อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอนอวสาน วันที่ 1 ก.พ. 57

อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอนอวสาน วันที่ 1 ก.พ. 57

เมื่อพาบ็อบบี้ส่งโรงพยาบาล หมอตรวจแล้ว บอกว่าเด็กอาการหนักมากต้องผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัย

โสภิตถามว่าต้องส่งไปผ่าตัดที่กรุงเทพฯหรือหมอพยักหน้า แม่เลี้ยงที่ฟังอยู่ถึงกับเข่าอ่อนถามโสภิตที่เข้ามาประคองว่า “ฉันจะหาเงินที่ไหนมารักษาหลาน...”

เมื่อจีรณะได้ข่าวบ็อบบี้ก็รีบไปที่โรงพยาบาลปลอบใจโสภิตที่มาแอบร้องไห้อยู่ว่าบ็อบบี้เป็นเด็กดี บ็อบบี้ต้องไม่เป็นอะไรเธอส่ายหน้าโผเข้ากอดเขาคร่ำครวญน้ำตาไหลพราก...
“กรรมมันตามทันครอบครัวฉันแล้วใช่ไหม ทุกอย่างมันถึงได้เลวร้ายขนาดนี้”


“แต่คุณก็ทำกรรมดีไว้มาก ค่อยๆคิดต้องมีทางออก” โสภิตถามว่าจับพีรพงษ์ได้ไหม “ทั้งนายพงษ์กับพ่อถูกพวกค้าไม้เถื่อนฆ่าตายทั้งคู่ ความชั่วที่พวกเขาก่อมันไม่ต้องรอให้ศาลไหนมาตัดสิน”

“เหมือนที่พวกฉันกำลังถูกพิพากษาอยู่เวลานี้”

“อะไรก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันดีอนาคตต้องดี ผมเชื่ออย่างนั้น”

ระหว่างทั้งสองคุยกันนั้น แม่เลี้ยงเดินร้องไห้ออก จากโรงพยาบาลไปโดยไม่มีใครเห็น...แม่เลี้ยงไปวัดเข้าไปในอุโบสถ นั่งพนมอธิษฐานหน้าพระประธาน

“ลูกรู้ตัวว่าไม่ได้เป็นคนดีอะไรมากมาย ทำชั่วมามาก เบียดเบียนเพื่อนมนุษย์มาตลอด ลูกขอรับกรรมทั้งหมดไว้เองขอตกนรกคนเดียว อย่าเอาชีวิตบ็อบบี้ไปเลยนะคะ”

หลวงพ่อเดินเข้ามาเอ่ยปลอบใจจากข้างหลังว่า

“นรกสวรรค์ไม่ต้องรอตาย โยมสำนึกผิดคิดได้ตอนนี้ คือโยมได้ขึ้นสวรรค์แล้ว”

“แต่ถึงคิดได้ มันก็สายเกินไปแล้ว จิตใจเหมือนตกอยู่ในนรก ค้นหาทางสว่างอย่างไรก็ไม่เห็น...” แม่เลี้ยงเอาแหวนเพชรที่มุดไปเก็บที่ใต้เตียงจนเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้บ้าน เอาใส่พานถวายหลวงพ่อ “ดิฉันมีสิ่งนี้เป็นของมีค่าติดตัวมา ดิฉันขอถวายเพื่อทำบุญต่อชีวิตหลานด้วยเถอะค่ะ”

“อนุโมทนาโยม แต่จริงๆแล้วอาตมาก็อยากให้โยมเข้าใจว่าเราไม่สามารถติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้หรอกนะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

แม่เลี้ยงพนมมือไหว้น้ำตาไหลพราก...เดินออกจากวัดมารอรถสองแถวเพื่อกลับบ้าน แต่ถูกเบียดจนไม่สามารถขึ้นรถได้ พอรถคันที่สองมาพยายามจะขึ้นอีก คราวนี้ถูกเบียดจนล้มเท้าแพลง จึงตัดสินใจเดินกะเผลกๆกลับ

ระหว่างแม่เลี้ยงเดินกลับนั่นเอง บุญมีขับรถผ่านมาโดยมีคำปันนั่งมาด้วย รถบุญมีชะลอรถเข้าเทียบ แม่เลี้ยงตกใจอ้อนวอนขอให้เมตตา อย่าทำอะไรตนเลย

“แค่จะพาไปส่ง ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับแม่เลี้ยง” คำปันพูดอ่อนโยน ถามว่า “แม่เลี้ยงจะไปไหน”

บุญมีขับรถพาแม่เลี้ยงไปส่งถึงบ้านพัก แม่เลี้ยงขอบคุณด้วยความซึ้งใจ จีรณะมองบุญมีซึ้งๆ

