อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 4
“ก็เพราะรับใช้มานานนะสิเลยอยาก”สวาทชะงักเห็นหวาน ทุกคนหันไปมองหน้าเสียอึกอัก หวานหน้าเศร้าทำท่าจะพูดแต่แล้วเปลี่ยนใจเดินกลับออกไปเงียบๆ ยาใจโล่งอก
“โอ๊ยนึกว่าจะโดนด่าหูชาซะแล้ว”
“จะกล้ามาด่าอะไรพวกเรา เห็นมั้ยถ้าไม่ผิดแกก็ต้องเถียงคอเป็นเอ็นแล้ว คงอายละสิวางท่าเหมือนขี้ข้าผู้ซื่อสัตย์มานาน”
ทั้งหมดมองตามหลังหวานไป ซุบซิบกันสนุกปาก ด้วยท่าทางที่เชื่อว่าหวานคงรู้เห็นด้วยกับหลานแน่นอน
ที่สวนบริเวณบ้านลั่นทม ฉ่ำทำสวนอยู่ มองไปรอบๆก็หยุดเช็ดน้ำตาเสียงเครือ
“โธ่เอ๊ยคุณผู้หญิง นี่ตายแล้วจริงๆเหรอเนี่ย เฮ้อเห็นกันอยู่หลัดๆ”
ฉ่ำนั่งยองๆ พนมมือ “ตอนอยู่ท่านก็มีเมตตากับไอ้ฉ่ำเหลือเกิน ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ไอ้ฉ่ำได้เกิดเป็นขี้ข้าท่านอีกเถิดนะขอรับ”
มือผู้หญิงมาจับที่บ่าของฉ่ำ ฉ่ำสะดุ้งหลับตาปี๋
“ฮึ้บ..ไปที่ชอบที่ชอบเถอะ ไอ้ฉ่ำจะทำบุญกรวดน้ำไปให้”
“ข้ายังไม่ตายจะมากรวดน้ำให้ข้าทำไม”
ฉ่ำลืมตาหันขวับถอนใจโล่งอก
“โธ่เอ๊ยแม่หวาน ใจหายใจคว่ำหมด นึกว่าคุณลั่นทม”
หวานทรุดตัวนั่งหมดอาลัย“แกคิดถึงคุณผู้หญิงอยู่เหรอ”
“ก็ใช่นะสิ แล้วแม่หวานล่ะ ฉันว่าในบรรดาพวกขี้ข้าอย่างเรา แม่หวานน่าจะคิดถึงคุณผู้หญิงที่สุดใช่มั้ย”
“ข้าอยากให้คุณผู้หญิงฟื้นขึ้นมาจริงๆ แต่บอกใครจะมีใครเชื่อ ตอนนี้ใครๆก็พากันมองข้าแปลกๆไปหมด”
“ใครจะมองก็ช่างใครสิแม่หวาน ตัวเราเท่านั้นที่รู้ตัวดีว่าเราเป็นยังไง”
“พูดจาเข้าท่าเป็นกับเขาเหมือนกันนะตาฉ่ำ”
หวานยกมือไหว้ท่วมหัว “ถ้าคุณผู้หญิงยังไม่ถึงที่ตายก็ขอให้ท่านฟื้นขึ้นมาได้เหมือนครั้งก่อนๆด้วยเถิด”
ฉ่ำมองหวานอย่างเข้าใจ
บริเวณศาลาวัดที่ไว้ศพลั่นทม สัปเหร่อเดินนำเจ้าอาวาสกับนายสมานผู้ดูแลวัดเข้ามาในบริเวณที่โลงศพลั่นทมล้มกลิ้ง ฝาโลงเปิดอยู่ ลั่นทมนอนนิ่งสงบอยู่ข้างๆ โลง
“โลงเบ้อเร่อเบ้อร่าหล่นลงมาได้ยังไง ใครแกะผ้าตราสังข์ มือไม้ไม่ได้มัดเลย”
สัปเหร่อรับทรัพย์จากอุษามาแล้วรีบแก้ตัว “คือ..คงหลุดออกตอนโลงหล่นน่ะครับหลวงพ่อ”
“มัดกันอีท่าไหนถึงได้หลุดออกมาง่ายๆ”
ผู้ดูแลวัดเห็นเครื่องมืองัดแงะอย่างหนึ่งที่พวกอุษาลืมทิ้งไว้
“หลวงพ่อครับ..ดูนี่ซีครับ ต้องมีคนมางัดโลงศพแน่”
หลวงพ่อหันไป ผู้ดูแลวัดหยิบเครื่องมือขึ้นมา หลวงพ่อดึงเครื่องมือจากผู้ดูแลมาพิจารณา
“คงไอ้พวกขี้ยามางัดแงะหาของติดตัวศพน่ะเอง แล้วยกหีบขึ้นตั้งไม่เรียบร้อย”
