อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 3/3 วันที่ 17 เม.ย. 57

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 3/3 วันที่ 17 เม.ย. 57

ลั่นทมส่งเสียงจากข้างใน ‘ไม่นะษา..น้ายังไม่ตาย น้ารู้สึกตัวทุกอย่าง น้าเห็น น้าได้ยิน ษา...บอกเขาทีสิ’
ธารินทร์ปลอบใจอุษา “ษา คุณหมอพยายามกันเต็มที่แล้วนะครับ และคราวนี้คุณน้า ก็เป็นนานกว่าทุกครั้ง”

“ไม่ค่ะรินทร์...ไม่...คุณน้าต้องลืมตา รู้สึกตัวแล้วก็กลับบ้าน ได้เหมือนทุกครั้ง”
รสสุคนธ์เบ้ปาก “หมอเขาเพิ่งบอกว่าหมดหวัง”
อุษาหันไปแหวใส่ทันที “ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่ามายุ่ง”
“นังรส...ออกไป” หวานจ้องหน้าดุๆ
รสสุคนธ์ยักไหล่ “รสก็แค่หวังดี...อยากให้ทุกคนทำใจค่ะ คนตายไปแล้ว ก็ต้องตาย ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้หรอก”
“เผื่อใจไว้บ้างก็ดีนะอุษา...ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเสียใจ แต่ว่ามันสุดวิสัยของหมอแล้ว ษาก็ได้ยินนี่”
อุษาร้องไห้ รสสุคนธ์สะใจที่ชีพเข้าข้าง รสสุคนธ์ออกไปข้างนอก
“ออกไปกันให้หมด ษาอยากอยู่กับคุณน้า...โธ่ คุณน้าขา” อุษาคร่ำครวญกับร่างของลั่นทม
หยาดน้ำตาไหลออกมาทางหางตาของลั่นทม ‘ษา...น้ายังไม่ตาย...น้ายังไม่ตาย’ ลั่นทมพยายามรวบรวมกำลัง ‘อึ๊บ...อึ๊บ’ เงาร่างของลั่นทมหมดแรงนอนลงไป อุษากอดร่างลั่นทมร้องไห้

ทุกคนเดินออกมาสมทบกับพวกที่นั่งอยู่ก่อนที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“ติดต่อศาลาได้แล้วล่ะค่ะ...แขกเหรื่อก็ต้องรีบเชิญ แล้วยังต้องนิมนต์พระอีกนะคะ”
หวานกระตุกมือรสสุคนธ์ ปรามด้วยสายตา พูดเสียงเครียด “ไม่ต้องออกความเห็น นังรส”
“รสเห็นทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง เศร้าโศก นี่รสช่วยยังหาว่าไม่ดีอีกเหรอน้าหวาน ไม่คิดเลยว่าทำคุณบูชาโทษ คุณชีพมีอะไรให้รสช่วยก็บอกเลยนะคะ...รสเสียใจค่ะ”
“ก็คงต้องจัดการตามที่รสสุคนธ์พูด”
สวาท ฉ่ำ สมพรและวิเวกแทบจะอ้าปากค้าง เช่นเดียวกับจิ้มลิ้มกับยาใจที่มองหน้ากันทันที รสสุคนธ์เชิดหน้า ธารินทร์ระบายลมหายใจ รู้สึกอึดอัด