“ไม่ใช่ๆ น้าแค่ทำตามที่ลุงคำปันขอ ไม่ต้องมามองซึ้งอะไรกับน้าหรอก” บุญมีรีบชี้แจง จีรณะถามคำปันด้วยสายตา คำปันจึงเล่าว่า

“ลุงผ่านไปเห็นคุ้มอมราไฟไหม้หมด เหลือแต่ซาก ก็มาคิดได้ว่าโลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน จะอาฆาตกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าอโหสิได้ก็เป็นบุญกุศลกับตัวเรา”

“ผมดีใจครับ ที่น้ากับลุงคิดอย่างนี้” จีรณะยิ้มเต็มหน้าอย่างปลาบปลื้ม

ooooooo

พิมพรเฝ้าบ็อบบี้อยู่ที่ห้องพักคนไข้ จิตราเข็นรถพายศมาเยี่ยม บ็อบบี้ถามว่าน้ายศหายแล้วหรือ ยศบอกว่ายัง แต่ท้าว่าถ้าหายแล้วมาเตะบอลแข่งกันอีก บ็อบบี้ดีใจอยากเตะบอลเร็วๆ

“สู้ๆ อย่ายอมแพ้นะ เดี๋ยวรักษาหายมาแข่งกันใครจะวิ่งเร็วกว่ากัน” ยศให้กำลังใจ


พิมพรทนกลั้นน้ำตาไม่ไหวหลบออกจากห้องไปยืนร้องไห้ที่อีกมุมหนึ่ง

ขณะนั้นเอง โธมัสที่แต่งตัวภูมิฐานเดินมากับทนาย เห็นพิมพรยืนร้องไห้ถามว่าร้องไห้ทำไม พอเห็นหน้าโธมัส พิมพรร้องบอกได้แค่ “บ็อบบี้...” แล้วโผเข้ากอดโธมัสร้องไห้โฮ พูดไม่ออก
โธมัสรีบดำเนินเรื่องขอพาบ็อบบี้ไปรักษาที่อเมริกา ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ประสานงานให้อย่างรวดเร็ว เมื่อแม่เลี้ยงมาเจอโธมัส เขาแนะนำตัวเองว่าเป็นพ่อบ็อบบี้ แม่เลี้ยงมองแต่หัวจดเท้าเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“ผมบินมาเพื่อตกลงกับพิมอีกครั้งเรื่องบ็อบบี้เลยเพิ่งรู้ว่าบ็อบบี้ป่วยหนัก ผมขอพาบ็อบบี้ไปรักษาที่อเมริกาเองครับ” แม่เลี้ยงมองอย่างไม่เชื่อถือ โธมัสชี้แจงว่า “เมื่อก่อนผมอาจจะบ้าอุดมการณ์มากไปแต่ตอนนี้ผมขายรูปออกไปแล้ว ผมมีเงินพอที่จะรักษาบ็อบบี้แน่นอน”

โธมัสบอกว่าตนยังต้องรอการตัดสินใจของพิมพรเพราะเธอแต่งงานใหม่แล้ว จีรณะที่ฟังอยู่พูดแทรกขึ้นทันที

“ไม่ต้องกังวล เรื่องแต่งงานของผมกับคุณพิมเป็นเรื่องโกหกเล่นละครเพื่อไม่ให้คุณแย่งบ็อบบี้ไปจากคุณพิม” แต่โธมัสบอกว่าตนไม่เข้าใจ “เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณฟังเอง” จีรณะบอกโธมัสด้วยความรู้สึกโล่งใจมาก

เมื่อโธมัสเข้าไปหาบ็อบบี้ในห้อง พ่อลูกกอดกันด้วยความดีใจจนพิมพรต้องแอบกลืนน้ำตา แล้วหันบอกโสภิตว่า

“ฉันจะคืนเขาให้แก ยายภิต”

เป็นเรื่องดีๆที่ยังความปลื้มปีติแก่ทุกคนจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่...

ooooooo

ธรรมะย่อมชนะอธรรม เป็นสัจธรรม...