หลวงพาอคืนเครื่องมือให้ผู้ดูแลวัด หันไปสั่งสัปเหร่อ
“จัดการซะให้เรียบร้อย สมานอยู่ช่วยด้วย แล้วก็อย่าเมาจนปล่อยให้ไอ้พวกขี้ยา มันลอบเข้ามาอีก”
เจ้าอาวาสกลับไป สัปเหร่อมองดูลั่นทมงงๆ เชื่อสายตาตนเองว่าตนได้เห็นโลงสั่นสะเทือนก่อนที่โลงจะ
หล่นลงมา “เป็นไปได้ไงวะ”
“คง..คงพวกขี้ยาน่ะพี่หมาน”
มือลั่นทมกระดิกนิดหนึ่งแล้วนิ่งเงียบไป โดยที่สัปเหร่อและผู้ดูแลไม่ทันเห็น
“เอ้า มาช่วยกันยกศพลงโลงเถอะ แปลกนะตายมาคืนหนึ่งแล้วยังไม่เน่าไม่เหม็นเลย”
เงาร่างลั่นทม อ่อนเพลียมาก ‘ก็ฉันยังไม่ตายๆ..นั่นจะทำอะไร..อย่า’
สัปเหร่อกับผู้ดูแลวัดช่วยกันยกโลงศพลั่นทมตั้งไว้บนแท่นตามเดิม สมานนึกขึ้นได้
“เอ้า..ไม่มัดตราสังข์อีกเรอะ ข้าก็ลืมไป”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่หมาน เช้าผมมาจัดการเอง”
“เออ..ตามใจเอ็ง ดูให้เรียบร้อยแล้วกัน”
ในโลงลั่นทมนอนสงบนิ่ง ส่วนใบหน้าผ้าตราสังข์เปิดออกเหมือนเดิม เงาร่างลั่นทมหลับตาน้ำตาไหลซึม เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
‘เอาฉันออกไป ช่วยด้วย ฉันกลัวเหลือเกิน อุษาช่วยน้าด้วยอุษา’ Page more...
ที่ห้องนอนอุษา อุษาตกใจตื่นลุกขึ้นนั่งพึมพำ
“คุณน้า....นี่เราเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรนี่”
เสียงประตูถูกไขมาจากด้านนอก อุษาหันไปมองงง แล้วตกใจ อุษาเห็นชีพเปิดประตูเข้ามา อุษาผุดลุกขึ้นมองชีพอย่างโกรธจัด “เข้ามาในห้องษาทำไมคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกน่าน้าแค่อยากคุยกับหนู เรื่องรสสุคนธ์น้าอธิบายได้”
“ษาไม่อยากฟังค่ะ กรุณาออกไปจากห้องษาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ษาจะตะโกน”
ชีพเห็นแววตาเกลียดชังท่าทางเอาจริงของอุษาก็รีบยกมือห้าม
“ตกลง วันนี้น้าจะออกไปก่อนไว้ให้ษาใจเย็นกว่านี้ แล้วเราค่อยคุยกัน”
ชีพออกไป อุษาวิ่งมาล็อคประตูยืนพิงอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“ษาอยากให้คุณน้าลั่นทมฟื้นขึ้นมาเสียที จะได้รู้ว่าสามีสุดที่รักของคุณน้าเป็นยังไง”
ลั่นทมในโลงศพ นอนสงบนิ่ง เห็นเงาร่างลั่นทมพยายามโงหัวขึ้น แต่แล้วก็นอนแน่นิ่งไปเหมือนเดิมอีก
‘ฉันคงหมดหวัง...ใครจะช่วยฉันได้บ้าง...ษา..อย่าทิ้งน้านะ...ชีพ...คุณทำอะไรอยู่..ฉันคิดถึงคุณ...ฉันอยากไปหาคุณ’
ในห้องนอนชีพ รสสุคนธ์แต่งตัวชุดดำอย่างเริ่ด มองเงาตัวเองในกระจกอย่างพอใจ ชีพอยู่ด้านหลังกำลังสวมสร้อยเพชรให้ที่คอ รสสุคนธ์ตาวาววับอย่างสมใจ
