อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 2 วันที่ 15 เม.ย. 57
ชีพขับรถมาชะลอจอดที่ด้านหน้าของโรงงาน รสสุคนธ์กลับมาใส่ชุดโรงงานเหมือนเดิม มีถุงใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ถืออยู่ในมือ รสสุคนธ์จะเปิดประตูลงไป ชีพจับมือรสสุคนธ์ รสสุคนธ์หันมาทิ้งตาให้ รสสุคนธ์เดินไป แต่ก็ยังหันมามองสายสมรยืนรอคอยรสสุคนธ์อยู่
“จะมาทำงานเอาป่านนี้ทำไมไม่โทรมาบอกก่อน...”
“คนเราก็ต้องมีธุระกันบ้างสิ...”
อุษาเดินตรงมาพอดี “แต่เธอรู้มั้ยว่าการทำงานทุกที่ต้องมีระบบ ถ้าขาดใครสักคน ระบบก็ต้องเสีย...เครื่องมือเครื่องจักรจะเดินตามปกติ ขาดคนทำงานมันก็รวนไปหมด”
“อุ๊ย ฉันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ...เพิ่งรู้นะเนี่ย...”
รสสุคนธ์นั่งประจำที่จักรตัวเดิม วางถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ที่ข้างตัว อุษากับสายสมรเดินไป รสสุคนธ์เบ้ปาก รู้สึกถึงความเหนือกว่าของตน
ที่ห้องของหวาน รสสุคนธ์เอาเสื้อตัวใหม่แขวนไว้ที่ตู้ หวานมองอย่างสงสัย
“เงินเดือนยังไม่ออกเลย มีเงินซื้อเสื้อใหม่แล้ว”
“ฉันก็มีติดตัวของฉันมาบ้างน่าน้าหวาน...”
“ไม่ใช่ไปอ้อนใครซื้อให้นะ”
หวานจ้องหน้าเหมือนรู้ทัน รสสุคนธ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“กะอีแค่เสื้อตัวเดียว น้าหวานอย่าทำให้เสียอารมณ์ดีกว่า”
“นังรส..วันนี้แกกับข้าจะต้องพูดกันให้รู้เรื่อง อีเนรคุณข้าวคุณผู้หญิงไม่มียางหรือไง ถึงไม่ทำให้สำนึกในบุญคุณบ้างเลย...”
“มีหรือไม่มี ฉันไม่รู้หรอกน้าหวาน รวยแล้ววิเศษมาจากสวรรค์ชั้นไหนเหรอ...ก็ไม่ใช่เพราะไอ้พวกคนรวยเหรอ ที่มันโกงคนจนๆ อย่างพ่อแม่ฉัน...ทำให้พ่อแม่ฉันต้องตาย น้าหวานนับถือคนรวยมากนัก ก็เดินไปกราบแทบเท้าเขาเลยสิ กราบเช้ากราบเย็น กราบให้สำนึกความเป็นทาสของ น้าหวานมันซึมเข้าไปในหัว...”
“นังรส...” หวานตบหน้ารสสุคนธ์อย่างแรง รสสุคนธ์หันมา น้ำตาร่วงพรู
“ถ้าน้าหวานพูดมากอย่างนี้อีก ฉันจะทำให้บ้านนี้ป่วนที่สุด วุ่นวายที่สุดเลย...คอยดู...แล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
“ระวังจะไม่มีที่ซุกหัวนอน...คิดบ้าง”
“น้าหวานแหละต้องคิด ถ้าคุณผู้หญิงเขาเฉดหัวฉันออกไป ฉันยังสาว คงไม่ยาก แต่น้าหวานจะไปตายที่ไหนก็คิดเอา” รสสุคนธ์ล้มตัวลงนอน หวานแทบบ้า แต่ทำอะไรไม่ได้
ที่บ้านหมอผัน อุษานั่งคุยกับหมอผัน โดยมีธารินทร์และต้อยติ่งนั่งอยู่ด้วย
“แสดงว่ายาหอมนั่น คุณนายลั่นทมยังไม่ได้กินเลยสิ...”
“ค่ะ เอ้อ น้าชีพเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย...”
“พ่อครับ ถ้าเขาไม่เชื่อเรา เราก็อย่า...”
