อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 1/7 วันที่ 15 เม.ย. 57

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 1/7 วันที่ 15 เม.ย. 57

เช้าวันใหม่ที่หน้าบ้านลั่นทม รสสุคนธ์ แต่งชุดสาวโรงงานเดินออกมาที่หน้าบ้าน หวานเดินกำกับอยู่
“ฉันรู้แล้วน่าน้าหวาน...ไม่ต้องตามไปหรอก...”
“ให้มันจริงเถอะ ข้าบอกตรงๆ นะว่าไม่ไว้ใจเอ็งเลย...”
“ไม่ไว้ใจฉันเรื่องอะไร”

“ก็...”
“ก็อะไรน้า...
“เออ ไม่มีอะไรหรอก อย่าเป็นอย่างที่ข้ากลัวก็แล้วกัน”
"ถ้าน้ากลัวนัก ฉันจะทำจริงๆ”
“นังรส...รีบไปได้แล้ว”
ชีพออกมาพอดี “อ้าว รสสุคนธ์ จะรีบไปไหนล่ะ...”
“เอ้อ...อิฉันว่าจะให้มันไปเองเจ้าค่ะ”
ลั่นทมตามออกมา “จะไปเองให้เสียเวลาทำไมกัน...ติดรถคุณชีพไปน่ะแหละ”


รสสุคนธ์ยกมือไหว้ลั่นทม “ขอบพระคุณค่ะ”
หวานถมึงตาใส่รสสุคนธ์ ฉ่ำรับกระเป๋าจากชีพ ไปใส่รถ รสสุคนธ์หันมาเห็นเนคไทของชีพเบี้ยว
“อุ๊ย ขอโทษค่ะท่าน...” รสสุคนธ์ขยับเนคไทให้เข้าที่ ลั่นทมยืนมองอยู่ ฝืนยิ้ม หวานหน้าเสีย กลุ่มสวาท พากันปิดปากตกใจ
“ขอบใจนะรสสุคนธ์”
“ไม่เป็นไรค่ะ...”
“ไปกันได้แล้ว...”
ชีพเข้าไปในรถและขับออกไป รสสุคนธ์นั่งหน้าเชิดอยู่เบาะหลัง หวานอยากจะด่าออกไปแต่ไม่กล้า

หวานยกมือไหว้ลั่นทม “อิฉันขอโทษแทนนังรสด้วยเจ้าค่ะ ที่มันทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรลงไป...”
“อย่าคิดมากสิ ฉันเป็นเมียคุณชีพ ฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย ทำไมแม่หวานต้องเดือดร้อนด้วย...”
“เอ้อ...ความจริงอิฉันให้มันไปสองแถวแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าคุณชีพออกมาเสียก่อน...”
ลั่นทมยิ้มบางๆ “คงไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่หวาน มีอะไรก็ไปทำเถอะ”
ชีพจอดรถแอบข้างทาง
“รถเสียเหรอคะ”
“ฉันยังไม่อยากเป็นคนขับรถให้เธอ...”
รสสุคนธ์ยิ้ม แล้วเปิดประตูออกมา อ้อมมานั่งเบาะหน้าคู่กับชีพ ชีพจึงขับรถออกไป“วันพรุ่งนี้ น้าหวานให้รสนั่งสองแถวไปทำงานเอง”
“แล้วเธอว่าไง...”
“ก็คงต้องทำตามที่น้าหวานบอก...”
“เด็กดี...”
“ก็รสยังเด็กนี่คะ...เด็กก็ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่...”
รสสุคนธ์ยิ้ม จงใจสบตายั่วชีพ
“จะเชื่อได้มั้ยเนี่ย...” ชีพชำเลืองดูรสสุคนธ์ รสสุคนธ์ยิ้ม รู้ทันทีว่าความฝันใกล้จะเป็นจริง

ยาใจและจิ้มลิ้มพูดคุยกันอยู่ในครัว
“ข้าบอกตรงๆ นะ ว่ามีนายสามคนนี่ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไหนจะคุณอุษา คุณผู้หญิงแล้วก็คุณชีพ ข้ายังไม่อยากมีนายคนใหม่”
“ใครล่ะน้าหวาดที่จะมาเป็นนายคนใหม่”
“หรือน้าหวาด...เอ้อ..”
สวาทพยักหน้า
“ท่าทางหลานแม่หวานเหรอ ยังกะแม่เสือสาวจะตะครุบเหยื่อชิ้นโต คิดจะงาบคุณชีพ ถ้าสำเร็จมิต้องมาเป็นนายใหม่เรารึ”
“อุ๊ย แค่คิดก็สยอง” ยาใจวิตก
“รับรองว่าข้าจะไม่มีวันก้มหัวให้นังเด็กเมื่อวานซืนหรอก”
หวานยืนนิ่ง น้ำตาเอ่อคลอ รีบป้ายน้ำตาแล้วเดินไปทางหนึ่ง

