อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 13 วันที่ 14 ม.ค. 57

อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 13 วันที่ 14 ม.ค. 57

โสภิตเช็ดตัวด้วยน้ำในกะละมังเพียงน้อยนิด แล้ว เปลี่ยนใส่ชุดชาวเขาที่อาโปเอามาให้ กลับไปนั่งแปรงผม เหงาๆ

“บ้านคนจน ไม่สะดวกสบายหรอกนะ พ่อเป็นหนี้แม่เลี้ยง เอาเงินมาปลูกผัก แต่มันแล้งไม่มีน้ำ ต้นไม้ตายหมด พ่อต้องขายของในบ้านทั้งหมดไปจ่ายดอกเบี้ย” อาโปโผล่หน้าที่ประตูพูดประชด

โสภิตพับผ้าตัวเองเงียบๆ ไม่ตอบโต้ แต่อาโปยังไม่ลดละ “ถ้ารู้จักละอายใจก็ลงจากดอยไปเสีย” แต่โสภิตทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่ได้ยิน อาโปโมโหเดินกระทืบเท้าออกไป


แต่พอโสภิตตามอาโปออกไป เห็นจีรณะนอนหลับอยู่ เธอไม่กล้าเข้าไปเพราะอาโปนั่งอ่านหนังสือกันท่าอยู่

เมื่อเดินไปดูรถที่จอดทิ้งไว้ ปรากฏว่าถูกปล่อยลมยางทั้ง 4 ล้อ ซ้ำฝากระโปรงยังถูกสีเทเปื้อนเลอะเทอะด้วย เธอร้อนใจเพราะพระอาทิตย์กำลังจะตก เดินพล่านเห็นชาวเขาที่กำลังเดินมา รีบเข้าไปถาม

“รู้ไหมว่าที่นี่มีใครปะยาง หรือซ่อมรถเป็นบ้าง”

ชาวเขาส่ายหน้าชี้ไปข้างหลังที่มีชาวเขาตามมาอีก แต่พอเธอเข้าไปถามคำตอบคือ ส่ายหน้าเหมือนกัน เธอมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินก็ยิ่งว้าวุ่นใจ

ooooooo

อาโปเฝ้าจีรณะอยู่จนถึงกลางคืน เขารู้สึกตัวขึ้นมา อาโปดีใจมากถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง

“ดีขึ้นเยอะ กินยาครบ ได้พักเต็มที่” อาโปถามว่าเป็นไข้ป่าหรือเปล่า “เป็นไข้หวัดธรรมดา ฉันเคยเป็น

ไข้ป่ามาแล้ว ถ้าเจอเชื้อตัวเดิม มันจะไม่เป็นอีก แล้วนี่คุณอัปสรโสภิตเขากลับไปหรือยัง”

“ไม่รู้ ไม่ได้สนใจ” อาโปงอนขึ้นมาทันที ตอบไปอย่างนั้นทั้งที่ตัวเองรู้อยู่เต็มอก เพราะเมื่อตอนหัวค่ำ เมื่อโสภิตโผล่มาดูจีรณะ ถูกอาโปออกมาขวางถามอย่างไม่พอใจ “ไล่ไปแล้ว ทำไมยังไม่ไป นายเขาไม่อยากเห็นหน้าเธอ”

“ฉันไปไหนไม่ได้ รถถูกปล่อยลมหมด 4 ล้อ แล่นลงไปไม่ได้ โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ บนนี้ไม่มีสัญญาณ”

อาโปชะงัก นึกโมโหตัวเองว่า ทำไมโง่ไปแกล้งปล่อยลมยางทำให้โสภิตไปไหนไม่ได้

“คืนนี้ฉันคงต้องขอค้างที่นี่ พรุ่งนี้จะไปหาคนช่วยแต่เช้า”

อาโปผลุบเข้าไปในบ้าน โสภิตเดินสำรวจรอบๆ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ครู่เดียว อาโปก็โผล่ออกมาโยนเต็นท์ให้

“เต็นท์ของนาย ให้เธอยืมก็ได้ แต่ห้ามค้างบนบ้านนี้”