ในห้องฉุกเฉิน ผู้ช่วยหมอเข้ามาพร้อมกับเข็มฉีดฟอร์มาลีน
“ขอโทษครับ”
อุษาเห็นเข็มฉีดยาก็ตกใจ “อะไรน่ะ”
“ต้องฉีดครับ ไม่งั้นละก็เน่า ส่งกลิ่นเหม็นแย่”
“ไม่นะ อย่าแตะต้องคุณน้าเป็นอันขาด”
“ถ้าไม่ฉีด..สองวันก็เหม็นไปทั้งงานแล้วนะครับ”
“ไม่...ฉันไม่ยอมให้ฉีด”
อุษากางกั้นไม่ให้ผู้ช่วยหมอฉีดยาศพได้ จ้องหน้าดุๆ พร้อมจะเอาเรื่อง
“ถ้าคุณแตะต้องคุณน้าลั่นทม...ษายอมตายค่ะ”
ผู้ช่วยอึ้งไป พยายามจะอธิบาย แต่อุษาไม่ฟัง “คือว่า...ศพ”
อุษาสวนไปทันที “ไม่ค่ะ...ออกไป จะไม่มีการฉีดยาอะไรทั้งนั้น”
วัฒนาเดินเข้ามา “ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเอง”
ผู้ช่วยหมอฯ ออกไป อุษาร้องไห้ขอร้องวัฒนา
“พี่วัฒน์ษาขอละนะ อย่าฉีดยาคุณน้า คุณน้ายังไม่ตาย เชื่อษาสิคะ”
วัฒนามีสีหน้าอึดอัด ลั่นทมรวบรวมพลังอีกครั้ง มือลั่นทมเอื้อมจับอุษา อุษาตกใจ
“คุณน้า..พี่วัฒน์ คุณน้ารู้สึกตัวแล้ว”
มือของลั่นทมอ่อนแรงปล่อยลง วัฒนาถอนใจ ไม่เชื่อ อุษามองดูลั่นทม ผิดหวัง อุษาร้องไห้“คุณน้า...ทำไมคุณน้าไม่สู้เลยล่ะคะ..คุณน้าจะปล่อยให้เขาชนะได้ยังไง”
เงาร่างของลั่นทมพยายามดิ้นรน เงาร่างของลั่นทมน้ำตาไหล
‘ษา...น้าพยายามแล้ว...แต่น้าทำไม่ได้ น้าไม่มีแรงเลย’
“คุณน้า ถ้าคุณน้าตาย เขาสองคนจะมีความสุขด้วยกัน บนกองเงินกองทองที่คุณน้าหามาทั้งชีวิตนะคะ..คุณน้าต้องสู้ สู้สิคะคุณน้า”
‘ษา...ษาพูดอะไรน่ะ น้าได้ยินนะ แต่น้าไม่เข้าใจ’
วัฒนาแตะตัวอุษาเบาๆ “ทำใจเสียเถอะน้องษา”
อุษาจำยอมถอยห่างออกมา วัฒนาดึงผ้าปิดหน้าลั่นทม
‘เอาออกไป ฉันหายใจไม่ออก เอาออกไป’

หน้าห้องฉุกเฉิน บุรุษพยาบาลเข็นเตียงของลั่นทมออกมา มีผ้าคลุมหน้าไว้ ทุกคนหันไป หวานและสวาทปล่อยโฮออกมา พร้อมสะอื้นเบาๆ ยาใจกับจิ้มลิ้มปาดน้ำตา ฉ่ำ สมพรและวิเวกหน้าเศร้าไป
“โธ่ คุณผู้หญิง”
ชีพได้สติ รีบก้าวไปกับเตียงที่เข็นผ่านหน้าไป “ลั่นทม...ลั่นทม”
ทุกคนรีบตามไป รสสุคนธ์เบ้ปาก มองตามไป สะกดอารมณ์ กลัวคนเห็น อุษาก้าวออกมาจากห้องฉุกเฉิน สีหน้าเหมือนช็อกเสียใจ น้ำตาไหลพราก ธารินทร์ปราดเข้าไปหา “ษา”
รสสุคนธ์รู้สึกหมั่นไส้ แกมสะใจ หัวเราะในลำคอแล้วเดินไปอย่างไม่แคร์
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
อุษาเสียงเครือ น้ำตาไหล “คุณน้าไม่รู้สึกตัวค่ะรินทร์”
“ท่านหมดสตินานเกินไป คงสายไปเสียแล้ว...ผมจะไปนิมนต์พระแล้วก็ติดต่อศาลาให้นะ”
อุษาพยักหน้า รีบบอกธารินทร์ “อย่าให้สัปเหร่อฉีดยาคุณน้านะคะ...ษาอยากลองดูค่ะรินทร์”
ธารินทร์อึ้งไปนิดหน่อยแต่ก็รับคำ “จ้ะษา”