ตอนเย็นในห้องของลั่นทม อุษาส่งแฟ้มบัญชีต้นทุนให้ลั่นทม
“บัญชีต้นทุนที่คุณน้าอยากเห็น”
“ขอบใจนะ...น้าก็แค่เป็นห่วงโรงงานเท่านั้นแหละ ถึงจะวางมือให้น้าชีพดูแล แต่ก็อดห่วงไม่ได้...”
“คุณน้าคะ ถ้าคุณพ่อของรินทร์เขาอยากมาเยี่ยมแล้วก็ดูอาการของคุณน้า...คุณน้าจะอนุญาตมั้ยคะ..”
ลั่นทมยิ้ม “ดีสิ...เผื่อหมอจะช่วยอะไรน้าได้บ้าง”
“งั้นษาจะนัดหมอผันมาพบคุณน้านะคะ ให้หนูต้อยติ่งหลานหมอผันมาด้วย แกน่ารักช่างพูดช่างคุย คุณน้าจะได้ไม่เหงา”
ชีพเข้ามาพอดี “ใครจะมาเหรอจ๊ะ...”
“คุณพ่อของรินทร์น่ะค่ะชีพ”
“อ้อ..หมอผี...เอ๊ย หมอยาสมุนไพรน่ะเหรอ...จะมาทำไม”
อุษาหน้าตึงขึ้นมา ไม่โต้ตอบ แต่หน้านิ่ง ไม่พอใจ
“ไหนคุณบอกว่าจะตามใจฉันทุกเรื่องไง เรื่องนี้ฉันขอก็แล้วกัน ถึงหมอผันจะรักษาฉันไม่ได้ แต่ฉันก็ยังอยากพบเขา...”
“งั้นก็ตามใจ...”
อุษาลุกขึ้น “ษาขอตัวก่อนค่ะคุณน้า..”
อุษาออกไป ชีพหันมาเห็นบัญชีก็เปิดดู มองหน้าลั่นทม
“ทำไมต้องดูบัญชีต้นทุน...ผมไม่อยากให้ทมเครียด เดี๋ยวจะเป็นอะไรไปอีก”
“ถ้าไม่ดูก็ไม่รู้ว่าทรัพย์สินมีทั้งหมดเท่าไหร่ มันเกี่ยวกับพินัยกรรมด้วยค่ะชีพ”
“จะรีบทำไปทำไมไอ้พินัยกรรมน่ะ มันจะเป็นลางไม่ดี”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเป็นอะไรไป ทมจะได้นอนตายตาหลับ อย่างน้อยก็ต้องให้ยัยษาอย่างยุติธรรมด้วย...”
ชีพชะงักเล็กๆ ถามเสียงขุ่นแต่ก็พยายามระงับอารมณ์ “ดูคุณจะห่วงอุษาเหลือเกินนะ”
“ค่ะ แกเป็นหลาน...”
“ก็แค่หลานสามีเก่า...ที่ผมพูดนี่ ผมไม่ได้อิจฉายัยษาหรืออะไรนะ แต่ผมน้อยใจ”
“น้อยใจ”
“ใช่...ถ้าคุณแคร์หลานผัวเก่า ก็แสดงว่าคุณยังไม่ลืมผัวเก่าของคุณ...ถ้าคุณเป็นผม คุณจะรู้สึกยังไง...”
“ชีพคะ...ทมไม่...”
ชีพออกไปแล้ว ลั่นทมรีบผวาลุกเดินตามไป

