อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 18 วันที่ 30 ม.ค. 57
วันนี้ ขณะที่โสภิตถูกนำตัวออกจากห้องขัง ใส่กุญแจมือ เพื่อนำตัวไปสอบสวนที่กรุงเทพฯตามคำขอตัวของกองปราบ จีรณะมาถึงพอดีเขารีบยื่นซองเอกสารให้สารวัตร“นี่คือหลักฐานเอาผิดนายพงษ์กับพ่อทั้งเรื่องไม้เถื่อน ทุจริตเลือกตั้ง ฆ่าคนตายด้วย”
สารวัตรรับไปดูแล้วมองหน้ากับกองปราบ “กลับเข้าไปตรวจสอบหลักฐานก่อน”
จีรณะพยักหน้าให้โสภิต เธอมองเขาอย่างขอบคุณ
ส่วนยศยังอยู่โรงพยาบาล มีจิตราคอยดูแลอย่างใกล้ชิด วันนี้ ผู้กองเกียรติก้องไปเยี่ยม ยศเอ่ยกับผู้กองอย่างรู้สึกผิดว่า
“อย่าเสียใจกับผม แล้วก็ไม่ต้องขอโทษด้วย เรื่องของหัวใจ เรื่องของความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกครับ แต่เรื่องหน้าที่และคุณธรรม ผมบังคับใจให้ปฏิบัติได้เสมอ” ผู้กองยิ้มขรึมให้ยศและจิตราด้วยท่าทีเข้มแข็งเยี่ยงชายชาติทหาร
“พี่เพิ่งเคยเข้าใจคำว่าลูกผู้ชายก็วันนี้...” ยศเอ่ยอย่างประทับใจ
“พี่ก้องเป็นคนดีที่สุดในโลกสำหรับจิต รองจากพี่จี”
“ส่วนพี่เป็นคนเลวที่สุด แถมยังพิการไร้ประโยชน์”
“พี่ยศคะ...จิตอยู่กับพี่ยศเพราะจิตเชื่อว่า พี่ยศจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่แค่ร่างกายที่จะต้องดีขึ้น แต่จิตใจด้วย และตอนนี้ จิตก็ได้เห็นว่า พี่ยศเปลี่ยนแล้ว” จิตราเอามือแตะที่หัวใจของยศ เขาจับมือเธอไปจูบเอ่ยอย่างซึ้งใจว่า
“ขอบคุณ...ขอบคุณมากจิต พี่จะไม่ทำให้จิตผิดหวังอีก”
ooooooo
เพราะถูกอายัดบัญชีทั้งหมด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ในครอบครัวของแม่เลี้ยงอัตคัดขาดแคลนจนถึงขั้นต้องกินบะหมี่สำเร็จรูป ซ้ำไฟยังถูกตัดด้วย
ภาวะจิตใจของแม่เลี้ยงอยู่ในสภาพบอบช้ำสาหัส ต้องอาศัยยานอนหลับและตะเกียงน้ำมันในยามค่ำคืน
แม่เลี้ยงนอนลืมตาอย่างสิ้นหวังในแสงวับแวมของตะเกียง มองกล่องเครื่องทองเครื่องเพชรที่เหลือแต่กล่อง เพราะเอาเพชรทองให้พวงไปขายแล้วถูกลูกน้องคนสนิทปล้นเงินไปจนหมด แม่เลี้ยงหยิบกล่องเพชรทองขว้างระบายความคับแค้น
บังเอิญ กล่องหนึ่งมีแหวนเพชรอยู่ แหวนกลิ้งไปใต้เตียง แม่เลี้ยงมุดเข้าไปเพื่อหยิบแหวน เท้าโดนตะเกียงล้ม ไฟลุกทันที!