หน้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ยกร่างของลั่นทมขึ้นรถของโรงพยาบาลไป เจ้าหน้าที่กระแทกแรงไม่ปรานีปราศรัย เงาร่างของลั่นทมโอดโอย
‘โอ๊ย เบาๆ สิ ฉันเจ็บนะ’
ชีพหันมาบอกทุกคน “ทุกคนกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวจะต้องรีบไปที่วัดกัน”
“ผมจะช่วยติดต่อทางวัดให้ครับ นำศพไปวัดเหนือใช่มั้ยครับ”
“ก็ใกล้บ้านที่สุดแหละ”
“คุณชีพยังบาดเจ็บอยู่ ผมว่าไปพักผ่อนที่บ้านก่อนดีกว่าครับ”
“ขอบใจมากนะรินทร์...ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้นักหรอก...นี่ก็ยังงงๆอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น...ลั่นทมตายไปแล้ว ผมจะอยู่ยังไง”
รสสุคนธ์เมินไปทางอื่น รู้สึกแสลงใจ เจ้าหน้าที่จะปิดประตูรถขนศพ
“อย่าเพิ่งค่ะ ดิฉันจะไปกับคุณน้า” เจ้าหน้าที่มองอย่างงงๆ อุษาไม่ใส่ใจก้าวขึ้นไปบนรถ จับมือลั่นทม ทุกคนมองอย่างตะลึง ธารินทร์รีบเดินไปที่รถของตน
รสสุคนธ์พึมพำเบาๆ. “หมั่นไส้”
รถทั้งสองคันแล่นไปแล้ว หวานกับสวาทก็สะอื้นออกมาอีกครั้ง
“น้าจะร้องทำไม ยังไงคุณผู้หญิงก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว กลับบ้านแล้วตั้งสติ ช่วยกันจัดงานศพให้สมเกียรติคุณผู้หญิงดีกว่า...น้าฉ่ำ ขับรถให้คุณผู้ชายสิ ไม่เห็นเหรอว่าท่านบาดเจ็บอยู่”
ฉ่ำตกใจ รับมุขไม่ทัน อึกอัก “เอ้อ...ครับ”
ชีพส่งกุญแจให้ฉ่ำ รสสุคนธ์ตามชีพไปที่รถ ท่ามกลางสายตาของทุกคน รสสุคนธ์นั่งคู่กับชีพที่เบาะหลัง รถเคลื่อนออก รสสุคนธ์หันมองมองทุกคนด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่า มีแววเยาะๆ อย่างเห็นได้ชัด

ชีพนั่งอิดโรยอยู่ในรถมองตรงไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเองทำถูกต้องแล้วหรือไม่ที่ไม่เชื่ออุษา รสสุคนธ์พูดจาเหมือนปรึกษา แต่ในใจคิดตรงข้าม
“น่าจะมีการผ่าศพพิสูจน์นะ รสก็อยากทราบว่าคุณผู้หญิงเป็นอะไรตาย”
ฉ่ำแอบมองทั้งคู่ในกระจกมองหลัง เห็นรสสุคนธ์เอื้อมมือไปแตะหลังมือชีพที่วางข้างตัว
“หมอเขาว่าตายแล้ว ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีก”
รสสุคนธ์ตัดพ้อ งอนๆ “ก็ถ้าฟื้นขึ้นมา คุณคงดีใจสินะ”
“แค่ฉีดยากันศพเน่า ลั่นทมก็ฟื้นขึ้นมาไม่ได้แล้ว ต่อให้เทวดาลงจากสวรรค์มายังช่วยอะไรไม่ได้เลย”
รสสุคนธ์ตื่นเต้น “อุษาไม่รู้เรื่องนี้เหรอคะ”
“ตกใจเลยไม่ทันคิดมั้ง”
รสสุคนธ์ยิ้มมุมปาก “แต่หมอฉีดแล้วแน่นะคะ”
“ถ้าไม่ฉีด เขาคงไม่ให้เอาศพออกจากโรงพยาบาลหรอก”
รสสุคนธ์เขยิบเข้าใกล้ มือที่วางอยู่บนมือชีพกุมแน่นขึ้น กระซิบเบาๆ
“คุณรู้มั้ยตอนที่คุณไปเที่ยวกัน รสแทบขาดใจตาย...คิดถึงคุณ แล้วก็น้อยใจจนอยากฆ่าตัวตาย”
ชีพสบตารสสุคนธ์ ฉ่ำมองทางกระจกมองหลัง สายตาตื่นๆ แต่ก็พยายามมองไม่เห็น
“รสไม่มีชุดดำสวยๆ เลยค่ะ...กลัวว่าจะไม่สมเกียรติเมียคุณ”
หวานยืนร้องไห้อยู่หน้ารูปถ่ายของลั่นทม
“คุณผู้หญิงเจ้าคะ ทำไมด่วนหนีหวานไปล่ะคะ ต่อไปหวานจะรับใช้ใคร...โธ่ คุณผู้หญิง”
“คงไม่เป็นไรหรอกมั้งแม่หวาน” หวานหันมามองสวาท “คุณผู้หญิงคนใหม่คงชูคอให้รับใช้ในไม่ช้า...แม่หวานคงได้ดิบได้ดีมีวาสนาได้นั่งเป็นคุณนายกับเขาก็คราวนี้แหละ”
“แม่หวาด...พูดอะไร”
“ก็พูดในสิ่งที่แม่หวานรู้ดีไง..บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่มีวันก้มหัวให้นังเด็กเมื่อวานซืนหรอก”
“เด็กเมื่อวานซืน”
“ก็หลานแม่หวานไง ไม่รู้หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้”
สวาทมองไปที่รูปถ่ายของลั่นทม “หวังว่าแม่หวานคงไม่ทำให้คุณผู้หญิ เสียใจนะ อย่าลืมว่าคุณผู้หญิงท่านรักแม่หวานมาก...แม่หวานก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ”
“สวาท...ฉัน...ไม่”
สวาทไม่ฟังเดินออกไป เห็นยาใจกับจิ้มลิ้มแอบมองอยู่ หวานหันหลังให้ สะอื้นจนแผ่นหลังสะเทือน
“คุณผู้หญิงเจ้าขา อิฉันจะไม่ยอมให้มันเนรคุณต่อคุณผู้หญิงได้หรอกเจ้าค่ะ”