“คืนนี้เธอสวยมากนะรส”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิสวยเสียจนฉันจะอดใจไม่ไหวแล้ว” ชีพก้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอ
“ระหว่างรสกับเมียคุณใครสวยกว่ากันคะ”
ชีพพึมพำ “ก็ต้องเธออยู่แล้วนะสิถามได้”
รสสุคนธ์หลับตาพริ้มพอใจ ชีพซุกไซ้ไล่มาที่หูและข้างแก้มตาเหลือบมองไปในกระจกเห็นลั่นทมยืนอยู่ด้านหลัง ชีพผงะช็อกร้องเสียงหลง “เฮ้ย”
รสสุคนธ์ลืมตาตกใจ “อะไรคะ”
ชีพรวบรวมความกล้าหันไปที่ด้านหลัง ไม่มีอะไร ชีพยังมองอึ้งๆ รสสุคนธ์มองตามสายตาชีพ“คุณมองหาอะไรคะชีพ มีอะไรเหรอคะ”
“ปละ..เปล่า ไม่ ไม่มีอะไรผม..คงตาฝาดไปเอง”
“ทำไมคะ คุณเห็นอะไร”
“บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีสิน่าเซ้าซี้อยู่ได้ รีบไปเถอะ เดี๋ยวไปช้าไม่ทันพระสวดน่าเกลียดแย่”
ชีพเดินออกไปก่อน รสสุคนธ์ฉุนแต่พอหันไปเห็นเงาตัวเองที่สวยสง่าในกระจก รีบสำรวจอีกนิด
ก่อนจะเดินวางมาดออกไปราวกับนางพญา ทุกอย่างในห้องสงบเงียบบรรยากาศหลอนๆ เสียงลั่นทมร้องไห้สะอื้นแผ่วๆ
หวานดูแลความเรียบร้อยในบ้านเมื่อหันมาเห็นรสสุคนธ์แต่งชุดดำมีเครื่องเพชรประดับก็ถึงกับจังงัง
“นั่นมันของคุณผู้หญิงนี่ นังรส..แกไปเอามาใส่ได้ไง”
“คุณชีพเป็นคนให้ฉันใส่อ้อ ไม่ใช่สิ เขาใส่ให้ฉันเองเลยนะน้าหวาน”
“แกก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ของคุณผู้หญิงแกไม่ควรบังอาจไปแตะต้อง”
รสสุคนธ์เริ่มไม่ค่อยจะพอใจหวาน “ถ้าจงรักภักดีมันมากนัก ทำไมไม่ฆ่าตัวตายตามมันไปเลยล่ะ”
รสสุคนธ์ผละไป หวานตะลึงพูดอะไรไม่ออก
“นังรส คุณผู้หญิงฟื้นขึ้นมาละก็ กูจะหัวเราะให้ฟันโยกเลย”
ที่วัด อุษายืนอยู่หน้าโลงศพ ธารินทร์เข้ามา เห็น
“ษา เลิกคิดได้แล้วละเรื่องที่คุณน้าลั่นทมจะฟื้นขึ้นมาน่ะ”
อุษามองหน้าธารินทร์ แววตามีรอยแห่งความเสียใจและผิดหวัง
“ผมไม่อยากให้ษาจมอยู่กับเศร้า”
หมอผันยืนมองสองหนุ่มสาวอยู่ห่างๆ สัปเหร่อเดินผ่านผันเข้ามา ตรงมาที่ธารินทร์กับอุษา
“เมื่อคืนพวกเราคงตั้งโลงศพไม่ดี ตอนสายกลิ้งตกลงมาจากแท่น ดีนะท่านเจ้าอาวาสไม่สงสัยอะไร ไม่งั้นล่ะก็ผมซวยเลย”
อุษาร้องออกมาด้วยความดีใจ “นั่นไง คุณน้าฟื้นแล้วคุณน้าคงดิ้นจนโลงกลิ้งตกลงมา เร็วเถอะค่ะ รีบยกโลงลงมา ตอนนี้ยังไม่มีแขกมา นะคะลุง หนูไหว้ละ”
อุษารีบดึงเงินจากกระเป๋าส่งให้แบบไม่นับ “ลุงช่วยหนูนะ”
ธารินทร์ปรามเบาๆ “ษา”
อุษาไม่สนใจธารินทร์ “เร็วเถอะค่ะ คุณลุง ทุกคนช่วยกันนะคะนึกว่าเห็นแก่ษาเถอะค่ะ”
สัปเหร่อ หมอผัน อุษาและธารินทร์ช่วยกันยกโลงลงมา สัปเหร่อใช้ชะแลงงัดฝาโลงออกมา