ชีพเดินออกมา เห็นรสสุคนธ์เดินเกร่อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ชีพตรงไปที่รถซึ่งจอดตรงที่รสสุคนธ์ยืนอยู่พอดี รสสุคนธ์แกล้งยืนชมดอกไม้ ชีพกดแตร รสสุคนธ์เดินเข้ามาหา
“ขึ้นมา...เร็วสิ...ขึ้นมา”
รสสุคนธ์ขึ้นนั่งเบาะหน้าคู่กับชีพ หวานออกมาเห็น ยืนตะลึง
“อี...” หวานยังไม่ทันด่า ลั่นทมก็วิ่งอย่างเร็วลงบันไดมา
“ชีพ...ชีพ...”
หวานปราดไปประคอง “คุณผู้หญิง...”
สมพรเปิดประตูรั้วให้ชีพ มองรสสุคนธ์ที่นั่งวางท่าคู่ไปด้วย สายตาสมพรตะลึง กลืนน้ำลายทำอะไรไม่ถูก วิเวกยืนตัดแต่งต้นไม้อยู่ตรงนั้น หันมามองแล้วเลี่ยงไป ลั่นทมยืนมองดูรถของชีพที่แล่นออกไป ประตูปิด หวานยืนซึม ริมฝีปากสั่นระงับอารมณ์ ลั่นทมตัวสั่น กุมหน้าอก แล้วค่อยๆ เซ หวานตกใจ ประคองไว้
“คุณผู้หญิง...นั่งตรงนี้ก่อนค่ะ”
หวานประคองลั่นทมนั่งที่โซฟาตัวหนึ่ง บีบนวด ควานหายาดมที่มีพกติดตัวไว้ตลอด
“คุณผู้หญิงต้องไม่เป็นอะไรนะคะ...”
อุษาเดินออกมา ตกใจ “คุณน้า...อีกแล้วเหรอ...ไปหาหมอมั้ยคะ...”
“ไม่...ไม่ต้อง...น้าไม่เป็นอะไร...เดี๋ยวก็ดี...”
ลั่นทมสูดดมยาดม หายใจยาว รับลมเย็นนอกบ้าน รู้สึกดีขึ้น
“น้าไม่เป็นอะไรแล้ว...”
“วันนี้คุณน้าต้องพักผ่อนมากๆ แล้วยังไม่ต้องดูบัญชีต้นทุนนะคะ ตัวเลขเยอะ เดี๋ยวจะเครียดไป...น้าหวานดูแลคุณน้าตลอดเลยนะ งานในครัวเดี๋ยวจะให้รสสุคนธ์ทำแทน..”
อุษาพูดจบก็เดินไป หวานอึ้งพูดอะไรไม่ออก

ในห้องของหวาน อุษาเดินมาเคาะประตูห้อง
“รสสุคนธ์...รสสุคนธ์...”
อุษาตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป เห็นห้องว่างเปล่า อุษากวาดตาไปรอบๆ แล้วตัดสินใจออกมา อุษาเดินกลับมาที่ลั่นทมนั่งพักอยู่กับหวาน หวานก้มหน้าบีบมือลั่นทมด้วยความละอายใจ
“หลานสาวแม่หวานไม่อยู่...หาตัวไม่เจอ”
“คงไปรดน้ำต้นไม้หลังบ้านแหละค่ะ...ไม่ต้องห่วงมันหรอก มันก็เข้าไปช่วยงานในครัวบ่อยๆ เดี๋ยวก็คงไปช่วยแม่หวาด”
ลั่นทมดมยาดมแล้วมองหน้าหวาน หวานก้มหน้า
“งั้นแม่หวานพาคุณน้าขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะ”