หลังจากคุณวุฒิและพีรพงษ์ตายแล้ว นายสัญญาที่อาศัยอำนาจบารมีของคุณวุฒิโกงเลือกตั้งก็ถูกตัดสิทธิ์และดำเนินคดี อานิสงส์จึงตกแก่มหาเชียร

มหาเชียรได้เป็นนายกเทศมนตรีอย่างใสสะอาด ทุกคนแสดงความยินดีกับมหา แต่ก็ไม่วายฝากเนื้อฝากตัว ดาบม้วนขอเลื่อนขั้นปีนี้ จ่าทองขอเป็นผู้ติดตาม สายพิณบอกว่าตนชงกาแฟเป็นขอเป็นเลขา

“ทำงานในหน้าที่ของตน ทำงานในอาชีพของตัวเองให้ดีก่อนเถอะ” หนานเทืองขัดคอทุกคน มหาจึงเอ่ยขึ้นว่า

“ถ้าจะช่วยกันทำงานก็ดี ฉันมีโครงการจะรณรงค์ไม่ให้มีเรื่องการพนัน หวย เหล้า และมีการอบรมปฏิบัติธรรมควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพให้ทุ่งทองเรา เป็นทองคำสมชื่อ” แล้วหันบอกจีรณะ “จีรณะเอาเอกสารมาแจกกันที”

จีรณะแจกเอกสารให้ชาวบ้าน แต่ละคนรับแล้วก็แยกย้ายกันไป มหามองแล้วถอนใจ จีรณะพูดให้กำลังใจว่า

“ทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ คงจะเปลี่ยนไม่ได้ในชั่วข้ามคืน”

“ใช่ๆขนาดแม่เลี้ยงอมรายังเปลี่ยนได้เลย” หนานเทืองเห็นด้วย

ooooooo

ก่อนที่พิมพรจะเดินทางพาบ็อบบี้ไปรักษาตัวที่อเมริกากับโธมัส เธอเข้าไปกราบขอโทษความผิดทุกอย่างที่ทำกับแม่ ตำหนิตัวเองว่าไม่เคยทำอะไรให้แม่มีความสุขหรือภาคภูมิใจเลย

“ใครบอก แกน่ะเรียนเก่งชิงทุนไปเมืองนอกได้ ยังไม่เก่งอีกหรือ” แม่เลี้ยงหันไปกอดบ็อบบี้ “แล้วสิ่งนี้แหละ หลานคนนี้ทำให้แม่มีความสุขที่สุด...อ้อ...แม่จะบอกไว้อย่าง ต่อไปห้ามหอบลูกกลับมาเข้าใจไหม เพราะแม่จะไปเยี่ยมเอง”

เมื่อทุกคนไปแล้ว โสภิตเดินมาบอกแม่เลี้ยงว่าไม่รู้มีอะไรเข้าใจผิดกัน ตำรวจบอกว่าจะมาเชิญแม่เลี้ยงไปพบ แม่เลี้ยงบอกว่าตนติดต่อตำรวจไปเอง ว่าจะมอบตัว โสภิตตกใจถามว่าแม่ทำอย่างนี้ทำไม เรายังสู้คดีได้

“แม่อยากใช้กรรมให้หมดในชาตินี้ ไม่รู้จะทันหรือเปล่า แต่แม่ก็จะเริ่มต้นทำไปเรื่อยๆ จนหมดลมหายใจ นี่แหละ พ่อจี...ฉันฝากดูแลครอบครัวด้วย” เมื่อจีรณะรับคำแม่เลี้ยงกอดเขาเอ่ยอีก “ฉันขออะไรอย่างนึงจะได้ไหม”

สิ่งที่แม่เลี้ยงขอคือ...ขอเข้าไปไหว้ครูเจือในห้องพระ...

“ฉันมาไหว้ครูเจือ ฉันอยากสารภาพว่าฉันนับถือจิตใจครูเจือมานานแล้ว แต่ฉันไม่อยากจะยอมรับ เพราะถ้าฉันยอมรับมันก็เหมือนเป็นกระจกที่สะท้อนว่าฉันเลวแค่ไหน ขอบคุณนะ ที่เลี้ยงลูกมาดีเหลือเกิน ให้เป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้านและสังคม ฉันนอนตายตาหลับแล้ว ที่ลูกของครูเจือตกลงที่จะดูแลลูกๆของฉัน”

แม่เลี้ยงไหว้รูปครูเจืออีกครั้ง และที่ข้างหลังแม่เลี้ยง จีรณะกับโสภิตนั่งกุมมือบีบมือกันอย่างปลื้มปีติ ตั้งใจมั่น

ooooooo

หลายเดือนผ่านไป...ยศยังต้องนั่งวีลแชร์ มนัสกับนิตยามารับเขาไปที่ศูนย์ฝึกอาชีพ โดยนิตยาเอา การ์ดเชิญทั้งสองไปร่วมงานเลี้ยงเล็กๆของทั้งคู่ที่จัดขึ้นภายในกับคนที่สนิทสนมด้วย

“แล้วคุณสองคนล่ะคะจะจัดงานเมื่อไหร่ อย่าลืมเราสองคนนะคะ” นิตยาถามยิ้มแย้มยินดีกับความรักของทั้งสอง