อุษารีบสวนมา “ไม่ได้นะ คุณน้าลั่นทมบอกแล้วว่าท่านอยากพบหมอผัน ยังให้พาต้อยติ่งไปด้วยเลย...”
ต้อยติ่งดีใจ “ดีสิ...หนูจะได้ไปเที่ยวบ้านพี่อุษาด้วย...”
หมอผันนิ่งคิด
สวาทนำน้ำแดงมาให้ต้อยติ่ง และเครื่องดื่มสำหรับหมอผัน
“รอคุณผู้หญิงสักครู่นะคะ”
“จ้ะ ไม่เป็นไร ฉันรอได้”
ต้อยติ่งเดินดูข้าวของในบ้าน อย่างสนใจ
“ต้อยติ่งไม่เอาลูก เดี๋ยวทำของเขาแตกไป มานั่งนี่...มาสิ”
“หนูดูก่อน” ต้อยติ่งสนใจตุ๊กตาในตู้ ลั่นทมกับหวานลงบันไดมาพอดี
“อยากได้ตุ๊กตาเหรอจ๊ะ เอาสิ เดี๋ยวฉันให้...”
ต้อยติ่งย่อตัวไหว้ลั่นทมน่ารัก สีหน้าลั่นทมแช่มชื่นขึ้น ลั่นทมมองเลยไปที่หมอผัน
“หมอผัน คุณพ่อของธารินทร์ใช่มั้ยคะ”
“ครับๆๆ”
อุษากับธารินทร์เดินเข้ามาในบ้าน “เห็นคุณน้าบอกว่าอยากปรึกษาอาการที่เป็นอยู่ ษาก็เลย”
“ขอบใจ...แล้วนี่ษาไม่ไปทำงานเหรอจ๊ะ”
“กำลังจะให้รินทร์ไปส่งค่ะ บ่ายมีลูกค้ามาพบ...งั้นษาไปก่อนนะคะ...
“จ้ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”
บริเวณหน้าห้องทำงานของชีพ สายสมรถือกาแฟมาที่หน้าห้องของชีพ แต่โทรศัพท์ดังขึ้น
“อะไรจะมาดังเอาตอนนี้...เฮ้อ...”
สายสมรวางกาแฟไว้ แล้วก็หันไปรับโทรศัพท รสสุคนธ์เข้ามาแล้วหยิบถ้วยกาแฟ เปิดประตูเข้าห้องทำงานของชีพไป
ชีพอยู่ในห้องทำงานซึ่งมิดชิดพอสมควร รสสุคนธ์วางแก้วกาแฟลง
“เห็นพี่สายสมรไม่ว่าง รสก็เลยเอาเข้ามาให้แทนค่ะ”
หน้าห้องทำงานของชีพ สายสมรวางโทรศัพท์หันมา
“อ้าว...ใครเอาไปแล้วล่ะ...”
สายสมรงง
ในห้องทำงานของชีพ ชีพรวบตัวรสสุคนธ์มากอดแล้วจูบ...รสสุคนธ์ปัดป้องพองาม
“อย่าค่ะ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...”
“งั้นก็ต้องไปที่ที่ไม่มีคนเห็นเราสองคนสิ...”
รสสุคนธ์หลบตา ไม่ตอบ ชีพเลยรีบสรุปเบาๆ
“รอฉันที่หน้าโรงงานนะ”
รสสุคนธ์ออกมาจากห้องทำงานของชีพ สายสมรทำท่าจะต่อว่า
“ชงกาแฟเสร็จแล้วมัวรับโทรศัพท์ เย็นชืดหมด...ฉันเลยช่วยเอาไปให้หัวหน้า..พี่สายสมรจะได้ไม่โดนด่าไง”
“แล้วนี่ขึ้นมาบนนี้ทำไม”
“คนอยู่บ้านเดียวกันก็ต้องมีธุระกันบ้างสิ พี่สายสมรเป็นคนอื่น จะอยากรู้ไปทำไม”
สายสมรอึ้งไป รสสุคนธ์เดินไป
ที่หน้าโรงงาน รสสุคนธ์เปิดประตูรถของชีพเข้าไปนั่ง เห็นรถของธารินทร์แล่นมาพอดี
“รสสุคนธ์นี่...” ทั้งสองมองหน้ากัน ธารินทร์นิ่งเงียบไม่พูด
“เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง...”
