อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 4 วันที่ 15 ธ.ค. 56
โสภิตถามว่าไม่ได้ยินหรือแม่ตนบอกแล้วว่าเจ๊พร โอนหนี้มาให้แม่ จีรณะพูดอย่างผิดหวังมากว่า“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า คุณจะพูดแบบนี้ได้ นี่ถ้าวันนี้ผมกล่อมลุงคำปันไม่ให้ผูกคอตายไม่สำเร็จ ป่านนี้มีศพมาให้คนใจหินอย่างคุณดูแล้ว” เธอถามว่าลุงคำปันปลอดภัยแล้วใช่ไหม “ถึงไม่หมดลมหายใจ แต่ลุงแกกับหลานอีกสามชีวิตก็กำลังจะตายทั้งเป็น”
จีรณะกระแทกกระเป๋าเงินคืนให้ พูดประชด “กอดเงินของคุณเอาไว้เถอะ กอดเอาไว้ให้แน่นๆ เพราะมันคงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตคุณ หวังว่ามันจะทำให้คุณกับครอบครัวมีความสุขกันได้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตนะ” พูดแล้วเปิดประตูรถลงไป ทิ้งโสภิตไว้ราวกับเศษธุลี!
ooooooo
แม่เลี้ยงบอกแกมบังคับให้ยศพานิตยาไปช็อปปิ้งตามเคย นิตยาบ่นว่าพามาตลาดอย่างนี้ไม่มีอะไรจะซื้อ ยศจึงเสนอจะขับรถพาเธอกินลมแทน
“จะทำอะไรคะ เดี๋ยวใครเห็นไปฟ้องคุณพ่อ คุณพ่อจะไม่ยอมให้นิตไปกับคุณสองต่อสองอีก”
“ผมขอโทษครับ...มือมันไปโดนเอง” ยศทำเป็นขอโทษ แอบทำหน้าเซ็งจนบอกไม่ถูก
ที่ร้านขายเสื้อผ้า จิตรากำลังเอาเสื้อทาบกับตัว
ผู้กองเกียรติก้องชมว่าตัวนี้ก็เท่ดี นิตยาเห็นจิตราก็หาทางแกล้งยศ ทำทีเดินเข้าไปทัก ถามเสียงดังให้ยศได้ยินว่า
“อ้าว...คุณพยาบาลนี่เอง เจอกันอีกแล้วนะคะ พาแฟนมาซื้อเสื้อเหรอ รสนิยมดีจัง” แล้วแย่งเสื้อจากจิตราไปทาบกับยศพูดหน้าตาเฉยว่า “พี่ยศ ไหนลองทาบดูซิคะ นิตว่าพี่ยศใส่แล้วต้องสมาร์ทมากๆ”
ยศผสมโรงเย้ยผู้กองว่าตนใส่อะไรก็เท่อยู่แล้ว ไม่เเหมือนพวกอยู่ป่าอยู่ดอย ใส่ของดียังไงก็ช่วยไม่ได้ แล้วทำท่าจะเอาตัวนั้น ถูกอาโปแย่งคืนถามว่าหน้าด้านรึเปล่ามาแย่งของคนอื่น นิตยาด่าอาโปแล้วให้ยศตบสั่งสอน แต่พอยศจะตบอาโปก็ถูกเกียรติก้องจับข้อมือบิดจนร้องลั่น
“โอ๊ย...เจ็บ ปล่อยกู กูจะฟ้องแม่ให้ย้ายแกไปเป็นตำรวจเข็นศพที่นิติเวช”
“พอแล้ว ไปเถอะค่ะพี่ก้อง” จิตราจับมือเกียรติก้องที่หักข้อมือยศอยู่ชวนออกไปกัน ยศยืนกุมมือหน้าบิดเบี้ยว
เกียรติก้อง จิตรา และอาโปออกไปแล้ว ยศยังกุมมือตัวเองอยู่ เจ๊เจ้าของร้านมาบอกว่าผู้หญิงที่มากับเขาไปแล้ว ยศลุกมองไปรอบตัวพึมพำ “คุณนิต...” แล้ววิ่งไปดูหน้าร้าน ไม่เห็นแม้แต่เงาของนิตยา...
