อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 12 วันที่ 10 ม.ค. 57

อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 12 วันที่ 10 ม.ค. 57

พอดีแม่เลี้ยงเดินออกมาเจอบอกโสภิตให้เข้าไปเยี่ยมนิตยา จิตรายกมือไหว้แล้วรีบผละไป แม่เลี้ยงจิกตามองถามโสภิตว่า “มันกลับมาทำงานที่นี่อีกได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่” โสภิตบอกไม่ทราบ “มันคงรู้ว่านิตยามารักษาที่นี่ มันต้องมีแผนการจะมาทำอะไรนิตยาแน่ๆ ไม่ได้ๆเดี๋ยวแม่ไปคุยกับ ผอ.ก่อน”

“แม่คะ คุณจิตเขากำลังจะแต่งงานกับตำรวจเพื่อนคุณจีคนนั้นอยู่แล้ว ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ เขาไม่มายุ่งกับครอบครัวพี่ยศหรอกค่ะ”

พอแม่เลี้ยงได้ยินโสภิตเรียก “คุณจี” ก็ของขึ้น ถามว่ายังมีเยื่อใยกันอยู่อีกหรือถึงได้เดือดร้อนแทนน้องสาวมัน โสภิตอึดอัดใจเลยบอกแม่เลี้ยงว่า


“ผู้ชายเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างนั้นภิตไม่เสียเวลาด้วยหรอกค่ะ ภิตตัดสินใจแล้ว ภิตจะลองคบหาดูใจกับคุณพงษ์ตามที่แม่แนะนำ”

“ภิตพูดจริงเหรอลูก...” แม่เลี้ยงตาโตจับแขนโสภิตมองด้วยแววตาแสนจะปลื้มใจ

ooooooo

เข้าห้องนอนได้ไม่ทันไร ก็มีสายเข้ามือถือ โสภิตดูหน้าจอแล้วลังเลจะรับหรือไม่รับดี เสียงเรียกดังไม่หยุด เธอจึงรับสายเอาหูแนบโทรศัพท์ฟัง

“คุณภิตอีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปรอที่รั้วบ้านคุณ ผมอยากจะคุยกับคุณ ถ้ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายผมก็ยอม”

โสภิตวางสายทันที จีรณะนั่งมองโทรศัพท์นิ่งจนจิตราเข้ามาถามว่าตกลงเขาชอบโสภิตจริงๆใช่ไหม จีรณะพูดอย่างรู้สึกไม่ดีว่า

“มันไม่ยุติธรรมใช่ไหมที่พี่ตักเตือนจิตไม่ให้ยุ่งกับนายยศ ไม่ให้ยุ่งกับคนของคุ้มอมรา แต่พี่กลับเป็นเสียเอง”

“ความรักมันไม่มีเหตุผลหรอกค่ะ แต่สำหรับเรา สำหรับพี่กับคุณโสภิต จิตมองไม่เห็นทางที่ความรักจะประสบความสำเร็จผ่านอุปสรรคไปได้เลย”

“พี่เข้าใจ พี่ไม่สามารถจะไปแก้ไขปัญหาเรื่องราวในอดีตได้ อนาคตยิ่งไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป แค่อยากบอกเขาว่าตอนนี้พี่จริงใจกับเขา”

“จิตเอาใจช่วยค่ะ” จิตราจับมือพี่ชายให้กำลังใจ

จีรณะขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปหาโสภิตตามนัด แต่เขาไปไม่ถึงเพราะถูกชีพนำลูกน้องไปดักทำร้ายจนสาหัส ระหว่างนั้นชีพพูดว่า โสภิตฝากมาบอกว่าอย่ายุ่งกับเธออีก โชคดีที่มีชาวเขาขับรถอีแต๋นผ่านมา พวกชีพจึงพากันหนี ชาวเขาจำได้ว่าเป็นครูจีจึงช่วยไว้ เอาทั้งคนและมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไป

ส่วนโสภิตแอบออกไปรอจนเลยเวลานัดก็ไม่เห็นจีรณะมา เธอบ่นหงุดหงิดงอนๆว่า

“ที่แท้ก็โทร.มาแกล้ง บ้าที่สุด” แล้วแอบกลับเข้าบ้านไปอย่างผิดหวัง

ooooooo

วันนี้อาโปจะไปสอบ กศน.ที่อำเภอ รอขอเบิกเงินค่ารถค่าอาหารจากจีรณะจนสาย พอจิตรารู้ก็ให้ไป 300 บาท อวยพรให้สอบได้แล้วจะเลี้ยงฉลองให้

จิตราเป็นห่วงจีรณะขึ้นมาเพราะเมื่อคืนไปหาโสภิตแล้วหายไปทั้งคืน

เช้านี้โสภิตแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ บอกแม่เลี้ยงว่าเดี๋ยวไปเยี่ยมนิตยาแล้วจะไปดูหนังกินข้าวกันต่อกับพีรพงษ์ แม่เลี้ยงยิ้มหน้าบานเร่งให้รีบไปเถอะ

แต่พิมพรมาเห็นมาได้ยิน ก็จิกตามองโสภิตพูดอย่างหมั่นไส้ว่า เพิ่งรู้ว่าโสภิตกำลังจับปลาสองมือพูดเยาะเย้ยน้องสาวกระทบแม่ว่า ฉลาดสมเป็นลูกสาวคนโปรดของแม่จริงๆ เลยถูกแม่เลี้ยงด่าว่า

“ยัยภิตมันฉลาดกว่าแก่ต่างหาก มีพุทธิปัญญาหูตาสว่างเร็ว ไม่ลุ่มหลงมัวเมากับผู้ชายชั่วๆ ที่มาหลอกใช้เหมือนแก”

พีรพงษ์มองโสภิตตาวาวชมว่าวันนี้เธอสวยจริงๆ พาไปร้านกาแฟ ชวนว่าเดี๋ยวจะพาไปดูรีสอร์ตของเพื่อนรับรองว่าเธอต้องชอบแน่ๆ ถือโอกาสจับมือเธอ โสภิตไม่ทันระวังตัวแต่ก็ไม่ดึงมือกลับ เธอยิ้มจริงใจพูดหวานกับเขาว่า

“คุณพงษ์คะ...เรื่องคดีคุณจีรณะกับผู้กองเกียรติก้องเราไม่เอาเรื่องเขาได้ไหมคะ”

พีรพงษ์ชักสีหน้าใส่ปล่อยมือโสภิต แต่นึกถึงเมื่อคืนที่จีรณะถูกพวกชีพเล่นงานก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะทำทีตัดพ้อต่อว่า

“ที่แท้น้องภิต ชวนมากินกาแฟเพื่อคุยเรื่องนี้ แหม ผมนึกว่าอยากคุยกันสองต่อสอง โรแมนติกๆน่าน้อยใจจัง”

“ภิตแค่ไม่อยากให้มีเรื่องคนพวกนั้นมารกหัวอีก ขาดกันไปไม่ต้องมายุ่งกันอีกเลย”

“โธ่...เรื่องเล็ก คดีอย่างนี้ผมเป็นผู้เสียหาย ถ้าผมไม่อยากเอาเรื่องซะอย่างมันก็จบง่ายอยู่แล้ว ยิ่งน้องภิตเอ่ยปากอย่างนี้ ผมจะปฏิเสธได้ยังไงครับ”

“ถือว่าคุณพงษ์ให้สัญญากับภิตแล้ว ขอบคุณนะคะ” โสภิตรีบสรุปรวบรัด ทั้งยังจับมือพีรพงษ์มองหน้าเต็มตา