“อย่าให้คุณน้าลั่นทมรู้เรื่องนี้นะครับ ท่านจะป่วยไปอีก”
“ค่ะรินทร์...ษาผิดหวังน้าชีพจริงๆ”
รถของธารินทร์จอด อุษายังนั่งหน้าซีดอยู่
ลั่นทมคุยกับหมอผัน โดยมีหวานจูงต้อยติ่งส่งให้ยาใจกับจิ้มลิ้ม
“ยาใจ...จิ้มลิ้ม พาหนูต้อยติ่งไปทานขนมไป ผู้ใหญ่จะคุยกัน”
ยาใจกับจิ้มลิ้มจูงต้อยติ่งไปทางหนึ่ง หวานนั่งข้างลั่นทม
“อาการที่เป็นอยู่นี่ อาจเกิดจากกรรมเก่าที่เคยทำมาแล้วก็เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงด้วยครับ ต้องกินยาบำรุง แล้วก็ต้องสวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญมากๆ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เขาจะได้อโหสิกรรมให้เรา”
“ค่ะ หมอ...เรื่องยา ช่วยจัดให้ด้วย ฝากยัยอุษามาก็ได้...หวานคงดูแลฉันเรื่องนี้ได้ ส่วนเรื่องสวดมนต์ไหว้พระ ฉันจะทำให้มากขึ้นกว่าเก่า...”
ที่คอนโดหรูหรารสสุคนธ์มองไปรอบๆ ห้องในคอนโด ด้วยสีหน้าและท่าทางที่ปิดความดีใจไว้ไม่มิด ถลาออกไปที่ระเบียง เห็นวิวทิวทัศน์และบ้านเรือนกว้างไกล
“โอ๊ย..ทำไมมันสวยยังงี้...”
ชีพออกมาจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัว รสสุคนธ์กลับเข้ามา ชีพรวบตัวไปกอดแล้วจูบทันที
“อย่าค่ะ...”
ชีพหงุดหงิดเล็กๆ“อะไรอีกล่ะ”
“อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิคะ...รสยังไม่ได้อาบน้ำ คุณคงไม่ทราบหรอกว่าในโรงงานน่ะร้อนแค่ไหน รสไม่ได้อยู่ห้องแอร์เย็นฉ่ำแบบคนอื่นนี่คะ...”
“ต่อไปก็ได้อยู่แล้วล่ะ...”
สีหน้าคนทั้งสองคนมีความสุข
ในห้องของหวาน หวานกลับเข้ามาในห้อง เห็นรสสุคนธ์นั่งหวีผมอยู่
“จะสวยไปถึงไหน สวยแล้วก็ต้องไปเป็นจับกังในโรงงาน”
“นั่นมันคนไม่มีความฝันอย่างน้าหวาน...สำหรับฉันไม่ใช่”
“นังนี่พูดแปลกๆ...”
รสสุคนธ์ส่งถุงใส่สร้อยข้อมือให้ “ไอ้นี่พอจะทำให้น้าหวานเลิกพูดได้มั้ย...”
หวานยืนงง รสลุกมาจับยัดใส่มือ
“เอ็งเอามาจากไหนนังรส...เงินเดือนนิดเดียว จะมีเงินซื้อทองซื้อหยองได้เหรอ...หา...หรือว่า...”
“ไม่ต้องถามได้มั้ย...ขี้เกียจฟัง...”
รสุคนธ์สเดินออกไป หวานอึ้ง เปิดถุงดูก็เห็นเป็นสร้อยข้อมือเล็ก น้ำตาคลอ
“นังรส..เอ็งเอาอะไรมาทำหัวใจวะเนี่ย คิดแย่งผัวชาวบ้านเขา”
ในห้องลั่นทม อุษาใส่ชุดนอนมีเสื้อคลุมเข้ามา ส่งแฟ้มให้ลั่นทม
“คุณน้าช่วยเซ็นอนุมัติด้วยค่ะ”
ลั่นทมเปิดดู เห็นเป็นประกาศบรรจุพนักงาน ลั่นทมไล่ชื่อไปจนถึงคำว่า “รสสุคนธ์ แก้วเดชดี” ลั่นทมชะงัก
“นี่อะไร เพิ่งทำไม่ใช่เหรอ บรรจุแล้ว”
“ถามน้าชีพดูแล้วกันค่ะ”
ชีพเข้ามาพอดี อุษาเลี่ยงออกไป
“อะไรหรือจ๊ะทม”
ลั่นทมชี้ให้ดูชื่อของรสสุคนธ์
“ก็สายสมรเขาบอกว่าเรียนรู้งานได้ไว ดีกว่าต้องมาสอนงานคนใหม่นะทม...”