ooooooo
นิตยาหนีกลับจวน บ่นอย่างหงุดหงิดกับคุณนายผู้เป็นแม่ว่า
“ผู้ชายห่วยแตก ทั้งๆที่อยู่กับหนู แต่กลับไปหึงเมียเก่าออกนอกหน้า แบบนี้มันไม่ให้เกียรติกันนะคะคุณแม่”
“เรื่องแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย” นิตยาถามว่าแล้วเรื่องใหญ่ของคุณแม่คืออะไร คุณนายปั้นหน้าเครียดบอกว่า “ครอบครัวล้มละลาย ถูกยึดทรัพย์ ฉันถึงจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่”
ฟัง “เรื่องใหญ่” ของแม่แล้ว นิตยากระแทกตัวลงนั่งบ่นเซ็งๆ
“เจ้าชู้ไปทั่ว เรียนตกแล้วตกอีก ผ่านมาได้เพราะซื้อมา งานการไม่ทำ ขี้โม้ ขี้คุย ที่สำคัญหุ่นขี้ก้าง กล้ามสักมัดก็ไม่มี ผู้ชายอย่างนี้หรือคะ ที่แม่จะให้หนูแต่งงานด้วย หนูไม่แต่งด้วยหรอก”
“แต่แกต้องแต่ง คิดดูดีๆปีหน้าคุณพ่อก็จะเกษียณ
อายุราชการแล้ว พออำนาจหมด เงินก็หมด พ่อแกเขาเป็นข้าราชการที่กินอุดมคติ โล่เต็มบ้าน เงินไม่มีเก็บ เราต้องอาศัยเงินบ้านตายศมาเป็นทุนทำกิจการโน่นนี่เลี้ยงครอบครัว เข้าใจรึยัง”
นิตยาทำหน้าฮึดฮัดขัดใจ พอดีผู้ว่าฯเดินเข้ามามีมนัสถือของตาม ผู้ว่าฯมองสองแม่ลูกบอกว่ามนัสจะมาเป็นผู้ช่วยตน ถามว่า “เมื่อกี้แม่ลูกคุยอะไรกัน” คุณนายปดหน้าตาเฉยว่าคุยเรื่องเตรียมงานแต่งงาน “แน่ใจหรือว่าลูกชายแม่เลี้ยงอมราเป็นคนดี ที่ได้ยินเข้าหูแต่ละเรื่องมันแย่ๆทั้งนั้น”
“พวกลูกหนี้แม่เลี้ยงมันปล่อยข่าวทั้งนั้นค่ะ ตายศเป็นคนใช้ได้ ฉันรับรอง ใช่ไหมยัยนิต” คุณนายแอบหยิกนิตยาที่กำลังมองมนัสเพลิน เธอสะดุ้งรีบตอบตามน้ำว่า
“ค่ะ คุณพ่อ พี่ยศเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลก”
ooooooo
แม่เลี้ยงนั่งอยู่กับโสภิต กำลังเตรียมงานแต่งของยศอย่างเข้มงวด แม่เลี้ยงขีดวงพวกกั้นประตู ปากก็บ่นว่า
“ไอ้พวกชอบกั้นประตู ให้ไอ้ชีพกับไอ้กาบโยนประทัดยักษ์นำเข้าไปก่อน ให้พวกมันกระเจิงไปเลย ส่วนเงินในซองใส่ซองละห้าสิบบาทก็พอ เผื่อมันกั้นหลายประตู ไหนจะค่าไถ่รองเท้า ไม่รู้ไอ้บ้าตัวไหนเป็นต้นคิด ปัญญาอ่อนจริงๆ ยัยภิตได้ยินแม่พูดไหม”
โสภิตสะดุ้งถามแม่ว่าแล้วแขกฝ่ายเราต้องออกการ์ดเชิญ มีใครต้องเชิญเป็นพิเศษบ้างไหม แม่เลี้ยงบอกให้เธอไปเช็กดู ย้ำว่า
“เราจะเชิญพวกพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเจ้าของกิจการที่ประวัติการเงินดีไม่มีตัวแดงในธนาคาร ใครที่ยากจนข้นแค้นอยู่เขียมกินเขียมขี้เหนียว ไม่ต้องเชิญพวกมัน เปลืองที่นั่ง เปลืองอาหาร”
แม่เลี้ยงส่งกระดาษรายการคืนให้โสภิต เธอเก็บใส่แฟ้มเอกสาร แอบมองแม่เห็นกำลังเปิดโน้ตบุ๊ก ปากก็พูดไม่หยุด...