พิมพรกับบ็อบบี้นอนอยู่อีกห้องหนึ่ง บ็อบบี้ได้กลิ่นไฟไหม้ สองแม่ลูกลุกขึ้น บ็อบบี้นึกถึงคุณยาย บอกแม่ว่าให้วิ่งหนีออกไปก่อนตนจะไปช่วยคุณยาย พิมพรดึงไว้ บ็อบบี้ดิ้นพลางตะโกนให้ปล่อย ตนจะไปช่วยคุณยาย
ที่หน้าเรือน จีรณะขี่มอเตอร์ไซค์พาโสภิตกลับมาพอดี โสภิตเห็นพิมพรกำลังยื้อยุดกับบ็อบบี้ ถามว่าแม่อยู่ไหน
“ในห้อง แต่พี่ไม่เห็นว่าอยู่ตรงไหน ควันมันเยอะมากเลยพาบ็อบบี้หนีออกมาก่อน”
“ทุกคนถอยออกไปก่อน” จีรณะตะโกนบอกแล้วตัวเองก็คว้าผ้าห่มคลุมตัววิ่งฝ่าควันเข้าไป
ooooooo
ข่าวไฟไหม้คุ้มแม่เลี้ยงแพร่ไปอย่างรวดเร็ว ที่ร้านหนานเทือง ทั้งสายพิณ บัวหอม จ่าทอง และบุญมี จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปตามความเชื่อของตน
บัวหอมเชื่อว่าเวรกรรมมีจริงไม่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้ก็เห็นกันทันใจแล้ว สายพิณพูดจากประสบการณ์ที่ถูกแม่เลี้ยงขูดรีดว่า
“ใครจะไปคิด แม่เลี้ยงยึดที่ชาวบ้านมาเท่าไหร่ กะพริบตาหนเดียว ถูกพระเพลิงยึดคืน บ้านถูกเผาซะราบคาบ”
“ทองหยองที่เอาไปขายก็ถูกลูกน้องปล้นไปหมด แล้วผู้ร้ายตัวจริงอย่างไอ้พงษ์มันจะเป็นยังไงน้อ...” จ่าทองแทรกขึ้น สายพิณฟันธงว่าใหญ่เสียอย่างคงลอยนวลเหมือนเดิม บุญมีโต้ว่ามันก็บ่แน่ดอกนาย บัวหอมหันขวับถามทันที
“แกรู้อะไร บอกมาเลย”
ooooooo
พีรพงษ์ที่ชาวบ้านอยากรู้ชะตากรรม อำพรางใบหน้าด้วยแว่นดำ กำลังนั่งอยู่ในรถที่สมุนขับให้เขาได้รับโทรศัพท์จากคุณวุฒิว่า
“เราจะปล่อยข่าวตำรวจว่าแกหนีลงใต้ แต่จริงๆ แล้วพ่อจะให้คนพาแกออกตรงท่าข้ามเชียงของ แกรอที่นั่น พ่อจะเอาพวกเงินกับทองแท่งไปให้ รอให้เรื่องเงียบค่อยกลับมา”
“ครับพ่อ...” พีรพงษ์วางสายพึมพำอย่างผยอง “คนอย่างอั๊ว ไม่ยอมติดตะรางง่ายๆหรอก พ่ออั๊วใหญ่ซะอย่าง”
เวลาเดียวกันนั้น ทีวีก็กำลังแพร่คลิปภาพที่คุณวุฒิเดินออกมากับสัญญา คุณวุฒิดูอยู่ตกใจผงะ ผู้สื่อข่าวยังคงรายงานตามภาพในจอว่า...