ชีพหอมแก้ม ลั่นทมมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น
“แล้วแต่คุณนะ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณเสมอ”
“ถ้าเป็นอย่างที่ชีพบอกก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
ลั่นทมเซ็นชื่อลง ชีพยืนมองดู อมยิ้ม หอมแก้มอีกที
“มีอีกเรื่องที่อยากขอ...”
“ใช้คำว่าปรึกษาดีกว่าค่ะ”
“ห้องแม่หวานน่ะคับแคบมาก...ผมเห็นแกดีกับคุณมาตลอด ถ้าไม่มีแก เราคงแย่ เลยอยากให้แกย้ายห้องใหม่ที่ใหญ่แล้วก็สะดวกกว่าเก่า...”
“ตามใจชีพเถอะค่ะ...”
ชีพหอมแก้มอีกเป็นครั้งที่สาม ลั่นทมเอียงอายตามประสาผู้หญิง
ห้องใหม่ของหวาน หวานกับรสสุคนธ์มองดูห้องกว้างขวางมีเตียงพร้อมสรรพ มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งครบครัน
“ว้าย มีแอร์ด้วย” รสสุคนธ์ยิ้มภาคภูมิใจ
“ทุกอย่างเป็นความหวังดีของคุณชีพเค้า แม่หวานต้องขอบคุณคุณชีพ...เขาอยากตอบแทนที่แม่หวานดีกับฉันมาตลอดน่ะ...”
หวานยกมือไหว้ “ขอบพระคุณมากเลยค่ะคุณผู้หญิง ไม่คิดว่าขี้ข้าอย่างนังหวานจะได้มีวาสนามีห้องหับส่วนตัวใหญ่ๆ อย่างนี้ ไหว้ท่านซะสินังรส”
รสสุคนธ์ไหว้ “ขอบคุณมากค่ะคุณผู้หญิง ต่อไปน้าหวานกับรสจะได้ไม่ต้องนอนเบียดกันแล้ว...”
“คุณชีพคงเห็นเธอสองคนลำบาก เขาก็เลยมีน้ำใจ..”
ลั่นทมออกไป รสสุคนธ์หัวเราะเบาๆ หวานหันมาทันที
“เพราะแกใช่มั้ยนังรส...”
“อุ๊ย คุณผู้หญิงผู้แสนดีของน้าเพิ่งพูดหยกๆ ว่าเป็นน้ำใจของคุณชีพ น้าจะมาเหมาว่าเป็นฝีมือฉันได้ยังไง”
“ก็ถ้าแกไม่เสนอ มีหรือที่เขาจะสนอง”
รสสุคนธ์ตอบยั่ว“บางเรื่องรสไม่เคยเสนอ แต่คุณชีพก็อยากสนองก็มี...”
“นังรส...นังนี่มันน่าบีบคอให้ตายนัก...”
หวานไล่ตีรสสุคนธ์ แต่รสสุคนธ์วิ่งหนี หัวเราะร่วน
“อยู่เฉยๆ เถอะ ฉันทำให้น้าหวานสบายได้ก็แล้วกัน”
ทุกคนนั่งทานข้าวกันอยู่ในครัว
“แม่หวานล่ะ”
“จัดห้อง...”
“มีหลานสาวสวยก็โชคดีอย่างนี้แหละ”
“แต่ถ้าให้ฉันต้องลงทุนเอาตัวเข้าแลกนะ ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก”
“โห พูดยังกะสวยตายละ ไปส่องกระจกซะไป...”
“น้าเวก เดี๋ยวอดกินข้าวหรอก...”
“ต่อไปบ้านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ นี่ถ้าแม่หวานเห็นดีเห็นงามไปกับหลานสาวด้วยละก็ พวกเราคงแย่...”