“คุณน้าคะ..คุณน้า”
ลั่นทมนอนสงบนิ่งไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น อุษาชะงักผิดหวังหน้าสลดลง
“คุณน้าขา นี่ษานะคะ ได้ยินษามั้ยคะ”
ทุกอย่างเงียบสนิท ธารินทร์ถอนใจเฮือก
“ผมว่าพวกเรารีบปิดฝาโลงแล้วยกโลงไว้ที่เดิมก่อนที่ใครจะมาเห็นเถอะครับ”
ธารินทร์จะปิดฝาโลงอุษาเกาะโลงสะอื้น
“คุณน้า ฟื้นขึ้นมาซีคะคุณน้า”
“เดี๋ยวธารินทร์”
“อะไรครับพ่อ”
“สังเกตอะไรหรือเปล่า ดูศพคุณนายสิ..ถึงจะซีดแต่ตัวไม่แข็งนะจับดูสิ ไม่มีกลิ่นด้วย”
ธารินทร์มองลั่นทมอึ้งๆ แต่ก็พูดกับหมอผัน “พ่อเลิกพูดให้ความหวังษาเสียทีเถอะครับ”
“ก็ข้าเคยเห็นจริงๆนี่หว่า คนตายแล้วฟื้นมีถมไป..ดูซิ.. ศพคุณนายไม่ขึ้นไม่อืดเลย ได้แต่ซีดไม่แข็งด้วย ลองมาจับดูซิ”
ธารินทร์มองไปที่ศพแล้วเอื้อมมือจับศพ นิ่งอึ้ง
“ทีนี้คุณเชื่อหรือยังคะรินทร์ว่า คุณน้ายังไม่ตาย!”
ชีพขับรถเข้ามาจอดที่หน้าวัด ชีพกับรสสุคนธ์ลงจากรถมา ทั้งสองชะงักที่เห็นอุษามองเขม็งอย่างไม่พอใจ รสสุคนธ์ฉุนถามเสียงแข็ง “มองอะไร”
“กิ้งก่า”
รสสุคนธ์โมโหแต่ก็ทำเนียน ยิ้ม ยกมือแตะสร้อยเพชรที่คอก่อนจะพูดเย้ย
“มองด้วยความอิจฉาละสิ เสียใจด้วยนะคนเราบุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้หรอกจ้ะ”
“แต่บุญที่เธอทำไว้มันก็คงหมดลงแค่นี้แหละ”
รสสุคนธ์งง แหวใส่ “หมายความว่าไง”
“คุณน้าฟื้นแล้ว”
ชีพตะลึงพูดไม่ออก ที่รสสุคนธ์เองก็อ้าปากค้างเหมือนกัน
บริเวณศาลาที่ตั้งศพลั่นทม ลั่นทมนอนอยู่ในโลงสภาพเดิม ชีพและรสสุคนธ์กำลังมองลั่นทม คนอื่นๆล้อมอยู่รอบๆ ชีพหันมามองอุษาเคืองๆ
“นี่เธอเล่นตลกอะไรกับน้า ไหนว่าลั่นทมฟื้น”
“นั่นสิก็ยังนอนเป็นผีเน่าอยู่ในโลงเหมือนเดิม ชีพขารสว่าหลานสาวคุณคนนี้คงเสียสติไปแล้วล่ะค่ะ”
“ลองดูดีๆสิครับคุณ คุณนายตายไปเป็นวันๆ แล้วแต่เนื้อตัวยังเหมือนคนปกติ”
“ถ้าน้าชีพไม่เชื่อก็ลองจับตัวคุณน้าดูสิคะ”
ชีพอึ้งกล้าๆกลัวๆ ทำทีจะยื่นมือลงไปจับ รสสุคนธ์ดึงมือไว้
“คุณก็จะบ้าตามพวกนี้ไปด้วยเหรอคะ ศพน่ะมีเชื้อโรคเยอะแยะ เดี๋ยวก็ได้ติดโรคเข้าให้หรอก”
ชีพหดมือกลับทันที
“ลุงสัปเหร่อได้ยินเสียงในโลงก่อนที่โลงจะตกลงมาวันนี้ค่ะ”
ชีพอึ้งหันไปมองที่หน้าลั่นทมอีกครั้ง จำใจถาม
“แล้วยังไง จากนั้นมีใครเห็นลั่นทมฟื้นมั้ยล่ะ”
ทุกคนเงียบ รสสุคนธ์ได้ที
“ก็ไม่มี...โธ่เอ๊ย กะอีแค่วางโลงไม่ดี มันก็ตกลงมา เลยพากันทึกทักว่าฟื้น ไม่มีอะไรทำรึไง เลิกเพ้อเจ้อได้
แล้ว เดี๋ยวแขกก็จะมากันแล้ว”