“ภาพคลิปหลักฐานเหล่านี้จะเป็นชนวนเบาะแสให้ทาง กลต.ดำเนินการเอาผิดกับผู้ซื้อเสียงต่อไป”
ที่ร้านหนานเทืองเปิดทีวีช่องเดียวกัน สมาชิกของร้านจ้องทีวีตาไม่กะพริบ จ่าทองถามอย่างสะใจว่า
“คลิปนี้ใครแอบถ่ายวะ เด็ดจริงๆ”
พอดีผู้สื่อข่าวกำลังสัมภาษณ์เด็กเสิร์ฟในร้าน เด็กเสิร์ฟเล่าอย่างไม่หวั่นเกรงว่า
“ผมตั้งใจถ่ายไว้เองแหละครับ พอกันที ทนไม่ไหวแล้ว พวกเราปล่อยให้คนเลวๆมันซื้อเสียงโกงกินชาติ กล้าทำอะไรเย้ยกฎหมายอย่างเห็นแก่ตัวมานานแล้ว ถ้าเราไม่ช่วยกันเปิดโปงมัน มันก็ไม่หมดไปจากประเทศไทยสักที”
สายพิณดูแล้วชมเปาะ “หล่อมาก ร้านนี้อยู่ที่ไหน เฮาจะไปขอลายเซ็น”
“ไอ้จ๊อด มันเป็นเด็กในคาถาของข้าเองโว้ย” บุญมีอวด
“นี่ล่ะพระเอกตัวจริง วันนี้อั๊วไม่คิดเงิน” หนานเทืองฉลองให้กินฟรีกันทั้งแก๊ง
“ต่อไปพวกเราต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาอย่าให้ใครมาหลอก มาเอาเปรียบพวกคนรากหญ้าได้อีกจริงไหม” บุญมีไฮปาร์ค
“ใช่...ใช่...ไม่ยอม!” บรรดาสมาชิกร้านหนานเทืองปรบมือ ชูมือกันสลอน
ooooooo
เพราะไฟไหม้คุ้ม ทำให้แม่เลี้ยงและลูกๆต้องอพยพไปอยู่บ้านจีรณะ สภาพจิตของแม่เลี้ยงยิ่งทรุดหนัก พิมพรเองก็ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ มีแต่โสภิตเท่านั้นที่ยังเข้มแข็งและให้กำลังใจแม่กับพี่สาว
“ไม่นึกว่าวันอย่างนี้จะมาถึงอีก พี่ยังจำที่เราถูกไล่ออกจากบ้านตอนเด็กๆได้อยู่เลย” พิมพรรำพึงรำพัน
“แต่เราผ่านวันนั้นมาได้ วันนี้ก็ต้องผ่านได้เหมือนกัน”
“แต่วันนี้เราไม่เหลืออะไรเลยนะ”
“เหลือเพื่อนไงครับ อย่างน้อยคุณก็ยังมีเพื่อน” จีรณะเดินเข้ามาจากข้างหลังพูดแทรกขึ้น ทุกคนหันมองเห็นอาโปเดินตามมา ในมือหิ้วของมามากมาย บ็อบบี้วิ่งไปหาอาโป ถามว่ามีอะไรมาฝากบ็อบบี้บ้าง
อาโปร้องเป็นเพลงว่า “ฉันมีแคเหราะมาฝ่ะ” ส่วนจีรณะยื่นถุงไส้อั่วให้โสภิต บอกว่าแวะซื้อจากร้านอาหารเหนือที่อร่อยที่สุดในเมือง
แต่พอโสภิตรับถุงไปได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้จะอาเจียน บอกว่าเหม็น...จีรณะเป็นห่วงจะพาไปหาหมอ โสภิตคิดว่าคงเป็นเพราะหมู่นี้ตนกินข้าวไม่เป็นเวลาคงเป็นกรดไหลย้อน จีรณะจะอุ้มเธอไปนอน โสภิตรีบห้าม...
“อย่าค่ะ เกรงใจพี่พิมบ้าง คุณยังได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอนะคะ”
จีรณะอยากคุยกับพิมพรให้รู้เรื่อง โสภิตขอร้องอย่าเพิ่งคุยเวลานี้ เพราะทุกคนยังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรับรู้เรื่องนี้
“นาย...” อาโปโผล่พรวดมา เห็นทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันก็ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนบอกว่า “นายปิดมือถือ ผู้กองเลยโทรศัพท์เข้าบ้านให้นายติดต่อกลับเดี๋ยวนี้ ผู้กองรู้ที่ซ่อนนายพงษ์แล้ว”
ทั้งจีรณะและโสภิตตื่นเต้นมาก
ooooooo