“นั่นสิ ถ้าเกิดผนึกกำลังกันทำตัวเป็นเจ้าเป็นนาย โอยใครอยู่ก็อยู่เถอะ นังยาใจไปขายฝรั่งดองดีกว่า”
หวานเดินเข้ามา ทุกคนเงียบกริบ “คุยอะไรกันอยู่เหรอ...”
สวาทแทบสำลักข้าว “ก็เรื่องทั่วๆ ไป ไม่..ไม่มีอะไรหรอกแม่หวาน ทานข้าวสิ”
ที่วัด ในโบสถ์ เห็นพระประธานงดงามอยู่เบื้องหน้า ลั่นทม อุษา และธารินทร์กำลังไหว้พระ
‘คุณพระคุณเจ้าเจ้าขา...เวรกรรมอะไรของลูกที่ต้องเกิดมา มีโรคประหลาด เหมือนคนตายทั้งเป็น ลูกขอให้เจ้ากรรมฃนายเวรอโหสิกรรมให้ลูกด้วยเถอะเจ้าค่ะ...’ ลั่นทมภาวนาในใจน้ำตาเอ่อคลอ ธารินทร์กับอุษาหันมาเห็น
“คุณน้าคะ...” อุษาส่งผ้าเช็ดหน้าให้ลั่นทมซับน้ำตา “คุณน้าต้องสู้นะคะสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ สู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คุณน้า เป็นทุกข์...ษากับคุณรินทร์สัญญาว่าจะอยู่ข้างคุณน้าตลอดไปค่ะ แต่คุณน้าต้องเข้มแข็งนะคะ อย่ายอมแพ้”
“แต่บางทีน้าก็อดปลงไม่ได้หรอกอุษา...บางทีก็นึกอยากตายขึ้นมาจริงๆ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ...”
ลั่นทมมองหน้าพระประธาน
ลั่นทมมองดูโลงศพที่ทางวัดตั้งไว้ให้ทำบุญสร้างโลงศพแก่ศพผู้ยากไร้ ไม่มีญาติ
“ถ้าทำให้คุณน้าไม่สบายใจก็ไปที่อื่นเถอะค่ะ”
“ทำบุญให้น้าหน่อย...เห็นแล้วก็ยิ่งทำให้น้าปลง...คนเราแก่งแย่งชิงดีกันแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่มีใครใหญ่เกินโลง..”
หวานเข้ามาในห้องแล้วนึกขึ้นมาได้ รีบล็อกประตู เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบสร้อยข้อมือที่ซ่อนไว้ ออกมา
“เราต้องเอาไปคืนคุณผู้หญิง เป็นไงเป็นกัน คนอย่างนังหวานไม่ยอมเสียคนตอนแก่หรอก...”
หวานเก็บสร้อยข้อมือใส่ในถุงอีกครั้ง กำไว้แน่น
ที่หน้าบ้านของลั่นทม สมพรเปิดประตูให้รถของธารินทร์เข้ามาข้างใน วิเวกทำสวนแต่งกิ่งไม้อยู่หน้าบ้าน สวาทยืนเตรียมต้อนรับอยู่ รถของธารินทร์จอดที่หน้าบ้าน ลั่นทม อุษาและธารินทร์ลงมาจากรถ
“มีของอะไรมั้ยคะ...”
“ไม่มีหรอก แต่ว่าคุณน้าเหนื่อยมาก ให้แม่หวานขึ้นไปดูแลท่านด้วย ฉันจะไปทำงานต่อ...”
“ค่ะ อุ๊ย แม่หวานมาพอดี”
หวานรีบประคองลั่นทมขึ้นไป
“หวาน...ให้คุณน้าพักผ่อนนะ อย่าเพิ่งชวนคุยอะไร...”
“อุษา น้าไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย...ยังไม่ขึ้นห้องหรอก อยากนั่งเล่นข้างล่างนี่ก่อน...”
อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 2 วันที่ 15 เม.ย. 57
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นบท ประพันธ์โดย ประดิษฐ์ กัลย์จาฤกละครเรื่อง สุสานคนเป็น บทโทรทัศน์โดย ภาคย์รพี
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นกำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น ละครแนว ดราม่า รี้ลับ อาถรรพ์ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นผลิตโดย บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นออกอากาศ ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เร็วๆ นี้