โสภิตก้มหยิบเต็นท์เดินออกไป อาโปยิ้มเยาะอย่างสะใจที่ได้แกล้งเธอ

อาโปพยายามแก้ตัว บอกจีรณะกับจะมูว่า ตนบอกให้โสภิตกลับไปตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว แต่เขารั้นอยู่จนค่ำ ตนก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เลยถูกจะมูดุว่า

“แกนั่นแหละ ไปแกล้งเขาอาโป ผมล่ะกลุ้มใจจริงๆ มีลูกนิสัยไม่ดี ผมจะไปดูคุณผู้หญิงให้”

“ไม่ต้อง ให้เขาลำบากเสียบ้างก็ดี” จีรณะห้ามจะมู

“ใช่...คนอย่างนี้ต้องถูกแกล้งให้เข็ด” อาโปเผลอตบมือดีใจ จีรณะเหล่มองอย่างรู้ทัน

ส่วนโสภิต ถือเต็นท์ไปกางนอน แต่ไม่มีผ้าห่ม เธอนอนขดอยู่ในเต็นท์แต่ไม่หลับเพราะหนาวมาก หนาวจนต้องเอามือมาเป่าแก้หนาว ได้แต่นอนขดอยู่อย่างนั้น...

ooooooo

ในบ้านจะมู จีรณะ จะมู และอาโป นอนห่มผ้านวมเรียงกันอยู่ในบ้าน จีรณะนอนไม่หลับ เขาแอบลืมตาดู เห็นคนอื่นนอนหลับกันหมดแล้ว จึงหอบผ้านวมย่องออกไป

โสภิตสะดุ้ง เมื่อจีรณะเอาผ้านวมมาห่มให้ เธอถามเขาว่า หายดีแล้วหรืจีรณะครางออกมาทันที “โอย...หนาว...หนาว...” แล้วกอดเธอไว้ทั้งผ้าห่ม โสภิตรู้ทันดิ้นและด่าว่าทำบ้าอะไร แต่ไม่กล้าด่าดังกลัวคนอื่นได้ยิน จีรณะก็ยังทำตัวสั่น พูดเหมือนละเมอ “ทำไมฝันดีแบบนี้ ผมกำลังคิดถึงคุณ อัปสรโสภิต...”

“อย่ามาแกล้งละเมอนะ คนเจ้าเล่ห์” โสภิตดิ้นขลุกขลัก แต่เพียงครู่เดียว เธอก็ปล่อยเลยตามเลยให้จีรณะกอดจนหลับไปด้วยกัน...

จนเช้า อาโปตื่นขึ้นมาไม่เห็นจีรณะ ลุกพรวดปลุกจะมูบอกว่านายหายไปไหนไม่รู้ จะมูตกใจพากันลุกไปตามหา อาโปพาจะมูไปที่เต็นท์ของโสภิต จะมูบอกว่านั่นมันที่นอนของคุณผู้หญิงที่มาจากในเมือง นายเขาจะมานอนได้ยังไง

“ใครจะไปรู้ ผีป่าผีเขาอาจจะดลใจสิงสู่นายให้มา หรือโดนเสน่ห์ยาแฝดผู้หญิงคนนี้ก็ได้ นายกำลังไม่สบายจิตอ่อนขวัญอ่อนอยู่ด้วย” แล้วอาโปก็ยืนตะโกนอยู่หน้าเต็นท์ “นาย...นาย...”

“มีอะไรเหรออาโป” โสภิตโผล่ออกมาถาม ถูกอาโปหาว่าทำหน้าตาย ถามว่านายอยู่ในนั้นใช่ไหม แล้วพรวดเข้าไปดูเลย อึดใจเดียวก็หน้าเสียออกมาบอกจะมูว่าไม่มี บ่นว่าแล้วนายหายไปได้ยังไง?