“ไม่ใช่แค่สัญญานะครับ สาบานเลยก็ได้” พีรพงษ์ยกมือโสภิตขึ้นจูบทันที โสภิตโกรธจี๊ดแต่ไม่กล้าโวยวายเพราะคนพากันหันมองยิ้มๆกันทั้งร้าน

ooooooo

จิตราเป็นห่วงจีรณะ เธอโทร.ไปหาผู้กองเกียรติก้อง เล่าให้ฟังว่าพี่ชายหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วติดต่อไม่ได้เลย

ผู้กองเครียดขึ้นมา มือยังถือโทรศัพท์คิดหาทางสืบหาจีรณะ พลันก็เห็นรถอีแต๋นของจะมูขับมา บนรถมีมอเตอร์ไซค์ของจีรณะอยู่ด้วย ผู้กองรีบไปดู เห็นจีรณะเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา มีผ้าพันหัวเลือดยังซึม จีรณะลุกขึ้นงงๆ ทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

ผู้กองเห็นสภาพแล้วถามว่าเป็นหนักขนาดนี้ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล จะมูบอกว่าตนจะพาไปเหมือนกันแต่พวกที่พาจีรณะมาบอกว่าก่อนสลบ จีรณะบอกให้พาขึ้นดอย เลยพามาที่บ้านตน ผู้กองถามจีรณะว่าฝีมือคนของพีรพงษ์ใช่ไหม บอกให้ลงไปแจ้งความเลย เพราะบาดแผลยังอยู่เป็นหลักฐาน ถามพวกจะมูว่ามีใครเห็นพวกมันบ้าง

ปรากฏว่าไม่มีใครเห็นหน้าเพราะพวกมันพากันวิ่งหนีไปก่อน ส่วนจีรณะก็ไม่แจ้งความพูดแต่ว่าช่างมัน เจ็บแบบนี้จะได้จำ ผู้กองบอกว่าจิตราโทร.มาถาม เธอเป็นห่วงมาก

“แกก็บอกว่าฉันอยู่กับแก แต่ไม่ต้องบอกว่าฉันเป็นอะไร”

จะมูเอาถ้วยชามาให้จีรณะบอกว่ากินเสียแก้ช้ำในแผลหายเร็ว จีรณะรับถ้วยชาไปเองพูดเยาะตัวเองว่า

“แด่ความเจ็บปวดที่แสนหวาน” ยกถ้วยชาขึ้นดื่มจนหมดแล้วทิ้งตัวลงนอนหลับตา ผู้กองกับจะมูมองกันงงๆ

ooooooo

ยศทำตามแม่เลี้ยงสั่ง มาเฝ้านิตยาอย่างใกล้ชิด ดูแลอย่างดี มีแม่เลี้ยงกับคุณนายนั่งดูอยู่อย่างปลื้มอกปลื้มใจ

ปล่อยให้ยศดูแลนิตยาแล้วสองแม่ก็ชวนกันไปสปาสระผมกันอย่างสำราญใจ

พอสองแม่ออกไป นิตยาก็ขอบคุณยศที่ช่วยเล่นละครให้

“แหม ก็เรามันหุ้นส่วนกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน” ยศบอกแล้วเอาเอกสารออกมาสองสามแผ่นส่งปากกาให้นิตยาเซ็น เธอถามว่าตกลงจดหมายพวกนี้เอาไปใช้ทำอะไรกันแน่ ยศบอกว่าตนไม่เอาไปใช้มั่วๆแน่ เอาแค่เป็นใบเบิกทางอำนวยความสะดวกเล็กๆน้อยๆเท่านั้น อ่อยว่า “มีค่าเหนื่อยให้เหมือนเดิม”

“เอามาล้านนึง ไม่งั้นไม่เซ็น” นิตยายื่นคำขาด ยศตกใจถามว่ามากไปหรือเปล่า “ไม่ตกลงก็ตามใจ นิตรู้ว่าพี่ยศหาประโยชน์จากลายเซ็นคุณพ่อได้มากกว่านั้น นิตไม่โง่...ถ้าอยากได้ลายเซ็นวันนี้ก็โอนมาเลย”