จิ้มลิ้มกับยาใจรีบก้าวตามไปจนทันสวาท
“น้าหวาดพูดจริงเหรอ...เรื่องที่”
สวาทหันมา “หรือเอ็งสองคนอยากจะเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายก็ตามใจเอ็ง....แต่ข้า...ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะโว้ยว่า...ไม่...ส่วนเอ็ง สองคนจะตัดสินใจยังไง มันก็เรื่องของเอ็ง”
“โอ๊ย ไม่เอาด้วยหรอก...ขืนรับใช้นังรส มีหวังเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่”
“ข่าวอะไรนังยา”
“ได้ตบมันฟันร่วงทั้งปากน่ะสิ”
“ข้ากลัวว่าพอมันเอาเงินมากองตรงหน้า เอ็งสองคนก็พร้อมไปเป็นขี้ข้าเขาแล้วน่ะสิ”
“ถ้านังรสได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านขึ้นมาจริงๆ นังยาลาออก”
“แล้วใครจะอยู่ดูแลคุณอุษา คุณผู้ชายอีก...งั้นเอางี้ถ้านังรสได้เป็นคุณผู้หญิงจริงๆ เราลาออก”
“แต่ถ้ามันยังไม่เป็น เราก็จะอยู่คอยสมน้ำหน้ามัน ตกกระป๋องวันไหน แม่กระทืบซ้ำวันนั้นเลย”
จิ้มลิ้มกับยาใจพยักหน้าเห็นด้วย สีหน้าแต่ละคนหนักแน่น