ชีพนั่งกอดรสสุคนธ์อยู่ในผับแห่งหนึ่ง
“สักแก้วมั้ยเด็กดี”
“ไม่ค่ะ...รสว่าเรากลับกันเถอะ...เดี๋ยวคุณผู้หญิงจะเป็นห่วง”
ชีพมองหน้ารส แล้วระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง เมามาย
“เธอนี่เป็นเด็กดีจริงๆ ด้วย..” ชีพหัวเราะ
ชีพจอดรถที่หน้าบ้าน รสสุคนธ์ออกมาจากฝั่งหนึ่ง ชีพออกมาจากรถ เดินเซ ทำท่าจะอ้วก รสสุคนธ์รีบประคอง หวานเห็นรสสุคนธ์อยู่ในอ้อมกอดของชีพ หวานตกใจ รีบมาดึงตัวรสสุคนธ์ออกมา
“นังรส...”
“อะไรน้าหวาน ไม่เห็นเหรอคุณเมามาก”
“ให้ไอ้ฉ่ำประคองไป ขืนเอ็งประคองเป็นได้ตกบันไดกันทั้งสองคน”
ฉ่ำมาพอดี ปราดเข้าประคองชีพซึ่งเมามายไม่ได้สติ ฉ่ำกับชีพเข้าไปในบ้านแล้ว หวานก็ตบหน้ารสสุคนธ์
รสสุคนธ์เอามือกุมแก้ม
“น้าหวาน...ตบหน้าฉันทำไม”
“แล้วที่ทำลงไปเนี่ย ดีแล้วรึ...เนรคุณ...เกรงใจคุณผู้หญิงบ้างสิ ที่เอ็งกับข้ามีที่คุ้มหัวอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะคุณผู้หญิงรึ...กลับตัวกลับใจซะใหม่นะ...แล้วนี่ไปไหนมา”
“ฉันไม่ได้เสียหายอะไรเลย แล้วฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปด้วย คุณชีพเรียกฉันขึ้นรถเอง ถ้าไม่ไปก็เท่ากับขัดคำสั่ง...”
หวานมองดูรสสุคนธ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คนอย่างเอ็ง ชาตินี้ก็หาความเจริญไม่ได้ เนรคุณคิดแย่งผัวเจ้านาย...”
“ฉันยังไม่ได้คิดทำอย่างที่น้าพูดเลย สงสัยว่าจะต้องทำจริงๆ แล้วมั้ง...”
รสสุคนธ์เดินไป หวานยืนตะลึงแล้วก็เดินตามไป

ในห้องลั่นทม ชีพปิดประตูดังปัง ลั่นทมผวาตื่น เปิดไฟหัวเตียง
“ตายจริง...เมามากขนาดนี้เลยเหรอ...”
ลั่นทมประคอง ชีพกอดรัดลั่นทมแน่น ก้มลงไปจูบ
“ผมรักคุณนะลั่นทม...ผมรักคุณ...”
“ทมรู้ค่ะ ทมก็รักชีพ แต่ปล่อยทมก่อน...เดี๋ยวหายใจไม่ออก”
ชีพผงะออกแทบหายเมา แล้วก็ตวาดเสียงดัง
“เมื่อไหร่นะ ไอ้โรคบ้าๆ นี่จะหายซะที รู้มั้ยว่าผมอึดอัด จะแย่แล้ว...โว้ย...”
ชีพล้มลงนอน หลับไปทั้งชุดนั้น ลั่นทมนั่งที่ขอบเตียงมองดูชีพ น้ำตาไหลพราก
“กรรมเวรอะไรของฉันเนี่ย ทำไมฉันต้องเป็นโรคบ้าๆนี่”

เช้าวันใหม่ สมพรเปิดประตูรั้วให้รสสุคนธ์ออกไป หวานตามมาส่ง
“นี่จะตามไปจนเห็นฉันขึ้นรถสองแถวเลยหรือไง ฉันไม่ได้เด็กๆ นะน้าหวาน”
“ร่างกายเอ็งน่ะไม่เด็ก แต่ความรู้คิดต่ำกว่าเด็กหลายเท่า”
รสสุคนธ์สะบัดหน้าออกไป หวานหันมามองสมพร
“รู้เห็นอะไรก็เงียบไว้นะ...ข้าสงสารคุณผู้หญิง...”
สมพรพยักหน้า ทั้งสองเข้าใจกันรสสุคนธ์ยืนอยู่ที่ริมถนน สองแถวจอดรับ รสสุคนธ์ขึ้นไป
ในห้องลั่นทม ชีพกอดลั่นทมไว้หลวมๆ จุมพิตที่เรือนผมและแก้ม
“ผมขอโทษนะทม...เมื่อคืนผมเมามาก ไม่รู้ว่าทำอะไรให้เสียใจบ้างหรือเปล่า ต่อไปผมจะไม่ทำอีก...”
ลั่นทมหันมาเผชิญหน้า “ฉันเป็นห่วง กลัวเมาแล้วขับรถกลับไม่ได้”
ชีพชะงักไปนิดหนึ่ง “ต่อไปผมจะระวังไม่ให้เมาหนักอย่างนี้ ผมไปทำงานก่อนนะ...”
“ค่ะ ฉันจะไปส่ง...” ทั้งสองออกไปจากห้องด้วยกัน