“เดี๋ยวแม่ดูพวกเพื่อนๆตามต่างจังหวัดก่อน ใครเหมาะสมที่จะเชิญบ้าง” แต่ไม่ทันไร ก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณนาย ฟังปลายสายแล้วอุทานหน้าเครียด “อะไรนะคะ...จริงเหรอคะ ตายศทำอย่างนั้นกับหนูนิตจริงๆเหรอคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันจะจัดการให้”
พอดียศเดินเข้ามา แม่เลี้ยงวางสายแล้วถามทันทีว่าพานิตยาไปไหนมาบ้าง ยศทำเสียงปลื้มเล่าว่า
“โอ๊ย...เยอะแยะเลยครับแม่ กินข้าว ดูหนัง ช็อปปิ้งในตัวเมือง” แม่เลี้ยงถามว่าแล้วหนูนิตมีความสุขไหม “มากเลยครับแม่ ท่าทางหลงผมสุดๆ”
สิ้นเสียงคุยโวของยศเท่านั้น แม่เลี้ยงก็เต้นเร่าๆเป็นเจ้าเข้าด่ายศว่าโกหก ไอ้ลูกชั่ว จะเอาเลือดหัวออก โสภิตกับพวกต้องช่วยกันห้ามช่วยกันรั้งแม่เลี้ยงไม่ให้เข้าไปถึงตัวยศ
ยศหนีกลับเข้าห้องนอน โสภิตตามมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ถึงโกรธได้ขนาดนี้ ยศเล่าว่าตนไปเจอจิตราควงผู้ชายคนใหม่มาเยาะเย้ยตน นิตยาไปกับตนด้วยเลยเป็นเรื่อง โสภิตตำหนิว่าหย่ากับจิตราไปแล้วก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ยศอ้างว่าตนถูกแม่บังคับให้หย่าต่างหาก
ยศระบายว่า ทุกวันนี้ต้องทนให้แม่กดหัวบังคับ ตนยอมทุกอย่างเพื่อเอาใจแม่ พูดอย่างอัดอั้นว่า
“ถ้าทนไม่ไหว พี่จะหนีไปแบบพี่พิม เชิญเธออยู่เป็นลูกรักไปคนเดียวเถอะ”
ooooooo
กลับถึงบ้านพักของจีรณะแล้ว ทุกคนช่วยกันทำอาหารมื้อเย็น จีรณะกลับมาทักอารมณ์ดีว่ามาทันเวลากินพอดีไม่ต้องทำอะไรเลยโชคดีจริงๆ อาโปไม่ยอม บอกว่ากินเสร็จต้องช่วยล้างถ้วยชาม
ทั้งสองพูดหยอกล้อกันไปมา แล้วอาโปช่างพูดก็เล่าจ้อยๆว่า วันนี้พวกเราไปเจอคนชื่อยศกับแฟนใหม่ ยศถูกผู้กองหักข้อมือร้องอย่างกับหมูตกเขาเลย ผู้กองไม่อยากให้เสียบรรยากาศ เบรกอาโปว่าอย่าเพิ่งคุยรีบจัดกับข้าวตั้งโต๊ะเร็ว
เมื่อทุกคนมานั่งโต๊ะต่างกินกันเงียบๆบรรยากาศไม่แจ่มใสนัก อาโปกินข้าวพลางเล่าที่มีเรื่องกับยศวันนี้ให้จีรณะฟังอย่างติดลม ถูกผู้กองเรียกปรามเพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนใจจิตรา
“ไม่เป็นไร อาโปเล่าไปเถอะ เขาจะทำอะไรก็ช่างเขา” จิตราฝืนยิ้ม จีรณะถามเธอว่ามันมายุ่งอะไรกับพวกเราหรือ “ไม่มีอะไรหรอกพี่จี บังเอิญไปเจอกันในตลาด เขามากับลูกสาวผู้ว่าคู่หมั้นของเขา”
จิตราพูดกลบเกลื่อนพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ แต่อาโปก็ยังช่างเล่าไม่หยุด ครู่หนึ่งจิตราลุกไปที่ครัวบอกว่าลวกผักไว้ อาโปมองตามเดาว่า “พี่จิตต้องแอบไปร้องไห้แหง ตอนกลับมาก็รีบเข้าห้องไปร้องไห้ตั้งนาน”
ผู้กองจึงเล่าว่า ยศคิดว่าตนเป็นแฟนจิตราเลยเข้ามาหาเรื่อง จีรณะย้อนถามว่าแล้วทำไมเขาไม่บอกไปเลยว่าใช่
“เฮ้ย...จะให้ฉันพูดอย่างนั้นได้ไง แกนี่พูดอะไรไม่เห็นแก่จิตใจของน้องสาวแกเลย” ผู้กองติงเพื่อนเขินๆ
“แล้วแกล่ะ คิดถึงจิตใจของตัวแกเองบ้างรึเปล่า”
อาโปมองหน้าผู้กองโพล่งออกมาอย่างแก่แดดว่า “ผู้กองชอบพี่จิตเหรอ อาโปนึกแล้ว...” เลยถูกผู้กองดุว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก อาโปเลยเงียบมองผู้กองตาแป๋ว
ooooooo
วันนี้แม่เลี้ยงจะไปที่จวนผู้ว่าฯเพื่อขอโทษนิตยา บอกโสภิตว่าจะยอมให้งานแต่งล้มไม่ได้ โสภิตถามว่าจะไม่ส่งข่าวบอกพิมพรหรือ งานนี้ครอบครัวน่าจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
แม่เลี้ยงหน้าเครียดทันที ย้อนถามว่า “บอกมันทำไม มันเคยเห็นฉันเป็นแม่มันไหม เห็นภิตเห็นยศเป็นน้องของมันไหม อารมณ์กำลังดีๆคุยเรื่องงานมงคลอยู่ เอ่ยชื่อมันขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้”
ทันใดนั้นเอง เสียงบ็อบบี้ลูกชายวัย 6 ขวบของพิมพรที่เกิดกับสามีฝรั่ง ก็ร้องเรียกเสียงใสวิ่งเข้ามาสวัสดีคุณยาย แม่เลี้ยงกับโสภิตมองตะลึง โสภิตมองบ็อบบี้ดีใจ แต่แม่เลี้ยงเกรี้ยวกราด ชี้หน้าถามว่าเป็นใคร สั่งชีพให้ไล่ออกไปเดี๋ยวนี้
“นั่นบ็อบบี้ลูกของพิมค่ะแม่” เสียงพิมพรตามเข้ามา ทุกคนตกใจที่จู่ๆพิมพรกลับมาไม่มีใครรู้เนื้อรู้ตัว
แม่เลี้ยงเกรี้ยวกราดกับพิมพรและบ็อบบี้ ด่าพิมพรว่าลูกอกตัญญู ไล่ให้ลากกระเป๋าออกไปเลย อารมณ์เกรี้ยวกราดทำให้โรคหัวใจกำเริบจนหน้ามืดเป็นลม โสภิตประคองแม่ไปนอนที่โซฟาเอายาใต้ลิ้นชักมาให้อม นั่งพัดวีให้สบายตัว พิมพรนั่งเฝ้าอย่างเป็นห่วง บ็อบบี้ก็นั่งบีบมือยายอย่างน่ารัก