ยศเครียดไปทันที เมื่อกลับไปที่สำนักงานของพีรพงษ์ ยศบ่นเสียดายเงินล้านที่เสียไป ด่านิตยาว่าเขี้ยวจริงๆ เสนอว่าคราวหน้าเราปลอมกันเองก็ได้

“อย่าคิดเล็กคิดน้อยคุณยศ คิดจะทำงานใหญ่ต้องใจถึง รับรองผมใช้ลายเซ็นผู้ว่าคุ้มค่าแน่ เชื่อมือผมได้”

“ผมเชื่อคุณอยู่แล้ว แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณไม่จัดการพวกไอ้จีให้มันเจ็บแสบกว่านี้”

พีรพงษ์บอกว่าตอนนี้จีรณะก็คางเหลืองไปแล้ว ยศพูดถึงผู้กองว่ายังร่วมขบวนการทำลายเครดิตของเรา แล้วก็เป็นตัวการทำให้จิตราไม่ยอมคืนดีกับตน ถามว่าจะปล่อยมันลอยนวลไปเฉยๆหรือ

“ทำไมคุณยศคิดว่า ผมเป็นพ่อพระขนาดนั้นล่ะ” พูดแล้วพีรพงษ์ยิ้มเหี้ยม

ooooooo

คืนนี้ ขณะจีรณะนั่งกินข้าวอยู่กับจะมูพ่อของอาโปนั้น เกิดไฟไหม้โรงเรียนขึ้น ครูลัดดา ครูแหวน และชาวบ้าน ช่วยกันเอากระป๋องหิ้วน้ำไปดับไฟ

จะมูกับจีรณะพากันเอาน้ำขึ้นรถอีแต๋นไปช่วยดับไฟ แต่จีรณะปวดซี่โครงจนต้องทรุดนั่งดูความวุ่นวายในการดับไฟที่ลุกลามรวดเร็วอย่างสิ้นหวัง

คืนเดียวกัน อาโปไปสอบที่อำเภอกลับมา บอกจิตราด้วยอารมณ์แจ่มใสว่าวันนี้ทำข้อสอบได้หมดเลย จิตราเบรกว่าอย่าเพิ่งคุย รอให้ผลสอบออกมาก่อน ผู้กองยื่นกล่องขนมให้อาโปบอกว่าตนกับจิตราซื้อมาฝาก อาโปแกะขนมกินพลางชะโงกไปดูที่ท้ายรถกระบะ แกะโน่นนี่ดูแล้วอุทานอย่างตื่นเต้น

“โห...เด็กๆต้องดีใจแน่ ชุดนักเรียน สมุด ดินสอ ปากกา ของใหม่ทั้งนั้นเลย”

“พี่ก้องต้องประหยัดหน่อยนะคะ ยิ่งถูกพักราชการอยู่ด้วย” จิตราเตือน

“พี่จ่ายไปไม่กี่บาทเอง เงินบริจาคของโรงเรียนทั้งนั้น นี่ๆนาฬิกาเรือนใหม่ พี่จะเอาไปติดที่โรงอาหาร ไม่ได้ซื้อนะ เอาใบเสร็จไปแลกมา” แล้วผู้กองก็แกะเอานาฬิกาไปแขวนที่ฝาผนัง ปรากฏว่านาฬิกาตก กระจกแตก ทุกคนต่างหน้าเสีย

ooooooo

วันนี้ แม่เลี้ยง โสภิต และชีพ ไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เจอบรรดาลูกหนี้ที่โสภิตยกหนี้ให้ ต่างพากันสดุดีแม่เลี้ยงและโสภิต แต่บังเอิญเจออุ๊ยจิน แม่เลี้ยงตรงรี่ไปจิกใส่ทันที