ฉ่ำปราดมารับกระเป๋าจากชีพไปใส่รถ ชีพมองหารสสุคนธ์ เห็นหวานยืนเก้ๆ กังๆ อยู่
“หลานสาวล่ะ”
“ไปแล้วค่ะ...อิฉันให้มันไปรถสองแถว...”
ชีพอึ้งไป ลั่นทมแสร้งมองออกไปข้างนอก ชีพหงุดหงิดเปิดประตูรถเข้าไปแล้วขับออกไปทันที ลั่นทมมองตามรถ แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้เทอเรสตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ต่อไปนี้นังรสคงไปกลับเองแล้วค่ะ มันคุ้นกับเส้นทางไปโรงงานแล้ว...”
ลั่นทมพยักหน้า “กลัวเสียว่าจะทำงานไม่เท่าไหร่ก็เบื่อ แล้วก็ต้องหางานใหม่”
“เอ้อ...คงไม่หรอกมั้งคะ” หวานก้มหน้า ไม่แน่ใจว่าลั่นทมรู้เรื่องหรือเปล่า

รสสุคนธ์ยืนอยู่ริมถนน เห็นรถของชีพชะลอจอดรับ รสสุคนธ์ขึ้นนั่งหน้าคู่กับชีพ
“ว่าไงเด็กดี...แม่หวานว่านั่งสองแถวไปทำงาน”
“รสนึกถึงคำพูดของคุณได้..”
“ฉันพูดอะไร”
“ก็บอกว่าอยากให้รสนั่งรถคู่กับคุณอย่างนี้ทุกวัน...รสเป็นเด็กดี มีหรือจะกล้าขัดคำสั่ง...”
ชีพหัวเราะมีความสุข “งั้นไปทานข้าวหรูกันสักมื้อมั้ย...กลางวันนี้เลย”
รสก้มดูตัวเอง
“รสเป็นสาวโรงงานนะคะ ไม่มีเสื้อผ้าหรูๆ หรอก เดินไปไหนจะทำให้คุณชีพอายเขาแย่...”
“ไม่มีก็ซื้อสิ...เดี๋ยวพาไป...เสร็จแล้วค่อยเข้าที่ทำงานก็ได้”
รสสุคนธ์ซ่อนยิ้มไว้ไม่ได้ มองออกไปข้างนอก ชีพเอื้อมมือมากุมมือรสสุคนธ์

ในร้านอาหาร ชีพนั่งกับรสสุคนธ์ในลุคใหม่ มีอาหารฝรั่งสองสามอย่าง เช่น สเต็ก สลัด ฯลฯ วางอยู่ตรงหน้า ชีพใช้มีดกับส้อมอย่างคล่องแคล่ว รสสุคนธ์มองดูท่าทางการจับใช้ส้อมใช้มีดจากชีพ แต่ก็กลบเกลื่อนได้ดี ทั้งสองสบตากันอย่างมีความสุข
ที่โรงงาน สายสมรกับอุษายืนคุยกันอยู่ มีคนงานทำงานกันอยู่
“ยังไม่มาเลยนะคะ...”
“เมื่อเช้ามาทำงานเอง เห็นได้ยินว่าขึ้นสองแถวมานี่...”
“ไม่ทราบสิคะ คุณชีพก็ให้ทำเรื่องบรรจุแล้วนะคะ”
“ยังไม่ถึงกำหนดทดลองงานเลยนี่..”
สายสมรตอบอย่างอึดอัด “ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ แต่ก็คงต้องทำตามคำสั่งท่าน...”
อุษาพยักหน้า มองเลยไปยังกลุ่มคนงานที่ทำงานกันอยู่

ชีพขับรถมาชะลอจอดที่ด้านหน้าของโรงงาน รสสุคนธ์กลับมาใส่ชุดโรงงานเหมือนเดิม มีถุงใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ถืออยู่ในมือ รสสุคนธ์จะเปิดประตูลงไป ชีพจับมือรสสุคนธ์ รสสุคนธ์หันมาทิ้งตาให้ รสสุคนธ์เดินไป แต่ก็ยังหันมามอง

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 1/7 วันที่ 15 เม.ย. 57

ละครเรื่อง สุสานคนเป็นบท ประพันธ์โดย ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น บทโทรทัศน์โดย ภาคย์รพี
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นกำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น ละครแนว ดราม่า รี้ลับ อาถรรพ์ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นผลิตโดย บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นออกอากาศ ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เร็วๆ นี้