากขอให้คุณอภัยให้แกอีกสักครั้ง ผมสัญญา ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณแบบนี้อีก” โสภิตบอกว่าจะลองเชื่อเขาดู จีรณะขอบคุณแล้วพาเธอไปส่งที่รถ

ooooooo

แม่เลี้ยงคอยฟังข่าวโสภิตจากชีพ แต่พอชีพกลับมา แม่เลี้ยงกลับได้ข่าวไม่ดีของตัวเอง แม่เลี้ยงรีบจัดกระเป๋าบอกว่าจะไปกบดานที่เพชรบูรณ์สักพัก ให้ชีพอยู่รับหน้า ถ้าตำรวจมาให้บอกว่าตนไปพักฟื้น

ส่วนเรื่องที่โสภิตหายตัวไปนั้น ชีพคาดว่าเธออาจจะระแคะระคายเลยหนีไปแล้ว

แม่เลี้ยงไม่ทันออกไป พวงก็มาบอกว่าตำรวจมาขอพบ แม่เลี้ยงกำลังหาทางหลบเลี่ยง ตำรวจก็เข้ามาถึงแล้ว เอาหมายเรียกมาเชิญแม่เลี้ยงกับโสภิตไปให้ปากคำคดีหุ้นยางพาราที่โรงพัก

เมื่อหลบไม่ทัน แม่เลี้ยงก็ทำเป็นแน่นหน้าอกกะทันหัน ล้มตึงตาเหลือก ชีพเล่นตามน้ำบอกตำรวจว่าแม่เลี้ยงโรคหัวใจกำเริบต้องพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ สารวัตรเลยต้องเป็นธุระวอเรียกรถพยาบาลให้

พจน์พาโสภิตมาส่งที่คุ้ม ทำให้รู้ว่าเธอคือลูกสาวของแม่เลี้ยงอมรา พูดยิ้มๆว่าตนเข้าใจแล้วว่าทำไมจีรณะถึงต้องแอบคบกับเธอ โสภิตรีบบอกว่าเขาเข้าใจผิด พจน์รับปากยิ้มๆว่าไม่ต้องห่วงตนจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แล้วกลับไป

พอโสภิตเข้าบ้าน เจอพวงกอดบ็อบบี้ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าอยู่ ถามว่าร้องไห้ทำไม พวงพูดไม่ออก บ็อบบี้บอกว่า

“มีตำรวจมา แล้วคุณยายก็หายใจไม่ออก ล้มลงไปเลยครับ”

โสภิตรีบไปโรงพยาบาลทันที

แต่หมอตรวจแม่เลี้ยงแล้วบอกว่าคลื่นหัวใจปกติ ความดันสูงเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอันตราย แม่เลี้ยงบอกว่าตนหายใจไม่ออก มองอะไรก็พร่าไปหมด หมอบอกว่าอาจเป็นเพราะพักผ่อนไม่พอ เดี๋ยวจะฉีดยาบำรุงให้

อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 7 วันที่ 24 ธ.ค. 56

พรมแดนหัวใจ บทประพันธ์โดย รจเรข
พรมแดนหัวใจบทโทรทัศน์โดย ดลกมล คนหลังม่าน
พรมแดนหัวใจกำกับการแสดงโดย ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
พรมแดนหัวใจ ผลิตโดย บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย
พรมแดนหัวใจแนวละคร : คอมเมดี้โรแมนติก - ดราม่า
พรมแดนหัวใจออกอากาศทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