ห้องนอนของพิมพรยังรักษาไว้อย่างเดิม และคนใช้ก็ทำความสะอาดทุกวันเหมือนเธอยังอยู่ที่บ้าน
พิมพรเล่าให้โสภิตฟังว่า ตนเลิกกับโทมัสพ่อของบ็อบบี้แล้ว ยอมรับว่าความรักที่เกิดจากความเหงามันไม่ยั่งยืน บ่นว่าจิตรกรอย่างโทมัสกินอุดมการณ์ รูปไม่ขาย ลูกเมียจะอดอยากแค่ไหนไม่สน ตนต้องไปทำงานนอกบ้านแสนเหนื่อย กลับมาก็ต้องเลี้ยงบ็อบบี้ นอนวันหนึ่งถึงสามชั่วโมงหรือเปล่าก็ไม่รู้ บอกโสภิตว่า
“พี่ไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว ถ้าแม่ไม่ให้พี่อยู่ พี่ก็จะไปตายเอาดาบหน้า”
“พี่พิมกับหลานไม่ต้องไปไหน ภิตจะพูดกับแม่ให้ แต่ภิตไม่รับรองว่าแม่จะฟังภิตหรือเปล่า พี่ก็รู้ว่าแม่เป็นคนยังไง รักแรงเกลียดแรง ลองได้โกรธแล้วฝังใจไม่ยอมให้อภัยยกโทษให้ใครง่ายๆ”
สองพี่น้องคุยกันถึงความหลัง ที่โสภิตเองก็อยากไปเรียนเมืองนอกแต่ไม่ได้ไป พิมพรกับยศก็ตีกันทุกวัน พูดแล้วพิมพรนึกขึ้นได้ถามว่ายศเป็นอย่างไรบ้าง ยังเหลวไหลเหมือนเดิมหรือเปล่า?
แม่เลี้ยงใจหินเลือดเย็นกับทั้งพิมพรและบ็อบบี้ไม่ยอมให้อยู่ที่คุ้ม โสภิตหว่านล้อมอย่างไรก็ไม่ใจอ่อน กระทั่งพิมพรกราบขอโทษก็ยังปัดมือออก โสภิตรู้จุดอ่อนของแม่ หว่านล้อมว่า
“แม่คะ ยกโทษให้พี่พิมเถอะนะคะ ถ้าแม่ไม่ให้อภัยก็นึกถึงท่านผู้ว่าก็ยังดี ท่านจะคิดยังไงคะ ถ้ารู้ว่าครอบครัวเราแตกแยก แม่ไล่ลูกกับหลานไปนอนข้างถนน เขาจะให้ลูกสาวเขามาเป็นสะใภ้ตระกูลเราหรือคะ เราต้องสร้างความกลมเกลียวให้เขาเห็นสิคะ”
นั่นแหละ...แม่เลี้ยงจึงยอมให้พิมพรกับบ็อบบี้อยู่ที่คุ้ม ย้ำกับโสภิตและพิมพรว่า ที่ตนยอมครั้งนี้เพื่อสร้างภาพเท่านั้น แต่ยังไม่วายไล่ให้พิมพรกับบ็อบบี้ไปกินข้าวที่ครัว ไม่ยอมให้นั่งร่วมโต๊ะ
เมื่อยศกลับมา แม่เลี้ยงบังคับให้ไปง้อนิตยาให้สำเร็จ ถ้าง้อไม่สำเร็จไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า ทั้งยังจะหักเงินเดือนเดือนละหนึ่งหมื่นบาทเอาไปเป็นค่าเล่าเรียนให้บ็อบบี้ด้วย
“แม่นะแม่ ลูกตัวเองยังเค็มสุดขั้ว พี่พิมจะกลับมาทำไมก็ไม่รู้” ยศหงุดหงิดบ่นกระปอดกระแปด