“เอ๊ะ เอ็งนี่ นายเขาอาจไปนอนบ้านผู้กอง บ้านจ่าตุ๋ยก็ได้ ไปๆ รีบไปทำกับข้าวได้แล้ว” จะมูลากอาโปออกไป

พอสองพ่อลูกไปแล้ว โสภิตรีบเข้าไปในเต็นท์เห็นจีรณะนั่งอยู่แล้ว เธอแปลกใจว่าทำไมอาโปเข้ามาจึงไม่เห็นเขา

“ผมก็แหวกเต็นท์ออกไป แล้วก็กลับเข้ามาน่ะซิ มาเถอะมานอนต่อ เมื่อคืนเพราะไออุ่นจากคุณผมเลยหายหนาว”

“บ้า...อยากนอนก็นอนไปคนเดียว ฉันจะกลับบ้าน” เธอทำเสียงเข้มค้อนงอนๆ ผลักจีรณะออกไปเขินๆ แล้วออกจากเต็นท์ไป จีรณะมองตามยิ้มๆ ทั้งขำทั้งมีความสุข...

ooooooo

หลังจากมีปัญหาและไม่ได้ทำงานที่บริษัทแล้ว พิมพรก็ไม่ดูแลบ็อบบี้และเที่ยวเตร่ดื่มกินดึกดื่นไม่เว้นวัน จนถูกแม่เลี้ยงด่าว่า

“แกนี่มันบัวไม่พ้นน้ำจริงๆ ทำธุรกิจฉันเสียหายแทนที่จะสำนึก ยังไปนั่งกินเหล้าผลาญเงินผลาญทอง ยัยภิตมันทำผิดยังยอมแก้ไขตัวเอง ฉันสั่งให้คบหาดูใจคุณพงษ์ มันก็เชื่อฟังทุกอย่าง นี่ก็ยังอาสาไปทวงหนี้ให้ฉัน เลี้ยงไม่เปลืองข้าวสุกอย่างแก!”

วันเดียวกัน ชีพไปหาพีรพงษ์ที่โกดังใหม่ รายงานว่า

“มีข่าวไม่ค่อยดีครับคุณพงษ์ คุณภิตบอกแม่เลี้ยงว่าจะไปเก็บหนี้ให้ แต่ผมสืบมาแล้วว่าลูกหนี้คนนี้หนีไปอยู่ปอยเปต ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา” พีรพงษ์ถามว่าแล้วทำไมโสภิตต้องโกหก “เพราะคนที่คุณภิตไปหาเป็นศัตรูแม่เลี้ยงครับ”

“ไอ้จี!”

“ไอ้พวกบนดอยบอกว่าเห็นไอ้จีมันช่วยดับไฟหลังจากที่เราไปประชุมเพลิงกัน ขึ้นไปฆ่ามันดีไหมครับ ใจดีปล่อยมันไว้อย่างนี้ รังแต่จะเป็นเสี้ยนหนาม”

“เอาไว้ก่อน ตอนนี้เรามีงานใหม่ เอ็งส่งไม้พะยูงข้ามเขาแล้วข้ามแม่สายไปสามเหลี่ยมทองคำ ทำเป็นบ้านน็อกดาวน์มันส่งได้น้อยไป ฉันให้แกคุมเรื่องนี้ ส่วนเรื่องไอ้จีกับคุณภิต ฉันมีแผนดีกว่า” พีรพงษ์ยิ้มร้าย

ส่วนชีพแอบไปบอกพิมพรว่าตอนนี้โสภิตหนีไปหาจีรณะแล้ว

“อะไรนะ!” พิมพรตาลุกทันที

ooooooo

โสภิตเดินมาดูรถเพื่อหาทางลงไปข้างล่าง แต่พอเห็นรถเธอแทบเข่าอ่อน เพราะรถถูกยกขึ้นไปไว้บนขอนไม้และล้อทั้งสี่หายไปหมดแล้ว!

เธอตกใจวิ่งอ้อมไปชะโงกดูหาลู่ทาง เจอป่าไม้ ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา เธอดีใจมากวิ่งออกไปโบกมือหย็อยๆพอรถจอด เธอตรงไปขอร้อง

“ช่วยพาฉันลงไปที่เมืองหน่อยได้ไหมคะ ยางรถฉันหาย ฉันจะไปตามคนมาช่วย”

“ไม่ได้ครับ ไม่มีหมวกกันน็อก เดี๋ยวโดนตำรวจจับ” บอกแล้วขี่รถไปเลย

โสภิตยืนคับแค้นใจ เหลือบเห็นพ่อแม่ลูกสามคนกำลังมุ่งมา แต่พอเห็นเธอเท่านั้น ทั้งสามก็เลี้ยวไปอีกทาง แต่เธอไม่ยอมแพ้วิ่งไปดักหน้า ถามว่าใครเห็นล้อรถตนบ้าง ตนมีเงินใครช่วยเติมลมยางและเอามาใส่รถให้ได้ จะให้เงินทั้งหมดในกระเป๋านี่เลย เธอหยิบเงินออกมาสี่ห้าพันยื่นให้ดู