พีรพงษ์กบดานอยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง เขาแหวกม่านหน้าต่างมองออกไปข้างนอกอย่างหงุดหงิด สลับกับดูนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ ส่วนสมุนสองคนนั่งหน้าเครียดรอลุ้นอยู่เช่นกัน
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตู สมุนชักปืนทันที ย่องไปดูตาแมวที่ประตู พอเห็นคนข้างนอกก็เก็บปืนเปิดประตูให้
คุณวุฒิกับสมุนอีกสองคนหิ้วกระเป๋าหนักอึ้งเข้ามาในห้องอย่างร้อนรน
“แน่ใจนะครับพ่อว่าจะไม่ติดคุก” พีรพงษ์ถามทันที คุณวุฒิพยักหน้า นัดแนะแผนการว่า
“แกล่วงหน้าไปก่อน เงินสดกับทองคำแท่งพวกนี้คงตั้งหลักได้พักใหญ่ รีบไปกันเถอะ ได้เวลานัดแล้ว”
ทั้งหมดพากันออกจากรีสอร์ตอย่างระแวดระวัง โดยหารู้ไม่ว่า ผู้กองเกียรติก้องและจีรณะนำกำลังมาซุ่มอยู่แล้ว! พอเห็นทั้งหมดออกมา ผู้กองตะโกนให้มอบตัวเสีย ส่วนจีรณะตะโกนบอกคุณวุฒิโทษฐานช่วยผู้ต้องหาหลบหนีให้มอบตัวเสีย โทษหนักจะได้เป็นเบา
“สู้มัน! กูไม่มีวันยอมติดคุก!!” คุณวุฒิสั่งสมุน พวกสมุนทั้งหิ้วกระเป๋าหนักอึ้งและยิงเปิดทางวิ่งไปขึ้นรถหนีไปจนได้
ไปถึงท่าเรือมีจีนฮ่อ 4 คนรออยู่ พีรพงษ์ถามพ่ออย่างระแวงว่าพวกนั้นมันหลอกเราหรือเปล่า
“ไม่มีทาง มันอยากได้เงินเรา” คุณวุฒิมั่นใจ แต่พอเรือแล่นไปไกลจากฝั่ง จู่ๆเรือก็หยุด คุณวุฒิถามพวกจีนฮ่อว่าหยุดเรือทำไม พวกนั้นบอกว่าเงินค่าไม้พะยูงยังไม่ได้แบ่ง!
คุณวุฒิเอาน้ำเย็นเข้าลูบชี้ไปที่กระเป๋าบอกว่าเงินเต็มกระเป๋าอยู่นั่น แต่นาทีนี้จีนฮ่อมองเขาอย่างไร้ค่าบอกว่าเขาถูกปลดจาก ส.ส.แล้ว หมดราคาแล้ว พวกมันชักมีดออกมารุมแทงสองพ่อลูกแล้วถีบลงทะเลท่ามกลางสายตาพวกสมุนของคุณวุฒิ แล้วติดเครื่องเรือบ่ายหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทิ้งทะเลที่แดงฉานด้วยเลือดของสองพ่อลูกไว้เบื้องหลัง
ooooooo
ไปอยู่บ้านจีรณะได้ไม่กี่วัน แม่เลี้ยงที่ซึมเศร้าสิ้นหวังกับชีวิตก็จะผูกคอตาย โชคดีที่จิตรามาเห็นและช่วยไว้ทัน เธอถูกแม่เลี้ยงอาละวาดตวาดไล่ไม่ให้มายุ่งกับตน
จิตรายื้อยุดสุดแรงเมื่อแม่เลี้ยงไม่หยุด เธอจึงตบหน้าฉาดใหญ่ ด่าใส่หน้า “คนขี้แพ้! ขี้ขลาด!!”
แม่เลี้ยงยอมรับว่าตนแพ้หมดทุกทางแล้ว หมดสิ้นทุกอย่าง อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์
“แม่เลี้ยงยังมีสองมือ สองแขน มีสมอง ทำไมถึงยอมแพ้อะไรง่ายๆ คิดหรือเปล่าว่า ถ้าแม่เลี้ยงตายไป พี่ยศ บ็อบบี้จะทำยังไง”
ขณะแม่เลี้ยงกำลังนิ่งอึ้งนั่นเอง อาโปก็วิ่งเข้ามาบอกจิตราหน้าตาตื่นตกใจมากว่า
“พี่จิต ไปช่วยบ็อบบี้ด้วย บ็อบบี้หอบ น่ากลัวมากเลย”
ooooooo
อ่านละคร พรมแดนหัวใจ ตอน 18 วันที่ 30 ม.ค. 57
พรมแดนหัวใจ บทประพันธ์โดย รจเรขพรมแดนหัวใจบทโทรทัศน์โดย ดลกมล คนหลังม่าน
พรมแดนหัวใจกำกับการแสดงโดย ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
พรมแดนหัวใจ ผลิตโดย บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย
พรมแดนหัวใจแนวละคร : คอมเมดี้โรแมนติก - ดราม่า
พรมแดนหัวใจออกอากาศทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