เมื่ออยู่กันตามลำพัง ยศบอกจิตราว่าตนจะกลับมา แข็งแรงให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้นค่อยขอเธอแต่งงาน แล้วแต่เธอจะพิจารณาเองว่าตนเหมาะสมคู่ควรกับเธอหรือเปล่า พอจิตราค้อนเขิน ยศก็ดึงเข้าไปกอดด้วยความรักหมดหัวใจ

อาโปไปเป็นครูอาสา มีเกียรติก้องคอยเป็นพี่เลี้ยง ผ่านการต่อสู้กับปัญหาต่างๆมามากมาย กอปรกับความใกล้ชิดกันระหว่างทำงาน ทำให้ต่างมีความรู้สึกดีๆต่อกัน งอกงามขึ้นในหัวใจเงียบๆ

เมื่อพิมพรคืนจีรณะให้โสภิตแล้ว ทั้งสองไปทำงาน และใช้ชีวิตบนดอย จีรณะเพิ่งรู้ว่าโสภิตท้องเมื่อได้รับยาบำรุงครรภ์จากจิตราที่ส่งมาให้ จีรณะดีใจตามเจอเธอขณะกำลังเก็บผักที่แปลง เขาไม่ให้เธอทำงานหนัก อุ้มเธอกลับผ่านโรงเรียนก็ป่าวประกาศ “ผมกำลังจะเป็นพ่อแล้วนะครับ ดีใจกับผมด้วย” ทั้งครูและนักเรียนพากันปรบมือดีใจกันเกรียวกราว

จีรณะอุ้มโสภิตมาวางที่วิวสวยขณะพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขา โสภิตบอกเขาว่า

“ฉันอยากให้ลูกเกิดที่นี่ ที่ที่มีแต่ธรรมชาติสวยงาม อากาศดีๆ สังคมบริสุทธิ์ เรียบง่าย” จีรณะถามว่าเธอไม่เสียดายคุ้มอมราหรือ “มันเป็นอดีตค่ะ เป็นวัตถุไม่ยั่งยืน บ้านไหม้ได้ก็ปลูกใหม่ได้ แต่ความดีงามปลูกยาก”

“เมียผมพูดจาคมคายนะ น่าจะหาอาชีพเสริมให้ทำ”

ไม่นานโสภิตก็ได้อาชีพเสริมเป็นครูอาสาสอนเด็กๆ บนดอย เธอตั้งใจสอนเด็กๆ โดยใช้ประสบการณ์ครอบครัวตัวเองเป็นสำคัญในการสอนเลข ย้ำกับเด็กๆ ที่บ่นว่ายากว่า...

“เลขเป็นวิชาที่สำคัญมากๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน ไม่ยากหรอกค่ะถ้าเราตั้งใจ เราจะจนหรือจะรวยอยู่ที่เราใช้ตัวเลขทั้งนั้น ถ้าเราหาเงินมาได้มากกว่าใช้จ่ายไป เราก็จะ...” เด็กๆตอบเสียงใสพร้อมกันว่า มีเงินเหลือ “ถูกต้องค่ะ เงินที่เหลือ เราต้องเก็บออม ไม่ใช้เงิน จนหมด ที่สำคัญ เราต้องทำงาน หาเงินมาด้วยความสุจริต ไม่คดโกง ไม่ลักขโมย เข้าใจไหม”

เด็กๆตอบพร้อมกันว่าเข้าใจ เกียรติก้องกับอาโป มายืนดูอยู่กับจีรณะ ผู้กองชมเพื่อนรักว่า จัดคนได้ถูกกับงานจริงๆ แบบนี้เด็กในหมู่บ้านเราคงไม่เป็นหนี้ในอนาคตแน่ๆ ขณะนั้นเอง ทั้งหมดก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเด็กๆ อ่านหน้าที่พลเมืองเสียงใสอย่างพร้อมเพรียงกันว่า

“พลเมืองดี หมายถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่พลเมืองได้ครบถ้วน ทั้งกิจที่ต้องทำและกิจที่ควรทำ”

ooooooo

*****อวสาน*****

อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอนอวสาน วันที่ 1 ก.พ. 57

พรมแดนหัวใจ บทประพันธ์โดย รจเรข
พรมแดนหัวใจบทโทรทัศน์โดย ดลกมล คนหลังม่าน
พรมแดนหัวใจกำกับการแสดงโดย ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
พรมแดนหัวใจ ผลิตโดย บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย
พรมแดนหัวใจแนวละคร : คอมเมดี้โรแมนติก - ดราม่า
พรมแดนหัวใจออกอากาศทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