“ว่าไง อุ๊ยจิน เครื่องเพชรเครื่องทองที่เอามาจำนำ ไม่ยอมมาไถ่ถอนเลยนะ ของปลอมทั้งนั้น”

“ไหนๆ เจอแล้วก็เคลียร์กันเลยดีไหมครับ” ชีพเดินเข้าหาอย่างคุกคาม

โสภิตเห็นคุณวุฒิกับพีรพงษ์เดินเข้ามา เธอจับแขนแม่เลี้ยงสะกิดให้รู้ พอแม่เลี้ยงเห็นคุณวุฒิกับพีรพงษ์เท่านั้นเปลี่ยนเสียงเปลี่ยนสีหน้าทันทีบอกอุ๊ยจินว่า ไม่เป็นไร เราคนบ้านเดียวกันถือว่าอโหสิกันจะได้ไปทำมาหากินตั้งตัว

“จริงหรือจ๊ะ แม่เลี้ยง ขอบใจมากจ้า...อูยยย...นางฟ้านางสวรรค์มาเกิดทั้งแม่ทั้งลูกเลย...” ชาวบ้านพากันโมทนาสาธุ

“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เราคนบ้านเดียวกันต้องช่วยเหลือกัน”

ชาวบ้านปรบมือเกรียว...แม่เลี้ยงยิ้มแก้มแทบปริ...

ooooooo

หลังจากพากันเข้าไปทานอาหารในห้องวีไอพี แล้ว คุณวุฒิเอ่ยชื่นชมแม่เลี้ยงว่าเป็นคนมีบารมีกว้าง ขวางในหมู่ชาวบ้าน ชวนแม่เลี้ยงมาสมัครเป็นนายกเทศมนตรีลองเล่นการเมืองดู

“ผมสนับสนุนเต็มที่ครับ คุณป้ามีเงินอยู่แล้ว ต้องมี เกียรติเสริมด้วย อยู่ทีมพ่อผมยังไงก็ชนะ บ้านเราพ่อผม คุมอยู่แล้ว”

แม่เลี้ยงถามความเห็นโสภิต เธอบอกว่าตนไม่สนใจ การเมือง

“ทำไมล่ะจ๊ะหนูภิต การเมืองต้องการคนรุ่นใหม่อย่างหนูมาช่วยพัฒนาประชาธิปไตยอยู่นะ” คุณวุฒิหว่านล้อม

“ถ้าราษฎรประชาชนคนไทย รู้สิทธิหน้าที่ของตัวเอง มีจิตใจแยกแยะดีชั่วได้ เขาก็สามารถเลือกคนดีไปทำหน้าที่ ผู้แทนราษฎรได้เองค่ะ”

เป็นคำตอบที่ทำให้การสนทนายุติลงอย่างกร่อยๆ แต่พอกลับถึงคุ้ม โสภิตถูกแม่เลี้ยงถามอย่างไม่พอใจว่า

“แกเป็นอะไรยัยภิต ตอนไม่พูดไม่จาก็ทำเหมือนพิกุลจะร่วง แต่พอพูดออกมาก็ขวางโลก”

“ภิตชอบพูดความจริงค่ะ แต่ก็รู้ว่าไม่ค่อยมีใคร ชอบฟังก็เลยไม่อยากพูด”

พอดีเห็นพิมพรเดินเข้ามา เธอถามว่ายังไม่ไปรับ บ็อบบี้อีกหรือ พิมพรตอบเสียงมะนาวไม่มีน้ำว่าตนไม่ว่างเลยให้กาบไปรับแทนแล้ว แต่พอถูกแม่เลี้ยงตำหนิว่าพอถูกผู้ชายหลอกก็หมดอารมณ์ทิ้งลูกเลยหรือ ก็ถูกพิมพรพูดประชดว่า

“ตอนนี้แม่เป็นแม่พระไปแล้ว คงไม่มีใครมาจับบ็อบบี้ไปเรียกค่าไถ่หรอก” พูดแล้วเดินสะบัดไป