“โน่น...ไปบอกครูจี เปิ้นช่วยได้” ชาวเขาที่เป็นพ่อบอกแล้วเดินหลีกไป

โสภิตคิดหนัก แม้จีรณะจะช่วยได้แต่เธอไม่อยากง้อ มองไปที่ลานสร้างโรงเรียน เห็นจีรณะกำลังนั่งตอกตะปูทำโต๊ะอยู่ เธอเดินเลี่ยงไปหาครูลัดดากับครูแหวนที่นั่ง ทำอะไรอยู่อีกมุม พูดน่าสงสารว่า

“ครูคะ ไม่รู้ใครถอดล้อรถฉันไปหมด ครูช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ”

ครูลัดดาบอกว่าอยากช่วยแต่งานยังไม่เสร็จต้องเย็นๆโน่นแหละ แหวนก็ขอให้เข้าใจเพราะพวกตนจะทำอะไรเป็นส่วนตัวได้ก็ต้องหลังเวลาราชการ ครูลัดดาแนะนำว่า ให้ลองปรึกษาครูจีดูดีไหม

จีรณะฟังอยู่ เหลือบมองแว่บเดียวแล้วทำเป็นไม่สนใจ โสภิตฮึดไม่อยากง้อแต่จนแต้มจริงๆกัดฟันเดินไปหา

“จะเอายังไง” พูดลอยๆไม่มองหน้า เลยถูกจีรณะถามยั่วว่าเป็นสาวเป็นนางทำไมถามตนอย่างนี้ เลยถูกด่า “บ้า! ฉันหมายความว่าคุณจะเอายังไงกับฉัน ตอนนี้รถฉันถูกขโมยล้อไปหมดแล้ว จะเอาเงินเท่าไหร่ยังไงที่จะทำให้ฉันลงจากดอยไปได้”

“ที่นี่มีแต่คนดีมีศีลธรรม ไม่มีใครขโมยของคุณหรอก ส่วนเรื่องเงิน สำหรับบนนี้ไม่มีความหมาย”

“แล้วฉันต้องทำยังไง ถึงจะได้กลับบ้าน” โสภิตเสียงอ่อยน่าสงสาร ทุกคนตรงนั้นแสดงความเห็นใจ แต่ไม่มีใครช่วยเธอได้เลย

ooooooo

เมื่อลงจากดอยไม่ได้ก็ต้องอยู่บนดอยต่อไป และต้องอยู่กับอาโปทำงานกับอาโปอยู่ในอาณัติของอาโป เลยกลายเป็นเหยื่อถูกอาโปแกล้งสารพัด

เช้านี้ อาโปพาเธอไปเก็บผักเพื่อทำอาหารให้เด็กๆกินกัน จีรณะบอกอาโปว่ามีอะไรก็ให้ช่วยแนะนำเธอด้วย ถูกอาโปใช้งานไปบ่นไปด่าไปประชดไป จนโสภิตต้องข่มอารมณ์อย่างมากเพื่อไม่ให้มีเรื่องกัน

ไม่เพียงเท่านั้น อาโปยังคบคิดกับจีรณะแกล้งเธอ ส่งมีดให้ไปฆ่าหมูเพื่อเอาเนื้อมาทำอาหารให้เด็กๆกิน เธอปฏิเสธกลัวบาปไม่ยอมทำ

“มันก็บาปไม่เท่าคนที่หากินบนความเดือดร้อนของคนอื่นหรอก” จีรณะประชด เมื่อเธอบอกว่าฆ่าตนให้ตายเสียยังดีกว่าจะให้ตนไปฆ่าหมู จีรณะจึงเอามีดจากมือเธอไปบอกว่า “งั้นผมทำให้ดูก่อนก็ได้” แล้วเข้าไปไล่จับหมูเงื้อมีดจะแทง โสภิตเอามือปิดตาร้องกรี๊ดไม่กล้าดู ถูกอาโปด่าว่าเว่อร์แค่นี้ก็ดูไม่ได้ บอกให้ลืมตาดู พอเธอลืมตาดูก็เห็นอาโปยื่นถุงเนื้อหมูที่หั่นแล้วให้