ที่บ้านหมอผัน หมอผันสีหน้าเครียด บอกกับธารินทร์
“เวรกรรมนี่มันหนีกันไม่ได้เลยเหรอ”
“แต่อุษาก็ยังเชื่อว่าคุณนายลั่นทมจะฟื้นขึ้นมาอีกนะพ่อ”
หมอผันมองหน้าธารินทร์ “เคยได้ยินเหมือนกันนะ คนตายแล้วจู่ๆ ก็ฟื้นขึ้นมา”
“พ่อคิดว่าจะเป็นไปได้เหรอ”
“โลกนี้มีอะไรแน่นอนบ้างล่ะ...รินทร์”
ต้อยติ่งแต่งชุดนักเรียนเข้ามา ไหว้หมอผันและธารินทร์
“จ้า...กลับมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำไป....เดี๋ยวพ่อกับพี่จะต้องไปงานศพ”
“ศพใครเหรอพ่อ”
“คุณนายลั่นทม” ต้อยติ่งตกใจ “คุณนายคนสวยที่ใจดี เอาขนมให้หนูต้อยติ่งกินน่ะเหรอพ่อ”
“นั่นแหละ...จะไปหรือจะอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวล่ะ”
ต้อยติ่งมองกราดไปทั่วบ้าน แล้วสั่นหน้าเร็วๆ
หวานแต่งชุดไว้ทุกข์เตรียมจะออกจากบ้าน หวานร้องไห้ตาบวมชะงักมองรถที่ฉ่ำขับพาชีพกับรสสุคนธ์เข้ามาจอด ชีพกับรสสุคนธ์เข้ามา รสสุคนธ์ถือถุงใส่ชุดดำมาด้วย รสสุคนธ์ส่งถุงให้สวาทซึ่งออกมาพอดี บอกธรรมดาไม่กราดเกรี้ยววางอำนาจ
“รีดให้ด่วนเลยนะจ๊ะสวาท แล้วเอาขึ้นไปไว้ห้องคุณผู้ชาย”
ทุกคนตะลึง ชีพมองแล้วรีบขึ้นชั้นบนไปก่อน สวาทรับถุงมางงๆ หวานเดินเข้ามามองรสสุคนธ์ เหมือนไม่เชื่อสายตา แต่รสสุคนธ์ไม่สน หันไปทางยาใจที่แต่งดำเดินมากับจิ้มลิ้ม
“เดี๋ยวยาใจ”
ยาใจหยุด
“จะไปไหนกัน”
“จะไปวัดกับน้าหวาน”
“ไม่ต้อง! ยาใจเฝ้าบ้าน ให้สวาทกับจิ้มลิ้มไปช่วยที่วัด 2 คนพอ ทางโน้นพนักงานจากโรงงานไปกับเยอะแล้ว”
ยาใจหน้าซีด “น้าหวาน ให้หนูไปเถอะค่ะ หนูอยากไปช่วยที่วัด ไปกราบคุณผู้หญิงตอนลงโลงด้วย”
“ฉันให้อยู่บ้านก็ต้องอยู่ซิ”
“เอ๊ะ เธอมีอำนาจอะไรมาสั่ง”
“ใช่ แกมีหน้าที่อะไรมาสั่งการฉอดๆ หือนังรส”
“เอาละถ้าโง่กันนักไม่มีใครรู้ก็จะบอกให้ว่าคุณชีพให้ฉันทำหน้าที่แทนคุณลั่นทม”
ทุกคนตะลึง สวาทดึงชุดดำของรสสุคนธ์ออกมาจากถุงหน้าตาตื่น
“นี่มันเหมือนชุดของคุณผู้หญิงเลยนี่”
รสสุคนธ์พูดกับทุกคนเรียบๆเรื่อยๆ ไม่มีอาการกรี๊ดกร๊าดเข้าใส่
“ชุดฉันเองแหละมีปัญหาอะไรหรือ”
“อ้าว ชุดหล่อน แล้วทำไมถึงให้ฉันเอาไปไว้ที่ห้องคุณผู้ชาย”
“ฉันจะขึ้นไปแต่งตัวที่ห้องคุณผู้ชาย..สั่งให้รีด ก็รีบไปรีดเร็วๆ ซียะแม่หวาด..อะไรพูดแค่นี้ยังไม่เข้าใจกันอีก สมองเป็นอะไรกันไปหมดฮะ” รสสุคนธ์หัวเราะเยาะ
“หรือว่าตะลึงกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้ยิน รู้แล้วก็รีบไปทำงานก่อนที่จะไม่มีงานทำ...ไป๊”
สวาทตะลึงมองหน้ารสสุคนธ์แค้นเคือง แต่ไม่กล้าแสดงออก หวานอดรนทนไม่ได้ลากรสสุคนธ์ไปทางห้องพักของตน “มานี่ซิ..นังรส”
คนอื่นๆมองตามอย่างตะลึง ฉ่ำยืนมองอยู่ แล้วพูดเบาๆ
“ก็เป็นอย่างที่พวกเราคิดกันนั่นแหละวะ..วาสนาเขาดี”
“ดีจริงก็ต้องไม่แย่งผัวชาวบ้านเขาสิ”
หวานฉุดรสสุคนธ์เข้ามาในห้องนอน รสสุคนธ์เฉยไม่สะทกสะท้าน แต่หงุดหงิดเอากับหวานเล็กๆ
“อะไรกันน้าหวาน”
“กล้าดีขึ้นไปครอบครองห้องคุณผู้หญิงแล้วเรอะ ศพยังคาวัดอยู่เลย...ถ้าริจะหน้าด้านก็ให้งานศพผ่านไปก่อนไม่ได้รึไงวะ”
“น้าหวานพูดยังงี้แสดงว่าเข้าข้างฉันใช่มั้ย...ถึงแนะนำไม่ให้ฉันทำอะไรผลีผลาม...โอ๊ย ฉันรักน้าหวานจัง”
รสสุคนธ์ยิ้มๆ กอดหวาน แต่หวานสะบัด ผละออก
“อย่ามาถูกตัวข้า...นังรส แกมันชั่วช้าหาที่เปรียบไม่ได้ หน้าด้าน”
“ใครว่าหนูหน้าด้าน หนูทำให้คุณชีพมีความสุขต่างหาก นังลั่นทมตายไปแล้ว...คุณชีพเขายังหนุ่ม คิดว่าเขาจะกอดศพให้เน่าตามกันไปรึไงยังไงเขาก็ต้องมีเมียใหม่อยู่ดี น้าอย่าทำเป็นศีลธรรมจัดหน่อยเลย หัดจำตอนที่น้าต้อง
ล้างจานให้มัน เทกระโถนให้มันบ้างสิ”
“นังเนรคุณ”
“น้าจะว่ายังไง ฉันก็ไม่แคร์ ฉันไม่มีวันจะกลับไปทำงานโรงงานหรือเข็นกับข้าวขายเหมือนตอนเด็กๆ อีกแล้ว” รสสุคนธ์เดินไป
หวานร้องไห้ ตะโกนตามไป “สักวันกรรมจะต้องตามสนองแกนังรส”