ฝ่ายนิตยาแต่งตัวอ่อยมนัสที่พ่อเอามาเป็นผู้ช่วย ทำทีว่าเจองูร้องขอความช่วยเหลือแล้วเป็นลม พอมนัสเข้าประคองถูกคุณนายมาตวาดแว้ดให้ปล่อยลูกสาวตน พอดียศมาถึง คุณนายให้ยศอุ้มนิตยาเข้าบ้าน ยศอุ้มนิตยาหนักจนเดินเป๋ไปเป๋มาสะดุดอะไรบางอย่างล้ม นิตยาหลุดมือหล่นพลั่ก เธอลุกขึ้นพูดเย้ยก่อนเดินเข้าบ้านไปว่า
“โธ่เอ๊ย...จะโชว์พาวก็ไม่มีปัญญา ไปหัดวิ่งให้รอบสนามก่อนเถอะค่ะค่อยอาสามาอุ้มนิต” ว่าแล้วเดินตุปัดตุป่องไป
ยศยืนหอบแฮ่กยิ้มเรี่ยราด คุณนายได้แต่มองอย่างอ่อนใจ
ooooooo
กลับถึงคุ้ม ยศแกล้งใช้บ็อบบี้ไปซื้อแตงโมที่ตลาด บ็อบบี้ออกไปนั่งรถสองแถวฝากป้าที่นั่งรถมาด้วยกันว่าถึงตลาดให้บอกด้วย ไปถึงตลาดเจอเด็กๆเล่นล้อต๊อกกันอยู่ บ็อบบี้แวะไปดู จับได้ว่าเด็กโข่งโกงเด็กเล็กเลยเข้าไปต่อว่า
บ็อบบี้ถูกเด็กโข่งกับพวกรุมเล่นงาน โชคดีที่จีรณะไปเจอช่วยไว้ แต่บ็อบบี้ก็สะบักสะบอมมอมแมมไปหมด ถามว่าบ้านอยู่ไหนก็จำไม่ได้ เขาจึงพากลับไปที่บ้านพัก จิตราซึ่งเป็นพยาบาลดูแลอย่างดี บ็อบบี้เป็นไข้ก็เอายาให้กิน พอทุเลาก็พยายามถามถึงคนแวดล้อมเพื่อจะพาไปส่งบ้าน
บ็อบบี้บอกว่าตน ชื่อบ็อบบี้ ชื่อจริงคือ บูรณาถาม จิตราว่าชื่ออะไร จิตราบอกชื่อตนและชี้ไปที่จีรณะบอกว่านั่นคือพี่ชายชื่อจีรณะ หรือจี บ็อบบี้ท่อง “มิสเตอร์จี มิสจิตรา” จีรณะถามบ้างว่าแม่บ็อบบี้ชื่ออะไร?
“แม่ชื่อพิมพรครับ ผมกับแม่กลับจากอเมริกามาอยู่กับคุณยายชื่อ...แม่เลี้ยง...”
บ็อบบี้จำได้แค่นั้น แต่ทั้งจีรณะและจิตรามองหน้ากันตกใจ รู้ทันทีว่านั่นคือแม่เลี้ยงอมรา!
ที่คุ้มแม่เลี้ยงเพิ่งจะรู้กันว่าบ็อบบี้หายไป พากันตามหาทั่วคุ้มก็ไม่เจอจึงไปแจ้งความ แม่เลี้ยงประกาศให้รางวัลคนที่ตามเจอบ็อบบี้ว่าจะยกหนี้ให้ทั้งต้นทั้งดอกคืนโฉนดจำนองของจำนำให้ทั้งหมด
อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 4 วันที่ 15 ธ.ค. 56
พรมแดนหัวใจ บทประพันธ์โดย รจเรขพรมแดนหัวใจบทโทรทัศน์โดย ดลกมล คนหลังม่าน
พรมแดนหัวใจกำกับการแสดงโดย ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
พรมแดนหัวใจ ผลิตโดย บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย
พรมแดนหัวใจแนวละคร : คอมเมดี้โรแมนติก - ดราม่า
พรมแดนหัวใจออกอากาศทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