รสสุคนธ์สั่งสัปเหร่อ “ยกโลงขึ้นสิ...จะปล่อยให้ผีในโลงอยู่รับแขกตรงนี้รึไง”
สัปเหร่ออึกอัก
“รึจะให้ฉันไปฟ้องเจ้าอาวาส”
สัปเหร่อตกใจรีบปิดฝาโลงอุษา
“น้าชีพคะ ษาขอร้องละค่ะ เอาคุณน้าออกมาจากโลงเถอะ เรารอดูอีกสักคืนนะคะ ษาเชื่อว่าคืนนี้คุณน้าต้องฟื้นขึ้นมาอีกแน่ๆค่ะ”
ชีพอึ้ง สบตากับรสสุคนธ์ที่จ้องเขม็งเป็นเชิงให้ปฏิเสธ ชีพเสียงแข็ง
“ไร้สาระน่าษา สิ่งที่เธอทำเท่ากับเป็นการรบกวนไม่ให้คุณน้าไปสู่สุคติ เอาโลงขึ้นที่เดิมนี่เป็นคำสั่งของฉัน ซึ่งเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของลั่นทม หากใครวุ่นวายกับศพเมียฉันอีก ฉันเอาเรื่องแน่”
รสสุคนธ์อมยิ้ม ปรายตามองไปที่ทุกคนอย่างสะใจ หมอผันก้มหน้า ธารินทร์อึ้งไป อุษาน้ำตาไหลพรากๆ
บริเวณด้านข้างศาลาไว้ศพลั่นทม หวานกำลังคุมให้สวาท จิ้มลิ้มและยาใจจัดเตรียมเครื่องดื่มและอาหารสำหรับการจัดเลี้ยงแขกที่จะมาฟังสวดศพ รสสุคนธ์ในชุดไว้ทุกข์เข้ามามองดู
“ถ้วยพอมั้ย”
“เตรียมไว้ประมาณร้อยนึงจ้ะน้าหวาน”
“ไม่พอหรอก”
รสสุคนธ์เดินเข้ามาพอดี “จะเลี้ยงอะไรกันใหญ่โตสิ้นเปลือง คนเข้ามาฟังสวดศพไม่ได้มางานเลี้ยง”
“พวกที่มาน่ะเขาผู้ดีมีชาติมีตระกูลทั้งนั้น ไม่ใช่พวกคางคกขึ้นวออย่างเอ็ง กินไม่กินก็ต้องเลี้ยงเขา บางคนเขา ยังไม่ได้กินอะไรมา พวกคางคกมันจะรู้อะไร”
“น้าหวาน ทำไมต้องขัดฉันทุกเรื่องเลยนะ”
รสสุคนธ์สะบัดหน้าเดินไป สวาท ยาใจและจิ้มลิ้มแอบหัวเราะกัน แต่พอหันมาเห็นหน้าหวานเศร้า ๆ ก็พากันนิ่ง
ภายในศาลาสวดศพ หมอผันกระซิบกับอุษาเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงนะ ลุงบอกสัปเหร่อแล้วไม่ให้มัดตราสังข์แน่นๆ ตะปูก็ตอกไว้หลวมๆ”
“ขอบคุณหมอผันค่ะ เผื่อบางทีคุณน้าจะหายใจได้บ้าง”
ธารินทร์ส่ายหน้า “พ่ออย่าพูดให้กำลังใจษาเลย คุยกันที่ความจริงดีกว่า”
อุษางอนเดินผละไป
“งอนแล้วเห็นมั้ย...เอ็งมันหัวสมัยใหม่เลยไม่เชื่อ”
“พ่อเลิกพูดคนตายแล้วฟื้นได้แล้วครับ นั่นมันเกิดขึ้นกับคนอื่น ไม่ใช่คุณนายลั่นทม”
หมอผันพยักหน้า“เออ ไม่พูดก็ไม่พูด”
แขกเริ่มทยอยกันมา รสสุคนธ์ยืนรับแขกอยู่ข้างชีพ ราวกับว่าเป็นงานตัวเอง หวานยืนมองอยู่ห่างๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก วิเวกกับสมพรเดินนำไกรเข้ามา ทั้งสองชี้ไปที่อุษาซึ่งยืนเหม่ออยู่มุมหนึ่ง ไกรหันไปขอบใจทั้งสองเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหา รสสุคนธ์เห็นเข้าพอดี
“อีตาทนายนั่นไว้ใจได้หรือเปล่าคะชีพ”