ที่ห้องนอนลั่นทม รสสุคนธ์เข้ามา ชีพแต่งตัวเสร็จแล้ว
“สวาทเอาชุดที่ให้รีดมาหรือยัง” รสสุคนธ์กวาดตาดู “ทำอะไรช้านัก”
“ลั่นทมเพิ่งตาย เธออย่าเพิ่งแสดงอะไรมากนัก คนเขาจะมองเราว่าร่วมมือทำฆาตกรรมลั่นทมก็ได้...ฉันว่าเธออย่าเพิ่งขึ้นมาใช้ห้องนี้เลย”
รสสุคนธิ์นิ่งอึ้ง ยอมตามที่ชีพพูด “ก็ได้ค่ะ...รสลืมไป...รสมาทีหลัง รสเข้าใจดี ยังไงรสก็ไม่สามารถแทนเมียคุณได้...คุณยังอาลัยอาวรณ์เมียคุณอยู่ ที่รสต้องการเข้ามาในห้องนี้ก็เพราะเห็นว่าคุณบาดเจ็บ อยากมาดูแลคุณ...อีกอย่างเรื่องของเรา สักวันคนอื่นก็ต้องรู้”
รสสุคนธ์เศร้าสร้อยกอดชีพ ซบใบหน้ากับแผ่นอก ชีพทนแรงปรารถนาไม่ได้ ก้มลงจูบเรือนผม กอดรสสุคนธ์ รสสุคนธ์เงยหน้า ทั้งสองสบตากัน
ในศาลาสวดศพที่เตียงเตี้ยๆ สำหรับรดน้ำศพ ลั่นทมนอนรอการรดน้ำศพ อุษาอยู่ไม่ห่างลั่นทม บอกกับสัปเหร่อที่ช่วยจัดแจงความเรียบร้อยอยู่ไม่ห่าง “ช่วยเลื่อนคุณน้าขึ้นมาหน่อยค่ะ”
สัปเหร่อมองอย่างงงๆ “ตะกี้นี้ก็ว่าวางดีแล้วนะ แล้วทำไมถึงเลื่อนมาได้”
สัปเหร่อจับศีรษะลั่นทมเลื่อนขึ้นอย่างไม่ระวังว่าจะกระเทือน
“เบาๆ สิคะ คุณน้าเจ็บ”
สัปเหร่อมองหน้าอุษา “ไม่เจ็บละครับ ตายไปแล้ว ไม่เจ็บหรอก”
อุษามองลั่นทมอาลัยอาวรณ์ “คุณน้า...ลุกขึ้นมาสิคะ...ลุกขึ้นมา...คุณน้าต้องสู้นะคะ”
เงาร่างลั่นทมพยายามลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องนอนลงไปเหมือนเดิม
‘น้าพยายามแล้วอุษา...ช่วยน้าด้วย อย่าให้ใครทำอะไรน้าได้นะ น้ากลัว น้ายังไม่อยากตาย’
ธารินทร์นำต้อยติ่งกับหมอผันเข้ามา ต้อยติ่งมองดูศพของลั่นทมก็น้ำตาไหล ต้อยติ่งกราบลงที่เตียง “วันก่อนคุณน้ายังบอกว่าถ้ากลับมาจะซื้อขนมมาฝากต้อยติ่ง วันนี้คุณน้ามาตายซะแล้ว”
“ต้อยติ่งออกมา” หมอผันเรียก
ธารินทร์เข้าไปใกล้อุษา “ไปพักเถอะ เดี๋ยวแขกก็จะทยอยมาแล้ว”
ธารินทร์มองดูหน้าลั่นทม “แต่งหน้าศพหน่อยมั้ย”
“อย่าใช้คำว่าศพสิคะ”
หมอผันมานั่งข้างๆ “หนูอุษา...หักห้ามใจซะเถอะ คนเราก็แค่นี้แหละ เกิดแล้วก็ต้องตาย ไม่มีใครหนีพ้นหรอก”
อุษาไม่ตอบ
“ษาเชื่อว่าคุณน้าลั่นทมยังไม่ตาย อาจจะฟื้นขึ้นมาเหมือนคราวก่อนน่ะพ่อ”
สัปเหร่อมองดูทุกคนเหมือนแอบฟัง สีหน้างงๆ พูดเบาๆ “เคยตายแล้วฟื้นด้วยเหรอวะ ถึงว่า”