แม่เลี้ยงโมโหบ่นด่าพิมพรกับโสภิต เธอบอกแม่ว่า อย่าโมโหเลยเดี๋ยวตนไปรับบ็อบบี้เอง ก็ถูกแม่เลี้ยงด่าว่า

“แกก็เหมือนกัน มาทำอาสา คงหวังว่าจะไปเจอไอ้จีละซิ เมินซะเถอะ!”

ooooooo

บ็อบบี้กำลังซ้อมฟุตซอลอยู่ที่สนามกับเบิ้มและเพื่อนๆ เบิ้มกับบ็อบบี้ถูกโค้ชคนใหม่ดุด่าอย่างเกรี้ยวกราดว่าเล่นไม่ถูกแบบแผน เมื่อไม่ถูกใจก็จะใช้กำลังกับเด็กๆ

โสภิตมาเห็นพฤติกรรมเลวของโค้ชจึงเข้าขวาง เลยถูกโค้ชด่าว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ตนไม่ต้องการนักกีฬาแบบนี้ ตนต้องการนักกีฬาที่แมนๆ อึดๆ หล่อด้วย

ครูใหญ่มาเห็นเหตุการณ์พอดี โค้ชดีดดิ้นเข้าไปฟ้องว่า

“ครูใหญ่ เด็กพวกนี้มันแข็งข้อ เหลือขอ หนูสอนไม่ไหวหรอก หนูขอลาออก”

พวกเด็กๆพากันโบกมือไล่ โค้ชหันมาค้อน สะบัดหน้าเดินสะดิ้งไป

ครูใหญ่จึงปรารภกับโสภิตว่า เธอมาเห็นด้วยตาตัวเองอย่างนี้ตนก็ขออนุญาตเปลี่ยนตัวโค้ชเลยเพราะหลายวันมานี้ถูกร้องเรียนเรื่องโค้ชคนนี้ ทั้งเด็กทั้งผู้ปกครอง ตนจะบอกแม่เลี้ยงก็เกรงใจเพราะเป็นโค้ชที่แม่เลี้ยงหามา ปรารภให้ฟังว่า

“นอกจากคนที่มีฝีมือ เสียสละทุ่มเทอย่างครูจีแล้ว ผมก็ไม่เห็นจะมีใครมาสอนได้ หมดปัญญาจริงๆครับ”

“น้าภิต แล้วครูจีไปไหนครับ เราให้ครูจีกลับมาสอน ไม่ได้เหรอ” บ็อบบี้ถาม โสภิตได้แต่มองหลานกลุ้มๆ

ooooooo

อาโปขึ้นไปเห็นสภาพโรงเรียนที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน ถามจีรณะว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหม จีรณะ บอกว่ามีคนได้ยินเสียงรถก่อนไฟไหม้ไม่กี่นาที

“วางเพลิงหรือคะ นี่จิตใจของมันทำด้วยอะไร เด็กๆไปทำอะไรให้” จิตรารับไม่ได้ จีรณะบอกเธอว่า...

“มันไม่เกี่ยวกับเด็กๆหรอก เด็กเป็นแค่เหยื่อความสะใจของพวกมันเท่านั้น”

จะมูถามว่าเป็นพวกเดียวกับที่ทำร้ายเขาหรือเปล่า จิตราจึงรู้ว่าพี่ชายถูกทำร้าย อาโปโวยขึ้นมาว่า

“มันต้องเป็นพวกแม่เลี้ยงกับลูกชายผู้แทนแน่ ทนไม่ไหวแล้วโว้ย พ่อ เราลงไปลุยกับพวกมันให้รู้ดำรู้แดงเลย แก้แค้นแทนนายกับเด็กๆ”