“คงไม่มีอะไรหรอกน่า”
ไกรเดินไปหาอุษา“หนูอุษา” อุษาหันมายกมือไหว้ ไกรรับไหว้
“อาอยากคุยกับหนูเรื่องพินัยกรรม”
“ษาไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ ษาไม่อยากได้”
“แต่มันไม่ยุติธรรม น้าชาติ น้าแท้ๆ ของหนู ไม่ได้ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้หนู ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ เลย ยกให้คุณนายลั่นทมทั้งหมด พอคุณนายเสียไป โดยที่พินัยกรรมก็ไม่มีชื่อหนู อาอยากช่วย”
“หนูไม่สนใจหรอกค่ะ”
“แต่คุณนายลั่นทมเคยบอกอาว่าจะยกสมบัติบางส่วนให้หนู หนูน่าจะมีสิทธิ์บ้าง อาว่าอาจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้หนูมีทางได้บ้าง”
อุษาสวนคำทันที “คุณน้าจะโกงเขามาให้หนูเหรอ อย่าดีกว่าค่ะ เพราะเท่าที่หนูเห็นอาการอยากได้จนตัวสั่นของรสสุคนธ์แล้ว หนูก็คลื่นไส้เต็มทนแล้ว เรี่ยวแรงหนูมี หนูพอหาเลี้ยงตัวเองได้ ขอบพระคุณในความปรารถนาดีของคุณอาค่ะ”
อุษายกมือไหว้ รสสุคนธ์เข้ามาพอดี กอดอกยิ้ม เพราะยืนฟังอยู่ก่อนแล้ว
“เขาประกาศอยู่โต้งๆ ว่าไม่สนใจ คุณทนายทำไมต้องใจดียัดเยียดสมบัติคนอื่นให้เขาด้วยล่ะคะ แบบนี้มันไม่ถูกต้อง”
“พินัยกรรมยังไม่ได้เปิด ผมมีแต่ฉบับของผม ฉบับอื่นยังมีอีก คุณรสสุคนธ์อย่าเพิ่งดีใจไปสิครับ”
รสสุคนธ์ยืนตะลึง ไกรเดินเข้าไปในศาลาสวดศพ อุษามองหน้ารสสุคนธ์ ตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด แล้วเดินตามไกรไป รสสุคนธ์แทบจะร้องกรี๊ดออกมาเดี๋ยวนั้น
ในโลงศพลั่นทม ลั่นทมนอนเหมือนตาย เงาร่างของลั่นทม ค่อย ๆลืมตามองรอบๆ
‘นี่ฉันกลับมาอยู่ในโลงอีกแล้วเหรอ ฉันตายหรือยังไม่ตายกันแน่ แล้วทำไมเมื่อกี้ฉันถึงไปที่บ้านได้ ฉันตายไปแล้วใช่มั้ย ฉันยังไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยฉันที ษา...ษาอยู่ไหน ช่วยน้าด้วย’
เงาร่างลั่นทมดิ้นสุดแรง อุษา ธารินทร์ ผัน ชีพและรสสุคนธ์สาละวนกับการส่งแขกอยู่ ไม่มีใครเห็นว่าโลงขยับเขยื้อนได้
ที่ลานจอดรถในวัด ธารินทร์นั่งในรถฝั่งคนขับรถ อุษานั่งอยู่ข้างๆ อุษาหน้าตึง ไม่อยากพูดอะไร
“ษา โกรธผมเหรอ ผมทำทุกอย่างเพราะไม่อยากให้ใครเห็นคุณเป็นตัวตลก”
“ยังไงษาก็ไม่ยอมวางมือหรอกค่ะให้มันรู้ไปว่าความชั่วจะเอาชนะความดีได้”
“ษาจ๊ะ นี่เรื่องของคนตายไม่ใช่เรื่องธรรมะชนะอธรรม”
อุษาเสียงเครือ “ษาขอร้องค่ะรินทร์...อย่าห้ามษาเลย ษาทนไม่ได้ที่เห็นคุณน้าลั่นทมถูกรังแกอย่างนี้”
ธารินทร์ถอนใจ พยักหน้า ตบหลังมืออุษาเบาๆ ให้กำลังใจ แล้วสตาร์ทรถ