นอกศาลาสวดศพ ชีพกับรสสุคนธ์เดินเข้ามา ตามมาด้วยฉ่ำและหวาน ชีพยังมีบาดแผลและร่องรอยบาดเจ็บ “จัดเตรียมเครื่องดื่มรับแขกที่จะมารดน้ำศพด้วยนะ แล้วจัดอาหารสำหรับพวกจะมาฟังสวดค่ำนี้ด้วย..ฉ่ำไป
เซ็นขอยืมถ้วยจานชามของทางวัดมาแล้วเรอะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ น้าหวานจัดการแล้ว”
“สวาทจิ้มลิ้มช่วยหวานเตรียมอาหารนะ”
“วิเวกสมพรจัดการเรื่องของถวายพระ เตรียมหรือยัง”
“คุณธารินทร์สั่งมาแล้วครับ”
รสสุคนธ์สั่ง “เอ้า แยกย้ายกันไปทำงานสิจะยืนกันอยู่ทำไม”
หวานหมั่นไส้รสสุคนธ์เต็มที่ ก็เลยพาจิ้มลิ้มและสวาทไปทางหนึ่งเพื่อลงมือช่วยงาน ชีพมองหาอุษา รสสุคนธ์มอง “หาใครคะ”
“อุษา”
รสสุคนธ์พยายามรักษาท่าทีไว้ ไม่กระฟัดกระเฟียด แม้จะไม่พอใจที่ชีพถามถึงอุษา
“อยู่กับศพในศาลานั่นไง”
ที่ศาลาสวดศพ ตรงบริเวณที่รดน้ำศพ สัปเหร่อถามอุษา “นี่ยังไม่ได้ฉีดยาเหรอครับ”
“ค่ะลุง ลุงอย่าบอกใครนะ” อุษาคอยนั่งจับมือลั่นทมอยู่ตลอดเวลา สัปเหร่องงๆ
ชีพเข้ามา “อ้าว อุษา นี่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเหรอ เดี๋ยวแขกก็จะมากันแล้ว จะได้ช่วยกันรับแขก”
รสสุคนธ์เข้ามาด้วย มองอุษาอย่างไม่พอใจ
“ให้คนอื่นช่วยเถอะค่ะ ษาจะอยู่เฝ้าคุณน้า”
ธารินทร์มองอุษาอย่างอ่อนใจไม่รู้จะทัดทานอย่างไร
รสสุคนธ์พูดกับอุษาอย่างค่อนข้างสุภาพ “คนตายไปแล้วนะคะ คุณอุษา กรุณาหักใจเสียเถอะค่ะ ทำอะไรต่างจากคนอื่น เดี๋ยวก็ถูกมองว่า”

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 3/3 วันที่ 17 เม.ย. 57

ละครเรื่อง สุสานคนเป็นบท ประพันธ์โดย ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น บทโทรทัศน์โดย ภาคย์รพี
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นกำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น ละครแนว ดราม่า รี้ลับ อาถรรพ์ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นผลิตโดย บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นออกอากาศ ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เร็วๆ นี้