ครูแหวน จ่าตุ๋ย รวมทั้งผู้กองต่างฮึดฮัดจะไปลุย จีรณะยกมือห้าม บอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับทุกคน พวกมันต้องการเล่นงานตนกับผู้กองเท่านั้น ตนไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนไปด้วย บอกทุกคนว่าหน้าที่ของเราตอนนี้คือต้องหาที่เรียนใหม่ให้เด็กๆก่อน ทุกคนรวมทั้งชาวบ้านเห็นด้วย ต่างร่วมมือกันแข็งขันเตรียมสร้างโรงเรียนให้กับลูกหลานตน

โชคดีที่หลวงพ่อที่ประจำอยู่วัดบนดอย ยกที่ดินที่เป็นศาลาเก่าให้สร้างโรงเรียนหลังใหม่โดยไม่คิดค่าเช่าที่ระหว่างนั้น อาโปถือช่อกล้วยไม้ป่ามาอวดจีรณะถามว่าสวยไหมตนเก็บมาจากทางโน้น พลางชี้ไปที่รอบๆศาลา บอกว่าตนเก็บได้ตอนเดินสำรวจเพื่อหาที่ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ไว้ทำอาหารกลางวันให้เด็ก จีรณะรับกล้วยไม้ในมืออาโปไปดู อาโปถามว่านายชอบใช่ไหม

“ทีหลังอย่าเก็บมาอีก ฉันไม่ชอบพวกทำลายธรรมชาติ” พูดแล้วส่งคืนให้อาโปหน้าขรึมแล้วเดินผละไป

“ผมว่าคุณจีแกเหมือนคนอกหักเลยนะครับผู้กอง” จ่าตุ๋ยกระซิบ

ooooooo

พอได้เงินล้านจากยศ นิตยาก็โทร.เร่งให้มนัสมาหาและให้พาตนหนีไปใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ไม่ทันที่มนัสจะมา นิตยาก็เก็บของหนีออกจากห้อง บังเอิญเจอจิตรา เธอถามนิตยาว่าหมอให้กลับแล้วหรือ

“คุณจิตรา คุณต้องช่วยฉัน อย่าบอกใครเด็ดขาด ปล่อยฉันไปเถอะ พี่ยศจะได้เป็นอิสระมาคืนดีกับคุณไง” นิตยาดึงจิตราหลบมุมไปบอก แล้วรีบหนีไป

เป็นโชคไม่ดีของนิตยา ขณะเธอวิ่งผ่านลานจอดรถ เกือบถูกรถคุณนายที่เลี้ยวเข้ามาชน คุณนายบอกคนขับรถให้รีบตาม แต่เจอรถติด คุณนายถึงกับลงจากรถวิ่งไล่ตาม แต่เท้าพลิกหกล้ม นิตยาพยายามโบกแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาลแต่แท็กซี่ไม่จอด จิตราตามมาถึงคุณนายจึงตะโกนโหวกเหวกโวยวายให้ช่วยจับนิตยาไว้

มนัสมาถึงพอดี นิตยาจะขึ้นมอเตอร์ไซค์แต่เกิดปวดท้องกะทันหันกุมท้องตัวงอ จิตราเห็นเลือดไหลมาตามขาเธอพยายามเรียกนิตยาไว้ แต่นิตยาเร่งมนัสให้รีบพาหนี “ไอ้มนัส แกบังอาจจะพาลูกฉันหนี ไอ้คนอกตัญญู” คุณนายด่าลั่น

อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 12 วันที่ 10 ม.ค. 57

พรมแดนหัวใจ บทประพันธ์โดย รจเรข
พรมแดนหัวใจบทโทรทัศน์โดย ดลกมล คนหลังม่าน
พรมแดนหัวใจกำกับการแสดงโดย ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
พรมแดนหัวใจ ผลิตโดย บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย
พรมแดนหัวใจแนวละคร : คอมเมดี้โรแมนติก - ดราม่า
พรมแดนหัวใจออกอากาศทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