“อะ...เอาไป” โสภิตถามว่าไม่ได้เชือดหมูใช่ไหม “ขืนมาเชือดตอนนี้ ก็ต้องไปกินมื้อเย็นแล้ว” อาโปประชดยิ้มเยาะ วางถุงหมูเปื้อนเลือดไว้แล้วเดินไปเลย

“คุณแกล้งฉัน” โสภิตต่อว่าจีรณะ

“ผมอยากให้คุณได้รู้ ได้เห็นชีวิตในแบบที่ไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องทำทุกอย่าง แค่เลี้ยงชีวิตให้รอดไปวันๆ แล้วยังต้องมาถูกเบียดบัง เอาเปรียบ จากความขาดแคลน มันยุติธรรมรึเปล่า”

ถูกจีรณะอบรมยาวเหยียดแล้วเดินผละไป โสภิตรู้สึกแย่มากกับการที่ต้องอยู่ในแวดวงของคนที่คอยค่อนแคะเหมือนสะกิดแผลของครอบครัวตนตลอดเวลา

แต่ท่ามกลางการใช้ชีวิตกับคนที่ลำบากยากแค้นทำให้เธอได้รู้รสชาติของชีวิตในอีกแบบหนึ่ง และได้เรียนรู้การใช้ชีวิตตามวิถีของชาวบ้านที่เรียบง่าย

แม้เธอจะถูกอาโปแกล้ง แต่เมื่อได้มาทำกับข้าวกับอาย้ง ความจริงใจที่ได้รับจากอาย้งทำให้รู้สึกอบอุ่น แต่ก็สะเทือนใจเมื่อได้รับรู้ชีวิตของอาย้งที่ต้องอยู่คนเดียวเพราะพ่อตาย

“เสียใจด้วยนะ พ่อเป็นอะไรจ๊ะ เสียไปนานรึยัง”

“พ่อถูกคนของแม่เลี้ยงยิงตาย” อาย้งเสียงเครือขึ้นมา ทำให้โสภิตอึ้ง ตื้อ จนพูดไม่ออก

จีรณะกลับมาถามอาย้งว่าอาหารเป็นยังไงบ้าง

อาย้งบอกว่าเสร็จแล้ว อาโปได้ยินพูดแทรกขึ้นทันทีว่า

“ที่แท้ก็ให้เด็กช่วย หน้าไม่อาย”

“เอาเถอะอาโป รีบเอาข้าวไปก่อน เด็กๆ หิวแย่แล้ว” จีรณะบอก อาโปเข้าไปช่วยเข็นรถอาหารหน้างอ ถามอาย้งว่า “ไปช่วยเขาทำไม พวกเขาฆ่าพ่อแกนะ เจ็บไม่รู้จักจำ”

“ครูจีสอนไม่ให้อาฆาตพยาบาท วิญญาณพ่อจะไม่สงบสุข” อาย้งตอบซื่อๆ แต่ทำเอาอาโปหน้าเจื่อนรีบเข็นรถไปกับอาย้ง โสภิตจึงถามจีรณะที่เดินไปด้วยกันว่า ทำไมพ่ออาย้งถึงถูกยิง

“ตียูเคยเป็นมอดไม้ แต่กลับใจเป็นสายให้ตำรวจ เขาเป็นคนส่งข่าวให้ผมไปที่โรงไม้ของพี่ชายคุณจนเกิดปะทะกัน อาย้งต้องเป็นกำพร้าตั้งแต่วันนั้น” พูดแล้วจีรณะเดินแยกไป ทิ้งให้โสภิตยืนอึ้ง สะเทือนใจกับชีวิตของอาย้ง...

ทุกคนกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ครูลัดดาบอกว่ารสชาติใช้ได้ กระนั้นก็ยังถูกอาโปเยาะเย้ยว่าถ้าไม่ได้อาย้งช่วย แกงหม้อนี้มีหวังต้องเททิ้งแน่ อาย้งพูดแทรกขึ้นว่า “พี่เขาเป็นคนปรุง” ทำเอาอาโปพูดไม่ออก

“เด็กๆ กับข้าววันนี้อร่อยไหมคะ” ครูแหวนถาม เสียงใสๆ แย่งกันตอบ อร่อยค่ะ...อร่อยครับ...ครูแหวนถามว่า “คุณอัปสรโสภิตเป็นคนทำกับข้าวมื้อนี้ พวกเรากินเราต้องทำยังไงคะ”

“ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณครับ...”

เสียงตอบของเด็กๆ ทำเอาโสภิตน้ำตาซึมจนต้องหันไปแอบซับ แต่จีรณะก็เห็นจนได้...

ooooooo

หลังจากพิมพรรู้จากชีพว่าโสภิตแอบไปหาจีรณะ รุ่งขึ้นเธอสั่งบ็อบบี้ให้หยุดเรียน พวงถามว่าจะพาบ็อบบี้ไปเที่ยวไหนหรือ

“ไปเที่ยวพักผ่อน ถ้าแม่ถามก็บอกว่าฉันเครียดอยากพักสมอง” บ็อบบี้บอกว่าตนยังไม่ได้บอกที่โรงเรียนเลย “หยุดแค่วันสองวันไม่เป็นไรหรอกน่ะ” พูดแล้วดึงบ็อบบี้เขาไปกระซิบ “ไม่อยากไปหาครูจีหรือ” บ็อบบี้ตาโตตอบเสียงใส

“อยากครับ Let’s go!” แล้ววิ่งปร๋อนำหน้าไปเลย

ขับรถมาถึงเชิงดอยเจอชาวเขา พิมพรหยุดรถถามทาง แต่พูดกันไม่รู้เรื่อง จนบ็อบบี้ใบ้ภาษาใบ้ถามชาวเขาอีกชุดหนึ่งจึงรู้เส้นทาง ขับต่อไปไม่นานก็เจอรถของโสภิต

“แสดงว่ายัยภิตอยู่ที่นี่แน่” พิมพรจิกตาดูรถน้องสาว

ooooooo

จีรณะเห็นโสภิตน้ำตาซึมที่เด็กๆขอบคุณเรื่องอาหารแล้วหายไป เขาตามไปเจอเธอยืนร้องไห้อยู่ที่ริมลำธาร แกล้งเข้าไปทัก

“นึกว่าหายไปไหน ที่แท้แอบมาร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตรงนี้เอง”

เธอบอกว่าไม่ได้ร้องไห้แต่มาล้างหน้า แล้วทวงสัญญาที่เขาบอกว่าจะซ่อมรถให้ถ้าเธอทำอาหารให้เด็กๆกิน

“ผมรักษาสัญญาแน่ แต่ผมไม่ได้บอกนี่ว่าจะซ่อมให้คุณเสร็จวันนี้” พอถูกเธอหาว่าขี้โกง ก็ย้อนถาม “โกงตรงไหนคุณฟังไม่ละเอียดเอง เป็นถึงลูกเจ้าแม่เงินกู้ ไม่น่าเสียรู้เอ็นจีโอบื้อๆอย่างผมเล้ย”

โสภิตโมโหจะเดินหนีถูกเขาขวางแล้วกอดไว้ เธอดิ้นร้องให้ปล่อย จีรณะบอกว่าจะปล่อยก็ต่อเมื่อเธอตอบคำถามตนก่อน “คุณขึ้นมานี่เพราะเป็นห่วงผมใช่ไหม”

“ใช่ ฉันห่วงคุณแทนพี่พิม เขาคงเสียใจมากถ้าคุณต้องเป็นอะไรไปจริงๆ”

อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 13 วันที่ 14 ม.ค. 57

พรมแดนหัวใจ บทประพันธ์โดย รจเรข
พรมแดนหัวใจบทโทรทัศน์โดย ดลกมล คนหลังม่าน
พรมแดนหัวใจกำกับการแสดงโดย ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
พรมแดนหัวใจ ผลิตโดย บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย
พรมแดนหัวใจแนวละคร : คอมเมดี้โรแมนติก - ดราม่า
พรมแดนหัวใจออกอากาศทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