ในห้องหวาน รสสุคนธ์แต่งตัวชุดนอนค่อนข้างโป๊ หวานเข้ามาพอดี
“ผู้หญิงดีๆ เขาไม่แต่งตัวแบบนี้กันหรอก”
“ฉันก็ไม่เคยประกาศว่าเป็นผู้หญิงดีซะหน่อย ถ้าดีแล้วต้องโง่ เซ่อ แถมอยู่ขึ้นคานแบบน้าหวาน ฉันก็ยอมชั่วดีกว่า”
รสสุคนธ์ออกไป หวานขวางไว้ “จะไปไหน”
“เรื่องของฉัน” รสสุคนธ์มองหน้าหวานดุๆ แกะมือหวานที่กางกั้นประตูไว้ มองอย่างไม่แคร์ แล้วเดินออกไปทันที หวานได้แต่ยืนอึ้ง
“คุณผู้หญิง ฟื้นมาเสียทีสิคะ”
ที่ห้องนอนชีพ ชีพกำลังอ่านเอกสารแสดงทรัพย์สินของลั่นทมอยู่ รสสุคนธ์เข้ามาแล้วโอบกอดชีพ
“โฉนดเป็นตั้ง คุณสุชาติสามีเก่าลั่นทมเก่งไม่ใช่เล่นเลยนะคะชีพ”
ชีพหอมแก้มรสสุคนธ์ “ก็เก่งเรื่องหาเงินเท่านั้นแหละ บางเรื่องก็โง่ ไม่งั้นทรัพย์สินพวกนี้จะกลายมาเป็นของผมเหรอ”
รสสุคนธ์ยิ่งเอาใจชีพ ออเซาะ “รสเข้ามาหาถึงที่นี่ ใจคอคุณจะหมกมุ่นอยู่กับเอกสารพวกนี้เหรอคะ “
ชีพโน้มตัวรสสุคนธ์มากอด ทั้งสองพากันไปที่เตียงนอน ล้มไปด้วยกัน รสสุคนธ์หัวเราะใส่จริต ยั่วยวน
“รู้มั้ยว่าผมคลั่งคุณจะตายอยู่แล้ว”
“จดทะเบียนกับรสสิคะ...ผู้คนมันจะได้เลิกดูถูกรสเสียที รสสัญญาค่ะว่าจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ อยากได้อะไร ถ้ารสทำได้รสยอมคุณหมดเลย”
“ก็ได้ แต่ต้องผ่านงานศพลั่นทมไปก่อน เดี๋ยวคนเขานินทา”
“พรุ่งนี้สวดครบสามวันก็เผาเลย อย่าเก็บไว้ร้อยวัน เชื่อรสเถอะค่ะ ศพนังลั่นทมจะยิ่งทำให้คุณมีปัญหา”
ทั้งคู่นัวเนียกัน ชีพไม่ตอบ
ในบ้านลั่นทม อุษาลงบันไดมา แล้วตรงไปที่ครัว ชีพยืนอยู่ด้านหลัง มองตามอุษาไป อุษาเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่ม โดยไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงไฟจากตู้เย็นที่ฉายให้เห็นอุษาอยู่
“ษา” อุษาตกใจ รีบปิดตู้เย็น ถอยหนี
“น้าชีพมีอะไรคะ”
“ทบทวนข้อเสนอของน้าหรือยัง”
อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 4
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นบท ประพันธ์โดย ประดิษฐ์ กัลย์จาฤกละครเรื่อง สุสานคนเป็น บทโทรทัศน์โดย ภาคย์รพี
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นกำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น ละครแนว ดราม่า รี้ลับ อาถรรพ์ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นผลิตโดย บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นออกอากาศ ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เร็วๆ นี้